อุโมงค์ลาวา Manjanggul
เกาะภูเขาไฟเชจู ตั้งอยู่ห่างจากตอนใต้ของคาบสมุทรเกาหลีใต้ประมาณ 130 กิโลเมตร เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุด มีภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศ และยังได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีความพิเศษที่ธรรมชาติสรรสร้างขึ้นมาก็คือ “อุโมงค์ลาวา” (Manjanggul Lava Tube) ทางผ่านของเหล่าลาวาและแม็กมาภูเขาไฟ ได้ก่อให้เกิดช่องทางอุโมงค์ทรงกลวงเกิดขึ้น กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจแห่งหนึ่งในจังหวัด
สิ่งที่น่าประทับใจของภูเขาไฟแห่งนี้คือระบบท่อทางธรณีวิทยาจากธรรมชาติ ต้นกำเนิดเกิดจากการไหลของลาวาบะซอลต์ เมื่อเกิดการปะทุของภูเขาไฟ ในช่วงเวลา 300-200,000 ปีที่ผ่านมา ซึ่งภูเขาไฟมีความสูงประมาณ 456 เมตร โดยลาวาไหลลงสู่ชายฝั่งห่างออกไปประมาณ 13 กิโลเมตร ขณะนั้นลาวาก็ได้ทำการกัดกร่อนและสร้างอุโมงค์ท่อดังกล่าวขึ้นเป็นหลายช่องทางอย่างซับซ้อน คล้ายกับอุโมงค์ท่อระบายน้ำ กลายเป็นระบบถ้ำตามธรรมชาติที่น่าสนใจ ทอดยาวกว่า 8,928 เมตร มีความสูงประมาณ 30 เมตร และกว้าง 23 เมตร
ภายในอุโมงค์หรือท่อยังประดับตกแต่งไปด้วยสีสันของคาร์บอเนตหลากหลายสี เช่นสีเขียวสีฟ้า ซึ่งทั้งหมดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ และยังมีการก่อตัวของรูปทรงหินต่างๆทั้งหินงอกหินย้อย กี่เกิดขึ้นจากลาวาหล่อหลอมและแข็งตัวกลายเป็นรูปทรงสุดแปลก ดึดดูดให้ผู้คนเข้าไปเดินทางท่องเที่ยวและสำรวจความรู้ทางวิทยาศาสตร์
Cr.amusingplanet.com
Cr.
https://travel.thaiza.com/amaze/351069/
อุโมงค์ใต้ดิน อุทยานแห่งชาติ Zion
อุโมงค์ใต้ดิน อุทยานแห่งชาติ Zion ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับ เมือง Springdale รัฐ Utah ทางตอนใต้ของ สหรัฐอเมริกา เกิดจากกำแพงหุบเขาลึกสองฝั่งถูกกัดเซาะทำมุมโค้งเข้าหากันเกิดเป็นทางใต้ดินได้อย่างน่าอัศจรรย์ ช่องว่างระหว่างหุบเขาปล่อยให้แสงสลัวลอดผ่านแทรกซึมความมืด ให้ชีวิตสาหร่ายได้เจริญเติบโตประดับผืนน้ำ เกิดเป็นสายธารสีเทอร์ควอยซ์ สร้างทัศนียภาพอันงดงามได้อย่างน่าทึ่ง Zion Canyon มีความยาว 15 ไมล์ครึ่ง
อุทยานแห่งชาติ Zion เป็นที่ราบสูงสูงเขาวงกตที่แคบลึกและลึกลงไปในหุบเขาทรายหอคอยบนภูเขาที่น่าตื่นตาตื่นใจ อุทยานแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 2462 เป็นสถานที่เก่าแก่ที่สุดในยูทาห์และได้รับความนิยมจากนักวิจัยอุทยานแห่งชาติมากขึ้นเรื่อย ๆ หุบเขาที่ใหญ่ที่สุดและมีผู้เข้าชมมากที่สุดในอุทยานคือไซอันแคนยอนที่สาขาภาคเหนือของแม่น้ำเวอร์จิ้น ซึ่งแกะสลักหุบเขาที่งดงามเป็นกำแพงสูงถึง 1,000 เมตร
(Cr.
