ก่อนอื่นต้องขอโทษทุกท่านที่ให้รอคอยและได้ติดตามประสบการณ์ขนหัวลุกที่เราได้เคยเจอในสมัยตอนที่เราเด็กๆ ด้วยนะคะ
พอดีว่าช่วงเวลา1ปีกว่าๆที่ผ่านมาเราสอบได้และบรรจุ ซึ่งอยู่ในช่วงกำลังเรียนรู้งานใหม่เลยใช้เวลายาวนานเลยทีเดียว (นานนนนนน...จนลืม)
กว่าจะได้กลับมาเล่าให้เพื่อนๆได้ฟังเป็นครั้งที่2
(ติดตามเรื่องแรกของเราได้นะคะ เผื่อมีคนอยากอ่าน
https://ppantip.com/topic/38443748)
ต่อไปนี้เป็นเรื่องราวประสบการณ์ขนหัวลุกของแม่ (ที่ได้กล่าวทิ้งไว้เมื่อตอนที่แล้ว)
และขอขอบคุณทุกๆท่าน ในเรื่องของการติชมเพื่อที่จะนำไปพัฒนาในการเรียบเรียงคำพูดให้อ่านได้อย่างเข้าใจด้วยนะคะ… (^.^)
ในทุกๆครั้งที่แม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้เราและน้องสาวฟัง ทำให้เราเองและน้องสาวไม่กล้าที่จะนอนคนเดียวในช่วงเวลาตอนกลางคืน...
(ทุกวันนี้ยังไม่กล้านอนคนเดียว กลัวเกิ๊นน..)
เรื่องราวเกิดขึ้นที่บ้านพักราชการแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ถ้าย้อนไปในสมัยก่อนก็ผ่านมาประมาณ 25 ปีได้
ซึ่งตอนนั้นเราอายุได้ราวๆ 1 ขวบเศษๆ และมีน้องสาวอีกหนึ่งคนที่อายุไม่กี่เดือน (พี่น้อง ห่างกันหัวปี ท้ายปีเท่านั้น)
เราขอเล่าลักษณะของบ้านราชการก่อนน่ะ
บ้านราชการจะเป็นบ้านที่เรียงยาวติดกัน มีเพียงพนังห้องที่กั้นเอาไว้เท่านั้น ซึ่งมีทั้งหมด 8 ห้อง ต่อ 1 ตึกแถว ซึ่งเรียกว่าบ้านพักห้องแถว
แต่ในหน่วยงานราชการมีบ้านหลากหลายชนิดมีแบบตึกแถว ที่ได้อธิบายได้ข้างต้น
มีแบบบ้านฝาแฝด และแบบบ้านเดี่ยว ซึ่งบ้านแต่ละแบบนั้นเราไม่มีสิทธิที่จะเลือกได้เอง เพราะบ้านแต่ละบ้านขึ้นอยู่กับตำแหน่งและหน้าที่การงาน
ในแต่ระดับชั้น ซึ่งพ่อเป็นเพียงตำแหน่งลูกจ้างประจำ ทำงานฝ่ายส่วนรักษาความปลอดภัย หรือเรียกง่ายๆ ว่า หัวหน้า รปภ. นั้นเอง จึงได้บ้านพักห้องแถว
พ่อของเราจะทำงานรักษาความปลอดภัย ทำงานแบบเป็น กะ ในแต่ละวัน จะมี 2 กะ
(กะเช้าช่วงเวลา 08.00 – 20.00 น. และกะช่วงเย็น 20.00 - 08.00 น.)
แล้วพ่อของเราจะมีหน้าที่เป็นคนทำตารางการทำงานจัดเวรให้กับลูกน้อง
ซึ่งมีลูกน้องทั้งหมด 12 คน จะมีการสับเปลี่ยนกะการเข้าเวร วนเวียนกันไป ซึ่งแต่ละวัน จะมีการเฝ้าจุด 2 จุดใหญ่
จุดที่ 1 ประตูทางเข้าหน่วยงานราชการ และส่วนบนอ่างเก็บน้ำเป็นจุดที่ 2
.........ช่วงหัวค่ำ คืนนั้น.........
