สวัสดีค่ะ "อย่าคิดว่าเราซื่อสัตย์ต่อเขา..แล้วเขาจะซื่อสัตย์ต่อเราตอบทุกคน..ความแน่นอนคือความไม่แน่นอนของชีวิต"
จากวันนั้นถึงวันนี้ใจเข้มแข็งพอแล้วจึงอยากแชร์ประสบการณ์ที่เจอค่ะ
เรากับแฟนคบกันมา 4 ปี จะเข้าปีที่ 5 แล้ว มีลูกด้วยกัน 1 คน เป็นเด็กผู้ชาย อายุ 1 ปี 8 เดือน #จดทะเบียนสมรสกัน
คืองี้...โดยปกติแล้วเราจะเชื่อใจแฟนเรามากเลยจนไม่เช็คโทรศัพท์หรือถามอะไรเขา ด้วยความที่เราเชื่อใจอะเนอะเลยเจ็บหนัก ตั้งแต่คบกันมาสมัยเรียนมหาลัย เขายังไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง ผู้หญิงสวยๆ เข้ามาเขาก็ไม่ได้สนใจอะไร เราสองคนลำบากสู้อะไรหลายอย่างมาด้วยกันเยอะมาก กว่าเขาจะมาถึงจุดๆ นี้ได้ ตอนมหาลัยเขาเกือบจะไม่ได้เรียนต่อเพราะที่บ้านเขามีปัญหา ที่บ้านเราก็ไม่ได้รังเกียจแถมพอรู้ปัญหาก็คอยช่วยเหลือเขามาโดยตลอด พ่อเราวิ่งหาค่าเทอมมาจ่ายให้เขาได้เรียนต่อ เขาถึงได้มีโอกาสทำเรื่องกู้ กยศ. กลับมาได้เรียนต่อจนจบปริญญาตรี(แต่ค่าหอพักเราเป็นคนจ่าย) เราสองคนผ่านทุกข์สุขมาด้วยกันเยอะแยะมากมาย กว่าจะมาถึงจุดๆ นี้ได้ จุดที่แฟนเรามีหน้าที่การงานที่ดีและ(คิดว่า)มั่นคง สวัสดิการดี เขาเลยก็ให้เราออกจากงานประจำมาเลี้ยงลูก เอาลูกมาอยู่ที่บ้านพักพนักงานที่บริษัทเขา อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัว 3 คน พ่อ แม่ ลูก ชีวิตเราสามคนมีความสุขมาก
จนกระทั้งอยู่มาวันหนึ่ง...เมื่อต้นเดือน มีนาคม 2563 ย่าเราเสีย เราเลยเดินทางกลับบ้านไปงานศพย่า เขาก็พาเราเดินทางกลับไปบ้าน พอเสร็จงานศพย่า เขาต้องกลับมาทำงานต่อ ปกติเราทำงานฟรีแลนด์ส่งงานในคอม เรากับลูกเลยอยู่พักผ่อนทำงานที่บ้าน เราอยู่บ้านประมาณเดือนหนึ่งเราเลยให้เขาไปรับกลับ ทีแรกเขาไม่อยากไปรับ เราก็แปลกว่าเอ๊ะ! ปกติเขาไม่ชอบที่จะอยู่ไกลลูกไกลเมียแต่นี่ดันบอกว่าอยู่บ้านนั้นแหละดีแล้วนะ จะอยู่ก็อยู่ต่อได้เรื่อยๆ นะไม่ว่าหรอก เผื่อยังไม่หายคิดถึงบ้าน แต่เราก็อยากกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตามกันเลยให้เขาไปรับกลับ จากที่คุยกันเขาจะไปรับวันเสาร์ที่ 4 เม.ย. แต่กลับบอกว่าทำงานออกกะมา เหนื่อย วันอาทิตย์ถึงจะไปรับ เราก็กลัวเขาเหนื่อยขับรถทางไกลคนเดียวด้วยกลัวเป็นอันตรายเลยให้เขามารับวันอาทิตย์ก็ได้ พอเขาไปรับรู้สึกว่าเขาแปลกตรงที่เอาแต่แชทไลน์ ชอบทำอารมณ์เสียใส่เรา เราทำอะไรคือแบบดูผิดไปหมด จนกระทั่ง วันที่ 7 เม.ย. ทั้งวันไม่ทำอะไรเอาแต่คุยไลน์แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เปิดคอมทำเป็นเปิดดูยูทูปนะแต่นั่งเล่นโทรศัพท์ ต้มขวดนมให้ลูกน้ำก็แห้งหมด พูดอะไรด้วยก็เหมือนไม่ได้ยิน เราต้องพูดถึงสามรอบถึงได้ยิน จนวันที่ 8 เม.ย. เราทนไม่ไหวยังไงก็ต้องคุยเพราะคิดว่ามีคนอื่นแน่ๆ จากการกระทำ เราเลยถามตรงๆ ว่ามีคนอื่นหรอ และขอดูโทรศัพท์แต่เขาไม่ยอมให้เราดูคือแปลกมาก เพราะปกติใครมาคุยกับเขาหรือเขาคุยกับใครจะให้เราดูตลอด แต่คนนี้คือไม่ให้ดู ถามอะไรไปก็โกหกเรา เราถามไปว่า ..