https://www.darnoldhiking.com/zion-national-park.html)
Cr.ภาพ
https://snowbrains.com/
ข้อมูล : www.amusingplanet.com
เรียบเรียง : travel.mthai.com
Cr.
https://travel.mthai.com/world-travel/37501.html
Cr.
https://www.jazztour.ru/excursions/592-ekskursiya-v-nacional-nyj-park-zajon/
“โพรงลาวา” ลาวาเบดส์ (Lava Beds)
คณะนักวิทยาศาสตร์ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ของสหรัฐอเมริกา ลงพื้นที่สำรวจเครือข่ายของถ้ำหรือโพรงลาวา บริเวณโบราณสถานแห่งชาติ ลาวา เบดส์ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เพื่อสร้างความคุ้นเคยและพัฒนาองค์ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการสำรวจถ้ำหรือโพรงในลักษณะเดียวกันนี้
ซึ่งปรากฏอยู่ทั้งบนดวงจันทร์และดาวอังคาร โดยอาศัยชุดสูท พร้อมอุปกรณ์ติดตัว 3 ชิ้น ประกอบด้วย อุปกรณ์สำรวจหยั่งลึกด้วยสัญญาณเรดาร์ (ground-penetrating radar), เครื่องแม็กนีโตมิเตอร์ และ กราฟิมิเตอร์ หรือเครื่องมือวัดค่าแรงโน้มถ่วง
การสำรวจดังกล่าวเป็นไปตามโครงการ “ทูบเอ็กซ์” ซึ่งนำโดย เคลซีย์ ยัง นักธรณีวิทยาของนาซา “ทูบเอ็กซ์ โปรเจ็กต์” ตั้งเป้าให้เป็นการเตรียมความพร้อมและสร้างองค์ความรู้ ความคุ้นเคยไว้สำหรับการสำรวจในห้วงอวกาศในอนาคต เนื่องจากถ้ำหรือโพรงที่เกิดจากลาวาภูเขาไฟแบบเดียวกันนี้ ปรากฏอยู่ทั้งบนดวงจันทร์และบนดาวอังคาร ซึ่งในยุคหนึ่งก่อนหน้านี้มีกิจกรรมของภูเขาไฟระเบิดและธารลาวามหาศาลแบบเดียวกับบนพื้นโลกเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ของนาซาเชื่อว่าโพรงลาวาทำนองนี้สามารถใช้เป็นที่พักอาศัยที่เหมาะสมและปลอดภัย สำหรับมนุษย์ที่ต้องการใช้เวลาระยะยาวในการสำรวจหรือปฏิบัติภารกิจอื่นใดบนดวงจันทร์ หรือบนดาวอังคารในอนาคต เนื่องจากปลอดภัยจากการแผ่รังสีที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
โบราณสถานลาวาเบดส์เกิดขึ้นเมื่อราว 10,000 ปี จนถึง 65,000 ปีมาแล้ว จากการระเบิดของภูเขาไฟเมดิซีนเลคชีลด์ โพรงหรือถ้ำลาวา เกิดขึ้นเมื่อธารลาวามหาศาลไหลบ่าออกมา บริเวณริมขอบนอกจะเย็นลงเร็วกว่าบริเวณใจกลาง หลังจากการระเบิดสิ้นสุดลง ผิวด้านนอกของธารลาวาจะแข็งตัวก่อให้เกิดโพรงด้านในซึ่งบางครั้งยาวไกลหลายกิโลเมตร
และเมื่อเวลาผ่านไปนับพันๆ ปี บางส่วนของเพดานโพรงจะทลาย หรือแตกหลุดออก กลายเป็นทางเข้าของเครือข่ายโพรงภายใน ที่โบราณสถานลาวาเบดส์นี้ มีช่องทางเข้าทำนองนี้อยู่อย่างน้อย 800 จุดด้วยกัน บางส่วนของโพรงใหญ่โตกว้างขวาง สามารถใช้เป็นที่อยู่อาศัยได้ บางส่วนยืดยาวเหมือนอุโมงค์รถไฟใต้ดิน และมีอีกหลายส่วนเช่นกันที่ต้องคลานเข่าถึงจะลอดตัวผ่านไปได้
Cr.
https://www.nps.gov/labe/planyourvisit/caving.htm
Cr.
