วันนี้เราจะมาพูดถึงทริปคันไซ เน้นโอซาก้าที่ได้ไปกับเพื่อนนักเรียนแลกเปลี่ยนเมื่อปีที่ผ่านมาในช่วงซากุระบานพอดี จะต้องขอเท้าความเกริ่นยาวนิดนึงนะคะ
ไฮไลท์ทริปโอซาก้าครั้งนี้ของเราก็คือ ที่พัก พอดีว่าเราหาที่พักไปเรื่อยๆ เนื่องจากครั้งนี้เราไปกัน 6 คน เลยจะหาที่พักที่สามารถนอนรวมกันได้ทีเดียว ไหนๆ ก็มาเที่ยวด้วยกันแล้วก็อยากจะนอนรวมกันจะได้สนุกกันเต็มที่ คือเราเองอยู่ญี่ปุ่นได้ซักพักแล้ว เพราะฉะนั้นเราเลยอยากลองหาที่พักแปลกๆ ใหม่ๆ ดู อยากลองพักนอกเมืองดูบ้างเลยเป็นจุดเริ่มต้นของทริปนี้ค่ะ
ซึ่งเราบังเอิญเจอที่พักนี้จากเว็บ Booking.com ชื่อว่า SEKAI HOTEL เราชอบสไตล์ที่พักมากๆ เป็นสไตล์ที่ทั้งเพื่อนและเราชอบมากๆ เลยลองเสิร์ชหาเว็บหลักของ SEKAI HOTEL เห็นว่ามีอยู่ 2 ที่ในโอซาก้าคือที่ Nishikujo และที่เมือง Fuse อยู่ห่างออกไปจากตัวเมืองโอซาก้านิดหน่อย ลองดูสไตล์ที่พักแล้ว ถึงจะไกลออกมาหน่อย แต่ถูกใจสไตล์ที่พักที่เมือง ฟุเสะ(Fuse) มากกว่าจึงเลือกที่นี่กัน
ลิงค์ “SEKAI HOTEL Fuse” :
https://www.sekaihotel.jp/area/fuse/
ซึ่งที่พักนี้สามารถจองผ่านเว็บไซต์ Booking.com หรือ Airbnb ได้โดยค้นหาชื่อ “SEKAI HOTEL Fuse” เลย
Facebook ภาษาไทย :
https://www.facebook.com/SEKAIHOTELFuseTH/
SEKAI HOTEL Official Website :
https://www.sekaihotel.jp/
สามารถจองและเช็คค่าที่พักได้จากช่องทางเหล่านี้เลย
(สำหรับปี2020ปิดให้บริการไปจนถึงเดือนมิถุนายนเนื่องจากปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19)
ก่อนอื่นก็เดินทางมาที่สถานีรถไฟคินเท็ตสึ “สถานีฟุเสะ” เลย แล้วเดินเท้าจากสถานีไปเพียง 4 นาทีเท่านั้น
บริเวณนี้จะเป็นย่านร้านค้าที่มีคนในพื้นที่ออกมาเดินซื้อของทั่วไป ทางเข้าฟร้อนจะลึกลับและหายากหน่อย แต่ก็ทำให้ตื่นเต้นมากๆ ส่วนฟร้อนกับห้องพักแต่ละห้องจะอยู่แยกกันค่ะ แค่นี้ก็น่าตื่นเต้นแล้ว
และนี้ก็คือฟร้อนของโรงแรม น่ารักมากๆ ป้ายภายนอกอาจจะเป็นชื่ออื่น แต่เป็นคอนเซ็ปต์ของที่นี่ที่คงบรรยากาศเก่าๆ เอาไว้
พอเช็คอินเรียบร้อยแล้วพนักงานจะพาเราไปที่ห้องพัก บรรยากาศเป็นกันเองมากๆ เหมือนได้เพื่อนเพิ่ม พนักงานเฟรนลี่ แต่ลืมถ่ายรูปด้วยเลย เอารูปด้านหลังไปก่อน พนักงานเล่าให้ฟังว่า คอนเซ็ปต์ของ SEKAI HOTEL คือการปรับปรุงตึกเก่าที่ไม่ได้ใช้งานภายในพื้นที่ หรือบ้านว่างให้กลายเป็นห้องพักของโรงแรม โดยรีโรเวทภายในให้เป็นห้องพักแต่ภายนอกจะยังคงเหมือนเดิม เหมือนได้พักบ้านทั่วไปในพื้นที่นี้เลย
