รอยเท้ามนุษย์อายุ 13,000 ปี
รายงานล่าสุดที่ถูกเผยแพร่ลงในวารสาร Plos One ประกาศการค้นพบรอยเท้ามนุษย์จำนวน 29 รอย บริเวณชายฝั่งของเกาะ Calvert ในรัฐบริติชโคลัมเบีย
จากบทสัมภาษณ์ที่ตีพิมพ์ลงใน New York Times นักโบราณคดีจากสถาบัน Hakai และมหาวิทยาลัยวิคตอเรียนาม Duncan McLaren เป็นผู้ค้นพบรอยเท้านี้เมื่อปี 2014 และระหว่างการสำรวจในปี 2015 และ 2016 จำนวนรอยเท้าก็เพิ่มมากขึ้น
ด้วยขนาดของรอยเท้าที่ต่างกัน ทีมนักวิจัยตั้งทฤษฎีขึ้นว่าเจ้าของรอยเท้าเหล่านี้น่าจะเป็นมนุษย์ผู้ใหญ่สองคนและเด็กอีกสองคน รอยเท้าดังกล่าวถูกฝังอยู่ในดินเหนียวที่ประกอบด้วยตะกอนมากมายเช่น ทราย และโคลน ธรรมชาติของสถานที่แห่งนี้รักษารอยเท้าโบราณเอาไว้
จากการตรวจสอบด้วยคาร์บอนกัมมันตรังสี นักวิทยาศาสตร์พบว่ารอยเท้าเหล่านี้มีอายุย้อนกลับไปได้ถึงเมื่อ 13,000 ปีก่อน ทำให้รอยเท้าล่าสุดนี้ได้ชื่อว่าเป็นรอยเท้ามนุษย์ที่เก่าแก่ที่สุด เท่าที่เคยถูกพบมาในทวีปอเมริกาเหนือ การค้นพบรอยเท้าในแคนาดานี้ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ทำความเข้าใจถึงการอพยพของผู้คนสมัยก่อนมากยิ่งขึ้น
เรื่อง ซาร่าห์ กิบเบ็นส์
Cr.
https://ngthai.com/history/9275/13000-year-old-human-footprints/
รอยเท้ามนุษย์อายุ 15,600 ปี
นักบรรพชีวินวิทยาจากมหาวิทยาลัยออสทราลแห่งประเทศชิลี เผยว่า เมื่อปี พ.ศ.2553 มีนักศึกษาของมหาวิทยาลัยยูนิเวอซิดัด ออสตราล ออฟ ชิลี
( Universidad Austral of Chile)ได้ค้นพบรอยเท้าบางอย่างในพื้นที่ทางภาคใต้ของประเทศชิลี และถูกส่งต่อให้นักวิทยาศาสตร์นำไปวิเคราะห์เป็นเวลาหลายปี เพื่อแยกแยะความเป็นไปได้ของรอยเท้าพร้อมทั้งกำหนดอายุที่แน่ชัด เบื้องต้นนั้นคิดว่าอาจเป็นรอยเท้าของสัตว์บางชนิด
และผลวิจัยล่าสุดเผยแล้วว่า นี่คือรอยเท้า มนุษย์มีอายุ 15,600 ปี นอกจากจะเป็นรอยเท้าที่ถูกค้นพบครั้งแรกในภาคใต้ของชิลี ยังเชื่อว่าจะเก่าแก่ที่สุดเท่าที่เคยพบมาในทวีปอเมริกา ที่สำคัญคือนี่จะเป็นหลักฐานแรกในการปรากฏตัวของมนุษย์บนทวีปอเมริกาที่น่าจะมีมานานกว่า 12,000 ปี และนักบรรพชีวินวิทยายังเผยว่าใกล้ๆรอยเท้ามนุษย์ดังกล่าวยังพบซากกระดูก ของสัตว์รวมถึงช้างโบราณอีกด้วย.
สำหรับการหาอายุของรอยเท้านั้น มาริโอ ปิโน (Mario Pino) นักภูมิศาสตร์ระบุว่า นักวิทยาศาสตร์ได้ประยุกต์ใช้เทคนิคหาอายุด้วยไอโซโทปคาร์บอนกับร่องรอยของพืชที่พบรอบๆ รอยเท้า และลักษณะรอยเท้านั้นเป็นของผู้ชายที่มีน้ำหนักประมาณ 70 กิโลกรัม และเป็นมนุษย์สปีชีส์ โฮมินิเปส โมเดอร์นัส (Hominipes Modernus) ซึ่งเป็นญาติของ โฮโมซาเปียนส์ (Homo Sapiens) หรือมนุษย์ในปัจจุบัน
Cr.ภาพ
https://www.catdumb.com/oldest-footprint-of-americas-378/
Cr.