https://www.matichon.co.th/lifestyle/tech/news_1160228
Ape Cave Lava
ถ้ำ Ape ก่อตัวเมื่อ 2,000 ปีก่อน จากการปะทุของภูเขาไฟในเทือกเขาคาสเคด เมื่อลาวาไหลลงมาจากภูเขาภูเขาไฟในแม่น้ำลูอิส ลาวาที่ไหลลื่นชนิดนี้เรียกว่าหินบะซอลต์ "pahoehoe" เมื่อลาวาเย็นตัวเปลือกนอกจะเกิดขึ้นทำให้ลาวาหลอมเหลวภายในไหลต่อและสร้างอุโมงค์ การก่อตัวแบบนี้เป็นเรื่องผิดปกติสำหรับภูเขาไฟแคสเคดพิสัยซึ่งไม่ค่อยปะทุกับลาวาของเหลว
Ape Cave Lava Tube ตั้งอยู่ในอนุสาวรีย์ภูเขาไฟแห่งชาติ Mount Saint Helens ในป่าสงวนแห่งชาติ Gifford Pinchot เป็นท่อลาวาที่ยังคงความยาวที่สุดในสหรัฐอเมริกาและยาวที่สุดเป็นอันดับสองของโลก โดยมีระยะทางประมาณ 2.5 ไมล์ ถ้ำตั้งชื่อตามนักสำรวจ St. Helens Apes กลุ่มผู้พิทักษ์ที่สำรวจถ้ำเป็นครั้งแรกหลังจากค้นพบเมื่อต้นปี 1950
Cr.
http://volcano.oregonstate.edu/oldroot/volcanoes/msh/ov/ovb/ovbacsl.html
Cr.
https://www.hikespeak.com/trails/ape-cave-lava-tube-mount-saint-helens-hike-washington/
ท่อลาวา Nahuku Thurston
Nahuku หรือที่รู้จักในชื่อ Thurston Lava Tube อายุ 500 ปี ถ้ำลาวานี้ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 3,900 ฟุตบนปล่องภูเขาไฟ Kilauea ในอุทยานแห่งชาติ Hawai'i Volcanoes ซึ่งกำลังฟื้นตัวจากการปะทุของภูเขาไฟ Kīlaueaในปี 2018 อุทยานส่วนใหญ่เปิดทำการใหม่ แต่หลายพื้นที่ยังคงปิดอยู่
ท่อลาวานี้ก่อตัวเมื่อลาวาที่มีความหนืดต่ำก่อตัวเป็นเปลือกแข็งที่หนาขึ้นและก่อตัวเป็นหลังคาเหนือลาวาที่ไหลลื่น ถ้ำเหล่านี้อาจมีความสูงไม่กี่ฟุตและมีความยาวเพียงไม่กี่หลาเท่านั้น แต่สามารถยาวออกไปได้หลายไมล์ มีลาวาหลายท่อที่อยู่รอบ ๆ เกาะ แต่ Nahuku นั้นสามารถเข้าถึงได้ง่ายที่สุดเนื่องจากมีขนาดใหญ่
ท่อลาวา Nahuku ถูกค้นพบในปี 1913 โดย Lorrin Thurston สำนักพิมพ์หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นและสนับสนุนการจัดตั้งอุทยานแห่งชาติ Nāhuku
มีชื่อฮาวายคือ "protuberances" ซึ่งอาจหมายถึงหินย้อยลาวาที่ครั้งหนึ่งเคยปกคลุมเพดาน น่าเสียดายที่สิ่งเหล่านั้นหายไปเนื่องจากนักสะสม
เส้นทางชมทิวทัศน์ที่ Nāhuku จะผ่านป่าพื้นเมืองและนกประจำถิ่นเช่น 'apapane,' amakihi และ 'ōma'o ที่มักได้ยินและพบเห็นได้ในบริเวณนี้
Nahuku มีพื้นผิวเป็นดินและมีเพดานสูงกว่า 20 ฟุต ถ้ำมีความยาว 600 ฟุต ในส่วนแรกถ้ำแห่งนี้แสดงรูปทรงและสีของแร่ธาตุที่สวยงามจากหินลาวา อีกส่วนหนึ่งจะนำไปสู่เส้นทางผจญภัยที่มืดสนิทด้วยพื้นที่ไม่สม่ำเสมอในระยะทางประมาณ 50 หลา
Cr.
