เผยสาวลำปาง นอนโคม่าในเกาหลี จำเป็นต้องไปหาเงิน แม้ป่วยภูมิแพ้

ครอบครัวสาวลำปางป่วยหนักในเกาหลีใต้ รักษาหมดไป 8 ล้านวอน ยังคงรอความช่วยเหลือจากสถานทูต หลังนายอำเภอช่วยประสานงานให้ ลูกสาวเผย แม่จำเป็นต้องไปทำงานเพราะภาระหนี้สิน แม้ตัวเองจะป่วยโรคภูมิแพ้ ครวญทางบ้านหมดหนทางแล้ว
จากกรณีที่ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านเลขที่ 79 หมู่ 8 ต.ทุ่งงาม อ.เสริมงาม จ.ลำปาง พบ น.ส.ชมพูนุช ผันผ่อน อายุ 23 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะมนุษยศาสตร์ฯ มหาวิทยาลัย แห่งหนึ่งในจังหวัดลำปาง เปิดเผยถึงอาการป่วยของ น.ส.กุลหทัย แก่นแก้ว อายุ 49 ปี ซึ่งไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ โดยไปแบบผิดกฎหมาย หรือผีน้อย ขณะนี้ป่วยหนักอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงโซล หมดค่าใช้จ่ายไปแล้วเกือบ 8 ล้านวอน และไม่สามารถที่จะเดินทางกลับประเทศไทยได้

น.ส.ชมพูนุช กล่าวว่า ก่อนที่แม่จะไปทำงานที่เกาหลีต้องขายบ้านที่จังหวัดลำพูนและนำบ้านที่ลำปางไปจำนองเพื่อใช้หนี้ ด้วยภาระหนี้สินที่มีอยู่เลยจำเป็นต้องไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ตั้งแต่ต้นเดือน มี.ค.62 ที่ผ่านมา แต่แม่มีโรคประจำตัวคือ โรคภูมิแพ้ กระทั่งต้นเดือน มี.ค.63 ที่ผ่านมาแม่เริ่มมีอาการไอเรื้อรัง และจะเดินทางกลับบ้านแต่ต่อมาสนามบินปิดเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 และต่อมาต้นเดือนเม.ย.อาการแม่เริ่มทรุดลง ต้องไปรักษาตัวที่คลินิกในกรุงโซล ทางบ้านต้องไปกู้เงินกว่าแสนบาท ส่งให้แม่ไปรักษาตัวที่คลินิกในเกาหลี แต่สุดท้ายวันที่ 24 เม.ย.แม่มีอาการหนักจนถึงขั้นอาเจียน กินข้าวไม่ได้ และเดินไม่ได้ จนกระทั่งวันที่ 25 เม.ย.63 อาการของแม่ทรุดหนักจนต้องเข้ารักษาตัวที่ รพ.แห่งหนึ่งที่กรุงโซล
"ผลการตรวจยืนยันว่า ไม่พบเชื้อโควิด-19 แต่ขณะนี้ ยอดค่ารักษาพยาบาลสรุป ณ วันที่ 28 เมษายน อยู่ที่เกือบ 8 ล้านวอน ซึ่งหากมีการรักษาต่อค่าใช้จ่ายก็ต้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ทางบ้านหมดหนทางไม่รู้จะทำอย่างไร จึงอยากขอวิงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือด้วย"
 
ล่าสุด นางคำเอ้ย แก่นแก้ว อายุ 74 ปี แม่ของ น.ส.กุลหทัย แก่นแก้ว ได้วิงวอนผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตาว่า ตนนอนไม่หลับมาหลายวันหลังจากที่ทราบว่าลูกป่วยหนักที่ประเทศเกาหลีใต้ ตอนนี้ตัวเองหมดปัญญาที่จะช่วยลูก อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือเพราะทุกวันนี้ ลูกสาวเป็นเสาหลักของครอบครัวที่ไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ก็เพราะภาระหนี้สิน ต้องการหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว และส่งลูกเรียน
ขณะที่ น.ส.รุจิรา ธนวัตสุวรรณ อายุ 37 ปี ญาติเปิดเผยว่าตอนนี้ได้ขอร้องให้คนที่อยู่หมู่บ้านเดียวกันที่ทำงานอยู่ที่เกาหลีใต้ช่วยไปดูอาการให้ ซึ่งทราบว่าอาการของผู้ป่วยโดยรวมดีขึ้นบ้างเล็กน้อย และได้ประสานไปยังนายนเรศวร์ฤทธิ์ อุบลศรี นายอำเภอเสริมงาม ซึ่งท่านเองได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบที่บ้านและให้ช่วยเหลือ โดยเบื้องต้นได้ทำหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทางครอบครัวยังรอคำตอบว่าจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง

ที่มา : https://www.thairath.co.th/news/local/north/1833504
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ปรกติ คนป่วยไม่มีเงินจ่ายตอนนี้. ก็ขอผ่อนเขาก็ได้

แพทย์หมอ เขาไม่ได้ใจดำขนาดนั้นหรอก. ไม่ว่าประเทศไหน

สาวไทยมาเที่ยวญี่ปุ่น. เป็นโรคหัวใจรั่ว. เรียกรถพยาบาล  หมอผ่าตัดหัวใจ ให้. ค่ารักษา หลายล้านบาท ยังผ่อนเลย. ทางโรงบาลเขาก็ไม่ได้บังคับให้จ่ายนะ  

คนไทย เคยเป็น ผีน้อยที่ญี่ปุ่น. เส้นเลือดในสมองแตกในโรงงาน  รถพยาบาลไปส่งโรงบาล ผ่าตัดสมอง
    โรงบาลเอกชนด้วย. ค่ารักษา สามล้านกว่า
ก็ไม่ได้จ่าย

โทร์ไปบอกสถานทูต เขาก็มารับกลับนะ

ตอนนี้ ประเทศไทยปิดไม่ให้คนเข้า มั้ง. เขาคงอยากให้แม่กลับมั้ง


ถ้าเขาไม่ให้กลับ ก็นอนรักษา ที่เกาหลี ให้อาการดีขึ้นก่อน. แล้วค่อยกลับมาซิ

ทางโรงบาลเขาก็ไม่ได้บังคับให้จ่ายเงินไม่ใช่หรือ



ส่วนเงินก็บอกเขา ว่าจะผ่อนจ่าย

เป็นภูมิแพ้ อาการดีขึ้นแล้วค่อยกลับซิ
เส้นเลือดในสมองแตก. พิการครึ่งซีก ยังนั่งรถเข็นกลับได้


คนอยู่ไทยเป็นห่วงก็เข้าใจอยู่. ดิ้นรนไปมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก.  ใจเย็นๆ รอก็พอมั้ง. ให้แม่นอนรักษาตัว
อาการดีขึ้น แล้วค่อยกลับมาก็ได้

ไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา.  ไม่มีโรงบาลประเทศไหนเขาจับไปเข้าคุกหรอก


คนเป็นโรบินฮู้ด ผีน้อย. นึกอยากกลับก็กลับมันไม่ใช่
ต้องมีเอกสารจาก ตม. จากสถานทูต. ต้องเดินเรื่องต้องรอคิว
ความคิดเห็นที่ 8
ทางเกาหลี เขาประกาศให้ทราบทั่วกันมานานแล้วว่า ผุ้ใดเข้าเมืองแบบผิดกฎหมายให้มารายงานตัวเพื่อส่งกลับ และไม่ติด blacklist ก็ไม่ทำ
เขาประกาศก่อนมีโควิด
พวกนี้ ต้องสมน้ำหน้า
ความคิดเห็นที่ 4
เนื้อข่าวเดียวกัน
แค่คนละแหล่งข่าว

ตั้งกระทู้ติดๆกันแบบนี้ ขออนุญาตถามว่า จขกท ต้องการอะไรคะ?
ความคิดเห็นที่ 7
ทำไมไม่ทำให้ถูกกฏหมาย ชอบอ้างว่ามีหนีสิน จำเป็นต้องทำ ทุกคนอ้างแบบนี้ เพื่อทำผิดก็ได้หรือ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่