- เขาเป็นใคร .. บอกเราไม่รู้จักหรอก ..(เราเค้นจนเขาตอบเราว่าเขาเป็นคนลาว)
- คุยกันนานแค่ไหนแล้ว .. บอกเราคุยแค่อาทิตย์เดียว
- มีอะไรกันหรือยัง .. บอกเราว่ายัง ยังไม่แตะเนื้อต้องตัวเขาเลย
เราเลยเอาโทรศัพท์มันมาดู เลยได้รู้ความจริงว่า..
- เขาเป็นคนไทยนี่แหละ เด็กอายุ 19 กำลังเรียน ปวส. อาชีวะแห่งหนึ่ง(มาฝึกงาน)
- คุยกันมานานได้สักพักแล้ว(พักใหญ่เลยแหละ)
- เคยไปนอนห้องเขาและเขามานอนที่ห้อง..จูบกันแล้ว(อ่านในแชท) แต่มีคำๆ หนึ่งในแชทถามกันว่า .. หลังจากคืนนั้นแล้วรู้สึกยังไง!! (คิดว่าไงคะคำนี้? ยังจะเชื่ออะไรได้อีก)
- วันเสาร์ที่ 4 เม.ย. ที่บอกเราว่าออกกะมาเหนื่อยยังไปรับไม่ได้วันนี้ จริงๆ คือที่ไปรับไม่ได้เพราะเป็นวันเกิดของผู้หญิงคนนั้นและมาฉลองวันเกิดกันที่ห้องด้วย หึหึ โคตรเจ็บ!
ในแชทที่เขาคุยกันคือผู้หญิงรู้ทั้งรู้ว่าผู้ชายมีครอบครัวแล้ว..มีลูกแล้ว แต่ก็ยังอยากได้ ผู้ชายก็นะ ทำอะไรก็ไม่นึกถึงหน้าเมียกับลูก เขาคุยกันแบบรักผู้หญิงคนนั้นมากกกกกกกก บอกเขาว่าเจอคนที่ใช่แล้ว เห้อ..(แต่ก่อนคุณก็บอกเราแบบนี้ ตื่นค่ะ!)
หลังจากที่เราจับได้ .. เขายอมรับทุกอย่าง แต่ยังไม่ยอมรับเรื่องไปได้กันยัง(ถ้าไม่มีหลักฐานคาตาคงไม่ยอมรับ) ตอนถามว่าไปทำอะไรเขายัง ก็ไม่ยอมรับ บอกยังไม่ถูกเนื้อต้องตัวเขาเลย..แต่จับได้ในแชทคุยกันว่า จูบหนักขนาดนั้นใครจะไปหยุดได้ หึหึ! ค่อยรับสารภาพ แต่ยังสารภาพก็แค่ว่าแค่จูบ..บอกจูบเสร็จก็นอนเฉยๆ ใครเชื่อบ้าง?
ลูกเมียกลับไปเยี่ยมบ้านแค่เดือนเดียวยังพาเขามาที่ห้องได้..เชื่อเลย!