https://bigislandhikes.com/nahuku-thurston-lava-tube
Cr.
https://www.gohawaii.com/node/25021
โจชัว โฟเออร์ นักเขียน สำรวจคาซูมูรา ที่เกาะฮาวาย อุโมงค์ลาวายาวที่สุดในโลกที่มีการทำแผนที่ไว้ อุโมงค์ดังกล่าวทอดยาวกว่า 64 กิโลเมตร และในบางจุดมีขนาดพอๆ กับอุโมงค์รถไฟใต้ดินเลยทีเดียว ผนังที่เป็นร่องลึกเกิดจากการปะทุของภูเขาไฟ เมื่อราว 600 ปีก่อน
Cr.
https://www.thairath.co.th/lifestyle/travel/abroad/970510
โพรงลาวาโบราณ ใต้ผิวดวงจันทร์
โพรงลาวาโบราณใต้ดิน ที่ค้นพบโดยยาน SELENE Lunar Radar Sounder (LRS) ขององค์การอวกาศญี่ปุ่น( JAXA) เป็นหนึ่งในบริเวณที่น่าสนใจที่สุดที่มนุษย์สามารถไปสร้างที่อยู่อาศัย
ผิวดวงจันทร์นั้นอันตรายไม่ต่างจากการที่จะไปอยู่ในอวกาศเฉยๆ อุณหูมิกลางวันร้อนเกินจุดน้ำเดือดเกือบ 2 เท่า อุณหูมิกลางคืนต่ำกว่าจุดที่หนาวเย็นที่สุดบนโลกเกือบ 3 เท่า กลางวันกลางคืนยาวนานถึง 14 วัน ไม่มีชั้นบรรยากาศป้องกันรังสีอันตรายทุกชนิดตั้งแต่แกมมา ยูวี เอ็กซเรย์ อนุภาคจากลมสุริยะ จึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะไปสร้างอาคารบนผิวดวงจันทร์โดยไม่มีการปกป้องด้วยโล่ขนาดใหญ่ซึ่งก็แน่นอนว่าเป็นต้นทุนมหาศาลและยากตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ
การพบ โพรงลาวาโบราณขนาดใหญ่ใต้ดิน ที่พิกัด 13.00–15.005°N, 301.85–304.01°E แถวเนินเขา Marius Hill ซึ่งก่อกำเนิดมาตั้งแต่ยุคโบราณช่วงหลายพันล้านปีก่อน สมัยที่ภูเขาไฟบนดวงจันทร์ยังปะทุตลอดเวลา ทำให้เรื่องการไปตั้งอาณานิคมนอกโลกเป็นเรื่องที่มีความเป็นไปได้
ที่เหลือจึงเป็นการออกแบบเมืองใต้ดินที่น่าจะปลอดภัยจากรังสีต่างๆให้สว่างและอบอุ่นด้วยปริมาณแสงอาทิตย์ผ่านท่อและแผ่นสะท้อนที่ควบคุมได้ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ (มีการออกแบบไว้นานหลายปีแล้วก่อนพบ JAXA พบโพรงลาวาครั้งล่าสุด) แหล่งจ่ายพลังงานความร้อนในช่วงกลางคืน ระบบขนส่งและส่วนที่อยู่อาศัย
โพรงลาวาที่พบนี้หลังจากผ่านการตรวจสอบด้วยยาน GRAIL ของนาซา (Gravity Recovery and Interior Laboratory) พบว่าอาจเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายโพรงลาวาใต้ดินที่กว้างใหญ่ที่อาจมีความยาวได้ถึง 60 กม.กว้างราว 1 กม. ซึ่งเพียงพอกับการตั้งอาณานิคมได้
อ้างอิง
http://onlinelibrary.wiley.com/doi/10.1002/2017GL074998/full
ที่มาภาพประกอบ
http://www2.moonsociety.org/publications/mmm_papers/lavatubes_ccc2.htm
เรียบเรียงโดย @MrVop
Cr.