"จันทร์เจ้าเอ๋ย ขอข้าวขอแกง
ขอแหวนทองแดง ผูกมือน้องข้า
ขอช้างขอม้าให้น้องข้าขี่ ขอเก้าอี้ให้น้องข้านั่ง
ขอเตียงตั่งให้น้องข้านอน ขอละครให้น้องข้าดู
ขอยายชูเลี้ยงน้องข้าเถิด ขอยายเกิดเลี้ยงตัวข้าเอง"
ทุกๆคืน หลังจากที่แม่จับเราและน้องสาว รวมถึงตัวของแม่เองทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยทั้ง กินข้าว อาบน้ำ แม่จะนอนกล่อมเพลงให้เราและน้องสาวฟัง
ในคืนนั้นเองพ่อไม่ได้นอนที่บ้าน ซึ่งเป็นช่วงที่พ่อจะต้องเข้าเวรกะเย็น ช่วงเวลา 20.00 - 08.00 น.
ในตอนนั้นถึงแม้ว่า บ้านพักบ้านห้องแถวนั้นจะมี 2 ชั้น แม่เลยไม่ได้ขึ้นไปนอนชั้น2หรอก
เพราะว่าช่วงนั้นเป็นช่วงฤดูร้อน แม่ก็เลยตัดสินใจมานอนชั้นล่าง ปูที่นอน กางมุ้ง (กลางตัวบ้าน) นอนด้วยกัน 3 คน แม่ลูก
ในห้องมีเพียง ทีวี1เครื่อง พัดลม1ตัว ห้องไม่กว้างมาก
ขอเล่าตัวบ้านก่อนนะ ชั้นล่างนั้นจะมีลักษณะ สี่เหลี่ยมพื้นผ้ายาวเข้าไป โดยมีประตูกั้นกลางบ้านอีก 1 บาน
ส่วนด้านหน้าจะเป็นห้องโล่งๆ และมีห้องน้ำในตัว(ห้องน้ำเล็กๆ)
และส่วนด้านหลังจะเป็นส่วนห้องหลังบ้านเอาไว้เปลี่ยนเสื้อผ้าแต่งตัว มีตู้เสื้อผ้า ตู้เย็น ตู้กระจก
ปิดท้ายด้วยประตูกั้นอีก 1 บาน เมื่อเปิดประตูเดินออกหลังบ้านก็จะเป็นส่วนพื้นที่โล่งๆ เอาไว้ตากผ้า
(มองยาวด้าน ซ้าย ขวา ก็เห็นราวตากผ้าของเพื่อนบ้านได้สบายๆ)
มีเตาแก๊สเอาไว้ทำกับข้าวกับปลา กับเครื่องซักผ้าเก่าๆ
ตกกลางดึก........แม่ไม่รู้ว่าช่วงนั้นกี่โมงแล้ว
มีบางอย่างทำให้แม่ต้องสะดุ้งตื่น เสียงของหน้าต่าง หน้าบ้านค่อยๆ เปิดออก
“แอ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด...” ลากยาวช้าๆ
(เหมือนในหนังผีเลยเนอะ)
ในใจแม่ก็คิดว่า คงจะเป็นลมพัดทำให้หน้าต่างเปิดออก ซึ่งแม่ก็ไม่ได้สนใจอะไร กำลังจะนอนต่อ
พอได้ที่เคลิ้มๆ กำลังจะหลับตา เหลือบไปเห็นเราคลานอยู่นอกมุ้ง ตรงประตูที่กั้นกลางห้องเอาไว้
แม่จำได้ว่าแม่ปิดประตูกลางห้องเอาไว้แล้ว แต่พอสะดุ้งตื่น เห็นเราคลานไปอยู่ส่วนท้ายบ้านได้ไง
แม่ก็พยายามเรียกเราให้กลับมานอน (นามสมมุติละกันนะคะ) “บี มานอนนี่มา ไปทำอะไรตรงนู้น มาเร็ว”
ซึ่งตัวเราก็ไม่ยอมคลานมาหาแม่ แม่ก็เริ่มสังเกตเห็นเราทำท่าแปลกๆ
เรามัวแต่มองไปที่หน้าต่าง หน้าบ้านแล้วก็หลบอยู่หลังกำแพง
แล้วก็โผล่หน้าจากหลังทางประตูส่วนกลางบ้าน
ทำอยู่แบบนั้น แม่ก็เลยออกจากมุ้ง
พร้อมคำบ่น “พุ๊บๆ โพล่ๆ อยู่ได้น่ารำคาญ...ดึกแล้วเล่นอยู่นั้นหละ” แม่ก็อุ้มเราให้กลับเข้าไปนอนในมุ้งเหมือนเดิม
ตอนนั้นแม่ก็หลับต่อ....ได้ไม่นาน (แม่บอกแบบนั้นนะคะ)
แม่ได้ยินเสียงประตูหน้าบ้านเปิด เลยทำให้แม่ตื่นขึ้นมาแบบมึนๆ
เห็นเงาลักษณะเหมือนพ่อเดินผ่านนอกมุ่งไปยังท้ายบ้าน......