เนื่องจากโรงแรมตั้งอยู่ในเมืองโรงงานที่มีอยู่จำนวนมากตั้งแต่สมัยโบราณ ดังนั้น SEKAI HOTEL Fuse ของที่นี่จึงคงคอนเซ็ปต์ “โรงแรมในเมืองโรงงาน” การตกแต่งที่พักจึงเป็นสไตล์ Modern Industrial โดยดึงเสน่ห์ของความเป็นโรงงานมาใช้ในการออกแบบห้องพัก เข้าไปดูด้านในห้องพักกันเลย
อย่างเช่นป้ายทางเข้าของห้องพักบางโซนจะเป็นแบบนี้
และนี้ก็คือบรรยากาศภายในห้องพัก ซึ่งครั้งนี้เราเลือกพักห้องดีลักซ์สำหรับครอบครัวตามที่ระบุอยู่ในเว็บ พักได้ 6 คนพอดี มีห้องน้ำและห้องอาบน้ำส่วนตัวให้ใช้ บรรยากาศไพรเวทสุดๆ
เข้าไปด้านในแล้ว จะมีสองชั้น ชั้นบนเป็นส่วนที่นอน ที่แบ่งออกเป็นสัดส่วนแต่อยู่ชั้นเดียวกัน แบ่งเป็น 3 ต่อ 3 คน บรรยากาศน่ารักมากๆ แค่อยู่ในห้องพักก็ได้รูปสวยๆ หลายรูปเลย
และอีกส่วนในชั้น 2 คือ โซนนั่งเล่น มีโต๊ะ เก้าอี้ และเคาน์เตอร์ มีกาน้ำร้อน ตู้เย็น ไมโครเวฟด้วย
เตียงค่อนข้างกว้างเลย เพดานแบบเปิดโล่งตามสไตล์การออกแบบของที่นี่
ลงไปดูส่วนชั้น 1 กันเลย
ส่วนชั้นที่ 1 จะเป็นห้องน้ำ ที่แยกออกมา ตามสไตล์ญี่ปุ่นที่จะแยกส่วนต่างๆ ออกจากกัน
และห้องอาบน้ำ ก็มีอ่าง และสบู่แชมพูครีมนวดให้พร้อม
และอ่างล้างหน้า สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ก็ครบทั้งไดร์เป่าผม ผ้าขนหนูผืนเล็ก ผืนใหญ่ เซตแปรงฟัน
กับโซนใต้บันไดเอาไว้เก็บของ แขวนเสื้อผ้า พื้นที่โดยรวมกว้างขวางกางกระเป๋าเดินทางใบใหญ่หลายใบได้สบายมากๆ
รายละเอียดอื่นๆ อันนี้เป็นบันไดขึ้นไปโซนห้องนอน ห้องนั่งเล่น
และเพดานไม้แบบเปิดโล่งมีสไตล์ ให้บรรยากาศบ้านพักตากอากาศ
ดูบรรยากาศด้านในแล้ว ตัดภาพมาดูด้านนอกตึกอีกรอบ พอเห็นด้านในแล้วออกมาด้านนอก ไม่อยากเชื่อเลยค่ะว่าด้านในจะสวยขนาดนี้ เป็นอีกหนึ่งความตื่นเต้นของที่พักที่นี่ ตึกนี้คือห้องพักที่เราถ่ายให้เพื่อนๆ ดูไปเลย
และความพิเศษอีกหนึ่งอย่างของที่นี่ก็คือ คอนเซ็ปต์โรงแรมที่มีต่อพื้นที่คือ “สร้างชุมชนด้วยการรวมเมืองให้เป็นส่วนหนึ่งของที่พัก” คือนอกจากจะได้พักที่พักที่ยังคงกลิ่นอายเมืองเก่าแล้ว ยังเปิดโอกาสให้คนที่เข้าพักได้สัมผัสบรรยากาศ และคนในท้องถิ่นจริงๆ ด้วยการร่วมมือกับร้านค้าในท้องถิ่น
สังเกตุที่ตราชั่งจะมีป้าย SEKAI HOTEL ติดอยู่ตามร้านต่างๆ