https://www.thairath.co.th/news/foreign/1556311
Cr.
https://mgronline.com/science/detail/9620000041730 / โดย: ผู้จัดการออนไลน์
รอยเท้าของมนุษย์ดึกดำบรรพ์ 3.66 ล้านปีก่อน
ราว 40 ปีก่อน ได้มีการค้นพบรอยเท้ามนุษย์สปีซี่ส์ A. Afarensis ในแทนซาเนีย ซึ่งโด่งดังไปทั่วโลกโดยนักบรรพชีวินในตำนาน Mary Leakey หลังจากนั้นก็ไม่พบอีกเลย จนมาปีนี้ นักมานุษยวิทยาชาวอิตาลี ได้ค้นพบโดยบังเอิญ จากงานก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ในแทนซาเนีย
หลังจากเอาหินชั้นบนออกแล้วก็ได้รอยเท้า ของ A. Afarensis ทั้งหมด 5 คน เดินเคียงกันยาวถึง 30 ม. จากการวิเคราะห์ขั้นต้นโดยโมเดลคอมพ์พบว่ามีตัวผู้ 1 ตัวเมีย 3 และเด็ก 1 โดยตัวผู้สูงถึง 165 ซม. ซึ่งสูงมากเมื่อเทียบกับ ลูซี่ โครงกระดูกอันโด่งดังสปีซี่ส์เดียวกันเมื่อ 3.2 ล้านปีก่อน ที่สูงแค่ 110ซม. ทั้งนี้การค้นพบรอยเท้ากลุ่มนี้ นักวิทย์คิดว่า ทฤษฎีที่ว่ามนุษย์สมัยนั้นตัวผู้มีเมียหลายคนจึงเป็นไปได้สูง
การรักษาของรอยเท้าพวกนี้สันนิษฐานได้ว่า เมื่อขี้เถ้าภูเขาไฟตกทับถมและเปียกชื้นจากฝนในอดีต ถูก imprint โดยสิ่งมีชีวิต ก่อนที่จะถูกฝุ่น/ตะกอนทับถมต่อมา ตัวผู้ที่ว่านั้นตัวใหญ่จึงถูกเรียกชื่อเล่นว่า Chewie ตามตัวละครชิวแบคก้า ในหนังสตาร์วอรส์
โดย ดร. ไพลิล ฉัตรอนันทเวช
นักธรณีวิทยา/ธรณีฟิสิกส์ University of Arizona
อ้างอิง
https://www.theguardian.com/…/stepping-back-36m-years-footp…
Cr.
https://www.facebook.com/tsunamithailandCaltech/posts/1316340328430187/
รอยเท้าเก่าแก่ 85,000 ปี
มีรายงานค้นพบรอยเท้าเก่าแก่ของมนุษย์ในภูมิภาคทางตะวันตกเฉียงเหนือของซาอุดิอาระเบีย ใกล้กับเมือง Tabuk รายงานจากการแถลงข่าวโดยกระทรวงวัฒนธรรมและข้อมูลพบว่ารอยเท้าที่เพิ่งถูกค้นพบนี้กระจัดกระจายไปตามทิศต่างๆ บนสถานที่ที่เชื่อกันว่าเคยเป็นทะเลสาบโบราณ
การค้นพบครั้งนี้ถูกประกาศโดยเจ้าชาย Sultan bin Salman ประธานคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและมรดกแห่งชาติซาอุดิอาระเบียในระหว่างการเยือนพิพิธภัณฑ์แห่งชาติโตเกียว
เจ้าชายระบุว่ากลุ่มรอยเท้าที่ค้นพบนี้มีอายุเก่าแก่ถึง 85,000 ปี การขุดค้นดำเนินงานโดย Huw Groucutt นักโบราณคดีที่กำลังทำงานในภูมิภาคดังกล่าว และขณะนี้กำลังวิเคราะห์รอยเท้าเพื่อเผยแพร่รายละเอียดของการค้นพบนี้
หากนักวิทยาศาสตร์มีการค้นพบรอยเท้าที่เก่าแก่มากกว่า 80,000 ปี มันจะเป็นเงื่อนงำสำคัญเพราะเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ฟอสซิลกระดูกนิ้วมนุษย์ถูกพบในทะเลสาบโบราณของซาอุดิอาระเบียที่มีชื่อเรียกว่า แหล่งโบราณคดี Al Wusta ซึ่งจากรายงานการค้นพบในครั้งนั้นระบุว่าฟอสซิลนิ้วดังกล่าวเป็นของมนุษย์ที่เคยมีชีวิตอยู่ในภูมิภาคนั้นเมื่อ 88,000 ปีก่อน ซึ่งในช่วงเวลานั้นทะเลสาบยังคงมีน้ำหล่อเลี้ยงสรรพชีวิตรอบๆ
นักโบราณคดีคาดหวังว่าซาอุดิอาระเบียจะเป็นแหล่งโบราณคดีแหล่งสำคัญในการศึกษาการอพยพของมนุษย์ ซึ่งขณะนี้ทางรัฐบาลเองอนุญาตให้เฉพาะนักวิทยาศาสตร์จากต่างชาติเท่านั้น ที่สามารถเดินทางเข้าไปสำรวจยังแหล่งโบราณคดีได้
เรื่อง ซาร่าห์ กิบเบ็นส์
Cr.