https://stem.in.th/โพรงลาวาโบราณ-ใต้ผิวดวง/
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
อุโมงค์ลาวา ประติมากรรมธรรมชาติ
เกาะภูเขาไฟเชจู ตั้งอยู่ห่างจากตอนใต้ของคาบสมุทรเกาหลีใต้ประมาณ 130 กิโลเมตร เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุด มีภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศ และยังได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีความพิเศษที่ธรรมชาติสรรสร้างขึ้นมาก็คือ “อุโมงค์ลาวา” (Manjanggul Lava Tube) ทางผ่านของเหล่าลาวาและแม็กมาภูเขาไฟ ได้ก่อให้เกิดช่องทางอุโมงค์ทรงกลวงเกิดขึ้น กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจแห่งหนึ่งในจังหวัด
สิ่งที่น่าประทับใจของภูเขาไฟแห่งนี้คือระบบท่อทางธรณีวิทยาจากธรรมชาติ ต้นกำเนิดเกิดจากการไหลของลาวาบะซอลต์ เมื่อเกิดการปะทุของภูเขาไฟ ในช่วงเวลา 300-200,000 ปีที่ผ่านมา ซึ่งภูเขาไฟมีความสูงประมาณ 456 เมตร โดยลาวาไหลลงสู่ชายฝั่งห่างออกไปประมาณ 13 กิโลเมตร ขณะนั้นลาวาก็ได้ทำการกัดกร่อนและสร้างอุโมงค์ท่อดังกล่าวขึ้นเป็นหลายช่องทางอย่างซับซ้อน คล้ายกับอุโมงค์ท่อระบายน้ำ กลายเป็นระบบถ้ำตามธรรมชาติที่น่าสนใจ ทอดยาวกว่า 8,928 เมตร มีความสูงประมาณ 30 เมตร และกว้าง 23 เมตร
ภายในอุโมงค์หรือท่อยังประดับตกแต่งไปด้วยสีสันของคาร์บอเนตหลากหลายสี เช่นสีเขียวสีฟ้า ซึ่งทั้งหมดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ และยังมีการก่อตัวของรูปทรงหินต่างๆทั้งหินงอกหินย้อย กี่เกิดขึ้นจากลาวาหล่อหลอมและแข็งตัวกลายเป็นรูปทรงสุดแปลก ดึดดูดให้ผู้คนเข้าไปเดินทางท่องเที่ยวและสำรวจความรู้ทางวิทยาศาสตร์
Cr.amusingplanet.com
Cr.https://travel.thaiza.com/amaze/351069/
อุโมงค์ใต้ดิน อุทยานแห่งชาติ Zion
อุโมงค์ใต้ดิน อุทยานแห่งชาติ Zion ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับ เมือง Springdale รัฐ Utah ทางตอนใต้ของ สหรัฐอเมริกา เกิดจากกำแพงหุบเขาลึกสองฝั่งถูกกัดเซาะทำมุมโค้งเข้าหากันเกิดเป็นทางใต้ดินได้อย่างน่าอัศจรรย์ ช่องว่างระหว่างหุบเขาปล่อยให้แสงสลัวลอดผ่านแทรกซึมความมืด ให้ชีวิตสาหร่ายได้เจริญเติบโตประดับผืนน้ำ เกิดเป็นสายธารสีเทอร์ควอยซ์ สร้างทัศนียภาพอันงดงามได้อย่างน่าทึ่ง Zion Canyon มีความยาว 15 ไมล์ครึ่ง
อุทยานแห่งชาติ Zion เป็นที่ราบสูงสูงเขาวงกตที่แคบลึกและลึกลงไปในหุบเขาทรายหอคอยบนภูเขาที่น่าตื่นตาตื่นใจ อุทยานแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 2462 เป็นสถานที่เก่าแก่ที่สุดในยูทาห์และได้รับความนิยมจากนักวิจัยอุทยานแห่งชาติมากขึ้นเรื่อย ๆ หุบเขาที่ใหญ่ที่สุดและมีผู้เข้าชมมากที่สุดในอุทยานคือไซอันแคนยอนที่สาขาภาคเหนือของแม่น้ำเวอร์จิ้น ซึ่งแกะสลักหุบเขาที่งดงามเป็นกำแพงสูงถึง 1,000 เมตร
