สวัสดีค่ะ กระทู้นี้อยากมาชวนคุยและแบ่งปันวิธีการเรียนภาษาจีน ชื่อหัวข้อกระทู้ว่า 7 เคล็ดลับ จริงๆแล้วก็ไม่ใช่เคล็ดลับอะไรหรอกค่ะ เพียงแต่เป็นสิ่งที่ได้เจอ ผ่านประสบการณ์มาก่อนก็เลยอยากจะแชร์ให้คนที่เพิ่งเริ่มต้นเรียนภาษาจีนได้อ่านกัน และยังสามารถเอาไปประยุกต์ใช้กับภาษาอื่นได้ เพราะหลักการพื้นฐานของการเรียนภาษาไม่ได้แตกต่างกันมาก
เคล็ดลับพวกนี้ จขกท.แนะนำว่าต้องทำอย่างสม่ำเสมอ การเรียนภาษาเหมือนวิ่งมาราธอน ไม่ใช่วิ่ง 100 เมตร ดังนั้น ต้องเรียนนานๆ และต้องสม่ำเสมอ จะพึ่งแต่ห้องเรียนหรือครูอย่างดียวไม่ได้ ต้องช่วยตัวเองด้วย เปรียบเหมือนความรักตบมือข้างเดียวยังไงก็ไม่ดัง เหมือนรักน้อยๆ แต่รักนานๆ นะจ๊ะ เคล็ดลับที่ว่ามีดังนี้ค่ะ
-------------------------
1. หาหนังสือหรือสื่อการเรียนที่เหมาะสม
-------------------------
หนังสือที่ว่าจะเป็น หนังสือเรียน นิยาย รวมไปถึงสื่ออื่นๆอย่าง ซีรีส์ หนัง หรือคลิป อะไรก็ได้ค่ะ แต่ที่ต้องเน้นคือต้องเหมาะสมกับตัวเองนะ แล้วมีอะไรบ้างที่เรียกว่าเหมาะสมล่ะ?
– ระดับความรู้
ให้ยากกว่าระดับความรู้ของเรานิดหน่อย จะได้ท้าทาย แต่อย่ายากมากหรือง่ายมากเกินไป เพราะยากมากก็เป็นลิงถือท้อ ง่ายมากก็เบื่อไม่ตื่นเต้น (เอาใจยากจิงวุ้ย!)
ให้อ่านแล้วเข้าใจได้สัก 70-80% ที่เหลือคือสิ่งใหม่ที่เราจะได้จากการเรียนรู้ ศัพท์ใหม่ ประโยคใหม่ วิธีใช้ใหม่ๆ
– เป็นเรื่องที่เราสนใจ หรือมีความเกี่ยวข้องกับตัวเรา
ต้องเหมาะกับเรา เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของเรา ถึงจะอ่านได้นาน มีความอยากอ่านนะจ๊ะ หรือเป็นเรื่องที่เราอยากจะรู้เพื่อเอาไปประกอบอาชีพ มีเป้าหมายเป็นแรงขับดัน
อาจจะเป็นการ์ตูนจีน นิยายที่เคยดูในซีรีส์แล้วชอบ หนังสือที่อ่านแล้วสนุก หรือเข้าใจง่าย แรกๆ อาจหาหนังสือที่สนใจเล่มไม่หนามาก หรือคลิปที่ไม่ยาวมาก เพื่อที่จะได้ไม่ท้อและมีสมาธิในการอ่านหรือดูจนจบได้นะ
จขกท.กระซิบอีกนิด บางทีให้เลือกเรื่องที่เรารู้เนื้อหาอยู่แล้วในภาษาไทย แล้วไปอ่านอีกทีในภาษาจีนก็จะช่วยเรามากขึ้นจ๊ะ
– ใช้งานได้จริง
