JJNY : สุทินติงเสธอ้นเดินเกมให้ประวิตร/ก้าวไกลจี้อย่าปฏิเสธมีคนฆ่าตัวตาย/ก้าวไกลฝากคิดอุ้มการบินไทยหรือช่วยคน/คลังวุ่น

“สุทิน”ติง”เสธอ้น”เดินเกมให้ “ประวิตร”นั่งหัวหน้าพรรค
https://www.innnews.co.th/politics/news_662102/

นายสุทิน คลังแสง ส.ส. มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงหระแสข่าวว่า พล.อ.กนิษฐ์ ชาญปรีชญา สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)อยู่เบื้องหลังการเดินเกมให้ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แทนนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ว่า 
 
ถือเป็นเรื่องที่ผิดต่อรัฐธรรมนูญ เพราะกำหนดไว้ชัดเจนให้ส.ว. ต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง ซึ่งมีการบัญญัติไว้อย่างรัดกุมเคร่งครัด ส่วนของมารยาท ส.ว. ยิ่งต้องควรคำนึงถึงให้หนักเพราะสังคมได้ตราหน้ามาตลอดว่า ส.ว. ชุดนี้ ที่มาไม่ชอบและไม่สง่างาม เป็นการมาโดยฝีมือผู้นำรัฐบาลชุดนี้ ฉะนั้นเมื่อสังคมได้คาดหมายว่าอย่างนี้ ส.ว. จะต้องคำนึงและระมัดระวังตัวให้มากการไปยุ่งเกี่ยวการไปผูกพันหรือเดินเกมการเมืองให้กับพรรคการเมืองอย่างชัดเจนนั้น โดยมารยาทแล้วถือว่าไม่เกรงใจประชาชนและขาดมารยาททางการเมืองอย่างยิ่ง ส่วนเรื่องจิตสำนึกประชาธิปไตยนั้น ส.ว. คิดและพูดมาตลอดว่าตัวเองมีสถานะเป็นสภาสูง พยายามบอกว่าตัวเองเป็นตัวแทนจากประชาชนอยู่ตลอด แต่พฤติกรรมอย่างวันนี้ แสดงว่ามาจากพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้มาจากประชาชน
  
ส่วนการที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธานคณะคณะกรรมการสรรหาวุฒิสภาฯ และเลือกพล.อ.กนิษฐ์ มาเป็น สว. จะขัดหลักกฎหมายหรือไม่นั้น เรื่องนี้ก็มองได้เพราะปรากฏชัดเจน เรียกว่าเป็นการทำลายหักกลางระบบอย่างชัดเจนและสะท้อนให้คนก็รู้ว่าเขาเป็นใคร ผูกพันกันอย่างไร ดังนั้นมองว่า ส.ว. ทุกคน ขอให้แสดงออกอย่างพองาม ไม่ควรแสดงออกหน้าออกตา จนน่าเกลียด
 

 
'หมอเอก' ก้าวไกล จี้รัฐบาลอย่าปฏิเสธ 'มีคนฆ่าตัวตาย' เซ่นโควิด แนะแก้ปัญหาเชิงรุก รักษาโรค-คน
https://www.matichon.co.th/politics/news_2164701
 
เมื่อวันที่ 30 เมษายน นพ.เอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย พรรคก้าวไกล แสดงความคิดเห็นถึง กรณีที่กรมสุขภาพจิตและศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ออกมาแถลงข่าวในแนวทางเดียวกัน ปฏิเสธว่า การฆ่าตัวตายที่เพิ่มมากขึ้นในหมู่ประชาชนเกี่ยวข้องกับผลกระทบจากมาตรการรับมือโรคระบาดของภาครัฐ
 
นพ.เอกภพ ระบุว่า จากข้อมูลการแถลงของทั้งอธิบดีกรมสุขภาพจิตและโฆษก ศบค. จะเห็นทิศทางการแถลงที่จะออกมาในแนวปฏิเสธการมีอยู่จริงของการฆ่าตัวตายที่มาจากของผลกระทบที่มากับไวรัสโควิด หรืออย่างที่นำข้อมูลจากช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 มาเปรียบเทียบต้องบอกว่า ด้วยบริบทของสังคมและปัญหานั้นมีความแตกต่างกันอย่างมาก และตัวเลขนั้นคือตัวเลขสรุปย้อนหลังที่วิกฤตการณ์นั้นผ่านไปแล้ว แต่ครั้งนี้มีผู้ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างกว่าเมื่อครั้งปี 2540 และปัญหายังคงอยู่ยังไม่หมดสิ้น อย่างน้อยที่สุดก็ยังมีการคงมาตรการล็อกดาวน์ต่อไปอีกหนึ่งเดือนก็ยิ่งจะส่งผลให้คนบางกลุ่มเริ่มมีความเครียดและความสิ้นหวังมากขึ้นจนอาจส่งผลต่อการฆ่าตัวตายที่อาจมีมากขึ้นอีกก็ได้
 
ดังนั้น สิ่งที่ ศบค. ควรทำก็คือเมื่อเห็นสัญญาณว่ามีการฆ่าตัวตายที่เกิดจากการช่วยเหลือที่ไม่ทั่วถึง หรือเกิดจากมาตรการที่เน้นแต่การลดจำนวนผู้ติดเชื้อ โดยให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านเศรษฐกิจปากท้องน้อยกว่า ก็ควรจะมีการปรับมาตรการช่วยเหลือและมีการผ่อนปรนกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้บ้าง
นพ.เอกภพ ยังกล่าวด้วยว่า เราไม่ควรรอให้ผู้ที่ฆ่าตัวตายจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วค่อยมาหาทางแก้ไข แต่ควรจะต้องมีการแก้ปัญหาเชิงรุกมากกว่าการมีสายด่วนให้คนโทรเข้าไปปรึกษาเพียงลำพัง
 