(Cr.https://www.darnoldhiking.com/zion-national-park.html)
Cr.ภาพ https://snowbrains.com/
ข้อมูล : www.amusingplanet.com
เรียบเรียง : travel.mthai.com
Cr.https://travel.mthai.com/world-travel/37501.html
Cr.https://www.jazztour.ru/excursions/592-ekskursiya-v-nacional-nyj-park-zajon/
“โพรงลาวา” ลาวาเบดส์ (Lava Beds)
คณะนักวิทยาศาสตร์ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ของสหรัฐอเมริกา ลงพื้นที่สำรวจเครือข่ายของถ้ำหรือโพรงลาวา บริเวณโบราณสถานแห่งชาติ ลาวา เบดส์ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เพื่อสร้างความคุ้นเคยและพัฒนาองค์ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการสำรวจถ้ำหรือโพรงในลักษณะเดียวกันนี้
ซึ่งปรากฏอยู่ทั้งบนดวงจันทร์และดาวอังคาร โดยอาศัยชุดสูท พร้อมอุปกรณ์ติดตัว 3 ชิ้น ประกอบด้วย อุปกรณ์สำรวจหยั่งลึกด้วยสัญญาณเรดาร์ (ground-penetrating radar), เครื่องแม็กนีโตมิเตอร์ และ กราฟิมิเตอร์ หรือเครื่องมือวัดค่าแรงโน้มถ่วง
การสำรวจดังกล่าวเป็นไปตามโครงการ “ทูบเอ็กซ์” ซึ่งนำโดย เคลซีย์ ยัง นักธรณีวิทยาของนาซา “ทูบเอ็กซ์ โปรเจ็กต์” ตั้งเป้าให้เป็นการเตรียมความพร้อมและสร้างองค์ความรู้ ความคุ้นเคยไว้สำหรับการสำรวจในห้วงอวกาศในอนาคต เนื่องจากถ้ำหรือโพรงที่เกิดจากลาวาภูเขาไฟแบบเดียวกันนี้ ปรากฏอยู่ทั้งบนดวงจันทร์และบนดาวอังคาร ซึ่งในยุคหนึ่งก่อนหน้านี้มีกิจกรรมของภูเขาไฟระเบิดและธารลาวามหาศาลแบบเดียวกับบนพื้นโลกเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ของนาซาเชื่อว่าโพรงลาวาทำนองนี้สามารถใช้เป็นที่พักอาศัยที่เหมาะสมและปลอดภัย สำหรับมนุษย์ที่ต้องการใช้เวลาระยะยาวในการสำรวจหรือปฏิบัติภารกิจอื่นใดบนดวงจันทร์ หรือบนดาวอังคารในอนาคต เนื่องจากปลอดภัยจากการแผ่รังสีที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
โบราณสถานลาวาเบดส์เกิดขึ้นเมื่อราว 10,000 ปี จนถึง 65,000 ปีมาแล้ว จากการระเบิดของภูเขาไฟเมดิซีนเลคชีลด์ โพรงหรือถ้ำลาวา เกิดขึ้นเมื่อธารลาวามหาศาลไหลบ่าออกมา บริเวณริมขอบนอกจะเย็นลงเร็วกว่าบริเวณใจกลาง หลังจากการระเบิดสิ้นสุดลง ผิวด้านนอกของธารลาวาจะแข็งตัวก่อให้เกิดโพรงด้านในซึ่งบางครั้งยาวไกลหลายกิโลเมตร
และเมื่อเวลาผ่านไปนับพันๆ ปี บางส่วนของเพดานโพรงจะทลาย หรือแตกหลุดออก กลายเป็นทางเข้าของเครือข่ายโพรงภายใน ที่โบราณสถานลาวาเบดส์นี้ มีช่องทางเข้าทำนองนี้อยู่อย่างน้อย 800 จุดด้วยกัน บางส่วนของโพรงใหญ่โตกว้างขวาง สามารถใช้เป็นที่อยู่อาศัยได้ บางส่วนยืดยาวเหมือนอุโมงค์รถไฟใต้ดิน และมีอีกหลายส่วนเช่นกันที่ต้องคลานเข่าถึงจะลอดตัวผ่านไปได้