ต้องเป็นหนังสือหรือเรื่องราวที่ยังเป็นปัจจุบัน คนจีนยังใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวัน ไม่เอ้าท์ ไม่เป็นเรื่องเก่า เรื่องสมัยโบราณ (จริงๆ ไม่ใช่ไม่ดี แต่สำหรับผู้เริ่มต้นเรียน พักเอาไว้ก่อน เก่งแล้วค่อยไปนะ)
ถ้าเป็นคลิป แรกๆ สำหรับผู้เริ่มต้นเรียนอาจฟังในตำราเอา แต่เมือถึงจุดหนึ่งควรหาคลิปที่เป็น speed ธรรมชาติ ความเร็วปกติที่คนจีนพูดกันจริงๆ เพราะในชีวิตจริงไม่มีใครพูดช้า(และชัด) อย่างในตำราหรอกนะ
-------------------------
2. ยอมรับว่าเราไม่สามารถที่จะเข้าใจเนื้อหาที่อ่านหรือฟังได้ 100% ด้วยการอ่านหรือฟังเพียงครั้งเดียว
-------------------------
ดังนั้นจงอย่าตื่นเต้น ถอดใจหรือเซ็งห่าน ต้องปรับ mindset ใหม่ว่าสถานการณ์ที่เราต้องเจอในชีวิตจริง ก็แบบนี้แหละ ไม่ได้ฟังทีเดียวเข้าใจหมดทุกอย่างหรอก พอเราคิดแบบนี้จะทำให้เราไม่ประหม่า เครียด เกร็ง ตกใจ กังวล และทำให้มีสมาธิที่จะจับใจความสำคัญและทำให้เข้าใจเนื้อหาโดยรวมได้ ง่ายๆ เดาได้
-------------------------
3. การทำซ้ำ ช่วยเราได้
-------------------------
เวลาที่เราฝึก เพราะเราสามารถอ่านซ้ำ ฟังซ้ำ (ถ้าเป็นคลิปเสียงในตำรา ก็ดูสคริปต์บทสนทนาเอาก็ยังได้) สุดท้ายคำไหนไม่เข้าใจก็เปิดดิก และถึงแม้เวลาพูดกันเราก็ยังบอกให้คู่สนทนาพูดซ้ำก็ได้ ครูหรือเพื่อนคนจีนไม่บ่นหรอกค่ะ ขอให้มีพัฒนาการบ้างละกัน อย่าไปติดขัดเรื่องเดิมๆ เดี๋ยวเพื่อนจะเบื่อคุยกับเรา
แต่ละครั้งที่ฟังก็ลองสังเกตเรื่องการออกเสียงที่คนจีนออก วิธีที่คนจีนเรียงประโยค คำศัพท์ที่ใช้ และไวยากรณ์ไปด้วยนะ
-------------------------
4. เน้นใจความสำคัญ หรือ keyword ของประโยค เป็นอันดับแรก
-------------------------
หลักการนี้เป็นหลักการเดียวกันกับการสอบ HSK เลยค่ะ เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วเราจะไม่รู้ความหมายของศัพท์ทุกตัวหรอกค่ะ (ถ้าเราเลือกหนังสือที่ยากกว่าระดับความรู้ของเรานิดหน่อย) เพราะข้อสอบเขาออกแบบให้เราไม่ได้รู้ความหมายทุกคำ ถ้ารู้หมดแสดงว่า HSK ระดับนั้นง่ายเกินไปสำหรับเราแล้ว อย่าสอบ เปลืองตังค์ฮิ!
