หลายวันก่อนได้อ่านบทสัมภาษณ์เจ้าสัวซีพี ธนินท์ เจียรวนนท์ เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมของประเทศ หลังสิ้นสุดวิกฤติโควิด-19 ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเรื่องการท่องเที่ยว โดยเจ้าสัวยกตัวอย่างว่าควรทำอย่างไร วางแผนอย่างไร เช่น
“รัฐบาลต้องเตรียมพร้อม ถ้าของเราปลอดภัยแล้ว จะมีหลักการอะไรดีๆ ให้คนกล้ามาเที่ยวเมืองไทยเป็นที่แรก ถ้าทำได้อย่างนี้เงินเข้าประเทศไม่ใช่แค่ 4 แสนล้าน ลงไปชักชวนให้เขามาเที่ยวเมืองไทย ใครรับผิดชอบท่องเที่ยวให้ทำแผนมา ตรงไหนไม่ดีก็ไปแก้ ไปสัมผัสคนมาเที่ยวเมืองไทยครั้งแรก ไปชักชวนปกป้องเขา อันนี้ต้องเตรียมตั้งแต่ตอนนี้ เพราะมีความพร้อม เมื่อหลังวิกฤต
นอกจากนี้ วัฒนธรรมคนไทยยอดเยี่ยมมาก ทั่วโลกอยากมาเที่ยว ต้องให้เขามั่นใจว่ามาเที่ยวเมืองไทยแล้วติด ต้องมีวิธีจะทำอย่างไร ปกป้องอย่างไร มาพักผ่านในโรงแรมไม่ต้องออกไปข้างนอก มีสระว่ายน้ำ อาหาร มีหมอมาช่วยดูแล ให้เขาเชื่อมั่น จะได้เหมาเครื่องบินมาทั้งลำ มั่นใจ ปลอดภัย ไม่มีโรค”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ข่าวจาก MGR Online https://mgronline.com/business/detail/9630000037623
วานนี้เห็นข่าวกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาวางแผนโมเดลการท่องเที่ยวใหม่ สำหรับนักท่องเที่ยวไฮเอนด์ หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รู้สึกว่าแผนการสอดคล้องต้องกันดี ทำให้เห็นว่าภาครัฐและภาคเอกชนมีแนวทางไปในทิศทางเดียวกัน เรียกว่าไม่ตกขบวนกัน ทำให้มั่นใจขึ้นมาอีกเปราะหนึ่งว่า ประเทศไทยหลังวิกฤตก็น่าจะฟื้นตัวได้เร็ว
โมเดลการท่องเที่ยวใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวไฮเอนด์ (Hi-end) หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในไทยลดระดับลงและเข้าสู่ช่วงปลอดเชื้อโควิด-19 โดยการเสนอให้ปิดชายแดนเมืองท่องเที่ยว 2 แห่งที่เป็นเกาะ ได้แก่ “ภูเก็ต” และ “สมุย-พะงัน” เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวได้อย่างปลอดภัยไร้เชื้อ
โดยเงื่อนไขของโมเดลคือ นักท่องเที่ยวจะต้องพำนักในไทยอย่างน้อย 1 เดือนขึ้นไป เดินทางตรงเข้าสู่สนามบินในจังหวัด และไม่เดินทางข้ามจังหวัดระหว่างพำนักในประเทศไทย นอกจากนั้น ก่อนเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยนักท่องเที่ยวจะต้องผ่านการคัดกรองทางด้านสาธารณสุขจากประเทศต้นทางและผ่านการคัดกรองจากกระทรวงสาธารณสุขไทยอีกครั้งก่อนเดินทางเข้าประเทศไทย
“แนวคิดดังกล่าวนี้เกิดขึ้นเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มที่มีศักยภาพในการใช้จ่ายสูงและต้องการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจในประเทศไทยในช่วงที่ไทยปลอดเชื้อแล้ว ในขณะที่ประเทศต้นทางที่มาอาจจะยังไม่พ้นจากภาวะแพร่ระบาดของเชื้อและกำลังเข้าสู่ฤดูหนาวที่มีอากาศหนาวจัด อาทิ ภูมิภาคอเมริกา ภูมิภาคยุโรป โดยวางแผนว่าน่าจะนำร่องโมเดลดังกล่าวในหน้าหนาวนี้ หากได้รับความเห็นชอบจากภาคส่วนต่างๆ”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ข่าวจากประชาชาติธุรกิจ https://www.prachachat.net/tourism/news-457031