Cr. https://www.nps.gov/labe/planyourvisit/caving.htm
Cr.https://www.matichon.co.th/lifestyle/tech/news_1160228
Ape Cave Lava
ถ้ำ Ape ก่อตัวเมื่อ 2,000 ปีก่อน จากการปะทุของภูเขาไฟในเทือกเขาคาสเคด เมื่อลาวาไหลลงมาจากภูเขาภูเขาไฟในแม่น้ำลูอิส ลาวาที่ไหลลื่นชนิดนี้เรียกว่าหินบะซอลต์ "pahoehoe" เมื่อลาวาเย็นตัวเปลือกนอกจะเกิดขึ้นทำให้ลาวาหลอมเหลวภายในไหลต่อและสร้างอุโมงค์ การก่อตัวแบบนี้เป็นเรื่องผิดปกติสำหรับภูเขาไฟแคสเคดพิสัยซึ่งไม่ค่อยปะทุกับลาวาของเหลว
Ape Cave Lava Tube ตั้งอยู่ในอนุสาวรีย์ภูเขาไฟแห่งชาติ Mount Saint Helens ในป่าสงวนแห่งชาติ Gifford Pinchot เป็นท่อลาวาที่ยังคงความยาวที่สุดในสหรัฐอเมริกาและยาวที่สุดเป็นอันดับสองของโลก โดยมีระยะทางประมาณ 2.5 ไมล์ ถ้ำตั้งชื่อตามนักสำรวจ St. Helens Apes กลุ่มผู้พิทักษ์ที่สำรวจถ้ำเป็นครั้งแรกหลังจากค้นพบเมื่อต้นปี 1950
Cr.http://volcano.oregonstate.edu/oldroot/volcanoes/msh/ov/ovb/ovbacsl.html
Cr.https://www.hikespeak.com/trails/ape-cave-lava-tube-mount-saint-helens-hike-washington/
ท่อลาวา Nahuku Thurston
Nahuku หรือที่รู้จักในชื่อ Thurston Lava Tube อายุ 500 ปี ถ้ำลาวานี้ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 3,900 ฟุตบนปล่องภูเขาไฟ Kilauea ในอุทยานแห่งชาติ Hawai'i Volcanoes ซึ่งกำลังฟื้นตัวจากการปะทุของภูเขาไฟ Kīlaueaในปี 2018 อุทยานส่วนใหญ่เปิดทำการใหม่ แต่หลายพื้นที่ยังคงปิดอยู่
ท่อลาวานี้ก่อตัวเมื่อลาวาที่มีความหนืดต่ำก่อตัวเป็นเปลือกแข็งที่หนาขึ้นและก่อตัวเป็นหลังคาเหนือลาวาที่ไหลลื่น ถ้ำเหล่านี้อาจมีความสูงไม่กี่ฟุตและมีความยาวเพียงไม่กี่หลาเท่านั้น แต่สามารถยาวออกไปได้หลายไมล์ มีลาวาหลายท่อที่อยู่รอบ ๆ เกาะ แต่ Nahuku นั้นสามารถเข้าถึงได้ง่ายที่สุดเนื่องจากมีขนาดใหญ่
ท่อลาวา Nahuku ถูกค้นพบในปี 1913 โดย Lorrin Thurston สำนักพิมพ์หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นและสนับสนุนการจัดตั้งอุทยานแห่งชาติ Nāhuku
มีชื่อฮาวายคือ "protuberances" ซึ่งอาจหมายถึงหินย้อยลาวาที่ครั้งหนึ่งเคยปกคลุมเพดาน น่าเสียดายที่สิ่งเหล่านั้นหายไปเนื่องจากนักสะสม
เส้นทางชมทิวทัศน์ที่ Nāhuku จะผ่านป่าพื้นเมืองและนกประจำถิ่นเช่น 'apapane,' amakihi และ 'ōma'o ที่มักได้ยินและพบเห็นได้ในบริเวณนี้
Nahuku มีพื้นผิวเป็นดินและมีเพดานสูงกว่า 20 ฟุต ถ้ำมีความยาว 600 ฟุต ในส่วนแรกถ้ำแห่งนี้แสดงรูปทรงและสีของแร่ธาตุที่สวยงามจากหินลาวา อีกส่วนหนึ่งจะนำไปสู่เส้นทางผจญภัยที่มืดสนิทด้วยพื้นที่ไม่สม่ำเสมอในระยะทางประมาณ 50 หลา