เวลาอ่านหนังสือหรือดูคลิป ดูละครที่เกินความรู้เราในระดับที่กำลังดี (ยากแต่ก็ยังพอเข้าใจได้ เดาได้) ถึงแม้เราไม่สามารถเข้าใจความหมายนั้นได้ 100% ในทุกๆ ประโยค แต่สิ่งที่เราได้คือการฝึกจับใจความสำคัญ หรือ keyword ของประโยคค่ะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้เราเข้าใจเนื้อหาโดยรวมได้ —เรื่องนี้ จขกท.ว่าสำคัญมากค่ะ
และเมื่อได้ keyword ก็เอามาประกอบกับบริบท (เช่น ถ้อยคำ ข้อความแวดล้อม สถานการณ์ ภาษากายของคนพูด ฯลฯ ในข้อ 5) ช่วยให้เราพอเข้าใจความหมายที่อีกฝั่งต้องการสื่อค่ะ
และเช่นเดิม หลังจากนั้นเราจึงค่อยมาลงรายละเอียดเรื่องการออกเสียง การเรียงประโยค คำศัพท์ที่ใช้ และไวยากรณ์นะ
-------------------------
5. เดาความหมายจากบริบทรอบๆ
-------------------------
ต่อเนื่องจากข้อ 4 ค่ะ คือเราจะพอเข้าใจความหมายของประโยคได้ 2 ส่วนหลักก็คือ keyword และบริบท หลังจากที่รู้ keyword แล้วก็ได้เวลาที่เราต้องดูสิ่งแวดล้อมประกอบด้วย ซึ่งจะเห็นภาพชัดเจนมากขึ้นถ้าเป็นคลิปหรือละคร เพราะเราจะสามารถเดาความหมายได้จากอารมณ์ น้ำเสียง สีหน้าท่าทาง หรือสถานการณ์ขณะนั้นๆ ได้
-------------------------
6. เรียนรู้ศัพท์ใหม่ให้ถูกทาง
-------------------------
เพื่อให้จำได้นานและใช้ได้อย่างถูกต้อง เราต้องอย่าเรียนรู้แค่ศัพท์เดี่ยวๆ ให้ลองเรียนรู้เมื่อศัพท์นั้นไปประกอบกับคำอื่นๆ ด้วย รวมถึงให้เรียนรู้ความหมายจากตัวอย่างประโยคด้วยนะ
เช่น 毕业 [bìyè] จบการศึกษา
เราควรจำวิธีการใช้เมื่อไปประกอบกับคำอื่นด้วยเช่น
中学毕业 [zhōngxué bìyè] จบมัธยม,大学毕业 [dàxué bìyè] จบมหาวิทยาลัย ,毕业以后 [bìyè yǐhòu] หลังจบการศึกษา,毕业以前 [bìyè yǐqián] ก่อนจบการศึกษา
(เราจะได้ไม่จำสลับใช้ผิดเป็น 毕业中学 หรือ 毕业大学)
หลังจากนั้นก็ลองเอามาแต่งประโยคดู หรือหาประโยคที่มีคำศัพท์นั้นมาเรียนรู้นะ
他十六岁时中学毕业了。
Tā shíliù suì shí zhōngxué bìyè le.
เขาจบมัธยมปลายเมื่อตอนอายุ 16 ปี
-------------------------
7. ทำให้เป็นกิจวัตร
-------------------------
ภาษาก็เหมือนการออกกำลังกาย เหมือนวิ่งมาราธอน เมื่อไม่ใช้ก็จะถดถอยลง เราจึงต้องมีการฝึกฝนทบทวนด้วย อย่างน้อยถึงแม้ไม่ได้เรียนรู้ของใหม่เพิ่มเติม เราก็ยังรักษาความรู้เก่าที่มีอยู่ได้
