เชียงใหม่ จังหวัดที่มีอะไรใหม่ๆให้ได้ไปสัมผัสได้ตลอด นับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตติดอันดับต้นๆของประเทศไทย เชื่อว่าแทบทุกคนที่ชอบเที่ยวต้องเคยไปเป็นแน่ แต่สำหรับเรานั้นคิดอะไรไม่ออกบอกเชียงใหม่ไว้ก่อน ไปจนหลังๆต้องบอกกับตัวเองแล้วว่าจังหวัดอื่นบ้างเถอะ แฮ่ะๆ เอาจริงๆถ้าให้สรุปแหล่งท่องเที่ยวเชียงใหม่ที่เราเคยไปมาแล้วนั้นจะว่าเยอะก็เยอะอ่ะแหละ แต่มันยังไม่หมดซะทีเดียว ก็มีที่ให้ไปเยอะอ่ะเนอะ
เอาล่ะสำหรับในกระทู้นี้เราขอแนะนำแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถวันเดย์ทริปได้แบบสบายๆมากๆมาฝาก อุทยานแห่งชาติออบหลวง ตั้งอยู่อ.ฮอด เห็นภาพปกแล้วคงจะสงสัยว่ามีอะไรให้เที่ยวนอกจากมาดูผาหินที่มีลักษณะจูบกันอยู่ สายป่าสายเขาทั้งหลาย หากมาที่ออบหลวงแล้วจบแค่ถ่ายรูปกับผาหินจูบกัน คงต้องเสียดายถ้าไม่ได้เดินสำรวจป่าที่นี่กันน๊า
ที่บอกว่าแล้วจะเสียดายนั้น ก็อยากให้ภาพเล่าเรื่องก่อน คือรูปอาจไม่สวยมาก แต่บรรยากาศหลังฝนตกกับวิวตรงหน้ามันโคตรว๊าวเลยอ่ะ โดยที่ใช้เวลาเดินไม่นานมากด้วย
อุทยานแห่งชาติออบหลวง อยู่ห่างจากสนามบินเชียงใหม่ขับรถโดยประมาณ2ชั่วโมง และใกล้ๆกันนั้นก็สามารถไปปักหมุดกันต่อที่
สวนสนบ่อแก้ว ได้อีกห่างเพียงแค่ไม่ถึง20km. สายเขียวมาสูดโอโซนให้เต็มปอดเอาให้หน่ำใจกันไปเลยค่ะ
จากด้านหน้าที่จอดรถเราจะเดินผ่านซุ้มไผ่เข้าไปอีก350เมตรค่ะ ที่เห็นสีน้ำไมโลนั่นไม่แน่ใจเป็นเพราะหน้าฝนด้วยมั้ย เพราะตอนที่เราไปฝนตกค่ะ
อุทยานแห่งชาติออบหลวงพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงชันและสลับซับซ้อน มีอาณาเขตติดต่อกับดอยอินทนนท์ แหล่งน้ำที่สำคัญคือ ลำน้ำแม่แจ่ม ที่เราเห็นนั่นแหละค่ะ เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของที่นี่คือช่องแคบเขาขาดมีหน้าผาหินขนาบลำน้ำแม่แจ่ม หน้าผามีความสูงถึงระดับน้ำปกติประมาณ 32 เมตร มีสะพานเชื่อมให้เราเดินผ่านผ่านเข้าป่าไปสำรวจธรรมชาติกันด้วยน๊า
ตอนนี้เรากำลังเดินข้ามสะพานผาหินช่องเขาขาดที่เราเห็นด้านหน้ากันไปแล้ว เผื่อเข้าไปศึกษาธรรมชาติกันค่ะ ก่อนเข้ามาฝนตกเราเลยเปลี่ยนเป็นใส่อีแตะขอบฟ้าแทน และไม่คิดว่าจะเข้าไปเดินป่าค่ะ แต่มาถึงแล้วก็เลยลุย
เมื่อข้ามสะพานมาแล้ว ควรเดินในเส้นทางที่ทางอุทยานอนุญาตเท่านั้นนะคะเพื่อความปลอดภัย
ดินโป่ง ที่มีแร่ธาตุต่างๆสะสมอยู่ เป็นแหล่งเกลือแร่ให้แก่สัตว์ทั้งหลายด้วยค่ะ ถัดไปไม่ไกลจะเป็นตาน้ำ ซึ่งเราไม่ได้ถ่ายรูปมา แฮ่ะๆ