แถมวันนี้เห็นข่าวอีกว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติติดบนเกาะพีพี ไปไหนไม่ได้ หลังโควิด-19 ระบาดทั่วโลก แต่กลับได้รับอาหารฟรี หน้ากากอนามัยฟรี น้ำยาล้างมือฟรี แล้วยังได้รับการยกเว้นวีซ่าเข้าเมืองฟรีอีก เรียกได้ว่าทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนคนไทยช่วยกันดูแลอย่างดี จึงรู้สึกประทับใจกับการบริหารจัดการและน้ำใจของคนไทย จนต้องโพสต์ชื่นชมว่า หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วในโลกนี้ ประเทศไทยคือประเทศพัฒนาแล้ว
"เราเคยเรียกประเทศต่างๆ ว่าเป็น ประเทศพัฒนาแล้ว หรือเรียกบางส่วนว่า เป็น ประเทศกำลังพัฒนา แต่ในขณะที่ฉันใช้เวลา 2 เดือน ในประเทศไทย บนเกาะเล็กๆ แห่งหนึ่งทางภาคใต้ ช่วง COVID-19 ระบาดหนักทั่วโลก
อธิบายฉันหน่อยเถิดว่า สิ่งที่ประเทศไทยมอบความช่วยเหลือแก่ชาวไทย และชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด นักท่องเที่ยว คนทำงาน มีทั้ง 1.แจกหน้ากากฟรี และน้ำยาล้างมือฟรีทุกมุมเมือง และร้านค้าทุกร้าน 2.ค่ารักษาพยาบาลฟรีแก่ทุกคนที่ติดเชื้อ COVID-19 3.อาหารฟรี 2 มื้อ ต่อคนต่อวัน 4.วัดไข้ฟรีทุกวัน แม้แต่ทดสอบเชื้อ COVID-19 สำหรับคนกลุ่มเสี่ยง 5.ยกเว้นวีซ่าเข้าเมืองฟรีจนสิ้นเดือนมิถุนายน
ตอนนี้ โปรดลองคิดทบทวนใหม่สักนิดเถิดว่า ประเทศเหล่านี้ เช่น ไทย อังกฤษ ยุโรป อเมริกา ประเทศไหนควรจะเป็นประเทศพัฒนาแล้วที่แท้จริง หรือเราอาจจำเป็นต้องนิยาม “ประเทศพัฒนาแล้ว” ใหม่ว่าหมายความอย่างไร ขอบคุณประเทศไทย พวกเราจะไม่ลืมประเทศของท่านซึ่งเป็น ประเทศพัฒนาแล้ว”
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ข่าวจากไทยรัฐ https://www.thairath.co.th/news/local/south/1833306?fbclid=IwAR23BhYg7H5C67EQKgkP_BzknAID2QMfIBJSf6sSRb03Zf6AzXAlST8yRxU
เราคนไทยในฐานะเจ้าบ้าน ได้ยินได้เห็นว่าคนที่มาบ้านเรา เขารู้สึกดี มีความสุข เราก็ชื่นใจ เพราะในสถานการณ์วิกฤติอย่างนี้ ประเทศเล็ก ๆ อย่างเราดูแลทุกคนไม่ว่าคนไทยหรือไม่ไทยอย่างเท่าเทียมกัน ให้ข้าวให้น้ำ ให้ยารักษาโรค ปัจจัยสี่ไม่มีขาด ไม่ทอดทิ้งกัน ในขณะที่ประเทศที่เรียกตัวเองว่าเจริญแล้วหลายประเทศ ยังเลือกดูแลบางคน ไม่ใส่ใจอีกหลายคน เราก็ภาคภูมิใจในความเป็นไทยของเรายิ่งขึ้น
นึกถึงอีกคำพูดหนึ่งของเจ้าสัวธนินท์ จากการที่ให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้านี้ไม่นานว่า “
เราต้องมีเป้าหมาย การท่องเที่ยวต้องมีหลายเกรด อย่างพวกเกรดสูง ๆ มีเงินเยอะ ๆ ชอบภูเก็ต เราจะทำยังไงให้สนามบินภูเก็ต เครื่องบินส่วนตัวจอดได้ ต้องมีหลาย ๆ เรื่องที่จะไปเปลี่ยนแปลง มีนโยบายให้ชัด แล้วไปส่งเสริม เราต้องให้นักท่องเที่ยวทุกเกรด มาเที่ยวเมืองไทยแล้วพอใจ เพราะการบอกปากต่อปากดียิ่งกว่าไปโฆษณา ถ้าเขามาแล้วชอบ ไปบอกต่อ เท่ากับช่วยเราบริการ ทำให้คนยิ่งอยากจะมาเที่ยว เขาเข้ามาถึง เงินตราต่างประเทศเปลี่ยนเป็นเงินบาท เข้ากระเป๋ารัฐบาลทันที” เรียกว่าไม่ผิดไปจากสถานการณ์ตอนนี้เลย ทั้งเรื่องแผนการท่องเที่ยวของรัฐ และเรื่องคนที่มาเที่ยว เห็นทะลุกลางปล้องจริง ๆ
