'หญิงหน่อย' ให้กำลังใจเขตหลักสี่ ยืนยัน ส.ส.เพื่อไทยทั่วประเทศไม่ทิ้ง ปชช.
https://voicetv.co.th/read/jGyZuFh4Q
'คุณหญิงสุดารัตน์' ให้กำลังใจประชาชน ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง เขตหลักสี่ เผยเหตุที่ยังไม่ไปต่างจังหวัด เพราะมาตรการกักตัว-ห้ามเดินทาง พร้อมยืนยัน ส.ส. เพื่อไทย ทั่วประเทศไม่ทิ้งประชาชน ทำงานเต็มที่
คุณหญิง
สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนาย
สุรชาติ เทียนทอง อดีตส.ส.กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย เดินเท้าเยี่ยมให้กำลังใจประชาชน ชุมชนเคหะ ทุ่งสองห้องเขตหลักสี่ สำหรับการลงพื้นที่วันนี้คุณหญิง
สุดารัตน์และนาย
สุรชาติ ลงพื้นที่ทั้งสิ้นสี่ชุมชน พร้อมแจกถุงยังชีพให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากผลกระทบการระบาดของไวรัสโควิด-19
ในพื้นที่ดังกล่าวมีพี่น้องประชาชนอาศัยอยู่ประมาณ 28 ชุมชน กว่า 10,000 ครัวเรือน โดยดำเนินการแจกถุงยังชีพมาเกือบสองเดือน พบว่าประชาชนเดือดร้อนเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากขาดรายได้ และไม่สามารถกลับไปประกอบอาชีพได้ ขณะที่บางส่วน นายจ้างผู้ประกอบการ ยังไม่แจ้งว่าจะให้ลูกจ้างกลับไปทำงานได้เมื่อใด เพราะธุรกิจที่ดำเนินการก็ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคเช่นกัน
ทั้งนี้ คนในชุมชนเคหะทุ่งสองห้อง เมื่อทราบข่าวว่า คุณหญิง
สุดารัตน์และนาย
สุรชาติลงพื้นที่ให้กำลังใจ หลายครอบครัวได้ออกมาต้อนรับ ส่งรอยยิ้มส่งกำลังใจให้กันและกัน โอกาสนี้ คุณหญิง
สุดารัตน์และนาย
สุรชาติยังได้เข้าเยี่ยมผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ภายในชุมชนด้วย
นาย
สุรชาติยืนยันว่า มีความผูกพันกับประชาชนในพื้นที่แม้จะไม่ได้เป็น ส.ส. ยืนยันไม่ท้อแท้เพราะการดูแลประชาชนเขตหลักสี่-จตุจักร เป็นมากกว่านักการเมืองกับประชาชน เป็นเหมือนพี่น้องที่อยู่ในครอบครัวเดียวกัน จึงต้องออกมาเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนทุกวัน
"
วันไหนอยู่บ้านเกิน 3 วันโดยไม่ออกมาพบปะพี่น้องประชาชนดูเหมือนตัวเองไม่มีค่า" นาย
สุรชาติกล่าว
ขณะที่พี่น้องประชาชนในพื้นที่เขตหลักสี่-จตุจักรยืนยันว่า พบนาย
สุรชาติลงพื้นที่อย่างสม่ำเสมอและเรียกใช้ได้ตลอดเวลา ยืนยันจะเคียงข้างนาย
สุรชาติ แม้วันนี้จะไม่มีตำแหน่งทางการเมือง
ด้านคุณหญิง
สุดารัตน์ ยืนยันว่าสถานการณ์ของโรคระบาดทำให้การลงพื้นที่ไปเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนในต่างจังหวัดเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะมาตรการของรัฐยังห้ามเดินทาง หากไปก็จะถูกกักตัว 14 วัน จึงไม่สามารถเดินทางได้ อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์คลี่คลาย ตนเองจะลงพื้นที่ไปกอดพี่น้องประชาชนถึงที่ จึงขอย้ำให้พี่น้องประชาชนที่อยู่ในต่างจังหวัดได้รับทราบ ว่าพรรคเพื่อไทย เข้าใจปัญหาและเห็นความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของพรรคเพื่อไทย จึงทำงานอย่างเข้มแข็ง และดูแลพี่น้องประชาชนเต็มความสามารถ เต็มกำลัง การทำงานทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จึงเหมือนเดิมทุกประการไม่เปลี่ยนแปลง
ก้าวไกลชี้3สาเหตุประกันสังคมจ่ายชดเชยล่าช้า
https://www.innnews.co.th/politics/news_666741/
ก้าวไกล ชี้ ประกันสังคมจ่ายชดเชยล่าช้ามาจาก 3 สาเหตุ จี้รัฐ วางแผนจัดการเงินกองทุนทดแทนการว่างงาน
นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงมติคณะรัฐมนตรีเรื่องขยายความครอบคลุมผู้ประกันตนมาตรา 33 ว่างงานจาก “
เหตุสุดวิสัย” เพื่อให้ผู้ประกันตน ที่ว่างงานจากผลกระทบจากโควิด-19 สามารถได้รับสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน 62% ของค่าจ้างรายวัน ไม่เกิน 90 วัน รวมทั้งมีการเพิ่มเงินทดแทนกรณีว่างงาน โดยกรณีลาออกปรับเพิ่มเป็น 45% 90 วัน และกรณีถูกเลิกจ้างปรับเพิ่มเป็น 70% 200 วัน ซึ่งจริงๆ แล้วถือเป็นข่าวดีมากๆ ของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จำนวน 11.7 ล้านคน ว่า
ในทางปฏิบัติ พบว่ามีการจ่ายชดเชยได้ล่าช้ามาก ซึ่งเบื้องต้นพบปัญหา 3 ประเด็น ดังนี้
1. เอกสารจากประกันสังคมที่ระบุว่า “กรณีนายจ้างหยุดกิจการชั่วคราว เนื่องจากผลกระทบจากภาวะเศรษกิจ/โรคโควิด-19/นายจ้างไม่ให้ทำงาน ไม่ถือว่า เป็นเหตุสุดวิสัยตามกฎหมาย ซึ่งขัดกับกฎกระทรวงที่กำหนดให้นิยามของคำว่า “
เหตุสุดวิสัย” นั้นครอบคลุมถึง ภัยอันเกิดจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
2. ข้อจำกัดของระบบ IT ของประกันสังคม ที่มีความล้าหลังของระบบ IT ที่ชื่อว่า SAPIENS ที่รัฐบาลต้องเร่งปรับปรุงอย่างเร่งด่วน
3. มาตรการที่ชัดเจน ในกรณีที่นายจ้างไม่ยอมมารับรองสิทธิให้ลูกจ้าง ปัญหานี้ กระทรวงแรงงงานคงต้องกำหนดมาตรการให้ชัดเจน กับนายจ้างที่ไม่ยอมมารับรองสิทธิให้แก่ลูกจ้าง
นอกจากนี้รัฐบาล และประกันสังคม จะต้องวางแผนเงินกองทุนประกันสังคมที่มีอยู่ 2,177,473 ล้านบาท ซึ่งมีการจัดสรรเป็นกองทุนทดแทนการว่างงานอยู่ทั้งสิ้น 181,641 ล้านบาท เงินส่วนนี้จะใช้เป็นกำลังหลักในการเยียวยาปัญหาการว่างงานให้กับผู้ประกันตน ทั้งในตอนนี้ และในอนาคต
JJNY : หญิงหน่อยยันส.ส.เพื่อไทยไม่ทิ้งปชช./ก้าวไกลชี้3สาเหตุประกันสังคมจ่ายช้า/ทร.รับแล้ว ทหารติดโควิด/ไหนค่าไฟลด!?!
https://voicetv.co.th/read/jGyZuFh4Q
'คุณหญิงสุดารัตน์' ให้กำลังใจประชาชน ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง เขตหลักสี่ เผยเหตุที่ยังไม่ไปต่างจังหวัด เพราะมาตรการกักตัว-ห้ามเดินทาง พร้อมยืนยัน ส.ส. เพื่อไทย ทั่วประเทศไม่ทิ้งประชาชน ทำงานเต็มที่
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายสุรชาติ เทียนทอง อดีตส.ส.กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย เดินเท้าเยี่ยมให้กำลังใจประชาชน ชุมชนเคหะ ทุ่งสองห้องเขตหลักสี่ สำหรับการลงพื้นที่วันนี้คุณหญิงสุดารัตน์และนายสุรชาติ ลงพื้นที่ทั้งสิ้นสี่ชุมชน พร้อมแจกถุงยังชีพให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากผลกระทบการระบาดของไวรัสโควิด-19
ในพื้นที่ดังกล่าวมีพี่น้องประชาชนอาศัยอยู่ประมาณ 28 ชุมชน กว่า 10,000 ครัวเรือน โดยดำเนินการแจกถุงยังชีพมาเกือบสองเดือน พบว่าประชาชนเดือดร้อนเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากขาดรายได้ และไม่สามารถกลับไปประกอบอาชีพได้ ขณะที่บางส่วน นายจ้างผู้ประกอบการ ยังไม่แจ้งว่าจะให้ลูกจ้างกลับไปทำงานได้เมื่อใด เพราะธุรกิจที่ดำเนินการก็ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคเช่นกัน
ทั้งนี้ คนในชุมชนเคหะทุ่งสองห้อง เมื่อทราบข่าวว่า คุณหญิงสุดารัตน์และนายสุรชาติลงพื้นที่ให้กำลังใจ หลายครอบครัวได้ออกมาต้อนรับ ส่งรอยยิ้มส่งกำลังใจให้กันและกัน โอกาสนี้ คุณหญิงสุดารัตน์และนายสุรชาติยังได้เข้าเยี่ยมผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ภายในชุมชนด้วย
