ผมทั้งชอบอ่านและชอบเขียนนิยายแนวที่มีความรู้สอดแทรกเยอะๆ หรืออิงข้อมูล/เรื่องจริงมากๆ เพราะรู้สึกว่าอ่านแล้วได้อะไรมากกว่าแค่ความบันเทิงอย่างเดียว เช่น ได้รู้ประวัติศาสตร์ ได้รู้จักวัฒนธรรมใหม่ๆ รู้เบื้องหลังการทำอาชีพที่เราไม่เคยทำ ฯลฯ แต่รู้สึกว่าหลังๆนิยายแนวนี้เริ่มหาได้ยากกว่าเมื่อก่อน เลยอยากสอบถามความคิดเห็นจากเพื่อนๆสมาชิกครับว่ายังมีท่านไหนนิยมอ่านเรื่องแนวนี้อยู่ไหมครับ
ขอยกตัวอย่างงานเขียนของผมนะครับ
"การณ์กลับเปลี่ยนไปในปีหนึ่งซึ่งมีข่าวลือแพร่สะพัดมาว่า เกิดไข้ประหลาดขึ้นในเมืองท่าแห่งหนึ่งในคาบสมุทรอิตาลี ท่ามกลางเสียงร่ำลือในหมู่พ่อค้าวาณิชตลอดจนนักเดินทางระหว่างเมืองทั่วไปว่า เกิดจากเรือสินค้าลำหนึ่งที่ล่องกลับมาจากตะวันออกไกล และมิช้ามินานที่โรคระบาดซึ่งถูกเรียกว่า “ไข้ดำ” นี้แพร่ออกไป ก็ไม่มีท้องที่ใดเลยที่ไม่ได้รับผลกระทบจากโรคนี้ เมืองหลายแห่งถูกทิ้งร้าง ผลผลิตทางการเกษตรไม่ออกตามที่ควรจะเป็น ผู้คนล้มตายกันเป็นเบือโดยมีก้อนเนื้อมรณะผุดขึ้นเป็นตุ่มปมๆเต็มเนื้อเต็มตัวของพวกเขาไปหมด
หลายคนพูดกันว่าเป็นการลงทัณฑ์ของพระผู้เป็นเจ้าซึ่งกริ้วที่เห็นสาวกของพระองค์พากันเลิกยำเกรงต่อบาป เป็นเหตุให้บาทหลวงและสาธุชนผู้เคร่งครัดในศาสนาส่วนหนึ่งจัดตั้งองค์การฟลาเจลแลนท์ ทำการเฆี่ยนตีตัวเองเพื่อวิงวอนขอความเห็นใจจากพระผู้เป็นเจ้า เดินขบวนไปยังเมืองต่างๆเพื่อชักชวนให้ชาวเมืองเข้าร่วม
แต่ก็มีคนอีกจำพวกหนึ่งที่เที่ยวทึกทักเหมารวมคนต่างๆว่าเป็นต้นเรื่องของไข้มฤตยูนี้ โดยคนพวกนั้นมุ่งหมายไปที่แม่มด ชาวยิปซี คนพิการ ผู้ป่วยโรคเรื้อน รวมไปถึงกลุ่มคนชายขอบกลุ่มอื่นๆอีกสารพัดกลุ่ม
เหนือสิ่งอื่นใดคือชาวยิวซึ่งตกเป็นแพะรับบาปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ค่าที่พวกเขามีชุมชนของตัวเองแยกขาดจากโลกภายนอก รักษาความสะอาดเป็นชีวิตจิตใจ และไม่ได้ใช้บ่อน้ำร่วมกับชาวเมืองทั่วไปซึ่งเป็นคริสต์ชน พวกยิวจึงหนีไม่พ้นข้อครหาว่าพวกเขาวางยาพิษในบ่อน้ำที่ชาวเมืองใช้ดื่มกินกัน
คาตัลโดสาบานกับตัวเองว่าตราบสิ้นชีวิตของเขา ก็คงไม่มีวินาทีใดที่เขาจะลืมภาพหลอนนั้นได้ลง ภาพที่ชาวเมืองกรูกันไปบุกเก็ตโตหรือชุมชนชาวยิว ลากคอบรรดายิวทั้งหลายมารวมกัน ก่อนที่บรรดาฝูงชนที่กำลังตกอยู่ในห้วงอารมณ์บ้าดีเดือดจะกวาดต้อนพวกเขาเหล่านั้นไปยังกองไฟกองใหญ่ที่สุมจนโชติช่วงชัชวาลอยู่กลางจัตุรัสกลางเมือง เพื่อกำจัด “ต้นตอของการระบาด” ให้สิ้นซาก"
