เกาะที่มีก้อนเมฆเป็นของตัวเอง
ลิธลา ดิมัน คือเกาะขนาดเล็กที่สุดใน 18 หมู่เกาะของประเทศหมู่เกาะแฟโร ตั้งอยู่ทางตอนเหนือโดยเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรเดนมาร์ก สิ่งที่ทำให้เกาะนี้โดดเด่นเหนือเกาะอื่น คือบรรยากาศของเกาะนี้สร้างชั้นเมฆที่ลอยอยู่เหนือยอดเขาของเกาะจนรูปร่างเหมือนครีมที่อยู่บนเค้ก
ในความเป็นจริงก้อนเมฆก้อนนี้มีรูปร่างเหมือนกระจกเลนส์ โดยเกิดจากการที่อากาศชื้นอิ่มตัวพัดผ่านยอดเขาสูง และทำให้เกิดการไหลของกระแสอากาศชื้นหลายคลื่นขึ้น เมื่ออุณหภูมิลดลงจนเกิดการกลั่นตัว ทำให้เกิดปรากฎการณ์ดังกล่าวขึ้น โดยก้อนเมฆบนเกาะลิธลา ดิมัน จะลอยตัวเช่นนี้บ่อยครั้ง ในบางครั้งก็ขนาดใหญ่จนแตะพื้นทะเลเลยทีเดียว
ลิธลา ดิมันในวันที่ไม่มีเมฆ ตามปกติแล้วมันคือเกาะที่ไม่มีผู้คนเหลืออยู่อาศัย โดยชาวนาบริเวณใกล้เคียงจะมาที่นี่เพื่อตรวจดูสิ่งมีชีวิตบนเกาะอย่างแกะขนดำ ซึ่งมีอยู่เต็มเกาะจากการนำมาเลี้ยงตั้งแต่สมัยก่อน โดยสัตว์กินเนื้อบนเกาะถูกล่าจนหมดสิ้นในระหว่างปี 1800 เพื่ออนุรักษ์แกะพันธ์ุพื้นเมืองไว้ โดยพวกเขาล้อมตาข่ายทั่วเกาะเพื่อไม่ให้พวกมันตกลงไปจากหน้าผา
เกาะแห่งนี้ไม่เปิดรับนักท่องเที่ยว สาเหตุสำคัญคือไม่มีพื้นที่ราบบนเกาะมากนัก โดยเต็มไปด้วยหน้าผาสูงชันซึ่งอาจเป็นอันตรายได้ แต่สามารถไปยังเกาะข้างเคียงเพื่อรับชมปรากฎการณ์ที่เมฆลอยอยู่เหนือเกาะนี้ได้
สำหรับปรากฎการณ์เมฆรูปเลนส์หรือเมฆจานบินสามารถพบเห็นได้ทั่วโลก เช่น ภาพของเมฆรูปเลนส์ที่อยู่บนเขาไฟฟูจิ สำหรับประเทศไทยเรายังไม่เคยเกิดเมฆรูปเลนส์มาก่อน
ที่มา : elitereaders | เรียบเรียงโดย เพชรมายา
Cr.
https://petmaya.com/little-island-that-looklike-cupcake
เกาะที่ห่างไกลที่มีคนอาศัยอยู่
ตริสตันดากูนยา (Tristan da Cunha) หรือ ทริสตันดาคูนา เกาะภูเขาไฟที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากแผ่นดินใหญ่ในมหาสมุทรแอตแลนติกใต้ สำหรับแผ่นดินที่ใกล้ที่สุดกับเกาะแห่งนี้คือประเทศแอฟริกาใต้ ในระยะทาง 2,816 กิโลเมตร ส่วนทวีปอเมริกาใต้นั้นห่างถึงกว่า 3,360 กิโลเมตรเลยทีเดียว
เกาะสุดห่างไกลที่สุดในโลกแห่งนี้ถูกค้นพบครั้งแรกโดยนักสำรวจชาวโปรตุเกสชื่อ ตริสเตา ดา กูนยา (Tristão da Cunha ) ในปี ค.ศ. 1506 และปัจจุบันก็มีคนอาศัยอยู่ที่เกาะแห่งนี้ราวๆ 300 คน การเดินทางไปยังเกาะแห่งนี้สามารถเดินทางไปได้ทางเดียวคือเรือเท่านั้น โดยต้องใช้เวลามากถึง 6 วันในการเดินทางจากแผ่นดินใหญ่ที่ใกล้ที่สุดอย่างประเทศแอฟริกาใต้
อย่างไรก็ตามเกาะที่ห่างไกลที่สุดในโลกนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดยอดเยี่ยมของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการผจญภัย โดยบนเกาะแห่งนี้มีทั้งวิถีชาวบ้านที่เป็นเอกลักษณ์ รวมไปถึงเพนกวินสายพันธุ์ Rockhopper ที่โดดเด่นตรงขนบริเวณตาอีกด้วย
ที่มา nextsteptv
Cr. ที่สุ
http://xn--12c1bp2cyie.com/
Cr.