ที่ออบหลวงแห่งนี้ มีการขุดค้นพบแหล่งโบราณคดียุคก่อนประวัติศาสตร์ด้วยนะคะ อย่างภาพที่เห็นคือ ภาพเขียนรูปสัตว์และคนหลายภาพ เขียนด้วยสีขาวและสีแดงอมดำเข้มที่บริเวณเพิงผาช้าง ภาพเขียนสีโบราณนี้มีอายุราว 7,500–8,500 ปี และคาดว่าเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ อีกด้วย และยังพบโครงกระดูกมนุษย์ในยุคสัมฤทธิ์ มีอายุระหว่าง 2,500–3,500 ปีก่อนคริสตกาล เราไม่ได้ถ่ายรูปหลุมฝังศพของมนุษย์โบราณมาเพราะบรรยากาศมันวังเวงหลอนๆ เลยรีบเดินออกดีกว่า
ต่อไปเราจะไปจุดชมวิวกัน เดินๆตามเพื่อนไป ขณะกำลังปีนป่าย นางตะโกนมาว่าผิดทาง อ้าวกลับหลังหัน ลงสิคะ และยังคงย้ำเตือนกันอีกรอบว่า
อย่าเดินออกนอกเส้นทางนะคะ
ผู้นำทางยืนรอแล้ว ไปต่อค่ะ ทางเดินไม่ได้ยากอะไร ถ้าเราใส่ผ้าใบมา อิอิ
จุดชมวิวดอยผาช้าง นี่แหละที่ต้องการ ลักษณะเป็นหินแกรนิตชนิดมิคมาไทต์ทั้งแท่ง ก้อนใหญ่มหึมาสีน้ำตาลดำ ยาวประมาณ 300 เมตร สูงประมาณ 80 เมตร จากระดับผิวดิน มีลักษณะเหมือนช้างตัวใหญ่นอบหมอบอยู่บนยอดดอยผาช้าง ในส่วนรูปนี้คือวิวด้านหลัง มองไปแล้วสบายตาสบายใจจัง ป่าที่มีต้นไม้แน่นๆแบบนี้สุดลูกหูลูกตา แต่การที่จะขึ้นมาก็ไม่ง่ายต้องมีปีนป่ายสักหน่อยจ้า
ในส่วนวิวของอีกฝั่งนึงกับบรรยากาศฝนเพิ่งหยุดตก อันที่จริงก็ยังมีปรอยอยู่หน่อยๆ ทำให้มีหมอกปกคลุมภูเขา มันทำให้พวกเราใช้เวลาอยู่ตรงนี้สักพักเลย ไม่มีคนด้วย นั่งปล่อยใจไปกับสายลม สุขใจสุดๆ มันเป็นจุดชมวิวที่ใกล้กับเมืองมากๆแต่ยังให้ความรู้สึกว่ากำลังอยู่ในป่าเพราะตรงหน้าดอยผาช้างจะเห็นถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 ผ่านหน้าผาออบหลวง
เป็นจุดชมวิวที่มองไปทางไหนก็รู้สึกดีไปหมด ผานี้เป็นของเราาาาา ไม่รู้ว่าคนไม่รู้จักหรือเขาไม่เดินเข้ามากัน อยากบอกว่าของดีของเด็ดเลยล่ะ อย่าพลาดเชียวนา ไม่รู้มีใครเป็นเหมือนกันมั้ยแค่เห็นสีเขียวของต้นไม้ ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ ได้พาตัวเองไปอยู่ในที่ที่เรียกว่าเป็นความสุขแล้วมันรู้สึกดีมากๆเลยอ่ะแก
ใครจะคิดมีเวลาเที่ยววันเดียวแต่ได้เดินป่าปีนเขาในเวลาแปปเดียวก็ได้มาสัมผัสอะไรๆแบบนี้แล้วอ่ะ
เก็บเกี่ยวพลังชีวิตมาพอประมาณ ได้เวลาลงค่ะ และนี่คือทางที่เราขึ้นมาได้ก็ต้องลงไปได้จ้า
ออกจากออบหลวงมาขับรถประมาณ20นาทีก็จะถึง
สวนสนบ่อแก้ว สามารถขับรถเข้ามาได้เลยค่ะ ถ้าได้แสงเย็นสวยๆบอกเลยมีว๊าว
อุทยานแห่งชาติออบหลวง
เวลาทำการ : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 6.00 – 18.00 น.