คิดเห็นยังไงกับนิยายแนวให้ความรู้ครับ
ขอยกตัวอย่างงานเขียนของผมนะครับ
"การณ์กลับเปลี่ยนไปในปีหนึ่งซึ่งมีข่าวลือแพร่สะพัดมาว่า เกิดไข้ประหลาดขึ้นในเมืองท่าแห่งหนึ่งในคาบสมุทรอิตาลี ท่ามกลางเสียงร่ำลือในหมู่พ่อค้าวาณิชตลอดจนนักเดินทางระหว่างเมืองทั่วไปว่า เกิดจากเรือสินค้าลำหนึ่งที่ล่องกลับมาจากตะวันออกไกล และมิช้ามินานที่โรคระบาดซึ่งถูกเรียกว่า “ไข้ดำ” นี้แพร่ออกไป ก็ไม่มีท้องที่ใดเลยที่ไม่ได้รับผลกระทบจากโรคนี้ เมืองหลายแห่งถูกทิ้งร้าง ผลผลิตทางการเกษตรไม่ออกตามที่ควรจะเป็น ผู้คนล้มตายกันเป็นเบือโดยมีก้อนเนื้อมรณะผุดขึ้นเป็นตุ่มปมๆเต็มเนื้อเต็มตัวของพวกเขาไปหมด
หลายคนพูดกันว่าเป็นการลงทัณฑ์ของพระผู้เป็นเจ้าซึ่งกริ้วที่เห็นสาวกของพระองค์พากันเลิกยำเกรงต่อบาป เป็นเหตุให้บาทหลวงและสาธุชนผู้เคร่งครัดในศาสนาส่วนหนึ่งจัดตั้งองค์การฟลาเจลแลนท์ ทำการเฆี่ยนตีตัวเองเพื่อวิงวอนขอความเห็นใจจากพระผู้เป็นเจ้า เดินขบวนไปยังเมืองต่างๆเพื่อชักชวนให้ชาวเมืองเข้าร่วม
แต่ก็มีคนอีกจำพวกหนึ่งที่เที่ยวทึกทักเหมารวมคนต่างๆว่าเป็นต้นเรื่องของไข้มฤตยูนี้ โดยคนพวกนั้นมุ่งหมายไปที่แม่มด ชาวยิปซี คนพิการ ผู้ป่วยโรคเรื้อน รวมไปถึงกลุ่มคนชายขอบกลุ่มอื่นๆอีกสารพัดกลุ่ม
เหนือสิ่งอื่นใดคือชาวยิวซึ่งตกเป็นแพะรับบาปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ค่าที่พวกเขามีชุมชนของตัวเองแยกขาดจากโลกภายนอก รักษาความสะอาดเป็นชีวิตจิตใจ และไม่ได้ใช้บ่อน้ำร่วมกับชาวเมืองทั่วไปซึ่งเป็นคริสต์ชน พวกยิวจึงหนีไม่พ้นข้อครหาว่าพวกเขาวางยาพิษในบ่อน้ำที่ชาวเมืองใช้ดื่มกินกัน
คาตัลโดสาบานกับตัวเองว่าตราบสิ้นชีวิตของเขา ก็คงไม่มีวินาทีใดที่เขาจะลืมภาพหลอนนั้นได้ลง ภาพที่ชาวเมืองกรูกันไปบุกเก็ตโตหรือชุมชนชาวยิว ลากคอบรรดายิวทั้งหลายมารวมกัน ก่อนที่บรรดาฝูงชนที่กำลังตกอยู่ในห้วงอารมณ์บ้าดีเดือดจะกวาดต้อนพวกเขาเหล่านั้นไปยังกองไฟกองใหญ่ที่สุมจนโชติช่วงชัชวาลอยู่กลางจัตุรัสกลางเมือง เพื่อกำจัด “ต้นตอของการระบาด” ให้สิ้นซาก"