ดังนั้นเราควรหาเวลาที่เราทำได้ ฝึกฝนได้ทุกวันหรืออยากน้อยก็บ่อยเท่าที่ทำได้ ปัจจัยอยู่ที่ความสม่ำเสมอ เพราะว่าฝึกน้อยแต่สม่ำเสมอนั้นดีกว่าใช้เวลานานในแต่ละครั้งแต่นานๆ จะทำสักทีนะ
ที่อยากให้เริ่มจากเวลาน้อยๆ ก่อนก็เพราะเรื่องของสมาธิและความล้าด้วย ให้คิดเหมือนกับการวิ่ง คือเริ่มจากน้อยๆ สม่ำเสมอ เมื่ออยู่ตัวแล้วก็แล้วค่อยๆ เพิ่มเวลาให้นานขึ้น ทำอย่างนี้เราจะไม่ท้อและไม่เหนื่อยเกินไปกับการเรียนภาษาจีนของเราค่ะ
จบแล้วค่ะ หวังว่ามือใหม่หัดเรียนภาษาจีนจะได้ประโยชน์กันถ้วนหน้านะคะ
เพื่อนๆ คนใดมีข้อแนะนำหรือเคล็ดลับอื่น มาแชร์กันเพิ่มเติมได้นะคะ ขอบคุณมากนะจ๊ะ
ฝากข่าวสำหรับคนที่สนใจโพสสไตล์นี้ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์
https://chinesexpert.com/ หรือเฟสบุ๊ค
เรียนจีน ให้ได้จีน
7 เคล็ดลับติดจรวด เริ่มต้นเรียนภาษาจีน (และภาษาอื่น)
เคล็ดลับพวกนี้ จขกท.แนะนำว่าต้องทำอย่างสม่ำเสมอ การเรียนภาษาเหมือนวิ่งมาราธอน ไม่ใช่วิ่ง 100 เมตร ดังนั้น ต้องเรียนนานๆ และต้องสม่ำเสมอ จะพึ่งแต่ห้องเรียนหรือครูอย่างดียวไม่ได้ ต้องช่วยตัวเองด้วย เปรียบเหมือนความรักตบมือข้างเดียวยังไงก็ไม่ดัง เหมือนรักน้อยๆ แต่รักนานๆ นะจ๊ะ เคล็ดลับที่ว่ามีดังนี้ค่ะ
-------------------------
1. หาหนังสือหรือสื่อการเรียนที่เหมาะสม
-------------------------
หนังสือที่ว่าจะเป็น หนังสือเรียน นิยาย รวมไปถึงสื่ออื่นๆอย่าง ซีรีส์ หนัง หรือคลิป อะไรก็ได้ค่ะ แต่ที่ต้องเน้นคือต้องเหมาะสมกับตัวเองนะ แล้วมีอะไรบ้างที่เรียกว่าเหมาะสมล่ะ?
– ระดับความรู้
ให้ยากกว่าระดับความรู้ของเรานิดหน่อย จะได้ท้าทาย แต่อย่ายากมากหรือง่ายมากเกินไป เพราะยากมากก็เป็นลิงถือท้อ ง่ายมากก็เบื่อไม่ตื่นเต้น (เอาใจยากจิงวุ้ย!)
ให้อ่านแล้วเข้าใจได้สัก 70-80% ที่เหลือคือสิ่งใหม่ที่เราจะได้จากการเรียนรู้ ศัพท์ใหม่ ประโยคใหม่ วิธีใช้ใหม่ๆ
– เป็นเรื่องที่เราสนใจ หรือมีความเกี่ยวข้องกับตัวเรา
ต้องเหมาะกับเรา เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของเรา ถึงจะอ่านได้นาน มีความอยากอ่านนะจ๊ะ หรือเป็นเรื่องที่เราอยากจะรู้เพื่อเอาไปประกอบอาชีพ มีเป้าหมายเป็นแรงขับดัน
อาจจะเป็นการ์ตูนจีน นิยายที่เคยดูในซีรีส์แล้วชอบ หนังสือที่อ่านแล้วสนุก หรือเข้าใจง่าย แรกๆ อาจหาหนังสือที่สนใจเล่มไม่หนามาก หรือคลิปที่ไม่ยาวมาก เพื่อที่จะได้ไม่ท้อและมีสมาธิในการอ่านหรือดูจนจบได้นะ