ทีแรกเราคิดว่าเรารู้คนแรก..ที่ไหนได้เขารู้กันทั้งบ้านพัก..แถมป้าแม่บ้านบอกเห็นพาผู้หญิงมาบ่อยนึกว่าเรากลับมาแล้วแต่ฟังจากเสียงและไซส์รองเท้าหน้าห้องมันไม่ใช่ หึหึ คนที่บ้านพักเขาเห็นกันหมดแต่ยังไม่มีใครกล้าบอกเราให้เรารู้ด้วยตัวเอง ถ้ามีคนบอกจริงๆก็ไม่เชื่อค่ะ เพราะมันทำเนียนมาก แต่มันพาผู้หญิงมาบ้านพักอะเนาะปกติคนที่นี่ก็รู้จักเรากับลูกพอเห็นพาคนแปลกหน้ามาใครๆ ก็รู้ ทำไมต้องพามาห้องไม่เข้าใจ เสื้อผ้าลูกเมียไม่ฉุกให้คิดอะไรได้บ้างเลยหรอก่อนที่จะทำอะไร!
เขาบอกเราว่าเขาก็เสียใจ แล้วก็นอนร้องไห้ เขาบอกไม่ต้องให้อภัยเขา เขารังเกียจตัวเอง(มันหมายความว่าไง อยากจะไปใช่หรือป่าวคะ?)
วันต่อมาวันที่ 9 เม.ย. เขากลับมาจากที่ทำงานคิดว่าเขาคงคิดได้คงเลิกคุยแล้ว แต่ไม่ค่ะ..ยังแชทคุยอยู่ ด้วยความที่โมโหเลยเขียนสัญญาขึ้นมาให้เขาเซ็เพื่อที่จะมีเงินไว้ให้ลูกเพราะไม่รู้ว่าเขาจะเอาเงินที่ควรจะเป็นของครอบครัวของลูกไปให้ผู้หญิงคนนั้นมากน้อยแค่ไหนเราต้องทำเพื่อกันตัวเองและลูกไว้ก่อน เพราะที่เราออกจากงานเพราะเขาขอให้ออกดังนั้นเขาต้องรับผิดชอบไม่ใช่ทิ้งภาระเพราะเขาไม่ยอมเลิกกับคนนั้น พอเขาเห็นสัญญาเขาคงโกรธ(หรือหาเรื่องไปอยู่แล้วมั้ง) หาว่าเราเห็นแก่เงิน เก็บเสื้อผ้าอาบน้ำแต่งตัวใส่ชุดทำงานบอกจะไปนอนที่ทำงาน แต่เรามารู้ทีหลังว่าเขาไปนอนกับผู้หญิงคนนั้นที่คุยแชทกันตั้งแต่หลังจากวันที่เราจับได้เป็นต้นมาและไม่กลับมานอนที่ห้องอีกเลย มาหาลูกแค่ตอนเลิกงานแล้วก็ไป เขาโกหกว่าไปนอนที่ทำงานประมาณอาทิตย์ได้ เขาเลยมาสารภาพความจริงตอนที่เราบอกให้กลับมานอนห้อง สงสัยกลัวไม่ได้ไปอยู่กับเขามากเลยยอมมาพูดทุกอย่างใหเราฟัง ให้เรารับไม่ได้เพราะเขารู้ว่าเรายอมรับเรื่องพวกนี้ไม่ได้ เพราะเรายึดคำที่ว่า ”สามีก็เหมือนกางเกงใน..ไม่สามารถใช้ร่วมกับใครได้” แต่เรายังไม่หย่านะ เราต้องรักษาสิทธิ์ทางกฎหมายของเราไว้ก่อน เขาอยากไปเองก็แล้วแต่เขา คนมันหมดใจแล้ว กลับมาก็ไม่เหมือนเดิม เขาเป็นคนอื่นไปแล้ว สรุปคือเขาเลือกผู้หญิงคนนั้น ที่สำคัญคือผู้หญิงคนนั้นเขาหน้าอกใหญ่ หุ่นแซ่บ เก่งเรื่องบนเตียง(อันนี้เขาบอกเราเอง) เราผิดเองแหละที่เกิดมานมเล็ก555++ ปล่อยไปค่ะ เวรกรรมมีจริงใครทำอะไรไว้ย่อมได้รับผลของกรรมนั้นๆ
