ศบค.คงไม่ยอมให้สถานการณ์โควิด19 จบลงเร็วเกินไป...หรือเปล่า

จากตัวเลขจำนวนผู้ป่วยรายใหม่สูงสุด 188 คนเมื่อวันที่ 22 มีนาคม มีผู้ป่วยที่เข้าข่ายนิยามการเฝ้าระวังโรค (p u i )ได้รับการตรวจ582ราย
ส่วนวันที่ 29 มีนาคมมีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น 143 รายในขณะที่มีผู้ป่วยที่เข้าข่าย puiที่ได้รับการตรวจเชื้อ1388คน

     แต่ใน 2 วันที่ผ่านมา ศบค.หาผู้ป่วยมาตรวจอย่างบ้าระห่ำ 2,000 กว่าถึง 4000 คน..ตรวจเจอผู้ติดเชื้อรายใหม่ได้วันละ 7 คน 9 คนเองครับ..อะไรกันนี่


         ศบค. พยายามหาคนไข้ที่เข้าข่ายน่าสงสัยมาตรวจได้จำนวนมาก, มากจนน่าแปลกใจ วันที่ 28เม.ย.  2436 ราย ตรวจเจอ 7คน วันที่29เม.ย. เพิ่มมาเป็น4096 คน เยอะมากๆ ตรวจเจอ 9 คน ช่วงที่ตรวจเจอกันเป็นร้อยๆคน pui หามาตรวจได้ พันกว่าคนเองครับ
ค่าใช้จ่ายในการตรวจอย่างต่ำ3000บาท เห็นว่าเตรียมชุดตรวจสำรองไว้ แสนชุด..เสียดายเงินเหมือนกันเอามาช่วยคนอดอยากดีกว่า
        กลัวว่า ศบค.จะใ่ม่ยอมให้จบง่ายๆนะครับ ถ้ายังมุ่งหาตัวเลขผู้ติดเชื้ออยู่อย่างนี้ แทนที่จะดูตัวเลขผป.  ที่มีอาการหนักต้องเข้ารพ.เป็นหลักมากกว่า ควบคุมไม่ให้มากเกินไปจนรพ. รองรับไม่ไหว  ถ้าไม่มีการระบาดในชุมชน ทุกคนยังร่วมมือป้องกันใส่หน้ากาก รักษาระยะห่าง ตามคำแนะนำ ก็น่าจะพอแล้วครับ
        ตอนนี้การระบาดในชุมชนตัวเลขน้อยลงไปมากแล้วถ้าจะไปตรวจในกลุ่มคลัสเตอร์ใหม่ๆที่มีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อสูงก็ต้องหาให้ดีๆหน่อยนะถึงจะเจอ
ถ้าสุ่มตรวจหลากหลายพื้นที่ก็โอเคแต่ถ้าจงใจจะตรวจให้ได้ตัวเลขผู้ติดเชื้อมากขึ้นแบบจงใจอันนี้ผมก็ไม่เห็นด้วยนะ
หรือว่าชุดตรวจมันเหลือเยอะเกินไปเห็นว่าจะสำรองไว้วันละเป็นแสน test แต่การตรวจวันหนึ่งผมว่าคงไม่เกิน 2,000 ราย ตัวเลข pui มันน้อยลงไปทุกวัน เสียดายงบนะผมว่าชุดตรวจบวกชุดPPEต้นทุนไม่น่าจะต่ำกว่า 3,000 บาท 100000test ก็ประมาณ 300 ล้านบาทเปลี่ยนเป็นเอาเงินมาแจกจ่ายคนเดือดร้อนตกงานตอนนี้ดีกว่ามั้ง..stockทั้งยารักษาทั้งชุดตรวจคงเหลือเยอะมากเลยนะครับเพราะเชื่อในการคาดการประเมินตัวเลขสูงเกินจริงไปมากมายมหาศาลหรือว่ามีส่วนเงินทอนจากการจัดซื้อจัดหามาหรือเปล่า..เสียดายเงินจัง
      ในสายตาชาวโลกประเทศไทยมีผลงานที่ดีมากในการจัดการกับโรคโควิดมาได้ครึ่งทางแล้ว..ส่วนที่เหลือที่จะปิดฉากลงอย่างสวยงามคือการฟื้นฟูประเทศเศรษฐกิจพร้อมๆกับการควบคุมมาตรฐานป้องกันการระบาดของโรคได้อย่างดีอยากให้จบสวยๆครับ
อย่าตึงเกินไปจนเศรษฐกิจพัง..อย่าผ่อนเกินไปจนตัวเลขผป.ใหม่ สูงจนผป.หนักโรงพยาบาลรองรับไม่ไหวแต่ผมว่าโอกาสเกิดน้อยมากเพราะ ศบค.ขี้กลัวอยู่แล้วคงค่อยๆผ่อนปรนกันไปถ้าเราทำสำเร็จแล้วจะเป็นอีกประเทศหนึ่งที่เป็นตัวอย่างในการจัดการกับปัญหาโควิด..ระดับโลกเหมือนไต้หวันนะครับรอเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างเดียวที่จะยืนยันความสําเร็จนี้
ความกลัวเกิดจากความไม่รู้ถ้ารู้ข้อมูลอย่างแท้จริงโดยปราศจากอคติเราจะไม่กลัวแล้วจะกล้าที่จะแก้ปัญหาเดินไปข้างหน้าได้ครับ


        มีหน่วยงานในองค์กรใหญ่หลายหน่วยงาน แต่ละหน่วยงานต้องการนำเสนอผลงานของตัวเองให้ดีที่สุดเป็นเรื่องดีแต่ถ้าสนใจเฉพาะหน่วยงานของตัวเองอย่างเดียวโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อหน่วยงานอื่นในองค์กรต่อให้ผลงานดีมากแค่ไหนองค์กรก็คงจะเติบโตได้ยาก
ต้องทำงานกันเป็นทีมนะครับแต่ละหน่วยงานต้องทำงานอย่างบูรณาการให้ผลงานของแต่ละหน่วยงานออกมาดีองค์กรก็จะก้าวไปข้างหน้าได้
https://ppantip.com/topic/39835902
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่