ค่าเข้าอุทยาน : ชาวไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
สวนสนบ่อแก้ว
ค่าเข้า : ฟรี
สรุป
อุทยานแห่งชาติออบหลวง ดูภายนอกอาจเหมือนว่าไม่มีอะไร อาจมองว่าเป็นแค่ทางผ่านเพื่อจะไปแม่ฮ่องสอนหรือที่อื่นๆ แต่อยากให้ลองแวะ อย่าให้เป็นทางผ่านเพราะมันมีดีและไม่ใช่แค่ทางผ่านค่ะ
ติดตามเราต่อเพิ่มเติมได้ที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้FB:ชอบเที่ยวมีไรปะ
https://www.facebook.com/BeCrazyAboutTravel/
ขอบคุณทุกคนมากนะคะ ที่ตามอ่านมาถึงตรงนี้ กระทู้นี้ต้องขอลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่กระทู้หน้า
ขอบคุณและสวัสดีค่ะ
[CR] ออบหลวง...ทางผ่านที่ไม่ใช่แค่ทางผ่าน
เชียงใหม่ จังหวัดที่มีอะไรใหม่ๆให้ได้ไปสัมผัสได้ตลอด นับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตติดอันดับต้นๆของประเทศไทย เชื่อว่าแทบทุกคนที่ชอบเที่ยวต้องเคยไปเป็นแน่ แต่สำหรับเรานั้นคิดอะไรไม่ออกบอกเชียงใหม่ไว้ก่อน ไปจนหลังๆต้องบอกกับตัวเองแล้วว่าจังหวัดอื่นบ้างเถอะ แฮ่ะๆ เอาจริงๆถ้าให้สรุปแหล่งท่องเที่ยวเชียงใหม่ที่เราเคยไปมาแล้วนั้นจะว่าเยอะก็เยอะอ่ะแหละ แต่มันยังไม่หมดซะทีเดียว ก็มีที่ให้ไปเยอะอ่ะเนอะ
เอาล่ะสำหรับในกระทู้นี้เราขอแนะนำแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถวันเดย์ทริปได้แบบสบายๆมากๆมาฝาก อุทยานแห่งชาติออบหลวง ตั้งอยู่อ.ฮอด เห็นภาพปกแล้วคงจะสงสัยว่ามีอะไรให้เที่ยวนอกจากมาดูผาหินที่มีลักษณะจูบกันอยู่ สายป่าสายเขาทั้งหลาย หากมาที่ออบหลวงแล้วจบแค่ถ่ายรูปกับผาหินจูบกัน คงต้องเสียดายถ้าไม่ได้เดินสำรวจป่าที่นี่กันน๊า
ที่บอกว่าแล้วจะเสียดายนั้น ก็อยากให้ภาพเล่าเรื่องก่อน คือรูปอาจไม่สวยมาก แต่บรรยากาศหลังฝนตกกับวิวตรงหน้ามันโคตรว๊าวเลยอ่ะ โดยที่ใช้เวลาเดินไม่นานมากด้วย
อุทยานแห่งชาติออบหลวง อยู่ห่างจากสนามบินเชียงใหม่ขับรถโดยประมาณ2ชั่วโมง และใกล้ๆกันนั้นก็สามารถไปปักหมุดกันต่อที่ สวนสนบ่อแก้ว ได้อีกห่างเพียงแค่ไม่ถึง20km. สายเขียวมาสูดโอโซนให้เต็มปอดเอาให้หน่ำใจกันไปเลยค่ะ