https://www.facebook.com/progogopage/posts/532897953569902/
เกาะปะการังรูปวงแหวนที่ล้อมรอบลากูน
เกาะแห่งนี้มีชื่อว่า Palmerston เป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะคุก เขตปกครองตนเองของนิวซีแลนด์ ซึ่งประกอบไปด้วยเกาะเล็กๆ 15 เกาะ ในมหาสมุทรแปซิฟิก โดย Palmerston ปัจจุบันมีประชากรอาศัยอยู่เพียง 62 คน
เกาะปะการังหรือ อะทอลล์ ซึ่งก็คือเกาะปะการังรูปวงแหวนที่ล้อมรอบลากูน ที่อาจล้อมปิดลากูนโดยสมบูรณ์หรือล้อมรอบเป็นบางส่วนก็ได้ และยังตั้งอยู่บนภูเขาไฟที่ดับไปนานแล้วตั้งแต่สมัยอดีต
บนเกาะมีไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ตแต่สามารถใช้ได้เพียงวันละไม่กี่ชม.เท่านั้น พวกเขารองน้ำฝนเอาไว้เป็นน้ำดื่มน้ำใช้ และบนเกาะแห่งนี้ไม่มีการแลกเปลี่ยนด้วยเงินตรา ผู้คนต่างช่วยกันปลูกพืชโดยเฉพาะมะพร้าวและจับปลา จากนั้นก็นำผลผลิตไปขายให้กับผู้คนบนแผ่นดินใหญ่เพื่อแลกซื้อกับของที่จำเป็น
หมู่เกาะนี้ถูกค้นพบโดยนักสำรวจชื่อ James Cook แต่ถึงแม้ว่าจะถูกค้นพบแล้วก็ยังไม่มีผู้อยู่อาศัยนานนับร้อยปี จนกระทั่งช่างไม้ชาวอังกฤษ William Marsters ได้ตกหลุมรักและอยากเข้ามาใช้ชีวิตอยู่บนเกาะแห่งนี้ ซึ่งขณะนั้นเกาะ Palmerston แห่งนี้เป็นสมบัติของ John Brander พ่อค้าชาวอังกฤษ William ได้พูดคุยกับ John ซึ่งต่อมาได้ยกให้เขาเป็นผู้ดูแลเกาะแห่งนี้แทน โดย William ได้ปลูกมะพร้าวและทำน้ำมันมะพร้าวส่งออกแลกกับของกินของใช้ที่จะถูกขนส่งมาทางเรือปีละ 2-3 ครั้ง
เรียบเรียงโดย : thaihitz.com
Cr.
https://thaihitz.com/มีอยู่จริง-มนุษย์อาศัยอ/
เกาะที่เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างหนัง Cast Away
หนังเรื่อง Cast Away ที่นำแสดงโดยทอม แฮงค์ เรื่องราวของชายคนหนึ่งที่ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตก ในขณะที่คนอื่นๆ เสียชีวิตกันหมดเขากลับรอดชีวิตมาได้ แต่ต้องติดอยู่บนเกาะอย่างโดดเดี่ยว เขาพยายามเอาชีวิตรอดและพยายามหาทางออกไปจากที่เกาะแห่งนี้ จนสุดท้ายเขาก็ทำสำเร็จ เป็นภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นมาโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริง
โดยเกาะ Tromelin เป็นเกาะขนาดเล็กตั้งอยู่ห่างไปทางตะวันออกของเกาะมาดากัสการ์ 280 ไมล์ รอบๆ เกาะล้อมรอบด้วยแนวปะการังเป็นจุดที่เข้าถึงได้ยากมาก แต่ในปี 1722 เรือ Utine ของฝรั่งเศสเดินทางมาจากประเทศ Mauritius ไปยังมาดากัสการ์ บนเรือมีลูกเรือไม่กี่สิบคนแต่มีทาสมากถึง 150 คน เมื่อเดินทางมาถึงเกาะแห่งนี้เรือก็ชนเข้ากับปะการังจนทำให้เรืออัปปาง ปรากฎว่ามีทาสเพียง 60 คนกับลูกเรือเพียงไม่กี่คนที่รอดชีวิต และพวกเขาต้องหนีขึ้นมาอยู่บนเกาะเล็กๆ ขนาด 1,700 เมตรนี้
ลูกเรือที่รอดมาได้พยายามเก็บน้ำจืดเอาไว้ดื่มเอง มีทาสบางส่วนต้องตายเพราะความกระหาย หลังจากนั้นไม่นานลูกเรือก็ต่อแพขึ้นมาใหม่จากซากเรือที่อัปปางและใช้มันออกไปจากเกาะ ทิ้งพวกทาสเอาไว้และสัญญาว่าจะกลับมา