โดยโรงแรมจะมีคูปองพิเศษให้ใช้กับร้านค้าต่างๆ ภายในพื้นที่บริเวณรอบๆ นี้ ส่วนหนึ่งในนั้นก็คือ ร้านที่อยู่ในรูปก่อนหน้านี้ และร้าน tearoom นี้ที่สามารถใช้คูปองซื้ออาหารเช้าทานที่ร้าน พนักงานจะเอาลิสต์ร้านที่สามารถใช้คูปอง SEKAI HOTEL Fuse ให้ สามารถเลือกร้านใช้ได้เลย ถึงแม้ว่าจะไม่ใช้ร้านดังที่ลงหนังสือท่องเที่ยว แต่ก็ทำให้ได้สัมผัสถึงเสน่ห์เรียบง่ายของวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่นเลย
แล้วพนักงานก็ยังบอกอีกว่า ถ้าอยากทำกิจกรรมอะไรพิเศษ หรืออยากไปไหนเป็นพิเศษ พนักงานก็สามารถแนะนำหรือพาไปให้ได้ด้วย จะได้สัมผัสวิธีชีวิตของพื้นที่นี้จริงๆ อย่างเช่น เข้าร้านในท้องถิ่นที่มีเฉพาะคนในพื้นที่ แลกเปลี่ยนพูดคุยกัน แค่คิดก็คงอบอุ่นมากๆ แต่น่าเสียดายที่เราแพลนทุกอย่างเอาไว้แล้วเลยไปเที่ยวตามแพลน แต่คิดว่าจะต้องมาที่นี่อีกแน่นอน อยากมาลองทำอย่างอื่นๆ และใช้เวลาอยู่ที่เมืองนี้ดู ซึ่งเราได้ไปมาแล้ว ไว้มีเวลาจะมารีวิวนะคะ
จบรีวิวที่พักแล้ว ไปดูซากุระกันบ้าง
อันที่จริงวันนี้เป็นวันที่ 2 ของทริปแล้วค่ะ วันแรกไปเที่ยว Universal Studios Japan มาแต่เห็นคนรีวิวเยอะแล้วก็เลยไม่ได้พูดถึงส่วนนั้นค่ะ ซึ่งวันที่ 2 เราจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวชมซากุระที่ภูเขาโยชิโนะ จังหวัดนารา สามารถนั่งรถไฟคินเท็ตสึจากสถานีฟุเสะ ไปได้เลย โดยนั่งรถไฟคินเท็ตสึจาก “สถานีฟุเสะ” ไปยัง “สถานีโยชิโนะ” กันเลย
วิธีการเดินทาง จาก "สถานีฟุเสะ" ไปยัง "สถานีโยชิโนะ"
ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมง 26 นาที (เปลี่ยนรถไฟ 3 ต่อ แต่เดินทางไม่ยาก เปลี่ยนรถไฟได้ภายในชานชาลาเลย) ค่าเดินทาง 1,450 เยน
1.ต่อแรก นั่งจาก สถานีฟุเสะ(Fuse Station) >> สถานียามาโตะยางิ (Yamato-Yagi Station) โดยขึ้นรถไฟที่มุ่งหน้าไปสู่โทบะ(Toba) จากชานชลาที่ 2 (นั่งไป 1 สถานี ประมาณ 20 นาที)
2.ต่อที่สอง เปลี่ยนรถไฟที่ สถานียามาโตะยางิ (Yamato-Yagi Station) >> นั่งไปยัง สถานีคาชิฮาระจินงูมาเอะ (Kashiharajingu-Mae Station) จากชานชลาหมายเลข 5 (นั่งไป 3 สถานี ประมาณ 5 นาที)
3.ต่อสุดท้าย เปลี่ยนรถไฟที่ สถานีคาชิฮาระจินงูมาเอะ (Kashiharajingu-Mae Station) >> นั่งไปยัง สถานีโยชิโนะ (Yoshino Station) (นั่งไป 3 สถานี ประมาณ 5 นาที) นั่งรถไฟที่มุ่งหน้าไปยังสถานีโยชิโนะไปจนสุดสาย (นั่งไป 15 สถานี ประมาณ 52 นาที)
ถึงแล้ว ระหว่างทางเป็นวิวธรรมชาติ และบ้านเมืองชนบทรอบนอกเมือง
พอถึงสถานีแล้วก็จะมีร้านค้าต่างๆ อยู่หน้าสถานีเลย ได้บรรยากาศตั้งแต่ออกจากสถานีเลย