จขกท.กระซิบอีกนิด บางทีให้เลือกเรื่องที่เรารู้เนื้อหาอยู่แล้วในภาษาไทย แล้วไปอ่านอีกทีในภาษาจีนก็จะช่วยเรามากขึ้นจ๊ะ
– ใช้งานได้จริง
ต้องเป็นหนังสือหรือเรื่องราวที่ยังเป็นปัจจุบัน คนจีนยังใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวัน ไม่เอ้าท์ ไม่เป็นเรื่องเก่า เรื่องสมัยโบราณ (จริงๆ ไม่ใช่ไม่ดี แต่สำหรับผู้เริ่มต้นเรียน พักเอาไว้ก่อน เก่งแล้วค่อยไปนะ)
ถ้าเป็นคลิป แรกๆ สำหรับผู้เริ่มต้นเรียนอาจฟังในตำราเอา แต่เมือถึงจุดหนึ่งควรหาคลิปที่เป็น speed ธรรมชาติ ความเร็วปกติที่คนจีนพูดกันจริงๆ เพราะในชีวิตจริงไม่มีใครพูดช้า(และชัด) อย่างในตำราหรอกนะ
-------------------------
2. ยอมรับว่าเราไม่สามารถที่จะเข้าใจเนื้อหาที่อ่านหรือฟังได้ 100% ด้วยการอ่านหรือฟังเพียงครั้งเดียว
-------------------------
ดังนั้นจงอย่าตื่นเต้น ถอดใจหรือเซ็งห่าน ต้องปรับ mindset ใหม่ว่าสถานการณ์ที่เราต้องเจอในชีวิตจริง ก็แบบนี้แหละ ไม่ได้ฟังทีเดียวเข้าใจหมดทุกอย่างหรอก พอเราคิดแบบนี้จะทำให้เราไม่ประหม่า เครียด เกร็ง ตกใจ กังวล และทำให้มีสมาธิที่จะจับใจความสำคัญและทำให้เข้าใจเนื้อหาโดยรวมได้ ง่ายๆ เดาได้
-------------------------
3. การทำซ้ำ ช่วยเราได้
-------------------------
เวลาที่เราฝึก เพราะเราสามารถอ่านซ้ำ ฟังซ้ำ (ถ้าเป็นคลิปเสียงในตำรา ก็ดูสคริปต์บทสนทนาเอาก็ยังได้) สุดท้ายคำไหนไม่เข้าใจก็เปิดดิก และถึงแม้เวลาพูดกันเราก็ยังบอกให้คู่สนทนาพูดซ้ำก็ได้ ครูหรือเพื่อนคนจีนไม่บ่นหรอกค่ะ ขอให้มีพัฒนาการบ้างละกัน อย่าไปติดขัดเรื่องเดิมๆ เดี๋ยวเพื่อนจะเบื่อคุยกับเรา
แต่ละครั้งที่ฟังก็ลองสังเกตเรื่องการออกเสียงที่คนจีนออก วิธีที่คนจีนเรียงประโยค คำศัพท์ที่ใช้ และไวยากรณ์ไปด้วยนะ
-------------------------
4. เน้นใจความสำคัญ หรือ keyword ของประโยค เป็นอันดับแรก
-------------------------
หลักการนี้เป็นหลักการเดียวกันกับการสอบ HSK เลยค่ะ เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วเราจะไม่รู้ความหมายของศัพท์ทุกตัวหรอกค่ะ (ถ้าเราเลือกหนังสือที่ยากกว่าระดับความรู้ของเรานิดหน่อย) เพราะข้อสอบเขาออกแบบให้เราไม่ได้รู้ความหมายทุกคำ ถ้ารู้หมดแสดงว่า HSK ระดับนั้นง่ายเกินไปสำหรับเราแล้ว อย่าสอบ เปลืองตังค์ฮิ!