แต่เมื่อพวกลูกเรือกลับมาถึงมอริเชียส เจ้าหน้าที่กลับไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องกลับมารับทาสที่ถูกทิ้งไว้บนเกาะ ประกอบกับช่วงเวลานั้นฝรั่งเศสกำลังเผชิญกับสงคราม จึงไม่มีอะไหล่ต่อเรือไปช่วยเหลือทาสเหล่านั้น
ทาสที่ถูกทิ้งอยู่บนเกาะต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอด พวกเขาก่อไฟเป็นสัญญาณมานานกว่า 15 ปี และอาศัยกินเต่า นกทะเล รวมถึงหอยเป็นอาหาร และยังสร้างบ้านเรือนจากบล็อกปะการังและทรายอีกด้วย โดยใช้เครื่องทองแดงมาก่อไฟทำอาหาร ซึ่งนักโบราณคดีค้นพบห้องครัวชั่วคราวบนเกาะ ทั้งยังมีถ้วย ชาม ช้อน และเครื่องใช้อื่นๆ อีกด้วย
44 ปีต่อมา ในปี 1766 Bernard Boudin กัปตันเรือรบ La Dauphine ของฝรั่งเศสได้เดินทางผ่านเกาะแห่งนี้และพบคนติดอยู่บนเกาะจึงเข้าให้ความช่วยเหลือผู้รอดชีวิต ที่เหลือเพียง 8 คนเท่านั้น (ผู้หญิง 7 คนและเด็กทารกชายวัย 8 เดือน 1 คน)
ในหนังพระเอกติดอยู่บนเกาะนาน 7 ปี แถมเกาะที่พระเอกติดอยู่นั้นก็กว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ แต่พวกเขากลับติดอยู่บนเกาะเล็กๆนานกว่า 44 ปี
ขอบคุณที่มา:
http://www.clipmass.com/story/116614
Cr.
http://www.elitereaders.com/castaways-tromelin-island/
Cr.
https://board.postjung.com/993896 / โพสท์โดย ิทาสแมว
เกาะที่มีพืชหน้าตาแปลกประหลาด
เกาะโซโคตรา ตั้งอยู่ในทะเลอาหรับ มหาสมุทรอินเดีย ในอาณาเขตการปกครองของประเทศเยเมน ห่างจากแผ่นดินใหญ่ประมาณ 380 กิโลเมตร และทางด้านตะวันตกของเกาะก็ห่างจากคาบสมุทรโซมาเลีย (Somalia Peninsula) ประมาณ 80 กิโลเมตร โดยมีพื้นที่บนเกาะทั้งหมดประมาณ 3,625 ตารางเมตร มีแนวเทือกเขาทอดยาวตั้งแต่บริเวณกลางเกาะไปจนถึงด้านทิศตะวันออกของเกาะ ซึ่งสร้างภูมิทัศน์ที่แปลกตาและความหลากหลายให้กับเกาะแห่งนี้
กว่าที่จะมาเป็นเกาะโซโคตรา พื้นที่แห่งนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของทวีปแอฟริกาและคาบสมุทรอาหรับ แต่เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงของแผ่นเปลือกโลกเมื่อ 20 ล้านปีก่อน ทำให้เกิดเกาะเล็กเกาะน้อยนอกชายฝั่ง ซึ่งโซโคตราก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยมีอ่าวเอเดน (Gulf of Aden) กั้นระหว่างเกาะและประเทศเยเมน
ความน่าสนใจของเกาะโซโคตราก็คือสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ บนเกาะ ทั้งพืชและสัตว์ล้วนมีถิ่นกำเนิดอยู่บนเกาะแห่งนี้ ซึ่งพืชถึง 1 ใน 3 ของทั้งหมดบนเกาะ สามารถหาได้ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น และลักษณะของพืชบางชนิดบนเกาะยังมีหน้าตาแปลกประหลาด ราวกับหลุดมาจากโลกในยุคดึกดำบรรพ์