จากด้านหน้าที่จอดรถเราจะเดินผ่านซุ้มไผ่เข้าไปอีก350เมตรค่ะ ที่เห็นสีน้ำไมโลนั่นไม่แน่ใจเป็นเพราะหน้าฝนด้วยมั้ย เพราะตอนที่เราไปฝนตกค่ะ
อุทยานแห่งชาติออบหลวงพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงชันและสลับซับซ้อน มีอาณาเขตติดต่อกับดอยอินทนนท์ แหล่งน้ำที่สำคัญคือ ลำน้ำแม่แจ่ม ที่เราเห็นนั่นแหละค่ะ เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของที่นี่คือช่องแคบเขาขาดมีหน้าผาหินขนาบลำน้ำแม่แจ่ม หน้าผามีความสูงถึงระดับน้ำปกติประมาณ 32 เมตร มีสะพานเชื่อมให้เราเดินผ่านผ่านเข้าป่าไปสำรวจธรรมชาติกันด้วยน๊า
ตอนนี้เรากำลังเดินข้ามสะพานผาหินช่องเขาขาดที่เราเห็นด้านหน้ากันไปแล้ว เผื่อเข้าไปศึกษาธรรมชาติกันค่ะ ก่อนเข้ามาฝนตกเราเลยเปลี่ยนเป็นใส่อีแตะขอบฟ้าแทน และไม่คิดว่าจะเข้าไปเดินป่าค่ะ แต่มาถึงแล้วก็เลยลุย
เมื่อข้ามสะพานมาแล้ว ควรเดินในเส้นทางที่ทางอุทยานอนุญาตเท่านั้นนะคะเพื่อความปลอดภัย
ดินโป่ง ที่มีแร่ธาตุต่างๆสะสมอยู่ เป็นแหล่งเกลือแร่ให้แก่สัตว์ทั้งหลายด้วยค่ะ ถัดไปไม่ไกลจะเป็นตาน้ำ ซึ่งเราไม่ได้ถ่ายรูปมา แฮ่ะๆ
ที่ออบหลวงแห่งนี้ มีการขุดค้นพบแหล่งโบราณคดียุคก่อนประวัติศาสตร์ด้วยนะคะ อย่างภาพที่เห็นคือ ภาพเขียนรูปสัตว์และคนหลายภาพ เขียนด้วยสีขาวและสีแดงอมดำเข้มที่บริเวณเพิงผาช้าง ภาพเขียนสีโบราณนี้มีอายุราว 7,500–8,500 ปี และคาดว่าเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ อีกด้วย และยังพบโครงกระดูกมนุษย์ในยุคสัมฤทธิ์ มีอายุระหว่าง 2,500–3,500 ปีก่อนคริสตกาล เราไม่ได้ถ่ายรูปหลุมฝังศพของมนุษย์โบราณมาเพราะบรรยากาศมันวังเวงหลอนๆ เลยรีบเดินออกดีกว่า
ต่อไปเราจะไปจุดชมวิวกัน เดินๆตามเพื่อนไป ขณะกำลังปีนป่าย นางตะโกนมาว่าผิดทาง อ้าวกลับหลังหัน ลงสิคะ และยังคงย้ำเตือนกันอีกรอบว่า อย่าเดินออกนอกเส้นทางนะคะ
ผู้นำทางยืนรอแล้ว ไปต่อค่ะ ทางเดินไม่ได้ยากอะไร ถ้าเราใส่ผ้าใบมา อิอิ