“อย่างเช่นกรณีคนที่ไปต่อคิวรับแจกอาหาร คนที่ไปร้องเรียนหน้ากระทรวงการคลัง ถ้าไม่ลำบากจริงเขาคงไม่ไป ก็น่าจะมีการเข้าไปประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาพจิตด้วย หรือจะใช้เครือข่ายทีมสุขภาพจิตที่มีในโรงพยาบาลทั่วประเทศเข้าคัดกรองเชิงรุกในพื้นที่ก็ได้เช่นกัน อย่าเพียงแค่ปฏิเสธปัญหา อย่ารอให้เกิดเหตุเศร้ากับครอบครัวไหนอีกเลยครับ เราควรทั้งรักษาโรคและรักษาคนด้วยครับ” นพ.เอกภพ กล่าว
 

 
"ก้าวไกล"ฝากรบ.คิด จะทุ่มหลายหมื่นล้าน 'อุ้มการบินไทย' หรือ ช่วยคนกำลังอดตายหลายล้าน
https://www.matichon.co.th/politics/news_2163913
 
‘ก้าวไกล’ ฝากรัฐบาลคิด จะทุ่มเงินเป็นหมื่นล้าน ‘อุ้มการบินไทย’ หรือช่วยประชาชนที่กำลังอดตาย
 
เมื่อวันที่ 30 เมษายน นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี กรณีที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีมติเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการของการบินไทย ด้วยวงเงิน 5 หมื่นล้านบาท ว่า 
 
ประเด็นที่ 1. รัฐบาลและหน่วยงานของรัฐควรเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสและทันเวลา พรรคก้าวไกลทราบดีว่าสถานการณ์โควิดทำให้การบินไทยตกระกำลำบากหนัก แต่ข้อเท็จจริงอีกด้านก็คือการบินไทยส่อจะเจ๊งและรัฐต้องอุ้มมาก่อนหน้านี้นานมากแล้ว รัฐประหารที่สัญญาว่าจะปฏิรูปก่อนเลือกตั้งก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ซื้อเวลาเพื่ออยู่ไปวันๆ จนสถานการณ์ของการบินไทยวิกฤตกว่าสายการบินอื่นมาก และจากประเด็นนี้ หากพรรคก้าวไกลได้รับรายละเอียดของแผนฟื้นฟู เราจะประเมินอีกทีว่า มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่การบินไทยจะหลุดออกจากการวงจร อุ้มไปอยู่ไป แต่หากให้เราประเมินด้วยข้อมูลเท่าที่มีในวันนี้ เราขอฟันธงว่า “Cut Loss” เพราะมองไปข้างหน้า ยังไม่เห็นอนาคต
 
นายสุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ประเด็นที่ 2. ธุรกิจการบินเป็นธุรกิจที่มีกำไร แต่การแข่งขันสูงมาก ด้วยทีมงานส่วนมากของการบินไทยเป็นแบบเดิมๆ ระบบระเบียบแบบกึ่งราชการแบบเดิมๆ ระบบเส้นสายแบบเดิมๆ ยากที่จะเปลี่ยน ไหนจะเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นมากมายทั้งที่เป็นข่าวและไม่เป็นข่าว ถึงเวลาหรือยัง ที่จะยอมรับความจริงว่า ถึงเปลี่ยนได้ก็มิอาจเทียบกับบริษัทที่ตั้งขึ้นใหม่และบริหารแบบเอกชนจริงๆ หากตัดผลประโยชน์ส่วนตัวออก แล้วเอาผลประโยชน์โดยรวมของประเทศเป็นที่ตั้ง ผู้บริหารน่าจะเข้าใจความจริงที่เจ็บปวด (Inconvenient Truth) ได้ไม่ยากว่า ‘จะปฏิรูปองค์กรอย่างไร ในทางปฏิบัติ ก็มิอาจสู้ให้เอกชนทำได้’
 
“ประเด็นที่ 3 ประชาชนส่วนมากก็น่าจะเห็นไปในแนวทางเดียวกันว่าเลิกอุ้ม ซึ่งประเด็นนี้ในการทำโพล ก้าวไกลฟังเสียงประชาชน พบว่า มีเพียง 2%  (จาก 11,600 votes) ที่อยากให้รัฐบาลอุ้มการบินไทย ดังนั้น รัฐบาลต้องคิดให้ดี อย่าเอาแต่ด้านดีของการใช้เงินมาพูด แต่ต้องคิดเสมอว่า ด้วยเงิน 7 หมื่นล้าน จะนำไปอุ้มการบินไทย 1 บริษัท หรือเยียวยาประชาชนคนละ 5 พันต่อเดือน รวม 3 เดือน ได้เพิ่มอีก 4.6 ล้านคน หรือหากลดเหลือ 5 หมื่นล้าน ก็ยังต้องเลือกว่าจะอุ้ม 1 บริษัท หรือเยียวยา 3.3 ล้านคนด้วยสถานการณ์แบบนี้ รัฐบาลต้องเลือกว่า จะอุ้มการบินไทยต่อไปอย่างไร้อนาคต หรือ จะช่วยคนใกล้ตายที่อยู่ต่อหน้า” นายสุรเชษฐ์ กล่าว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่