บนเกาะแห่งนี้ยังมีธรรมชาติที่สวยงามมาก ๆ อีกด้วย อาทิ ชายหาดที่ขาวสะอาด ทรายขาวละเอียดเนียนนุ่ม น้ำทะเลสีฟ้าใสแจ๋ว ซึ่งสามารถมองเห็นใต้ท้องทะเลได้อย่างชัดเจน ราวกับท้องทะเลในมัลดีฟส์, เนินทะเลทรายสุดกว้างใหญ่ทางฝั่ง Steroh, สระน้ำจืดใสสีเขียวมรกต (Kalysan) เป็นต้น และความหลากหลายทางชีวภาพ พร้อมทั้งความสวยงามของเกาะโซโคตรานี้เอง ทำให้ที่นี่ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 2008 ที่นี่มีผู้คนอาศัยอยู่โดยตั้งถิ่นฐานอยู่รอบ ๆ เกาะ ส่วนมากจะเป็นคนพื้นเมือง ประกอบอาชีพประมงเป็นหลัก
Dragon's Blood Tree ( Dracaena cinnabari ) เป็นต้นไม้ที่สามารถพบเห็นได้มากที่สุดบนเกาะโซโคตรา พืชชนิดนี้จะเป็นลำต้นสูง มีพุ่มด้านบนคล้ายกับดอกเห็ด มีใบเล็ก ๆ สีเขียวสวยงามยืนต้นอย่างสง่างามทั่วทั้งเกาะ โดยเฉพาะบริเวณเชิงเขา ต้นไม้นี้จะยืนเรียงรายลดหลั่นกันไปตามความชันของภูเขา ดูสวยงามและแปลกตา
พืชอีกชนิดคือ Desert Rose มีลำต้นอ้วนกลม แตกกิ่งก้านบริเวณด้านบน มีดอกสีสันสวยงามบนยอด สร้างบรรยากาศสดชื่น มีชีวิตชีวาให้กับเกาะที่ไม่ค่อยมีผู้คนแห่งนี้ได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังมีสัตว์อื่น ๆไม่ว่าจะเป็นนกทะเลมากกว่า 192 สายพันธุ์, ปะการังทะเล 253 สายพันธุ์, สัตว์ทะเลกว่า 730 สายพันธุ์ และสัตว์อื่น ๆ อีกมากมาย
ภาพจาก Oleg Znamenskiy / shutterstock.com
ที่มา socotra, darkroastedblend.com, unesco
Cr.
https://travel.kapook.com/view142903.html
เกาะร้างที่มีบ้านหลังน้อยตั้งโดดเดี่ยวอยู่
บ้านน้อยหลังนี้ตั้งอยู่บน ‘เกาะ Elliðaey’ เกาะที่มีที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของหมู่เกาะ Vestmannaeyjar ทางตอนใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ มีเนื้อที่ประมาณ 278 ไร่ และมีลักษณะภูมิประเทศเป็นหน้าผาชันและแนวหินสูง โดยครั้งแรกที่มีผู้ปล่อยภาพบ้านหลังนี้ออกมานั้น ผู้คนจำนวนมากต่างเชื่อว่า นี่เป็นภาพตัดต่อ
ย้อนกลับไปเมื่อราว 300 ปีก่อน เดิมเกาะ Elliðaey เคยเป็นที่อยู่อาศัยของครอบครัวชาวประมงไอซ์แลนด์ราว 5 หลังคาเรือน พวกเขาหาเลี้ยงชีพด้วยการจับปลา และล่านกพัฟฟิน จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1930 ครอบครัวชาวประมงที่เคยอาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้ ได้ย้ายถิ่นที่อยู่อาศัยไปทำมาหากินอยู่บนแผ่นดินใหญ่กันหมด ทิ้งเกาะ Elliðaey ให้อ้างว้างโดดเดี่ยว โดยไม่มีใครเข้ามาอยู่อาศัยที่เกาะแห่งนี้อีกเลย
ต่อมาในปีค.ศ. 1950 รัฐบาลไอซ์แลนด์ได้เล็งเห็นว่า พื้นที่บริเวณเกาะ Elliðaey เหมาะแก่การหาปลา และเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การล่านกพัฟฟินเป็นอย่างมาก จึงได้จัดตั้งสมาคมล่านกพัฟฟินขึ้น และสร้างบ้านหลังนี้ไว้บนเกาะ เพื่อเป็นที่พักอาศัยชั่วคราวของเหล่าสมาชิกนักตกปลาและล่านกพัฟฟิน
เขียนโดย menmen
Cr.