นายสุรชาติยืนยันว่า มีความผูกพันกับประชาชนในพื้นที่แม้จะไม่ได้เป็น ส.ส. ยืนยันไม่ท้อแท้เพราะการดูแลประชาชนเขตหลักสี่-จตุจักร เป็นมากกว่านักการเมืองกับประชาชน เป็นเหมือนพี่น้องที่อยู่ในครอบครัวเดียวกัน จึงต้องออกมาเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนทุกวัน
"วันไหนอยู่บ้านเกิน 3 วันโดยไม่ออกมาพบปะพี่น้องประชาชนดูเหมือนตัวเองไม่มีค่า" นายสุรชาติกล่าว
ขณะที่พี่น้องประชาชนในพื้นที่เขตหลักสี่-จตุจักรยืนยันว่า พบนายสุรชาติลงพื้นที่อย่างสม่ำเสมอและเรียกใช้ได้ตลอดเวลา ยืนยันจะเคียงข้างนาย
สุรชาติ แม้วันนี้จะไม่มีตำแหน่งทางการเมือง
ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ ยืนยันว่าสถานการณ์ของโรคระบาดทำให้การลงพื้นที่ไปเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนในต่างจังหวัดเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะมาตรการของรัฐยังห้ามเดินทาง หากไปก็จะถูกกักตัว 14 วัน จึงไม่สามารถเดินทางได้ อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์คลี่คลาย ตนเองจะลงพื้นที่ไปกอดพี่น้องประชาชนถึงที่ จึงขอย้ำให้พี่น้องประชาชนที่อยู่ในต่างจังหวัดได้รับทราบ ว่าพรรคเพื่อไทย เข้าใจปัญหาและเห็นความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของพรรคเพื่อไทย จึงทำงานอย่างเข้มแข็ง และดูแลพี่น้องประชาชนเต็มความสามารถ เต็มกำลัง การทำงานทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จึงเหมือนเดิมทุกประการไม่เปลี่ยนแปลง
ก้าวไกลชี้3สาเหตุประกันสังคมจ่ายชดเชยล่าช้า
https://www.innnews.co.th/politics/news_666741/
ก้าวไกล ชี้ ประกันสังคมจ่ายชดเชยล่าช้ามาจาก 3 สาเหตุ จี้รัฐ วางแผนจัดการเงินกองทุนทดแทนการว่างงาน
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงมติคณะรัฐมนตรีเรื่องขยายความครอบคลุมผู้ประกันตนมาตรา 33 ว่างงานจาก “เหตุสุดวิสัย” เพื่อให้ผู้ประกันตน ที่ว่างงานจากผลกระทบจากโควิด-19 สามารถได้รับสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน 62% ของค่าจ้างรายวัน ไม่เกิน 90 วัน รวมทั้งมีการเพิ่มเงินทดแทนกรณีว่างงาน โดยกรณีลาออกปรับเพิ่มเป็น 45% 90 วัน และกรณีถูกเลิกจ้างปรับเพิ่มเป็น 70% 200 วัน ซึ่งจริงๆ แล้วถือเป็นข่าวดีมากๆ ของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จำนวน 11.7 ล้านคน ว่า
ในทางปฏิบัติ พบว่ามีการจ่ายชดเชยได้ล่าช้ามาก ซึ่งเบื้องต้นพบปัญหา 3 ประเด็น ดังนี้
1. เอกสารจากประกันสังคมที่ระบุว่า “กรณีนายจ้างหยุดกิจการชั่วคราว เนื่องจากผลกระทบจากภาวะเศรษกิจ/โรคโควิด-19/นายจ้างไม่ให้ทำงาน ไม่ถือว่า เป็นเหตุสุดวิสัยตามกฎหมาย ซึ่งขัดกับกฎกระทรวงที่กำหนดให้นิยามของคำว่า “เหตุสุดวิสัย” นั้นครอบคลุมถึง ภัยอันเกิดจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
2. ข้อจำกัดของระบบ IT ของประกันสังคม ที่มีความล้าหลังของระบบ IT ที่ชื่อว่า SAPIENS ที่รัฐบาลต้องเร่งปรับปรุงอย่างเร่งด่วน
3. มาตรการที่ชัดเจน ในกรณีที่นายจ้างไม่ยอมมารับรองสิทธิให้ลูกจ้าง ปัญหานี้ กระทรวงแรงงงานคงต้องกำหนดมาตรการให้ชัดเจน กับนายจ้างที่ไม่ยอมมารับรองสิทธิให้แก่ลูกจ้าง
นอกจากนี้รัฐบาล และประกันสังคม จะต้องวางแผนเงินกองทุนประกันสังคมที่มีอยู่ 2,177,473 ล้านบาท ซึ่งมีการจัดสรรเป็นกองทุนทดแทนการว่างงานอยู่ทั้งสิ้น 181,641 ล้านบาท เงินส่วนนี้จะใช้เป็นกำลังหลักในการเยียวยาปัญหาการว่างงานให้กับผู้ประกันตน ทั้งในตอนนี้ และในอนาคต