จุดชมวิวดอยผาช้าง นี่แหละที่ต้องการ ลักษณะเป็นหินแกรนิตชนิดมิคมาไทต์ทั้งแท่ง ก้อนใหญ่มหึมาสีน้ำตาลดำ ยาวประมาณ 300 เมตร สูงประมาณ 80 เมตร จากระดับผิวดิน มีลักษณะเหมือนช้างตัวใหญ่นอบหมอบอยู่บนยอดดอยผาช้าง ในส่วนรูปนี้คือวิวด้านหลัง มองไปแล้วสบายตาสบายใจจัง ป่าที่มีต้นไม้แน่นๆแบบนี้สุดลูกหูลูกตา แต่การที่จะขึ้นมาก็ไม่ง่ายต้องมีปีนป่ายสักหน่อยจ้า
ในส่วนวิวของอีกฝั่งนึงกับบรรยากาศฝนเพิ่งหยุดตก อันที่จริงก็ยังมีปรอยอยู่หน่อยๆ ทำให้มีหมอกปกคลุมภูเขา มันทำให้พวกเราใช้เวลาอยู่ตรงนี้สักพักเลย ไม่มีคนด้วย นั่งปล่อยใจไปกับสายลม สุขใจสุดๆ มันเป็นจุดชมวิวที่ใกล้กับเมืองมากๆแต่ยังให้ความรู้สึกว่ากำลังอยู่ในป่าเพราะตรงหน้าดอยผาช้างจะเห็นถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 ผ่านหน้าผาออบหลวง
เป็นจุดชมวิวที่มองไปทางไหนก็รู้สึกดีไปหมด ผานี้เป็นของเราาาาา ไม่รู้ว่าคนไม่รู้จักหรือเขาไม่เดินเข้ามากัน อยากบอกว่าของดีของเด็ดเลยล่ะ อย่าพลาดเชียวนา ไม่รู้มีใครเป็นเหมือนกันมั้ยแค่เห็นสีเขียวของต้นไม้ ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ ได้พาตัวเองไปอยู่ในที่ที่เรียกว่าเป็นความสุขแล้วมันรู้สึกดีมากๆเลยอ่ะแก
ใครจะคิดมีเวลาเที่ยววันเดียวแต่ได้เดินป่าปีนเขาในเวลาแปปเดียวก็ได้มาสัมผัสอะไรๆแบบนี้แล้วอ่ะ
เก็บเกี่ยวพลังชีวิตมาพอประมาณ ได้เวลาลงค่ะ และนี่คือทางที่เราขึ้นมาได้ก็ต้องลงไปได้จ้า
ออกจากออบหลวงมาขับรถประมาณ20นาทีก็จะถึง สวนสนบ่อแก้ว สามารถขับรถเข้ามาได้เลยค่ะ ถ้าได้แสงเย็นสวยๆบอกเลยมีว๊าว
อุทยานแห่งชาติออบหลวง
เวลาทำการ : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 6.00 – 18.00 น.
ค่าเข้าอุทยาน : ชาวไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
สวนสนบ่อแก้ว
ค่าเข้า : ฟรี
สรุป
อุทยานแห่งชาติออบหลวง ดูภายนอกอาจเหมือนว่าไม่มีอะไร อาจมองว่าเป็นแค่ทางผ่านเพื่อจะไปแม่ฮ่องสอนหรือที่อื่นๆ แต่อยากให้ลองแวะ อย่าให้เป็นทางผ่านเพราะมันมีดีและไม่ใช่แค่ทางผ่านค่ะ
ติดตามเราต่อเพิ่มเติมได้ที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้