https://generalmenmen.blogspot.com/2017/10/blog-post.html
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
เกาะขนาดเล็กที่ห่างไกลและมีความเป็นมา
ลิธลา ดิมัน คือเกาะขนาดเล็กที่สุดใน 18 หมู่เกาะของประเทศหมู่เกาะแฟโร ตั้งอยู่ทางตอนเหนือโดยเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรเดนมาร์ก สิ่งที่ทำให้เกาะนี้โดดเด่นเหนือเกาะอื่น คือบรรยากาศของเกาะนี้สร้างชั้นเมฆที่ลอยอยู่เหนือยอดเขาของเกาะจนรูปร่างเหมือนครีมที่อยู่บนเค้ก
ในความเป็นจริงก้อนเมฆก้อนนี้มีรูปร่างเหมือนกระจกเลนส์ โดยเกิดจากการที่อากาศชื้นอิ่มตัวพัดผ่านยอดเขาสูง และทำให้เกิดการไหลของกระแสอากาศชื้นหลายคลื่นขึ้น เมื่ออุณหภูมิลดลงจนเกิดการกลั่นตัว ทำให้เกิดปรากฎการณ์ดังกล่าวขึ้น โดยก้อนเมฆบนเกาะลิธลา ดิมัน จะลอยตัวเช่นนี้บ่อยครั้ง ในบางครั้งก็ขนาดใหญ่จนแตะพื้นทะเลเลยทีเดียว
ลิธลา ดิมันในวันที่ไม่มีเมฆ ตามปกติแล้วมันคือเกาะที่ไม่มีผู้คนเหลืออยู่อาศัย โดยชาวนาบริเวณใกล้เคียงจะมาที่นี่เพื่อตรวจดูสิ่งมีชีวิตบนเกาะอย่างแกะขนดำ ซึ่งมีอยู่เต็มเกาะจากการนำมาเลี้ยงตั้งแต่สมัยก่อน โดยสัตว์กินเนื้อบนเกาะถูกล่าจนหมดสิ้นในระหว่างปี 1800 เพื่ออนุรักษ์แกะพันธ์ุพื้นเมืองไว้ โดยพวกเขาล้อมตาข่ายทั่วเกาะเพื่อไม่ให้พวกมันตกลงไปจากหน้าผา
เกาะแห่งนี้ไม่เปิดรับนักท่องเที่ยว สาเหตุสำคัญคือไม่มีพื้นที่ราบบนเกาะมากนัก โดยเต็มไปด้วยหน้าผาสูงชันซึ่งอาจเป็นอันตรายได้ แต่สามารถไปยังเกาะข้างเคียงเพื่อรับชมปรากฎการณ์ที่เมฆลอยอยู่เหนือเกาะนี้ได้
สำหรับปรากฎการณ์เมฆรูปเลนส์หรือเมฆจานบินสามารถพบเห็นได้ทั่วโลก เช่น ภาพของเมฆรูปเลนส์ที่อยู่บนเขาไฟฟูจิ สำหรับประเทศไทยเรายังไม่เคยเกิดเมฆรูปเลนส์มาก่อน
ที่มา : elitereaders | เรียบเรียงโดย เพชรมายา
Cr.https://petmaya.com/little-island-that-looklike-cupcake
เกาะที่ห่างไกลที่มีคนอาศัยอยู่
ตริสตันดากูนยา (Tristan da Cunha) หรือ ทริสตันดาคูนา เกาะภูเขาไฟที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากแผ่นดินใหญ่ในมหาสมุทรแอตแลนติกใต้ สำหรับแผ่นดินที่ใกล้ที่สุดกับเกาะแห่งนี้คือประเทศแอฟริกาใต้ ในระยะทาง 2,816 กิโลเมตร ส่วนทวีปอเมริกาใต้นั้นห่างถึงกว่า 3,360 กิโลเมตรเลยทีเดียว
เกาะสุดห่างไกลที่สุดในโลกแห่งนี้ถูกค้นพบครั้งแรกโดยนักสำรวจชาวโปรตุเกสชื่อ ตริสเตา ดา กูนยา (Tristão da Cunha ) ในปี ค.ศ. 1506 และปัจจุบันก็มีคนอาศัยอยู่ที่เกาะแห่งนี้ราวๆ 300 คน การเดินทางไปยังเกาะแห่งนี้สามารถเดินทางไปได้ทางเดียวคือเรือเท่านั้น โดยต้องใช้เวลามากถึง 6 วันในการเดินทางจากแผ่นดินใหญ่ที่ใกล้ที่สุดอย่างประเทศแอฟริกาใต้
อย่างไรก็ตามเกาะที่ห่างไกลที่สุดในโลกนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดยอดเยี่ยมของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการผจญภัย โดยบนเกาะแห่งนี้มีทั้งวิถีชาวบ้านที่เป็นเอกลักษณ์ รวมไปถึงเพนกวินสายพันธุ์ Rockhopper ที่โดดเด่นตรงขนบริเวณตาอีกด้วย