เงาที่เห็น เป็นของใคร...?
พอดีว่าช่วงเวลา1ปีกว่าๆที่ผ่านมาเราสอบได้และบรรจุ ซึ่งอยู่ในช่วงกำลังเรียนรู้งานใหม่เลยใช้เวลายาวนานเลยทีเดียว (นานนนนนน...จนลืม)
กว่าจะได้กลับมาเล่าให้เพื่อนๆได้ฟังเป็นครั้งที่2
(ติดตามเรื่องแรกของเราได้นะคะ เผื่อมีคนอยากอ่าน https://ppantip.com/topic/38443748)
ต่อไปนี้เป็นเรื่องราวประสบการณ์ขนหัวลุกของแม่ (ที่ได้กล่าวทิ้งไว้เมื่อตอนที่แล้ว)
และขอขอบคุณทุกๆท่าน ในเรื่องของการติชมเพื่อที่จะนำไปพัฒนาในการเรียบเรียงคำพูดให้อ่านได้อย่างเข้าใจด้วยนะคะ… (^.^)
ในทุกๆครั้งที่แม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้เราและน้องสาวฟัง ทำให้เราเองและน้องสาวไม่กล้าที่จะนอนคนเดียวในช่วงเวลาตอนกลางคืน...
(ทุกวันนี้ยังไม่กล้านอนคนเดียว กลัวเกิ๊นน..)
เรื่องราวเกิดขึ้นที่บ้านพักราชการแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ถ้าย้อนไปในสมัยก่อนก็ผ่านมาประมาณ 25 ปีได้
ซึ่งตอนนั้นเราอายุได้ราวๆ 1 ขวบเศษๆ และมีน้องสาวอีกหนึ่งคนที่อายุไม่กี่เดือน (พี่น้อง ห่างกันหัวปี ท้ายปีเท่านั้น)
เราขอเล่าลักษณะของบ้านราชการก่อนน่ะ
บ้านราชการจะเป็นบ้านที่เรียงยาวติดกัน มีเพียงพนังห้องที่กั้นเอาไว้เท่านั้น ซึ่งมีทั้งหมด 8 ห้อง ต่อ 1 ตึกแถว ซึ่งเรียกว่าบ้านพักห้องแถว
แต่ในหน่วยงานราชการมีบ้านหลากหลายชนิดมีแบบตึกแถว ที่ได้อธิบายได้ข้างต้น
มีแบบบ้านฝาแฝด และแบบบ้านเดี่ยว ซึ่งบ้านแต่ละแบบนั้นเราไม่มีสิทธิที่จะเลือกได้เอง เพราะบ้านแต่ละบ้านขึ้นอยู่กับตำแหน่งและหน้าที่การงาน
ในแต่ระดับชั้น ซึ่งพ่อเป็นเพียงตำแหน่งลูกจ้างประจำ ทำงานฝ่ายส่วนรักษาความปลอดภัย หรือเรียกง่ายๆ ว่า หัวหน้า รปภ. นั้นเอง จึงได้บ้านพักห้องแถว
พ่อของเราจะทำงานรักษาความปลอดภัย ทำงานแบบเป็น กะ ในแต่ละวัน จะมี 2 กะ
(กะเช้าช่วงเวลา 08.00 – 20.00 น. และกะช่วงเย็น 20.00 - 08.00 น.)
แล้วพ่อของเราจะมีหน้าที่เป็นคนทำตารางการทำงานจัดเวรให้กับลูกน้อง
ซึ่งมีลูกน้องทั้งหมด 12 คน จะมีการสับเปลี่ยนกะการเข้าเวร วนเวียนกันไป ซึ่งแต่ละวัน จะมีการเฝ้าจุด 2 จุดใหญ่
จุดที่ 1 ประตูทางเข้าหน่วยงานราชการ และส่วนบนอ่างเก็บน้ำเป็นจุดที่ 2
.........ช่วงหัวค่ำ คืนนั้น.........
"จันทร์เจ้าเอ๋ย ขอข้าวขอแกง
ขอแหวนทองแดง ผูกมือน้องข้า
ขอช้างขอม้าให้น้องข้าขี่ ขอเก้าอี้ให้น้องข้านั่ง
ขอเตียงตั่งให้น้องข้านอน ขอละครให้น้องข้าดู
ขอยายชูเลี้ยงน้องข้าเถิด ขอยายเกิดเลี้ยงตัวข้าเอง"
ทุกๆคืน หลังจากที่แม่จับเราและน้องสาว รวมถึงตัวของแม่เองทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยทั้ง กินข้าว อาบน้ำ แม่จะนอนกล่อมเพลงให้เราและน้องสาวฟัง
ในคืนนั้นเองพ่อไม่ได้นอนที่บ้าน ซึ่งเป็นช่วงที่พ่อจะต้องเข้าเวรกะเย็น ช่วงเวลา 20.00 - 08.00 น.