การบานของดอกซากุระที่ภูเขาโยชิโนะนั้น จะเริ่มบานตั้งแต่บริเวณเชิงดอยก่อน โดยเริ่มบานตั้งแต่ช่วงประมาณปลายเดือนมีนาคม ถึงต้นเดือนเมษายนไปเรื่อยๆ ตามลำดับไปจนถึงยอดดอยที่บานเต็มที่ในช่วงกลางเดือนเมษายน
แบ่งส่วนซากุระบานจากเชิงดอยไปยังยอดดอยได้ตามนี้คือ Shimo Senbon > Naka Senbon > Kami Senbon > Oku Senbon ซึ่งช่วงที่เราไปเที่ยวเป็นช่วงกลางเดือนเมษายนพอดี เพราะฉะนั้นจะเหลือแต่ซากุระบนยอด เพราะฉะนั้นจะมุ่งหน้าไป ยอดดอยที่ส่วน Oku Senbon กันเลย
เมื่อมาถึงสถานีแล้ว ก็นั่งรถบัสเพื่อขึ้นไปส่วนกลางที่ Naka-sembon(中千本) เลย นั่งรถบัสจากป้ายหน้าสถานีเพื่อไปลง Naka-sembon(中千本) ค่าเดินทางเราจำไม่ค่อยได้แต่น่าจะประมาณ 450 เยนต่อคนค่ะ
เมื่อถึง Naka-sembon(中千本) แล้ว ก็เดินขึ้นบันไดไปเลย เดินไปตามทางเรื่อยๆ จนถึงสามแยก
เมื่อถึงสามแยกแล้วจะเดินเที่ยวบริเวณรอบๆ เลยก็ได้ค่ะ แต่เราจะขึ้นไปที่ ส่วน Oku Senbon เพราะฉะนั้นจะต้องนั่งรถบัสอีกหนึ่งต่อเดินทางไปยัง ยอดเขาที่ ส่วน Oku Senbon (ค่าเดินทางอีก 400 เยนต่อคน) ป้ายรถบัสจะอยู่ที่สามแยกนี้เลย นั่งรถบัสไปประมาณ 10-15 นาที
มีต่อนะคะ
[CR] Osaka Fuse – Nara/Yoshino รีวิวที่พักโอซาก้า SEKAI HOTEL Fuse ในเมืองลับที่มีเสน่ห์ พร้อมชมซากุระที่เขาโยชิโนะ
วันนี้เราจะมาพูดถึงทริปคันไซ เน้นโอซาก้าที่ได้ไปกับเพื่อนนักเรียนแลกเปลี่ยนเมื่อปีที่ผ่านมาในช่วงซากุระบานพอดี จะต้องขอเท้าความเกริ่นยาวนิดนึงนะคะ
ไฮไลท์ทริปโอซาก้าครั้งนี้ของเราก็คือ ที่พัก พอดีว่าเราหาที่พักไปเรื่อยๆ เนื่องจากครั้งนี้เราไปกัน 6 คน เลยจะหาที่พักที่สามารถนอนรวมกันได้ทีเดียว ไหนๆ ก็มาเที่ยวด้วยกันแล้วก็อยากจะนอนรวมกันจะได้สนุกกันเต็มที่ คือเราเองอยู่ญี่ปุ่นได้ซักพักแล้ว เพราะฉะนั้นเราเลยอยากลองหาที่พักแปลกๆ ใหม่ๆ ดู อยากลองพักนอกเมืองดูบ้างเลยเป็นจุดเริ่มต้นของทริปนี้ค่ะ
ซึ่งเราบังเอิญเจอที่พักนี้จากเว็บ Booking.com ชื่อว่า SEKAI HOTEL เราชอบสไตล์ที่พักมากๆ เป็นสไตล์ที่ทั้งเพื่อนและเราชอบมากๆ เลยลองเสิร์ชหาเว็บหลักของ SEKAI HOTEL เห็นว่ามีอยู่ 2 ที่ในโอซาก้าคือที่ Nishikujo และที่เมือง Fuse อยู่ห่างออกไปจากตัวเมืองโอซาก้านิดหน่อย ลองดูสไตล์ที่พักแล้ว ถึงจะไกลออกมาหน่อย แต่ถูกใจสไตล์ที่พักที่เมือง ฟุเสะ(Fuse) มากกว่าจึงเลือกที่นี่กัน
ลิงค์ “SEKAI HOTEL Fuse” : https://www.sekaihotel.jp/area/fuse/
ซึ่งที่พักนี้สามารถจองผ่านเว็บไซต์ Booking.com หรือ Airbnb ได้โดยค้นหาชื่อ “SEKAI HOTEL Fuse” เลย