ที่มา nextsteptv
Cr. ที่สุhttp://xn--12c1bp2cyie.com/
Cr.https://www.facebook.com/progogopage/posts/532897953569902/
เกาะปะการังรูปวงแหวนที่ล้อมรอบลากูน
เกาะแห่งนี้มีชื่อว่า Palmerston เป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะคุก เขตปกครองตนเองของนิวซีแลนด์ ซึ่งประกอบไปด้วยเกาะเล็กๆ 15 เกาะ ในมหาสมุทรแปซิฟิก โดย Palmerston ปัจจุบันมีประชากรอาศัยอยู่เพียง 62 คน
เกาะปะการังหรือ อะทอลล์ ซึ่งก็คือเกาะปะการังรูปวงแหวนที่ล้อมรอบลากูน ที่อาจล้อมปิดลากูนโดยสมบูรณ์หรือล้อมรอบเป็นบางส่วนก็ได้ และยังตั้งอยู่บนภูเขาไฟที่ดับไปนานแล้วตั้งแต่สมัยอดีต
บนเกาะมีไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ตแต่สามารถใช้ได้เพียงวันละไม่กี่ชม.เท่านั้น พวกเขารองน้ำฝนเอาไว้เป็นน้ำดื่มน้ำใช้ และบนเกาะแห่งนี้ไม่มีการแลกเปลี่ยนด้วยเงินตรา ผู้คนต่างช่วยกันปลูกพืชโดยเฉพาะมะพร้าวและจับปลา จากนั้นก็นำผลผลิตไปขายให้กับผู้คนบนแผ่นดินใหญ่เพื่อแลกซื้อกับของที่จำเป็น
หมู่เกาะนี้ถูกค้นพบโดยนักสำรวจชื่อ James Cook แต่ถึงแม้ว่าจะถูกค้นพบแล้วก็ยังไม่มีผู้อยู่อาศัยนานนับร้อยปี จนกระทั่งช่างไม้ชาวอังกฤษ William Marsters ได้ตกหลุมรักและอยากเข้ามาใช้ชีวิตอยู่บนเกาะแห่งนี้ ซึ่งขณะนั้นเกาะ Palmerston แห่งนี้เป็นสมบัติของ John Brander พ่อค้าชาวอังกฤษ William ได้พูดคุยกับ John ซึ่งต่อมาได้ยกให้เขาเป็นผู้ดูแลเกาะแห่งนี้แทน โดย William ได้ปลูกมะพร้าวและทำน้ำมันมะพร้าวส่งออกแลกกับของกินของใช้ที่จะถูกขนส่งมาทางเรือปีละ 2-3 ครั้ง
เรียบเรียงโดย : thaihitz.com
Cr.https://thaihitz.com/มีอยู่จริง-มนุษย์อาศัยอ/
เกาะที่เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างหนัง Cast Away
หนังเรื่อง Cast Away ที่นำแสดงโดยทอม แฮงค์ เรื่องราวของชายคนหนึ่งที่ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตก ในขณะที่คนอื่นๆ เสียชีวิตกันหมดเขากลับรอดชีวิตมาได้ แต่ต้องติดอยู่บนเกาะอย่างโดดเดี่ยว เขาพยายามเอาชีวิตรอดและพยายามหาทางออกไปจากที่เกาะแห่งนี้ จนสุดท้ายเขาก็ทำสำเร็จ เป็นภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นมาโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริง
โดยเกาะ Tromelin เป็นเกาะขนาดเล็กตั้งอยู่ห่างไปทางตะวันออกของเกาะมาดากัสการ์ 280 ไมล์ รอบๆ เกาะล้อมรอบด้วยแนวปะการังเป็นจุดที่เข้าถึงได้ยากมาก แต่ในปี 1722 เรือ Utine ของฝรั่งเศสเดินทางมาจากประเทศ Mauritius ไปยังมาดากัสการ์ บนเรือมีลูกเรือไม่กี่สิบคนแต่มีทาสมากถึง 150 คน เมื่อเดินทางมาถึงเกาะแห่งนี้เรือก็ชนเข้ากับปะการังจนทำให้เรืออัปปาง ปรากฎว่ามีทาสเพียง 60 คนกับลูกเรือเพียงไม่กี่คนที่รอดชีวิต และพวกเขาต้องหนีขึ้นมาอยู่บนเกาะเล็กๆ ขนาด 1,700 เมตรนี้