เขากลัวเราจะให้เขากลับมามากจนเอากล่องถุงยางอนามัยที่แกะใช้แล้วมาให้ดูถึงห้องและทิ้งขยะที่ห้องบอกเราว่านี่คือหลักฐานว่าไปได้กับเขาแล้ว กลัวเราไม่เชื่อว่าไปได้กันแล้ว ต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรอ แล้วในถังขยะมีแพมเพิดลูก กล่องนมลูก เต็มเลยแต่มันไม่ช่วยสะกิดใจในสิ่งที่เขาทำลงไปได้บ้างเลย คงรักกันมาก ปล่อยค่ะ อย่างที่เขาว่ากันว่า
“ไม่มีหมาตัวไหนคาบของคุณไปกินได้ ถ้าคนของคุณไม่ทำตัวเป็นอาหารหมา”
เขาบอกจะรับผิดชอบลูกเหมือนเดิม..จ่ายให้ลูกทุกๆ เดือน ตามที่ตกลง วันไหนที่เขาทำไม่ได้อย่างที่พูด แล้วค่อยเจอกันตามกระบวนการทางกฎหมาย
ปล.มองหน้าลูกแล้วบอกกับตัวเองว่าต้องอดทนนะ ต้องผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้ ต่อไปนี้ต้องทำทุกอย่างเพื่อลูกค่ะ
ปล.ใครเจอเหตุการณ์แบบนี้ต้องตั้งสติให้ดีนะคะ สติคือสิ่งที่สำคัญที่สุด อย่าไปเสียดายเวลาที่ผ่านมาค่ะ ถือซะว่าทำทานให้หมาที่หิวโหยมันไปอยากได้มากก็เอาไปค่ะ ถ้าเราก้าวผ่านตรงจุดนี้ได้ เราจะเข้มแข็งมาก ชีวิตยังต้องมีอะไรอีกมากมายให้เราได้เรียนรู้อีกเยอะมากนะเราว่า
หนักกว่าโควิด ก็จับสามีได้ว่ามีชู้นี่แหละค่ะ หักหลังกันได้ลงคอ!
จากวันนั้นถึงวันนี้ใจเข้มแข็งพอแล้วจึงอยากแชร์ประสบการณ์ที่เจอค่ะ
เรากับแฟนคบกันมา 4 ปี จะเข้าปีที่ 5 แล้ว มีลูกด้วยกัน 1 คน เป็นเด็กผู้ชาย อายุ 1 ปี 8 เดือน #จดทะเบียนสมรสกัน
คืองี้...โดยปกติแล้วเราจะเชื่อใจแฟนเรามากเลยจนไม่เช็คโทรศัพท์หรือถามอะไรเขา ด้วยความที่เราเชื่อใจอะเนอะเลยเจ็บหนัก ตั้งแต่คบกันมาสมัยเรียนมหาลัย เขายังไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง ผู้หญิงสวยๆ เข้ามาเขาก็ไม่ได้สนใจอะไร เราสองคนลำบากสู้อะไรหลายอย่างมาด้วยกันเยอะมาก กว่าเขาจะมาถึงจุดๆ นี้ได้ ตอนมหาลัยเขาเกือบจะไม่ได้เรียนต่อเพราะที่บ้านเขามีปัญหา ที่บ้านเราก็ไม่ได้รังเกียจแถมพอรู้ปัญหาก็คอยช่วยเหลือเขามาโดยตลอด พ่อเราวิ่งหาค่าเทอมมาจ่ายให้เขาได้เรียนต่อ เขาถึงได้มีโอกาสทำเรื่องกู้ กยศ. กลับมาได้เรียนต่อจนจบปริญญาตรี(แต่ค่าหอพักเราเป็นคนจ่าย) เราสองคนผ่านทุกข์สุขมาด้วยกันเยอะแยะมากมาย