https://ngthai.com/history/10643/footprints-show-human-migration/
รอยเท้ามนุษย์ยุคโบราณ ‘8แสนปี’
(ภาพ-Alfredo Coppa/Sapienza University Rome)
ทีมวิจัยทางด้านบรรพชีวินวิทยาจากพิพิธภัณฑ์แห่งชาติเอริเทรีย นำโดย ศ.อัลเฟรโด คอปปา นักมานุษยวิทยาจากมหาวิทยาลัยซาเปียนซา ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี ขุดค้นพบรอยเท้าของมนุษย์ยุคโบราณอายุเก่าแก่ราว 800,000 ปี ที่แหล่งขุดค้นอาลัด-อาโม ในทะเลทรายดานาคิล ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศเอริเทรีย โดยเชื่อว่าเป็นครั้งแรกที่มีการค้นพบรอยเท้าของ “โฮโม อีเรคตัส” มนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่ถือเป็นบรรพบุรุษโดยตรงของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน
รอยเท้าจำนวน 12 รอยที่พบอยู่ในชั้นตะกอนทรายที่กลายเป็นหินนั้น คาดกันว่าเป็นไปได้ที่จะเป็นของคนจำนวนหนึ่งรูปร่างสูง ที่ทิ้งรอยเท้าเอาไว้ในพื้นที่ซึ่งเดิมน่าจะเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยทุ่งหญ้าและป่าละเมาะ ตรงจุดที่เป็นพื้นที่ขุดค้นขนาด 85 ตารางฟุตนั้น เชื่อว่าน่าจะเป็นส่วนของพื้นที่เป็นตะกอนที่เคยน้ำท่วมถึงเป็นครั้งคราว ทำให้รอยเท้าถูกประทับทิ้งไว้อย่างนั้น หลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน
ศ.คอปปากล่าวว่า รอยเท้าที่พบนั้นเป็นการเคลื่อนที่จากทางเหนือลงใต้ และอาจเป็นรอยเท้าของคนหลายคน ซึ่งอาจกำลังไล่ตามสัตว์กีบบางอย่างคล้ายกวางแอนติโลป ซึ่งปรากฏรอยเท้าของสัตว์กีบจำพวกกวางนี้อยู่ตามเส้นทางรอยเท้ามนุษย์ดังกล่าวด้วยเช่นเดียวกัน
“โฮโม อีเรคตัส” เป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน มีสมองขนาดใหญ่ เกิดขึ้นเมื่อราว 1.8 ล้านปีก่อนที่จะสูญพันธุ์ไปในแอฟริกาเมื่อประมาณ 700,000-800,000 ปีก่อน ในขณะที่เชื่อกันว่าส่วนหนึ่งของโฮโม อีเรคตัส กระจายกันออกไปใช้ชีวิตอยู่ในแอฟริกาตะวันออก เรื่อยไปจนถึงตะวันออกกลางและเอเชีย ซึ่งอาจจะมีชีวิตรอดมาจนกระทั่งถึงราว 50,000 ปีที่แล้ว
ศ.คอปปาชี้ว่า การค้นพบรอยเท้าครั้งนี้ อาจช่วยให้ไขเงื่อนงำได้ว่า โฮโม อีเรคตัส วิวัฒนาการไปอย่างไรจนกระทั่งถึงเมื่อโฮโม ซาเปียน หรือสายพันธุ์มนุษย์ยุคใหม่เกิดขึ้นมาเมื่อราว 200,000 ปีก่อน รอยเท้าของมนุษย์ดึกดำบรรพ์นั้นให้ข้อมูลได้หลากหลาย ตั้งแต่ขนาดและมวลของร่างกายเรื่อยไปจนถึงพฤติกรรมของแต่ละบุคคล เพียงแต่ร่องรอยทางประวัติศาสตร์เช่นนี้หาได้ยากมากเท่านั้นเอง ที่ผ่านมาในแอฟริกามีการค้นพบรอยเท้าของมนุษย์ดึกดำบรรพ์ทำนองนี้เพียงแค่ 3 จุดเท่านั้น
Cr.