ลูกเรือที่รอดมาได้พยายามเก็บน้ำจืดเอาไว้ดื่มเอง มีทาสบางส่วนต้องตายเพราะความกระหาย หลังจากนั้นไม่นานลูกเรือก็ต่อแพขึ้นมาใหม่จากซากเรือที่อัปปางและใช้มันออกไปจากเกาะ ทิ้งพวกทาสเอาไว้และสัญญาว่าจะกลับมา
แต่เมื่อพวกลูกเรือกลับมาถึงมอริเชียส เจ้าหน้าที่กลับไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องกลับมารับทาสที่ถูกทิ้งไว้บนเกาะ ประกอบกับช่วงเวลานั้นฝรั่งเศสกำลังเผชิญกับสงคราม จึงไม่มีอะไหล่ต่อเรือไปช่วยเหลือทาสเหล่านั้น
ทาสที่ถูกทิ้งอยู่บนเกาะต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอด พวกเขาก่อไฟเป็นสัญญาณมานานกว่า 15 ปี และอาศัยกินเต่า นกทะเล รวมถึงหอยเป็นอาหาร และยังสร้างบ้านเรือนจากบล็อกปะการังและทรายอีกด้วย โดยใช้เครื่องทองแดงมาก่อไฟทำอาหาร ซึ่งนักโบราณคดีค้นพบห้องครัวชั่วคราวบนเกาะ ทั้งยังมีถ้วย ชาม ช้อน และเครื่องใช้อื่นๆ อีกด้วย
44 ปีต่อมา ในปี 1766 Bernard Boudin กัปตันเรือรบ La Dauphine ของฝรั่งเศสได้เดินทางผ่านเกาะแห่งนี้และพบคนติดอยู่บนเกาะจึงเข้าให้ความช่วยเหลือผู้รอดชีวิต ที่เหลือเพียง 8 คนเท่านั้น (ผู้หญิง 7 คนและเด็กทารกชายวัย 8 เดือน 1 คน)
ในหนังพระเอกติดอยู่บนเกาะนาน 7 ปี แถมเกาะที่พระเอกติดอยู่นั้นก็กว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ แต่พวกเขากลับติดอยู่บนเกาะเล็กๆนานกว่า 44 ปี
ขอบคุณที่มา: http://www.clipmass.com/story/116614
Cr. http://www.elitereaders.com/castaways-tromelin-island/
Cr.https://board.postjung.com/993896 / โพสท์โดย ิทาสแมว
เกาะที่มีพืชหน้าตาแปลกประหลาด
เกาะโซโคตรา ตั้งอยู่ในทะเลอาหรับ มหาสมุทรอินเดีย ในอาณาเขตการปกครองของประเทศเยเมน ห่างจากแผ่นดินใหญ่ประมาณ 380 กิโลเมตร และทางด้านตะวันตกของเกาะก็ห่างจากคาบสมุทรโซมาเลีย (Somalia Peninsula) ประมาณ 80 กิโลเมตร โดยมีพื้นที่บนเกาะทั้งหมดประมาณ 3,625 ตารางเมตร มีแนวเทือกเขาทอดยาวตั้งแต่บริเวณกลางเกาะไปจนถึงด้านทิศตะวันออกของเกาะ ซึ่งสร้างภูมิทัศน์ที่แปลกตาและความหลากหลายให้กับเกาะแห่งนี้
กว่าที่จะมาเป็นเกาะโซโคตรา พื้นที่แห่งนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของทวีปแอฟริกาและคาบสมุทรอาหรับ แต่เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงของแผ่นเปลือกโลกเมื่อ 20 ล้านปีก่อน ทำให้เกิดเกาะเล็กเกาะน้อยนอกชายฝั่ง ซึ่งโซโคตราก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยมีอ่าวเอเดน (Gulf of Aden) กั้นระหว่างเกาะและประเทศเยเมน
ความน่าสนใจของเกาะโซโคตราก็คือสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ บนเกาะ ทั้งพืชและสัตว์ล้วนมีถิ่นกำเนิดอยู่บนเกาะแห่งนี้ ซึ่งพืชถึง 1 ใน 3 ของทั้งหมดบนเกาะ สามารถหาได้ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น และลักษณะของพืชบางชนิดบนเกาะยังมีหน้าตาแปลกประหลาด ราวกับหลุดมาจากโลกในยุคดึกดำบรรพ์