เวลาอ่านหนังสือหรือดูคลิป ดูละครที่เกินความรู้เราในระดับที่กำลังดี (ยากแต่ก็ยังพอเข้าใจได้ เดาได้) ถึงแม้เราไม่สามารถเข้าใจความหมายนั้นได้ 100% ในทุกๆ ประโยค แต่สิ่งที่เราได้คือการฝึกจับใจความสำคัญ หรือ keyword ของประโยคค่ะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้เราเข้าใจเนื้อหาโดยรวมได้ —เรื่องนี้ จขกท.ว่าสำคัญมากค่ะ
และเมื่อได้ keyword ก็เอามาประกอบกับบริบท (เช่น ถ้อยคำ ข้อความแวดล้อม สถานการณ์ ภาษากายของคนพูด ฯลฯ ในข้อ 5) ช่วยให้เราพอเข้าใจความหมายที่อีกฝั่งต้องการสื่อค่ะ
และเช่นเดิม หลังจากนั้นเราจึงค่อยมาลงรายละเอียดเรื่องการออกเสียง การเรียงประโยค คำศัพท์ที่ใช้ และไวยากรณ์นะ
-------------------------
5. เดาความหมายจากบริบทรอบๆ
-------------------------
ต่อเนื่องจากข้อ 4 ค่ะ คือเราจะพอเข้าใจความหมายของประโยคได้ 2 ส่วนหลักก็คือ keyword และบริบท หลังจากที่รู้ keyword แล้วก็ได้เวลาที่เราต้องดูสิ่งแวดล้อมประกอบด้วย ซึ่งจะเห็นภาพชัดเจนมากขึ้นถ้าเป็นคลิปหรือละคร เพราะเราจะสามารถเดาความหมายได้จากอารมณ์ น้ำเสียง สีหน้าท่าทาง หรือสถานการณ์ขณะนั้นๆ ได้
-------------------------
6. เรียนรู้ศัพท์ใหม่ให้ถูกทาง
-------------------------
เพื่อให้จำได้นานและใช้ได้อย่างถูกต้อง เราต้องอย่าเรียนรู้แค่ศัพท์เดี่ยวๆ ให้ลองเรียนรู้เมื่อศัพท์นั้นไปประกอบกับคำอื่นๆ ด้วย รวมถึงให้เรียนรู้ความหมายจากตัวอย่างประโยคด้วยนะ
เช่น 毕业 [bìyè] จบการศึกษา
เราควรจำวิธีการใช้เมื่อไปประกอบกับคำอื่นด้วยเช่น
中学毕业 [zhōngxué bìyè] จบมัธยม,大学毕业 [dàxué bìyè] จบมหาวิทยาลัย ,毕业以后 [bìyè yǐhòu] หลังจบการศึกษา,毕业以前 [bìyè yǐqián] ก่อนจบการศึกษา
(เราจะได้ไม่จำสลับใช้ผิดเป็น 毕业中学 หรือ 毕业大学)
หลังจากนั้นก็ลองเอามาแต่งประโยคดู หรือหาประโยคที่มีคำศัพท์นั้นมาเรียนรู้นะ
他十六岁时中学毕业了。
Tā shíliù suì shí zhōngxué bìyè le.
เขาจบมัธยมปลายเมื่อตอนอายุ 16 ปี
-------------------------
7. ทำให้เป็นกิจวัตร
-------------------------
ภาษาก็เหมือนการออกกำลังกาย เหมือนวิ่งมาราธอน เมื่อไม่ใช้ก็จะถดถอยลง เราจึงต้องมีการฝึกฝนทบทวนด้วย อย่างน้อยถึงแม้ไม่ได้เรียนรู้ของใหม่เพิ่มเติม เราก็ยังรักษาความรู้เก่าที่มีอยู่ได้
ดังนั้นเราควรหาเวลาที่เราทำได้ ฝึกฝนได้ทุกวันหรืออยากน้อยก็บ่อยเท่าที่ทำได้ ปัจจัยอยู่ที่ความสม่ำเสมอ เพราะว่าฝึกน้อยแต่สม่ำเสมอนั้นดีกว่าใช้เวลานานในแต่ละครั้งแต่นานๆ จะทำสักทีนะ
ที่อยากให้เริ่มจากเวลาน้อยๆ ก่อนก็เพราะเรื่องของสมาธิและความล้าด้วย ให้คิดเหมือนกับการวิ่ง คือเริ่มจากน้อยๆ สม่ำเสมอ เมื่ออยู่ตัวแล้วก็แล้วค่อยๆ เพิ่มเวลาให้นานขึ้น ทำอย่างนี้เราจะไม่ท้อและไม่เหนื่อยเกินไปกับการเรียนภาษาจีนของเราค่ะ
จบแล้วค่ะ หวังว่ามือใหม่หัดเรียนภาษาจีนจะได้ประโยชน์กันถ้วนหน้านะคะ
เพื่อนๆ คนใดมีข้อแนะนำหรือเคล็ดลับอื่น มาแชร์กันเพิ่มเติมได้นะคะ ขอบคุณมากนะจ๊ะ
ฝากข่าวสำหรับคนที่สนใจโพสสไตล์นี้ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ https://chinesexpert.com/ หรือเฟสบุ๊ค เรียนจีน ให้ได้จีน