https://www.matichon.co.th/lifestyle/news_190190
รอยเท้ามนุษย์โบราณ
นักโบราณคดีอิตาเลียนรับรองว่า ฟอสซิลรอยเท้าที่เชิงภูเขาไฟร็อกคามอนฟิน่าซึ่งอยู่ทางเหนือของเมืองเนเปิ้ล เป็นฟอสซิลรอยเท้าหนึ่งที่มีความเก่าแก่ที่สุดในโลก รอยเท้านี้อายุ 385,000-325,000 ปี ชาวบ้านในแถบนั้นเรียกรอยเท้านี้ว่า "ทางปีศาจ" เพราะเห็นกันมาหลายร้อยปีแล้ว แต่ไม่ทราบว่ารอยเท้าที่ไม่เลือนหายไปนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร และคิดว่าเป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ ซึ่งต่อมานักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาจนได้ข้อสรุปว่า รอยเท้านี้เป็นรอยเท้ามนุษย์โบราณที่ลื่นขณะเหยียบอยู่บนพื้นดินนุ่มๆ
นายเปาโล มีอัตโต นักวิชาการจากยูนิเวอร์ซิตี้ออฟปาดัว ให้ความรู้ว่า ฟอสซิลรอยเท้าเป็นของมนุษย์ที่มีความสูงประมาณ 150 เซนติเมตร เดินตัวตรงและใช้มือช่วยให้การเดินนั้นมั่นคง ร่องรอยการเดินนี้ถูกบันทึกไว้บนตะกอนของการไหลของหินภูเขาไฟ(pyroclastic flow) บนไหล่ภูเขาดังกล่าวและถูกทับถมด้วยขี้เถ้าภูเขาไฟ นักวิจัยสามารถบอกถึงอายุได้จากการสังเกตชั้นของเถ้าภูเขาไฟนี้เอง
จากรอยเท้าชุดนี้เขาสามารถรู้ถึงขนาดร่างกายของมนุษย์โบราณนั้นได้จากการก้าวขา โดยมีรอยเท้า 3 ชุดด้วยกัน ชุดหนึ่งมี 27 รอยและเดินเป็นรูปตัว Z อีกสองชุดมี 19 และ 10 รอยทั้งสามชุดต่างมุ่งหน้าลงจากภูเขาไฟ จากขนาดรอยเท้าที่ยาวประมาณ 8 นิ้ว และกว้าง 4 นิ้วแต่ละก้าวห่างกันประมาณ 1.2 เมตรทำให้ประมาณได้ว่าเจ้าของรอยเท้าไม่น่าจะสูงเกิน 150 เซ็นติเมตร
มิเอตโต กล่าวว่ามนุษย์ดังกล่าวเป็นมนุษย์ที่เดิน 2 ขาแล้วแต่ว่าอยู่ก่อนสมัย homo sapien น่าจะเป็นช่วงปลายของ Homoerextus หรือ Homo Heidelbergensis เป็นไปได้ว่าเจ้าของรอยทั้งสามกำลังหนีลงจากภูเขาไฟที่กำลังระเบิด เนื่องจากนักวิจัยสังเกตแร่ zeolithic ซึ่งอยู่บนผิวรอยฝ่าเท้าและแร่พวกนี้จะมีอยู่ในลาวาและฝุ่นผงภูเขาไฟ ดังนั้นรอยเท้าถูกประทับในช่วงที่หิน ฝุ่นผง และตะกอนเหล่านี้ยังไม่จับตัวกัน นอกจากนั้นทิศทางการลงต่างก็หนีไปจากปากปล่องภูเขาไฟด้วย
การค้นพบรอยเท้ามนุษย์โบราณก่อนหน้านี้มักเจอในถ้ำเช่นที่ฝรั่งเศส แต่ในกรณีนี้เจอบนผิวโลกแต่ถูกเก็บรักษาไว้ใต้ชั้นตะกอนภูเขาไฟ ดังนั้นนักวิจัยเหล่านี้หวังว่าจะพบรอยเท้าหรือรอยอื่นๆที่ถูกเก็บรักษาไว้ใต้ชั้นตะกอนแบบนี้อีกในอนาคต งานวิจัยนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร NATURE ซึ่งเป็นวารสารที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างสูง
Cr. www.google.com
Cr.
https://www.clipmass.com/story/15732
Cr.