บนเกาะแห่งนี้ยังมีธรรมชาติที่สวยงามมาก ๆ อีกด้วย อาทิ ชายหาดที่ขาวสะอาด ทรายขาวละเอียดเนียนนุ่ม น้ำทะเลสีฟ้าใสแจ๋ว ซึ่งสามารถมองเห็นใต้ท้องทะเลได้อย่างชัดเจน ราวกับท้องทะเลในมัลดีฟส์, เนินทะเลทรายสุดกว้างใหญ่ทางฝั่ง Steroh, สระน้ำจืดใสสีเขียวมรกต (Kalysan) เป็นต้น และความหลากหลายทางชีวภาพ พร้อมทั้งความสวยงามของเกาะโซโคตรานี้เอง ทำให้ที่นี่ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 2008 ที่นี่มีผู้คนอาศัยอยู่โดยตั้งถิ่นฐานอยู่รอบ ๆ เกาะ ส่วนมากจะเป็นคนพื้นเมือง ประกอบอาชีพประมงเป็นหลัก
Dragon's Blood Tree ( Dracaena cinnabari ) เป็นต้นไม้ที่สามารถพบเห็นได้มากที่สุดบนเกาะโซโคตรา พืชชนิดนี้จะเป็นลำต้นสูง มีพุ่มด้านบนคล้ายกับดอกเห็ด มีใบเล็ก ๆ สีเขียวสวยงามยืนต้นอย่างสง่างามทั่วทั้งเกาะ โดยเฉพาะบริเวณเชิงเขา ต้นไม้นี้จะยืนเรียงรายลดหลั่นกันไปตามความชันของภูเขา ดูสวยงามและแปลกตา
พืชอีกชนิดคือ Desert Rose มีลำต้นอ้วนกลม แตกกิ่งก้านบริเวณด้านบน มีดอกสีสันสวยงามบนยอด สร้างบรรยากาศสดชื่น มีชีวิตชีวาให้กับเกาะที่ไม่ค่อยมีผู้คนแห่งนี้ได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังมีสัตว์อื่น ๆไม่ว่าจะเป็นนกทะเลมากกว่า 192 สายพันธุ์, ปะการังทะเล 253 สายพันธุ์, สัตว์ทะเลกว่า 730 สายพันธุ์ และสัตว์อื่น ๆ อีกมากมาย
ภาพจาก Oleg Znamenskiy / shutterstock.com
ที่มา socotra, darkroastedblend.com, unesco
Cr.https://travel.kapook.com/view142903.html
เกาะร้างที่มีบ้านหลังน้อยตั้งโดดเดี่ยวอยู่
บ้านน้อยหลังนี้ตั้งอยู่บน ‘เกาะ Elliðaey’ เกาะที่มีที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของหมู่เกาะ Vestmannaeyjar ทางตอนใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ มีเนื้อที่ประมาณ 278 ไร่ และมีลักษณะภูมิประเทศเป็นหน้าผาชันและแนวหินสูง โดยครั้งแรกที่มีผู้ปล่อยภาพบ้านหลังนี้ออกมานั้น ผู้คนจำนวนมากต่างเชื่อว่า นี่เป็นภาพตัดต่อ
ย้อนกลับไปเมื่อราว 300 ปีก่อน เดิมเกาะ Elliðaey เคยเป็นที่อยู่อาศัยของครอบครัวชาวประมงไอซ์แลนด์ราว 5 หลังคาเรือน พวกเขาหาเลี้ยงชีพด้วยการจับปลา และล่านกพัฟฟิน จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1930 ครอบครัวชาวประมงที่เคยอาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้ ได้ย้ายถิ่นที่อยู่อาศัยไปทำมาหากินอยู่บนแผ่นดินใหญ่กันหมด ทิ้งเกาะ Elliðaey ให้อ้างว้างโดดเดี่ยว โดยไม่มีใครเข้ามาอยู่อาศัยที่เกาะแห่งนี้อีกเลย
ต่อมาในปีค.ศ. 1950 รัฐบาลไอซ์แลนด์ได้เล็งเห็นว่า พื้นที่บริเวณเกาะ Elliðaey เหมาะแก่การหาปลา และเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การล่านกพัฟฟินเป็นอย่างมาก จึงได้จัดตั้งสมาคมล่านกพัฟฟินขึ้น และสร้างบ้านหลังนี้ไว้บนเกาะ เพื่อเป็นที่พักอาศัยชั่วคราวของเหล่าสมาชิกนักตกปลาและล่านกพัฟฟิน
เขียนโดย menmen
Cr.https://generalmenmen.blogspot.com/2017/10/blog-post.html
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)