กว่าจะมาถึงจุดๆ นี้ได้ จุดที่แฟนเรามีหน้าที่การงานที่ดีและ(คิดว่า)มั่นคง สวัสดิการดี เขาเลยก็ให้เราออกจากงานประจำมาเลี้ยงลูก เอาลูกมาอยู่ที่บ้านพักพนักงานที่บริษัทเขา อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัว 3 คน พ่อ แม่ ลูก ชีวิตเราสามคนมีความสุขมาก
จนกระทั้งอยู่มาวันหนึ่ง...เมื่อต้นเดือน มีนาคม 2563 ย่าเราเสีย เราเลยเดินทางกลับบ้านไปงานศพย่า เขาก็พาเราเดินทางกลับไปบ้าน พอเสร็จงานศพย่า เขาต้องกลับมาทำงานต่อ ปกติเราทำงานฟรีแลนด์ส่งงานในคอม เรากับลูกเลยอยู่พักผ่อนทำงานที่บ้าน เราอยู่บ้านประมาณเดือนหนึ่งเราเลยให้เขาไปรับกลับ ทีแรกเขาไม่อยากไปรับ เราก็แปลกว่าเอ๊ะ! ปกติเขาไม่ชอบที่จะอยู่ไกลลูกไกลเมียแต่นี่ดันบอกว่าอยู่บ้านนั้นแหละดีแล้วนะ จะอยู่ก็อยู่ต่อได้เรื่อยๆ นะไม่ว่าหรอก เผื่อยังไม่หายคิดถึงบ้าน แต่เราก็อยากกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตามกันเลยให้เขาไปรับกลับ จากที่คุยกันเขาจะไปรับวันเสาร์ที่ 4 เม.ย. แต่กลับบอกว่าทำงานออกกะมา เหนื่อย วันอาทิตย์ถึงจะไปรับ เราก็กลัวเขาเหนื่อยขับรถทางไกลคนเดียวด้วยกลัวเป็นอันตรายเลยให้เขามารับวันอาทิตย์ก็ได้ พอเขาไปรับรู้สึกว่าเขาแปลกตรงที่เอาแต่แชทไลน์ ชอบทำอารมณ์เสียใส่เรา เราทำอะไรคือแบบดูผิดไปหมด จนกระทั่ง วันที่ 7 เม.ย. ทั้งวันไม่ทำอะไรเอาแต่คุยไลน์แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เปิดคอมทำเป็นเปิดดูยูทูปนะแต่นั่งเล่นโทรศัพท์ ต้มขวดนมให้ลูกน้ำก็แห้งหมด พูดอะไรด้วยก็เหมือนไม่ได้ยิน เราต้องพูดถึงสามรอบถึงได้ยิน จนวันที่ 8 เม.ย. เราทนไม่ไหวยังไงก็ต้องคุยเพราะคิดว่ามีคนอื่นแน่ๆ จากการกระทำ เราเลยถามตรงๆ ว่ามีคนอื่นหรอ และขอดูโทรศัพท์แต่เขาไม่ยอมให้เราดูคือแปลกมาก เพราะปกติใครมาคุยกับเขาหรือเขาคุยกับใครจะให้เราดูตลอด แต่คนนี้คือไม่ให้ดู ถามอะไรไปก็โกหกเรา เราถามไปว่า ..
- เขาเป็นใคร .. บอกเราไม่รู้จักหรอก ..(เราเค้นจนเขาตอบเราว่าเขาเป็นคนลาว)
- คุยกันนานแค่ไหนแล้ว .. บอกเราคุยแค่อาทิตย์เดียว
- มีอะไรกันหรือยัง .. บอกเราว่ายัง ยังไม่แตะเนื้อต้องตัวเขาเลย
เราเลยเอาโทรศัพท์มันมาดู เลยได้รู้ความจริงว่า..