ในตอนนั้นถึงแม้ว่า บ้านพักบ้านห้องแถวนั้นจะมี 2 ชั้น แม่เลยไม่ได้ขึ้นไปนอนชั้น2หรอก
เพราะว่าช่วงนั้นเป็นช่วงฤดูร้อน แม่ก็เลยตัดสินใจมานอนชั้นล่าง ปูที่นอน กางมุ้ง (กลางตัวบ้าน) นอนด้วยกัน 3 คน แม่ลูก
ในห้องมีเพียง ทีวี1เครื่อง พัดลม1ตัว ห้องไม่กว้างมาก
ขอเล่าตัวบ้านก่อนนะ ชั้นล่างนั้นจะมีลักษณะ สี่เหลี่ยมพื้นผ้ายาวเข้าไป โดยมีประตูกั้นกลางบ้านอีก 1 บาน
ส่วนด้านหน้าจะเป็นห้องโล่งๆ และมีห้องน้ำในตัว(ห้องน้ำเล็กๆ)
และส่วนด้านหลังจะเป็นส่วนห้องหลังบ้านเอาไว้เปลี่ยนเสื้อผ้าแต่งตัว มีตู้เสื้อผ้า ตู้เย็น ตู้กระจก
ปิดท้ายด้วยประตูกั้นอีก 1 บาน เมื่อเปิดประตูเดินออกหลังบ้านก็จะเป็นส่วนพื้นที่โล่งๆ เอาไว้ตากผ้า
(มองยาวด้าน ซ้าย ขวา ก็เห็นราวตากผ้าของเพื่อนบ้านได้สบายๆ)
มีเตาแก๊สเอาไว้ทำกับข้าวกับปลา กับเครื่องซักผ้าเก่าๆ
ตกกลางดึก........แม่ไม่รู้ว่าช่วงนั้นกี่โมงแล้ว
มีบางอย่างทำให้แม่ต้องสะดุ้งตื่น เสียงของหน้าต่าง หน้าบ้านค่อยๆ เปิดออก
“แอ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด...” ลากยาวช้าๆ
(เหมือนในหนังผีเลยเนอะ)
ในใจแม่ก็คิดว่า คงจะเป็นลมพัดทำให้หน้าต่างเปิดออก ซึ่งแม่ก็ไม่ได้สนใจอะไร กำลังจะนอนต่อ
พอได้ที่เคลิ้มๆ กำลังจะหลับตา เหลือบไปเห็นเราคลานอยู่นอกมุ้ง ตรงประตูที่กั้นกลางห้องเอาไว้
แม่จำได้ว่าแม่ปิดประตูกลางห้องเอาไว้แล้ว แต่พอสะดุ้งตื่น เห็นเราคลานไปอยู่ส่วนท้ายบ้านได้ไง
แม่ก็พยายามเรียกเราให้กลับมานอน (นามสมมุติละกันนะคะ) “บี มานอนนี่มา ไปทำอะไรตรงนู้น มาเร็ว”
ซึ่งตัวเราก็ไม่ยอมคลานมาหาแม่ แม่ก็เริ่มสังเกตเห็นเราทำท่าแปลกๆ
เรามัวแต่มองไปที่หน้าต่าง หน้าบ้านแล้วก็หลบอยู่หลังกำแพง
แล้วก็โผล่หน้าจากหลังทางประตูส่วนกลางบ้าน
ทำอยู่แบบนั้น แม่ก็เลยออกจากมุ้ง
พร้อมคำบ่น “พุ๊บๆ โพล่ๆ อยู่ได้น่ารำคาญ...ดึกแล้วเล่นอยู่นั้นหละ” แม่ก็อุ้มเราให้กลับเข้าไปนอนในมุ้งเหมือนเดิม
ตอนนั้นแม่ก็หลับต่อ....ได้ไม่นาน (แม่บอกแบบนั้นนะคะ)
แม่ได้ยินเสียงประตูหน้าบ้านเปิด เลยทำให้แม่ตื่นขึ้นมาแบบมึนๆ
เห็นเงาลักษณะเหมือนพ่อเดินผ่านนอกมุ่งไปยังท้ายบ้าน......