Facebook ภาษาไทย : https://www.facebook.com/SEKAIHOTELFuseTH/
SEKAI HOTEL Official Website : https://www.sekaihotel.jp/
สามารถจองและเช็คค่าที่พักได้จากช่องทางเหล่านี้เลย
(สำหรับปี2020ปิดให้บริการไปจนถึงเดือนมิถุนายนเนื่องจากปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19)
ก่อนอื่นก็เดินทางมาที่สถานีรถไฟคินเท็ตสึ “สถานีฟุเสะ” เลย แล้วเดินเท้าจากสถานีไปเพียง 4 นาทีเท่านั้น
บริเวณนี้จะเป็นย่านร้านค้าที่มีคนในพื้นที่ออกมาเดินซื้อของทั่วไป ทางเข้าฟร้อนจะลึกลับและหายากหน่อย แต่ก็ทำให้ตื่นเต้นมากๆ ส่วนฟร้อนกับห้องพักแต่ละห้องจะอยู่แยกกันค่ะ แค่นี้ก็น่าตื่นเต้นแล้ว
และนี้ก็คือฟร้อนของโรงแรม น่ารักมากๆ ป้ายภายนอกอาจจะเป็นชื่ออื่น แต่เป็นคอนเซ็ปต์ของที่นี่ที่คงบรรยากาศเก่าๆ เอาไว้
พอเช็คอินเรียบร้อยแล้วพนักงานจะพาเราไปที่ห้องพัก บรรยากาศเป็นกันเองมากๆ เหมือนได้เพื่อนเพิ่ม พนักงานเฟรนลี่ แต่ลืมถ่ายรูปด้วยเลย เอารูปด้านหลังไปก่อน พนักงานเล่าให้ฟังว่า คอนเซ็ปต์ของ SEKAI HOTEL คือการปรับปรุงตึกเก่าที่ไม่ได้ใช้งานภายในพื้นที่ หรือบ้านว่างให้กลายเป็นห้องพักของโรงแรม โดยรีโรเวทภายในให้เป็นห้องพักแต่ภายนอกจะยังคงเหมือนเดิม เหมือนได้พักบ้านทั่วไปในพื้นที่นี้เลย
เนื่องจากโรงแรมตั้งอยู่ในเมืองโรงงานที่มีอยู่จำนวนมากตั้งแต่สมัยโบราณ ดังนั้น SEKAI HOTEL Fuse ของที่นี่จึงคงคอนเซ็ปต์ “โรงแรมในเมืองโรงงาน” การตกแต่งที่พักจึงเป็นสไตล์ Modern Industrial โดยดึงเสน่ห์ของความเป็นโรงงานมาใช้ในการออกแบบห้องพัก เข้าไปดูด้านในห้องพักกันเลย
อย่างเช่นป้ายทางเข้าของห้องพักบางโซนจะเป็นแบบนี้
และนี้ก็คือบรรยากาศภายในห้องพัก ซึ่งครั้งนี้เราเลือกพักห้องดีลักซ์สำหรับครอบครัวตามที่ระบุอยู่ในเว็บ พักได้ 6 คนพอดี มีห้องน้ำและห้องอาบน้ำส่วนตัวให้ใช้ บรรยากาศไพรเวทสุดๆ
เข้าไปด้านในแล้ว จะมีสองชั้น ชั้นบนเป็นส่วนที่นอน ที่แบ่งออกเป็นสัดส่วนแต่อยู่ชั้นเดียวกัน แบ่งเป็น 3 ต่อ 3 คน บรรยากาศน่ารักมากๆ แค่อยู่ในห้องพักก็ได้รูปสวยๆ หลายรูปเลย
และอีกส่วนในชั้น 2 คือ โซนนั่งเล่น มีโต๊ะ เก้าอี้ และเคาน์เตอร์ มีกาน้ำร้อน ตู้เย็น ไมโครเวฟด้วย
เตียงค่อนข้างกว้างเลย เพดานแบบเปิดโล่งตามสไตล์การออกแบบของที่นี่
ลงไปดูส่วนชั้น 1 กันเลย
ส่วนชั้นที่ 1 จะเป็นห้องน้ำ ที่แยกออกมา ตามสไตล์ญี่ปุ่นที่จะแยกส่วนต่างๆ ออกจากกัน
และห้องอาบน้ำ ก็มีอ่าง และสบู่แชมพูครีมนวดให้พร้อม