- เขาเป็นคนไทยนี่แหละ เด็กอายุ 19 กำลังเรียน ปวส. อาชีวะแห่งหนึ่ง(มาฝึกงาน)
- คุยกันมานานได้สักพักแล้ว(พักใหญ่เลยแหละ)
- เคยไปนอนห้องเขาและเขามานอนที่ห้อง..จูบกันแล้ว(อ่านในแชท) แต่มีคำๆ หนึ่งในแชทถามกันว่า .. หลังจากคืนนั้นแล้วรู้สึกยังไง!! (คิดว่าไงคะคำนี้? ยังจะเชื่ออะไรได้อีก)
- วันเสาร์ที่ 4 เม.ย. ที่บอกเราว่าออกกะมาเหนื่อยยังไปรับไม่ได้วันนี้ จริงๆ คือที่ไปรับไม่ได้เพราะเป็นวันเกิดของผู้หญิงคนนั้นและมาฉลองวันเกิดกันที่ห้องด้วย หึหึ โคตรเจ็บ!
ในแชทที่เขาคุยกันคือผู้หญิงรู้ทั้งรู้ว่าผู้ชายมีครอบครัวแล้ว..มีลูกแล้ว แต่ก็ยังอยากได้ ผู้ชายก็นะ ทำอะไรก็ไม่นึกถึงหน้าเมียกับลูก เขาคุยกันแบบรักผู้หญิงคนนั้นมากกกกกกกก บอกเขาว่าเจอคนที่ใช่แล้ว เห้อ..(แต่ก่อนคุณก็บอกเราแบบนี้ ตื่นค่ะ!)
หลังจากที่เราจับได้ .. เขายอมรับทุกอย่าง แต่ยังไม่ยอมรับเรื่องไปได้กันยัง(ถ้าไม่มีหลักฐานคาตาคงไม่ยอมรับ) ตอนถามว่าไปทำอะไรเขายัง ก็ไม่ยอมรับ บอกยังไม่ถูกเนื้อต้องตัวเขาเลย..แต่จับได้ในแชทคุยกันว่า จูบหนักขนาดนั้นใครจะไปหยุดได้ หึหึ! ค่อยรับสารภาพ แต่ยังสารภาพก็แค่ว่าแค่จูบ..บอกจูบเสร็จก็นอนเฉยๆ ใครเชื่อบ้าง?
ลูกเมียกลับไปเยี่ยมบ้านแค่เดือนเดียวยังพาเขามาที่ห้องได้..เชื่อเลย!
ทีแรกเราคิดว่าเรารู้คนแรก..ที่ไหนได้เขารู้กันทั้งบ้านพัก..แถมป้าแม่บ้านบอกเห็นพาผู้หญิงมาบ่อยนึกว่าเรากลับมาแล้วแต่ฟังจากเสียงและไซส์รองเท้าหน้าห้องมันไม่ใช่ หึหึ คนที่บ้านพักเขาเห็นกันหมดแต่ยังไม่มีใครกล้าบอกเราให้เรารู้ด้วยตัวเอง ถ้ามีคนบอกจริงๆก็ไม่เชื่อค่ะ เพราะมันทำเนียนมาก แต่มันพาผู้หญิงมาบ้านพักอะเนาะปกติคนที่นี่ก็รู้จักเรากับลูกพอเห็นพาคนแปลกหน้ามาใครๆ ก็รู้ ทำไมต้องพามาห้องไม่เข้าใจ เสื้อผ้าลูกเมียไม่ฉุกให้คิดอะไรได้บ้างเลยหรอก่อนที่จะทำอะไร!
เขาบอกเราว่าเขาก็เสียใจ แล้วก็นอนร้องไห้ เขาบอกไม่ต้องให้อภัยเขา เขารังเกียจตัวเอง(มันหมายความว่าไง อยากจะไปใช่หรือป่าวคะ?)