http://www.ghosthuntingtheories.com/2017/03/unusual-footprints-found-around-world.html
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
รอยเท้าของมนุษย์ดึกดำบรรพ์
รายงานล่าสุดที่ถูกเผยแพร่ลงในวารสาร Plos One ประกาศการค้นพบรอยเท้ามนุษย์จำนวน 29 รอย บริเวณชายฝั่งของเกาะ Calvert ในรัฐบริติชโคลัมเบีย
จากบทสัมภาษณ์ที่ตีพิมพ์ลงใน New York Times นักโบราณคดีจากสถาบัน Hakai และมหาวิทยาลัยวิคตอเรียนาม Duncan McLaren เป็นผู้ค้นพบรอยเท้านี้เมื่อปี 2014 และระหว่างการสำรวจในปี 2015 และ 2016 จำนวนรอยเท้าก็เพิ่มมากขึ้น
ด้วยขนาดของรอยเท้าที่ต่างกัน ทีมนักวิจัยตั้งทฤษฎีขึ้นว่าเจ้าของรอยเท้าเหล่านี้น่าจะเป็นมนุษย์ผู้ใหญ่สองคนและเด็กอีกสองคน รอยเท้าดังกล่าวถูกฝังอยู่ในดินเหนียวที่ประกอบด้วยตะกอนมากมายเช่น ทราย และโคลน ธรรมชาติของสถานที่แห่งนี้รักษารอยเท้าโบราณเอาไว้
จากการตรวจสอบด้วยคาร์บอนกัมมันตรังสี นักวิทยาศาสตร์พบว่ารอยเท้าเหล่านี้มีอายุย้อนกลับไปได้ถึงเมื่อ 13,000 ปีก่อน ทำให้รอยเท้าล่าสุดนี้ได้ชื่อว่าเป็นรอยเท้ามนุษย์ที่เก่าแก่ที่สุด เท่าที่เคยถูกพบมาในทวีปอเมริกาเหนือ การค้นพบรอยเท้าในแคนาดานี้ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ทำความเข้าใจถึงการอพยพของผู้คนสมัยก่อนมากยิ่งขึ้น
เรื่อง ซาร่าห์ กิบเบ็นส์
Cr.https://ngthai.com/history/9275/13000-year-old-human-footprints/
รอยเท้ามนุษย์อายุ 15,600 ปี
นักบรรพชีวินวิทยาจากมหาวิทยาลัยออสทราลแห่งประเทศชิลี เผยว่า เมื่อปี พ.ศ.2553 มีนักศึกษาของมหาวิทยาลัยยูนิเวอซิดัด ออสตราล ออฟ ชิลี
( Universidad Austral of Chile)ได้ค้นพบรอยเท้าบางอย่างในพื้นที่ทางภาคใต้ของประเทศชิลี และถูกส่งต่อให้นักวิทยาศาสตร์นำไปวิเคราะห์เป็นเวลาหลายปี เพื่อแยกแยะความเป็นไปได้ของรอยเท้าพร้อมทั้งกำหนดอายุที่แน่ชัด เบื้องต้นนั้นคิดว่าอาจเป็นรอยเท้าของสัตว์บางชนิด
และผลวิจัยล่าสุดเผยแล้วว่า นี่คือรอยเท้า มนุษย์มีอายุ 15,600 ปี นอกจากจะเป็นรอยเท้าที่ถูกค้นพบครั้งแรกในภาคใต้ของชิลี ยังเชื่อว่าจะเก่าแก่ที่สุดเท่าที่เคยพบมาในทวีปอเมริกา ที่สำคัญคือนี่จะเป็นหลักฐานแรกในการปรากฏตัวของมนุษย์บนทวีปอเมริกาที่น่าจะมีมานานกว่า 12,000 ปี และนักบรรพชีวินวิทยายังเผยว่าใกล้ๆรอยเท้ามนุษย์ดังกล่าวยังพบซากกระดูก ของสัตว์รวมถึงช้างโบราณอีกด้วย.