และอ่างล้างหน้า สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ก็ครบทั้งไดร์เป่าผม ผ้าขนหนูผืนเล็ก ผืนใหญ่ เซตแปรงฟัน
กับโซนใต้บันไดเอาไว้เก็บของ แขวนเสื้อผ้า พื้นที่โดยรวมกว้างขวางกางกระเป๋าเดินทางใบใหญ่หลายใบได้สบายมากๆ
รายละเอียดอื่นๆ อันนี้เป็นบันไดขึ้นไปโซนห้องนอน ห้องนั่งเล่น
และเพดานไม้แบบเปิดโล่งมีสไตล์ ให้บรรยากาศบ้านพักตากอากาศ
ดูบรรยากาศด้านในแล้ว ตัดภาพมาดูด้านนอกตึกอีกรอบ พอเห็นด้านในแล้วออกมาด้านนอก ไม่อยากเชื่อเลยค่ะว่าด้านในจะสวยขนาดนี้ เป็นอีกหนึ่งความตื่นเต้นของที่พักที่นี่ ตึกนี้คือห้องพักที่เราถ่ายให้เพื่อนๆ ดูไปเลย
และความพิเศษอีกหนึ่งอย่างของที่นี่ก็คือ คอนเซ็ปต์โรงแรมที่มีต่อพื้นที่คือ “สร้างชุมชนด้วยการรวมเมืองให้เป็นส่วนหนึ่งของที่พัก” คือนอกจากจะได้พักที่พักที่ยังคงกลิ่นอายเมืองเก่าแล้ว ยังเปิดโอกาสให้คนที่เข้าพักได้สัมผัสบรรยากาศ และคนในท้องถิ่นจริงๆ ด้วยการร่วมมือกับร้านค้าในท้องถิ่น
สังเกตุที่ตราชั่งจะมีป้าย SEKAI HOTEL ติดอยู่ตามร้านต่างๆ
โดยโรงแรมจะมีคูปองพิเศษให้ใช้กับร้านค้าต่างๆ ภายในพื้นที่บริเวณรอบๆ นี้ ส่วนหนึ่งในนั้นก็คือ ร้านที่อยู่ในรูปก่อนหน้านี้ และร้าน tearoom นี้ที่สามารถใช้คูปองซื้ออาหารเช้าทานที่ร้าน พนักงานจะเอาลิสต์ร้านที่สามารถใช้คูปอง SEKAI HOTEL Fuse ให้ สามารถเลือกร้านใช้ได้เลย ถึงแม้ว่าจะไม่ใช้ร้านดังที่ลงหนังสือท่องเที่ยว แต่ก็ทำให้ได้สัมผัสถึงเสน่ห์เรียบง่ายของวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่นเลย
แล้วพนักงานก็ยังบอกอีกว่า ถ้าอยากทำกิจกรรมอะไรพิเศษ หรืออยากไปไหนเป็นพิเศษ พนักงานก็สามารถแนะนำหรือพาไปให้ได้ด้วย จะได้สัมผัสวิธีชีวิตของพื้นที่นี้จริงๆ อย่างเช่น เข้าร้านในท้องถิ่นที่มีเฉพาะคนในพื้นที่ แลกเปลี่ยนพูดคุยกัน แค่คิดก็คงอบอุ่นมากๆ แต่น่าเสียดายที่เราแพลนทุกอย่างเอาไว้แล้วเลยไปเที่ยวตามแพลน แต่คิดว่าจะต้องมาที่นี่อีกแน่นอน อยากมาลองทำอย่างอื่นๆ และใช้เวลาอยู่ที่เมืองนี้ดู ซึ่งเราได้ไปมาแล้ว ไว้มีเวลาจะมารีวิวนะคะ
จบรีวิวที่พักแล้ว ไปดูซากุระกันบ้าง
อันที่จริงวันนี้เป็นวันที่ 2 ของทริปแล้วค่ะ วันแรกไปเที่ยว Universal Studios Japan มาแต่เห็นคนรีวิวเยอะแล้วก็เลยไม่ได้พูดถึงส่วนนั้นค่ะ ซึ่งวันที่ 2 เราจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวชมซากุระที่ภูเขาโยชิโนะ จังหวัดนารา สามารถนั่งรถไฟคินเท็ตสึจากสถานีฟุเสะ ไปได้เลย โดยนั่งรถไฟคินเท็ตสึจาก “สถานีฟุเสะ” ไปยัง “สถานีโยชิโนะ” กันเลย