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าตอนนี้ทั้งภาครัฐและเอกชนตอนนี้ น่าจะปรับจูนเข้าหากันได้มากขึ้นแล้ว ยิ่งการเสนอแผนให้ความช่วยเหลือประเทศตามที่นายกรัฐมนตรีร้องขอไป ได้รับการตอบรับอย่างดีจากภาคเอกชน ถ้าสามารถนำมาทำให้เกิดขึ้นจริง โดยสองภาคส่วนร่วมมือกันทำหน้าที่ของตนเคียงข้างกันไป มั่นใจได้ว่าประเทศไทยได้ประโยชน์ ประชาชนคนไทยได้ประโยชน์ เศรษฐกิจของไทยจะฟื้นกลับมาได้รวดเร็วอย่างแน่นอน
ท่องเที่ยวไทยสัญญาณบวก รัฐ-เอกชนเห็นตรง มั่นใจเศรษฐกิจไทยหลังวิกฤตโควิดฟื้นเร็วแน่นอน
วานนี้เห็นข่าวกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาวางแผนโมเดลการท่องเที่ยวใหม่ สำหรับนักท่องเที่ยวไฮเอนด์ หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รู้สึกว่าแผนการสอดคล้องต้องกันดี ทำให้เห็นว่าภาครัฐและภาคเอกชนมีแนวทางไปในทิศทางเดียวกัน เรียกว่าไม่ตกขบวนกัน ทำให้มั่นใจขึ้นมาอีกเปราะหนึ่งว่า ประเทศไทยหลังวิกฤตก็น่าจะฟื้นตัวได้เร็ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แถมวันนี้เห็นข่าวอีกว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติติดบนเกาะพีพี ไปไหนไม่ได้ หลังโควิด-19 ระบาดทั่วโลก แต่กลับได้รับอาหารฟรี หน้ากากอนามัยฟรี น้ำยาล้างมือฟรี แล้วยังได้รับการยกเว้นวีซ่าเข้าเมืองฟรีอีก เรียกได้ว่าทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนคนไทยช่วยกันดูแลอย่างดี จึงรู้สึกประทับใจกับการบริหารจัดการและน้ำใจของคนไทย จนต้องโพสต์ชื่นชมว่า หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วในโลกนี้ ประเทศไทยคือประเทศพัฒนาแล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราคนไทยในฐานะเจ้าบ้าน ได้ยินได้เห็นว่าคนที่มาบ้านเรา เขารู้สึกดี มีความสุข เราก็ชื่นใจ เพราะในสถานการณ์วิกฤติอย่างนี้ ประเทศเล็ก ๆ อย่างเราดูแลทุกคนไม่ว่าคนไทยหรือไม่ไทยอย่างเท่าเทียมกัน ให้ข้าวให้น้ำ ให้ยารักษาโรค ปัจจัยสี่ไม่มีขาด ไม่ทอดทิ้งกัน ในขณะที่ประเทศที่เรียกตัวเองว่าเจริญแล้วหลายประเทศ ยังเลือกดูแลบางคน ไม่ใส่ใจอีกหลายคน เราก็ภาคภูมิใจในความเป็นไทยของเรายิ่งขึ้น
นึกถึงอีกคำพูดหนึ่งของเจ้าสัวธนินท์ จากการที่ให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้านี้ไม่นานว่า “เราต้องมีเป้าหมาย การท่องเที่ยวต้องมีหลายเกรด อย่างพวกเกรดสูง ๆ มีเงินเยอะ ๆ ชอบภูเก็ต เราจะทำยังไงให้สนามบินภูเก็ต เครื่องบินส่วนตัวจอดได้ ต้องมีหลาย ๆ เรื่องที่จะไปเปลี่ยนแปลง มีนโยบายให้ชัด แล้วไปส่งเสริม เราต้องให้นักท่องเที่ยวทุกเกรด มาเที่ยวเมืองไทยแล้วพอใจ เพราะการบอกปากต่อปากดียิ่งกว่าไปโฆษณา ถ้าเขามาแล้วชอบ ไปบอกต่อ เท่ากับช่วยเราบริการ ทำให้คนยิ่งอยากจะมาเที่ยว เขาเข้ามาถึง เงินตราต่างประเทศเปลี่ยนเป็นเงินบาท เข้ากระเป๋ารัฐบาลทันที” เรียกว่าไม่ผิดไปจากสถานการณ์ตอนนี้เลย ทั้งเรื่องแผนการท่องเที่ยวของรัฐ และเรื่องคนที่มาเที่ยว เห็นทะลุกลางปล้องจริง ๆ
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าตอนนี้ทั้งภาครัฐและเอกชนตอนนี้ น่าจะปรับจูนเข้าหากันได้มากขึ้นแล้ว ยิ่งการเสนอแผนให้ความช่วยเหลือประเทศตามที่นายกรัฐมนตรีร้องขอไป ได้รับการตอบรับอย่างดีจากภาคเอกชน ถ้าสามารถนำมาทำให้เกิดขึ้นจริง โดยสองภาคส่วนร่วมมือกันทำหน้าที่ของตนเคียงข้างกันไป มั่นใจได้ว่าประเทศไทยได้ประโยชน์ ประชาชนคนไทยได้ประโยชน์ เศรษฐกิจของไทยจะฟื้นกลับมาได้รวดเร็วอย่างแน่นอน