สำหรับการหาอายุของรอยเท้านั้น มาริโอ ปิโน (Mario Pino) นักภูมิศาสตร์ระบุว่า นักวิทยาศาสตร์ได้ประยุกต์ใช้เทคนิคหาอายุด้วยไอโซโทปคาร์บอนกับร่องรอยของพืชที่พบรอบๆ รอยเท้า และลักษณะรอยเท้านั้นเป็นของผู้ชายที่มีน้ำหนักประมาณ 70 กิโลกรัม และเป็นมนุษย์สปีชีส์ โฮมินิเปส โมเดอร์นัส (Hominipes Modernus) ซึ่งเป็นญาติของ โฮโมซาเปียนส์ (Homo Sapiens) หรือมนุษย์ในปัจจุบัน
Cr.ภาพ https://www.catdumb.com/oldest-footprint-of-americas-378/
Cr.https://www.thairath.co.th/news/foreign/1556311
Cr.https://mgronline.com/science/detail/9620000041730 / โดย: ผู้จัดการออนไลน์
รอยเท้าของมนุษย์ดึกดำบรรพ์ 3.66 ล้านปีก่อน
ราว 40 ปีก่อน ได้มีการค้นพบรอยเท้ามนุษย์สปีซี่ส์ A. Afarensis ในแทนซาเนีย ซึ่งโด่งดังไปทั่วโลกโดยนักบรรพชีวินในตำนาน Mary Leakey หลังจากนั้นก็ไม่พบอีกเลย จนมาปีนี้ นักมานุษยวิทยาชาวอิตาลี ได้ค้นพบโดยบังเอิญ จากงานก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ในแทนซาเนีย
หลังจากเอาหินชั้นบนออกแล้วก็ได้รอยเท้า ของ A. Afarensis ทั้งหมด 5 คน เดินเคียงกันยาวถึง 30 ม. จากการวิเคราะห์ขั้นต้นโดยโมเดลคอมพ์พบว่ามีตัวผู้ 1 ตัวเมีย 3 และเด็ก 1 โดยตัวผู้สูงถึง 165 ซม. ซึ่งสูงมากเมื่อเทียบกับ ลูซี่ โครงกระดูกอันโด่งดังสปีซี่ส์เดียวกันเมื่อ 3.2 ล้านปีก่อน ที่สูงแค่ 110ซม. ทั้งนี้การค้นพบรอยเท้ากลุ่มนี้ นักวิทย์คิดว่า ทฤษฎีที่ว่ามนุษย์สมัยนั้นตัวผู้มีเมียหลายคนจึงเป็นไปได้สูง
การรักษาของรอยเท้าพวกนี้สันนิษฐานได้ว่า เมื่อขี้เถ้าภูเขาไฟตกทับถมและเปียกชื้นจากฝนในอดีต ถูก imprint โดยสิ่งมีชีวิต ก่อนที่จะถูกฝุ่น/ตะกอนทับถมต่อมา ตัวผู้ที่ว่านั้นตัวใหญ่จึงถูกเรียกชื่อเล่นว่า Chewie ตามตัวละครชิวแบคก้า ในหนังสตาร์วอรส์
โดย ดร. ไพลิล ฉัตรอนันทเวช
นักธรณีวิทยา/ธรณีฟิสิกส์ University of Arizona
อ้างอิง
https://www.theguardian.com/…/stepping-back-36m-years-footp…
Cr.https://www.facebook.com/tsunamithailandCaltech/posts/1316340328430187/
รอยเท้าเก่าแก่ 85,000 ปี
มีรายงานค้นพบรอยเท้าเก่าแก่ของมนุษย์ในภูมิภาคทางตะวันตกเฉียงเหนือของซาอุดิอาระเบีย ใกล้กับเมือง Tabuk รายงานจากการแถลงข่าวโดยกระทรวงวัฒนธรรมและข้อมูลพบว่ารอยเท้าที่เพิ่งถูกค้นพบนี้กระจัดกระจายไปตามทิศต่างๆ บนสถานที่ที่เชื่อกันว่าเคยเป็นทะเลสาบโบราณ
การค้นพบครั้งนี้ถูกประกาศโดยเจ้าชาย Sultan bin Salman ประธานคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและมรดกแห่งชาติซาอุดิอาระเบียในระหว่างการเยือนพิพิธภัณฑ์แห่งชาติโตเกียว
เจ้าชายระบุว่ากลุ่มรอยเท้าที่ค้นพบนี้มีอายุเก่าแก่ถึง 85,000 ปี การขุดค้นดำเนินงานโดย Huw Groucutt นักโบราณคดีที่กำลังทำงานในภูมิภาคดังกล่าว และขณะนี้กำลังวิเคราะห์รอยเท้าเพื่อเผยแพร่รายละเอียดของการค้นพบนี้