Cr.https://bigislandhikes.com/nahuku-thurston-lava-tube
Cr.https://www.gohawaii.com/node/25021
โจชัว โฟเออร์ นักเขียน สำรวจคาซูมูรา ที่เกาะฮาวาย อุโมงค์ลาวายาวที่สุดในโลกที่มีการทำแผนที่ไว้ อุโมงค์ดังกล่าวทอดยาวกว่า 64 กิโลเมตร และในบางจุดมีขนาดพอๆ กับอุโมงค์รถไฟใต้ดินเลยทีเดียว ผนังที่เป็นร่องลึกเกิดจากการปะทุของภูเขาไฟ เมื่อราว 600 ปีก่อน
Cr.https://www.thairath.co.th/lifestyle/travel/abroad/970510
โพรงลาวาโบราณ ใต้ผิวดวงจันทร์
โพรงลาวาโบราณใต้ดิน ที่ค้นพบโดยยาน SELENE Lunar Radar Sounder (LRS) ขององค์การอวกาศญี่ปุ่น( JAXA) เป็นหนึ่งในบริเวณที่น่าสนใจที่สุดที่มนุษย์สามารถไปสร้างที่อยู่อาศัย
ผิวดวงจันทร์นั้นอันตรายไม่ต่างจากการที่จะไปอยู่ในอวกาศเฉยๆ อุณหูมิกลางวันร้อนเกินจุดน้ำเดือดเกือบ 2 เท่า อุณหูมิกลางคืนต่ำกว่าจุดที่หนาวเย็นที่สุดบนโลกเกือบ 3 เท่า กลางวันกลางคืนยาวนานถึง 14 วัน ไม่มีชั้นบรรยากาศป้องกันรังสีอันตรายทุกชนิดตั้งแต่แกมมา ยูวี เอ็กซเรย์ อนุภาคจากลมสุริยะ จึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะไปสร้างอาคารบนผิวดวงจันทร์โดยไม่มีการปกป้องด้วยโล่ขนาดใหญ่ซึ่งก็แน่นอนว่าเป็นต้นทุนมหาศาลและยากตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ
การพบ โพรงลาวาโบราณขนาดใหญ่ใต้ดิน ที่พิกัด 13.00–15.005°N, 301.85–304.01°E แถวเนินเขา Marius Hill ซึ่งก่อกำเนิดมาตั้งแต่ยุคโบราณช่วงหลายพันล้านปีก่อน สมัยที่ภูเขาไฟบนดวงจันทร์ยังปะทุตลอดเวลา ทำให้เรื่องการไปตั้งอาณานิคมนอกโลกเป็นเรื่องที่มีความเป็นไปได้
ที่เหลือจึงเป็นการออกแบบเมืองใต้ดินที่น่าจะปลอดภัยจากรังสีต่างๆให้สว่างและอบอุ่นด้วยปริมาณแสงอาทิตย์ผ่านท่อและแผ่นสะท้อนที่ควบคุมได้ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ (มีการออกแบบไว้นานหลายปีแล้วก่อนพบ JAXA พบโพรงลาวาครั้งล่าสุด) แหล่งจ่ายพลังงานความร้อนในช่วงกลางคืน ระบบขนส่งและส่วนที่อยู่อาศัย
โพรงลาวาที่พบนี้หลังจากผ่านการตรวจสอบด้วยยาน GRAIL ของนาซา (Gravity Recovery and Interior Laboratory) พบว่าอาจเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายโพรงลาวาใต้ดินที่กว้างใหญ่ที่อาจมีความยาวได้ถึง 60 กม.กว้างราว 1 กม. ซึ่งเพียงพอกับการตั้งอาณานิคมได้
อ้างอิง http://onlinelibrary.wiley.com/doi/10.1002/2017GL074998/full
ที่มาภาพประกอบ http://www2.moonsociety.org/publications/mmm_papers/lavatubes_ccc2.htm
เรียบเรียงโดย @MrVop
Cr.https://stem.in.th/โพรงลาวาโบราณ-ใต้ผิวดวง/
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)