วิธีการเดินทาง จาก "สถานีฟุเสะ" ไปยัง "สถานีโยชิโนะ"
ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมง 26 นาที (เปลี่ยนรถไฟ 3 ต่อ แต่เดินทางไม่ยาก เปลี่ยนรถไฟได้ภายในชานชาลาเลย) ค่าเดินทาง 1,450 เยน
1.ต่อแรก นั่งจาก สถานีฟุเสะ(Fuse Station) >> สถานียามาโตะยางิ (Yamato-Yagi Station) โดยขึ้นรถไฟที่มุ่งหน้าไปสู่โทบะ(Toba) จากชานชลาที่ 2 (นั่งไป 1 สถานี ประมาณ 20 นาที)
2.ต่อที่สอง เปลี่ยนรถไฟที่ สถานียามาโตะยางิ (Yamato-Yagi Station) >> นั่งไปยัง สถานีคาชิฮาระจินงูมาเอะ (Kashiharajingu-Mae Station) จากชานชลาหมายเลข 5 (นั่งไป 3 สถานี ประมาณ 5 นาที)
3.ต่อสุดท้าย เปลี่ยนรถไฟที่ สถานีคาชิฮาระจินงูมาเอะ (Kashiharajingu-Mae Station) >> นั่งไปยัง สถานีโยชิโนะ (Yoshino Station) (นั่งไป 3 สถานี ประมาณ 5 นาที) นั่งรถไฟที่มุ่งหน้าไปยังสถานีโยชิโนะไปจนสุดสาย (นั่งไป 15 สถานี ประมาณ 52 นาที)
ถึงแล้ว ระหว่างทางเป็นวิวธรรมชาติ และบ้านเมืองชนบทรอบนอกเมือง
พอถึงสถานีแล้วก็จะมีร้านค้าต่างๆ อยู่หน้าสถานีเลย ได้บรรยากาศตั้งแต่ออกจากสถานีเลย
การบานของดอกซากุระที่ภูเขาโยชิโนะนั้น จะเริ่มบานตั้งแต่บริเวณเชิงดอยก่อน โดยเริ่มบานตั้งแต่ช่วงประมาณปลายเดือนมีนาคม ถึงต้นเดือนเมษายนไปเรื่อยๆ ตามลำดับไปจนถึงยอดดอยที่บานเต็มที่ในช่วงกลางเดือนเมษายน
แบ่งส่วนซากุระบานจากเชิงดอยไปยังยอดดอยได้ตามนี้คือ Shimo Senbon > Naka Senbon > Kami Senbon > Oku Senbon ซึ่งช่วงที่เราไปเที่ยวเป็นช่วงกลางเดือนเมษายนพอดี เพราะฉะนั้นจะเหลือแต่ซากุระบนยอด เพราะฉะนั้นจะมุ่งหน้าไป ยอดดอยที่ส่วน Oku Senbon กันเลย
เมื่อมาถึงสถานีแล้ว ก็นั่งรถบัสเพื่อขึ้นไปส่วนกลางที่ Naka-sembon(中千本) เลย นั่งรถบัสจากป้ายหน้าสถานีเพื่อไปลง Naka-sembon(中千本) ค่าเดินทางเราจำไม่ค่อยได้แต่น่าจะประมาณ 450 เยนต่อคนค่ะ
เมื่อถึง Naka-sembon(中千本) แล้ว ก็เดินขึ้นบันไดไปเลย เดินไปตามทางเรื่อยๆ จนถึงสามแยก
เมื่อถึงสามแยกแล้วจะเดินเที่ยวบริเวณรอบๆ เลยก็ได้ค่ะ แต่เราจะขึ้นไปที่ ส่วน Oku Senbon เพราะฉะนั้นจะต้องนั่งรถบัสอีกหนึ่งต่อเดินทางไปยัง ยอดเขาที่ ส่วน Oku Senbon (ค่าเดินทางอีก 400 เยนต่อคน) ป้ายรถบัสจะอยู่ที่สามแยกนี้เลย นั่งรถบัสไปประมาณ 10-15 นาที
มีต่อนะคะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้