หากนักวิทยาศาสตร์มีการค้นพบรอยเท้าที่เก่าแก่มากกว่า 80,000 ปี มันจะเป็นเงื่อนงำสำคัญเพราะเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ฟอสซิลกระดูกนิ้วมนุษย์ถูกพบในทะเลสาบโบราณของซาอุดิอาระเบียที่มีชื่อเรียกว่า แหล่งโบราณคดี Al Wusta ซึ่งจากรายงานการค้นพบในครั้งนั้นระบุว่าฟอสซิลนิ้วดังกล่าวเป็นของมนุษย์ที่เคยมีชีวิตอยู่ในภูมิภาคนั้นเมื่อ 88,000 ปีก่อน ซึ่งในช่วงเวลานั้นทะเลสาบยังคงมีน้ำหล่อเลี้ยงสรรพชีวิตรอบๆ
นักโบราณคดีคาดหวังว่าซาอุดิอาระเบียจะเป็นแหล่งโบราณคดีแหล่งสำคัญในการศึกษาการอพยพของมนุษย์ ซึ่งขณะนี้ทางรัฐบาลเองอนุญาตให้เฉพาะนักวิทยาศาสตร์จากต่างชาติเท่านั้น ที่สามารถเดินทางเข้าไปสำรวจยังแหล่งโบราณคดีได้
เรื่อง ซาร่าห์ กิบเบ็นส์
Cr.https://ngthai.com/history/10643/footprints-show-human-migration/
รอยเท้ามนุษย์ยุคโบราณ ‘8แสนปี’
(ภาพ-Alfredo Coppa/Sapienza University Rome)
ทีมวิจัยทางด้านบรรพชีวินวิทยาจากพิพิธภัณฑ์แห่งชาติเอริเทรีย นำโดย ศ.อัลเฟรโด คอปปา นักมานุษยวิทยาจากมหาวิทยาลัยซาเปียนซา ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี ขุดค้นพบรอยเท้าของมนุษย์ยุคโบราณอายุเก่าแก่ราว 800,000 ปี ที่แหล่งขุดค้นอาลัด-อาโม ในทะเลทรายดานาคิล ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศเอริเทรีย โดยเชื่อว่าเป็นครั้งแรกที่มีการค้นพบรอยเท้าของ “โฮโม อีเรคตัส” มนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่ถือเป็นบรรพบุรุษโดยตรงของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน
รอยเท้าจำนวน 12 รอยที่พบอยู่ในชั้นตะกอนทรายที่กลายเป็นหินนั้น คาดกันว่าเป็นไปได้ที่จะเป็นของคนจำนวนหนึ่งรูปร่างสูง ที่ทิ้งรอยเท้าเอาไว้ในพื้นที่ซึ่งเดิมน่าจะเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยทุ่งหญ้าและป่าละเมาะ ตรงจุดที่เป็นพื้นที่ขุดค้นขนาด 85 ตารางฟุตนั้น เชื่อว่าน่าจะเป็นส่วนของพื้นที่เป็นตะกอนที่เคยน้ำท่วมถึงเป็นครั้งคราว ทำให้รอยเท้าถูกประทับทิ้งไว้อย่างนั้น หลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน
ศ.คอปปากล่าวว่า รอยเท้าที่พบนั้นเป็นการเคลื่อนที่จากทางเหนือลงใต้ และอาจเป็นรอยเท้าของคนหลายคน ซึ่งอาจกำลังไล่ตามสัตว์กีบบางอย่างคล้ายกวางแอนติโลป ซึ่งปรากฏรอยเท้าของสัตว์กีบจำพวกกวางนี้อยู่ตามเส้นทางรอยเท้ามนุษย์ดังกล่าวด้วยเช่นเดียวกัน
“โฮโม อีเรคตัส” เป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน มีสมองขนาดใหญ่ เกิดขึ้นเมื่อราว 1.8 ล้านปีก่อนที่จะสูญพันธุ์ไปในแอฟริกาเมื่อประมาณ 700,000-800,000 ปีก่อน ในขณะที่เชื่อกันว่าส่วนหนึ่งของโฮโม อีเรคตัส กระจายกันออกไปใช้ชีวิตอยู่ในแอฟริกาตะวันออก เรื่อยไปจนถึงตะวันออกกลางและเอเชีย ซึ่งอาจจะมีชีวิตรอดมาจนกระทั่งถึงราว 50,000 ปีที่แล้ว
ศ.คอปปาชี้ว่า การค้นพบรอยเท้าครั้งนี้ อาจช่วยให้ไขเงื่อนงำได้ว่า โฮโม อีเรคตัส วิวัฒนาการไปอย่างไรจนกระทั่งถึงเมื่อโฮโม ซาเปียน หรือสายพันธุ์มนุษย์ยุคใหม่เกิดขึ้นมาเมื่อราว 200,000 ปีก่อน รอยเท้าของมนุษย์ดึกดำบรรพ์นั้นให้ข้อมูลได้หลากหลาย ตั้งแต่ขนาดและมวลของร่างกายเรื่อยไปจนถึงพฤติกรรมของแต่ละบุคคล เพียงแต่ร่องรอยทางประวัติศาสตร์เช่นนี้หาได้ยากมากเท่านั้นเอง ที่ผ่านมาในแอฟริกามีการค้นพบรอยเท้าของมนุษย์ดึกดำบรรพ์ทำนองนี้เพียงแค่ 3 จุดเท่านั้น