วันต่อมาวันที่ 9 เม.ย. เขากลับมาจากที่ทำงานคิดว่าเขาคงคิดได้คงเลิกคุยแล้ว แต่ไม่ค่ะ..ยังแชทคุยอยู่ ด้วยความที่โมโหเลยเขียนสัญญาขึ้นมาให้เขาเซ็เพื่อที่จะมีเงินไว้ให้ลูกเพราะไม่รู้ว่าเขาจะเอาเงินที่ควรจะเป็นของครอบครัวของลูกไปให้ผู้หญิงคนนั้นมากน้อยแค่ไหนเราต้องทำเพื่อกันตัวเองและลูกไว้ก่อน เพราะที่เราออกจากงานเพราะเขาขอให้ออกดังนั้นเขาต้องรับผิดชอบไม่ใช่ทิ้งภาระเพราะเขาไม่ยอมเลิกกับคนนั้น พอเขาเห็นสัญญาเขาคงโกรธ(หรือหาเรื่องไปอยู่แล้วมั้ง) หาว่าเราเห็นแก่เงิน เก็บเสื้อผ้าอาบน้ำแต่งตัวใส่ชุดทำงานบอกจะไปนอนที่ทำงาน แต่เรามารู้ทีหลังว่าเขาไปนอนกับผู้หญิงคนนั้นที่คุยแชทกันตั้งแต่หลังจากวันที่เราจับได้เป็นต้นมาและไม่กลับมานอนที่ห้องอีกเลย มาหาลูกแค่ตอนเลิกงานแล้วก็ไป เขาโกหกว่าไปนอนที่ทำงานประมาณอาทิตย์ได้ เขาเลยมาสารภาพความจริงตอนที่เราบอกให้กลับมานอนห้อง สงสัยกลัวไม่ได้ไปอยู่กับเขามากเลยยอมมาพูดทุกอย่างใหเราฟัง ให้เรารับไม่ได้เพราะเขารู้ว่าเรายอมรับเรื่องพวกนี้ไม่ได้ เพราะเรายึดคำที่ว่า ”สามีก็เหมือนกางเกงใน..ไม่สามารถใช้ร่วมกับใครได้” แต่เรายังไม่หย่านะ เราต้องรักษาสิทธิ์ทางกฎหมายของเราไว้ก่อน เขาอยากไปเองก็แล้วแต่เขา คนมันหมดใจแล้ว กลับมาก็ไม่เหมือนเดิม เขาเป็นคนอื่นไปแล้ว สรุปคือเขาเลือกผู้หญิงคนนั้น ที่สำคัญคือผู้หญิงคนนั้นเขาหน้าอกใหญ่ หุ่นแซ่บ เก่งเรื่องบนเตียง(อันนี้เขาบอกเราเอง) เราผิดเองแหละที่เกิดมานมเล็ก555++ ปล่อยไปค่ะ เวรกรรมมีจริงใครทำอะไรไว้ย่อมได้รับผลของกรรมนั้นๆ
เขากลัวเราจะให้เขากลับมามากจนเอากล่องถุงยางอนามัยที่แกะใช้แล้วมาให้ดูถึงห้องและทิ้งขยะที่ห้องบอกเราว่านี่คือหลักฐานว่าไปได้กับเขาแล้ว กลัวเราไม่เชื่อว่าไปได้กันแล้ว ต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรอ แล้วในถังขยะมีแพมเพิดลูก กล่องนมลูก เต็มเลยแต่มันไม่ช่วยสะกิดใจในสิ่งที่เขาทำลงไปได้บ้างเลย คงรักกันมาก ปล่อยค่ะ อย่างที่เขาว่ากันว่า
“ไม่มีหมาตัวไหนคาบของคุณไปกินได้ ถ้าคนของคุณไม่ทำตัวเป็นอาหารหมา”
เขาบอกจะรับผิดชอบลูกเหมือนเดิม..จ่ายให้ลูกทุกๆ เดือน ตามที่ตกลง วันไหนที่เขาทำไม่ได้อย่างที่พูด แล้วค่อยเจอกันตามกระบวนการทางกฎหมาย
ปล.มองหน้าลูกแล้วบอกกับตัวเองว่าต้องอดทนนะ ต้องผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้ ต่อไปนี้ต้องทำทุกอย่างเพื่อลูกค่ะ
ปล.ใครเจอเหตุการณ์แบบนี้ต้องตั้งสติให้ดีนะคะ สติคือสิ่งที่สำคัญที่สุด อย่าไปเสียดายเวลาที่ผ่านมาค่ะ ถือซะว่าทำทานให้หมาที่หิวโหยมันไปอยากได้มากก็เอาไปค่ะ ถ้าเราก้าวผ่านตรงจุดนี้ได้ เราจะเข้มแข็งมาก ชีวิตยังต้องมีอะไรอีกมากมายให้เราได้เรียนรู้อีกเยอะมากนะเราว่า