คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12
สรุปอนุญาตข้อมูลนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คำถามของ จขกท คือ กู้ดอกเบี้ย ร้อยละ 7% มาโปะให้เหลือก้อนเดียว จะเหลือเงินใช้ 13,000 (ไม่แน่ใจว่ารวมจากสามีรึยัง) แต่ดอกเบี้ยที่เสียจะมากกว่า กู้ดีไหม ?
คุณจขกทกำลังจะทำการรีไฟแนนซ์ เพื่อให้ได้อัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง อัตราผ่อนต่อเดือนต่ำลง ระยะเวลาในการผ่อนนานขึ้น ซึ่งเราว่าดีนะคะ
1. คุณ จขกท มีเงินใช้ต่อเดือนเพิ่ม ไม่ต้องเป็นหนี้ใหม่ตลอด
2. ถ้าคุณ จขกท อยากหมดหนี้ไวๆค่ะ อยากเสียดอกเบี้ยน้อยลง คุณ จขกท สามารถโปะเพิ่มได้ ถ้าเดือนไหนไม่มี ก็สามารถจ่ายขั้นต่ำได้เหมือนเดิม มันมีทางเลือกมากขึ้นค่ะ
แต่ มันจะดี ในกรณีที่คุณ จขกท ไม่เอาเงินที่เหลือในแต่ละเดือนไปใช้จนหมด แล้วก่อหนี้ใหม่เพิ่ม เพราะถ้ามีหนี้ใหม่เพิ่ม ตอนนั้นอาจจะกู้ใหม่ไม่ได้ ขาดสภาพคล่องรุนแรงจนต้องหยุดจ่ายขึ้นโรงขึ้นศาล ยิ่งเป็นข้าราชการถ้าเป็นบุคคลล้มละลายก็ต้องออกจากราชการอีก
เพราะฉะนั้น เงินที่เหลือเพิ่มมา แบ่งไว้กินใช้เพิ่มส่วนนึง โปะหนี้เพิ่มส่วนนึง และออมไว้สำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน ข้าวของพัง เจ็บป่วย อีกส่วนนึงน่าจะดีค่ะ
อีกสิ่งนึงที่สามารถทำได้ก็ตามที่ทุกท่านแนะนำไป ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น หรือที่เราจ่ายไม่ไหวลงค่ะ อย่างเวลาลูกป่วยต้องเข้า รพ ถ้าเราไม่มีเงินจริงๆ ข้าราชการน่าจะมีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลบุตร เราสามารถไปใช้สิทธิตรงนั้นได้ไหม มีข้าวของอะไรที่เรามีแต่ไม่ได้ใช้พอจะขายมาช่วยโปะหรี้ได้ไหม ฯลฯ
เป็นกำลังใจให้นะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คำถามของ จขกท คือ กู้ดอกเบี้ย ร้อยละ 7% มาโปะให้เหลือก้อนเดียว จะเหลือเงินใช้ 13,000 (ไม่แน่ใจว่ารวมจากสามีรึยัง) แต่ดอกเบี้ยที่เสียจะมากกว่า กู้ดีไหม ?
คุณจขกทกำลังจะทำการรีไฟแนนซ์ เพื่อให้ได้อัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง อัตราผ่อนต่อเดือนต่ำลง ระยะเวลาในการผ่อนนานขึ้น ซึ่งเราว่าดีนะคะ
1. คุณ จขกท มีเงินใช้ต่อเดือนเพิ่ม ไม่ต้องเป็นหนี้ใหม่ตลอด
2. ถ้าคุณ จขกท อยากหมดหนี้ไวๆค่ะ อยากเสียดอกเบี้ยน้อยลง คุณ จขกท สามารถโปะเพิ่มได้ ถ้าเดือนไหนไม่มี ก็สามารถจ่ายขั้นต่ำได้เหมือนเดิม มันมีทางเลือกมากขึ้นค่ะ
แต่ มันจะดี ในกรณีที่คุณ จขกท ไม่เอาเงินที่เหลือในแต่ละเดือนไปใช้จนหมด แล้วก่อหนี้ใหม่เพิ่ม เพราะถ้ามีหนี้ใหม่เพิ่ม ตอนนั้นอาจจะกู้ใหม่ไม่ได้ ขาดสภาพคล่องรุนแรงจนต้องหยุดจ่ายขึ้นโรงขึ้นศาล ยิ่งเป็นข้าราชการถ้าเป็นบุคคลล้มละลายก็ต้องออกจากราชการอีก
เพราะฉะนั้น เงินที่เหลือเพิ่มมา แบ่งไว้กินใช้เพิ่มส่วนนึง โปะหนี้เพิ่มส่วนนึง และออมไว้สำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน ข้าวของพัง เจ็บป่วย อีกส่วนนึงน่าจะดีค่ะ
อีกสิ่งนึงที่สามารถทำได้ก็ตามที่ทุกท่านแนะนำไป ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น หรือที่เราจ่ายไม่ไหวลงค่ะ อย่างเวลาลูกป่วยต้องเข้า รพ ถ้าเราไม่มีเงินจริงๆ ข้าราชการน่าจะมีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลบุตร เราสามารถไปใช้สิทธิตรงนั้นได้ไหม มีข้าวของอะไรที่เรามีแต่ไม่ได้ใช้พอจะขายมาช่วยโปะหรี้ได้ไหม ฯลฯ
เป็นกำลังใจให้นะคะ
แสดงความคิดเห็น
จะบริหารหนี้ยังงัยดี ชีวิตถึงจะบอบช้ำน้อยที่สุด
แต่ตอนนี้เงินเดือนเราหลังหักส่งหนี้และรายจ่ายจำเป็นประจำเดือนเช่นค่าไฟค่าโทรศัพท์ จะเหลือประมาณเดือนละ 6,000 บาท และมีเงินรายได้จากสามีซึ่งแต่ละเดือนจำนวนไม่แน่นอนเพราะทำการเกษตรจะอยุ่ที่ประมาณ 3,000-4,000 บาท (หัก คชจ.ส่วนตัวสามีแล้ว)
แต่เนื่องจากเงินเหลือใช้ในแต่ละเดือนมีน้อย เราจึงต้องใช้ชีวิตค่อนข้างประหยัดและฝืดเคือง ค่ากินค่าอยุ่คือพอถูไถๆไปได้ แต่ถ้ามีรายจ่ายฉุกเฉินที่ผุดขึ้นมาในแต่ละเดือน เช่นลูกไม่สบายต้องพาไปหาหมอ หรือรถเสียต้องได้ซ่อม โทรศัพท์พัง เราต้องได้กดเงินจากบัตรเครดิตมาใช้
เราจึงมีความคิดที่จะกู้เงินกับธนาคารดอกเบี้ยร้อยละ 7 ต่อปีมาโปะหนี้ให้เหลือก้อนเดียว เพื่อให้มีเงินเดือนเหลือใช้หลังส่งหนี้ประมาณ 13,000 บาท แต่ถ้าเราใช้วิธีนี้ดอกเบี้ยเงินกู้ทั้งหมดเมื่อหมดสัญญาจะอยุ่ที่เจ็ดแสนกว่าบาทเพราะเป็นการผ่อนระยะยาว
เราถึงลังเลค่ะว่าจะกู้ดีมั้ย ขอความเห็นจากเพื่อนสมาชิกด้วยนะคะ
ื