Cr. https://www.matichon.co.th/lifestyle/news_190190
รอยเท้ามนุษย์โบราณ
นักโบราณคดีอิตาเลียนรับรองว่า ฟอสซิลรอยเท้าที่เชิงภูเขาไฟร็อกคามอนฟิน่าซึ่งอยู่ทางเหนือของเมืองเนเปิ้ล เป็นฟอสซิลรอยเท้าหนึ่งที่มีความเก่าแก่ที่สุดในโลก รอยเท้านี้อายุ 385,000-325,000 ปี ชาวบ้านในแถบนั้นเรียกรอยเท้านี้ว่า "ทางปีศาจ" เพราะเห็นกันมาหลายร้อยปีแล้ว แต่ไม่ทราบว่ารอยเท้าที่ไม่เลือนหายไปนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร และคิดว่าเป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ ซึ่งต่อมานักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาจนได้ข้อสรุปว่า รอยเท้านี้เป็นรอยเท้ามนุษย์โบราณที่ลื่นขณะเหยียบอยู่บนพื้นดินนุ่มๆ
นายเปาโล มีอัตโต นักวิชาการจากยูนิเวอร์ซิตี้ออฟปาดัว ให้ความรู้ว่า ฟอสซิลรอยเท้าเป็นของมนุษย์ที่มีความสูงประมาณ 150 เซนติเมตร เดินตัวตรงและใช้มือช่วยให้การเดินนั้นมั่นคง ร่องรอยการเดินนี้ถูกบันทึกไว้บนตะกอนของการไหลของหินภูเขาไฟ(pyroclastic flow) บนไหล่ภูเขาดังกล่าวและถูกทับถมด้วยขี้เถ้าภูเขาไฟ นักวิจัยสามารถบอกถึงอายุได้จากการสังเกตชั้นของเถ้าภูเขาไฟนี้เอง
จากรอยเท้าชุดนี้เขาสามารถรู้ถึงขนาดร่างกายของมนุษย์โบราณนั้นได้จากการก้าวขา โดยมีรอยเท้า 3 ชุดด้วยกัน ชุดหนึ่งมี 27 รอยและเดินเป็นรูปตัว Z อีกสองชุดมี 19 และ 10 รอยทั้งสามชุดต่างมุ่งหน้าลงจากภูเขาไฟ จากขนาดรอยเท้าที่ยาวประมาณ 8 นิ้ว และกว้าง 4 นิ้วแต่ละก้าวห่างกันประมาณ 1.2 เมตรทำให้ประมาณได้ว่าเจ้าของรอยเท้าไม่น่าจะสูงเกิน 150 เซ็นติเมตร
มิเอตโต กล่าวว่ามนุษย์ดังกล่าวเป็นมนุษย์ที่เดิน 2 ขาแล้วแต่ว่าอยู่ก่อนสมัย homo sapien น่าจะเป็นช่วงปลายของ Homoerextus หรือ Homo Heidelbergensis เป็นไปได้ว่าเจ้าของรอยทั้งสามกำลังหนีลงจากภูเขาไฟที่กำลังระเบิด เนื่องจากนักวิจัยสังเกตแร่ zeolithic ซึ่งอยู่บนผิวรอยฝ่าเท้าและแร่พวกนี้จะมีอยู่ในลาวาและฝุ่นผงภูเขาไฟ ดังนั้นรอยเท้าถูกประทับในช่วงที่หิน ฝุ่นผง และตะกอนเหล่านี้ยังไม่จับตัวกัน นอกจากนั้นทิศทางการลงต่างก็หนีไปจากปากปล่องภูเขาไฟด้วย
การค้นพบรอยเท้ามนุษย์โบราณก่อนหน้านี้มักเจอในถ้ำเช่นที่ฝรั่งเศส แต่ในกรณีนี้เจอบนผิวโลกแต่ถูกเก็บรักษาไว้ใต้ชั้นตะกอนภูเขาไฟ ดังนั้นนักวิจัยเหล่านี้หวังว่าจะพบรอยเท้าหรือรอยอื่นๆที่ถูกเก็บรักษาไว้ใต้ชั้นตะกอนแบบนี้อีกในอนาคต งานวิจัยนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร NATURE ซึ่งเป็นวารสารที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างสูง
Cr. www.google.com
Cr.https://www.clipmass.com/story/15732
Cr.http://www.ghosthuntingtheories.com/2017/03/unusual-footprints-found-around-world.html
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)