💛🧡❤️ ความจริง 33 ข้อ เกี่ยวกับการดูแลผิวที่คนมากกว่า 95% ไม่รู้ 💛🧡❤️



1. ถ้าให้หมอผิวหนังเลือกสกินแคร์ มาแค่ 2 อย่างเท่านั้น 
ทุกคนจะโหวตเป็นเสียงเดียวกัน คือ ครีมบำรุงกับครีมกันแดด เพราะ 2 อย่างนี้คืออันที่จำเป็น 
เน้นย้ำว่าถ้าอยากผิวสวยผิวแข็งแรงต้องทาสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ช่วยให้ผิวไม่แก่ก่อนวัย 

2. อยากสวย แต่ถ้าพื้นฐานผิวไม่ดีไม่แข็งแรง จะไม่สามารถต่อยอดไปสู่ความสวยได้เลย 
สาวๆที่แต่งหน้าคงเข้าใจดี  ถ้างานผิวไม่ดี เวลาแต่งหน้าจะนานและเหนื่อยมาก

3. ไม่มีผลิตภัณฑ์ใดที่ดีที่สุดในโลก และเหมาะกับทุกคนบนโลกนี้ 
คำถามที่ตอบลำบากที่มากที่สุด คือ อยากให้ช่วยแนะนำครีมหน่อยค่ะ 😅

4. การดูรีวิวเครื่องสำอาง สกินแคร์ ต่างๆ ดูไว้เป็นไอเดีย หรือเป็นข้อมูลช่วยตัดสินใจได้ 
แต่ถ้าจะให้ดีควรหัดเลือกเองให้เป็น เน้นเลือกตามสภาพผิว อายุ ความชอบ และงบที่เรามี 
อย่าลืมว่าเดี๋ยวนี้มีการจ้างรีวิวนะคะ 

5. การทาครีมลงไปครั้งละหลายๆตัว อาจจะเปลืองเงิน เพราะผิวเรารับครีมได้จำกัด 
การประโคมทุกอย่างที่มีลงไปในเวลาเดียว ครีมก็จะซึมได้ส่วนนึงที่เหลือกองๆอยู่บนผิว

6. การดูแลผิว ยิ่งเริ่มต้นเร็ว ดูแลอย่างต่อเนื่อง ยิ่งได้เปรียบ เหมือนการสะสมแต้มบุญ 

7. การมีผิวสวย ไม่มีทางลัดที่แก้ จากผิวมีปัญหาให้กลายเป็นผิวดีได้ในระยะเวลาอันสั้น 
เช่น ขาวขึ้นใน 7 วัน สิวฝ้าหายใน 7 วัน 

8. ครีมส่วนใหญ่ที่ทาบนผิว ซึมผ่านได้เพียงชั้นขี้ไคลเท่านั้น (stratum corneum) 
ดังนั้น ครีมบอกว่าช่วยสลายชั้นไขมัน ยกกระชับกล้ามเนื้อ แก้ไขรอยแตกลายให้กลับมาเนียน 
แก้ไขริ้วรอยที่เกิดจากการขยับของกล้ามเนื้อ เช่น ตีนกา รอยขมวดคิ้ว หรือ ริ้วรอยลึกๆ
เช่น ร่องแก้ม ไม่สามารถเป็นได้เลย (ถ้าริ้วรอยบางๆตื้นๆจากผิวแห้ง อันนี้ครีมช่วยได้) 

9. รูขุมขนกว้าง หลุมสิว ครีมไม่สามารถซึมลงไปตัดพังผืดให้หลุมตื้นขึ้น หรือ 
ซึมลงไปแก้ไขโครงสร้างของรูขุมขนได้ การทาครีมอาจจะช่วยให้ผิวดูชุ่มชื้นขึ้น 
ดูเนียนขึ้นได้เล็กน้อย หรือมาใช้โทนเนอร์ อาจจะช่วยกระชับรูขุมขนได้เพียงชั่วคราว 
แต่สกินแคร์ ไม่ได้เห็นผลชัดเจนเทียบเท่าการทำเลเซอร์ หรือการเติมฟิลเลอร์

10. การทาคอลลาเจนไม่ช่วยเรื่องผิว เพราะโมเลกุลใหญ่ไม่สามารถซึมเข้าผิวได้

11. ครีมบำรุงผิวหน้า สามารถใช้ทาใต้ตาได้ด้วย ถ้าประหยัดหรือขี้เกียจทาหลายขั้นตอน 
ก็ไม่จำเป็นต้องแยกค่ะ เพียงต่อครีมทาใต้ตาอาจจะอ่อนโยนกว่า เผลอทาเข้าตาก็ไม่ค่อยแสบ และอาจจะช่วยลดใต้ตาบวมได้บ้างเล็กน้อย 

12. ใต้ตาคล้ำ ถ้าอยากหายแนะนำฟิลเลอร์ใต้ตา เห็นผลชัดมาก 
ทาอายครีมสู้ไม่ได้แน่นอน วันหลังจะมาแชร์จากประสบการณ์ตรงของหมอเองนะคะ 
ถ้าสังเกตคลิปแรกๆ หมอใต้ตาคล้ำมาก เทียบกับตอนนี้คือดีขึ้น อันนี้ดีใจมากที่แก้เรื่องนี้ได้สำเร็จ

13. เลเซอร์ไม่ได้ทำให้ผิวบาง, มากกว่า 80% ของคนที่เชื่อเรื่องนี้ คือคนที่ไม่เคยทำเลเซอร์

14. สิ่งที่ทำให้ผิวบาง (skin atrophy) คือ อายุที่เพิ่มขึ้น การโดนแสงแดดสะสม 
การทาสเตียรอยด์เป็นเวลานานๆ หรือโรคบางอย่างที่ทำให้มีความผิดปกติของเส้นใยอีลาสติน 

15. การกินวิตามินเม็ด อาหารเสริมเป็นทางเลือก ไม่ใช่ทางหลัก 
ถ้าไม่ขาดสารอาหารชนิดนั้นๆ การกินเข้าไปก็ไม่ได้ช่วยให้ได้ประโยชน์ 
ซึ่งการมีระดับวิตามินและแร่ธาตุที่มากเกินไป ยังส่งผลเสียต่อร่างกาย

16. การกินคอลลาเจน ไม่ช่วยเรื่องสิว ไม่ช่วยเรื่องผิวขาว 
จากข้อมูลทางการแพทย์ในปัจจุบันยังไม่ได้แนะนำให้ซื้อคอลลาเจนที่เป็นอาหารเสริมมากิน 

17. การกินโปรตีนจากอาหาร ร่างกายสามารถเอาไปใช้สร้างคอลลาเจนได้ 
(โครงสร้างของเกลียวคอลลาเจน มาจากกรดอะมิโน ซึ่งเป็นหน่วยย่อยของโปรตีน) 

18. การกินอาหารให้ครบถ้วน เลือกกินแต่ healthy diet ไม่กินเยอะหรือน้อยเกินไป 
ดื่มน้ำมากๆ พักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้ร่าเริงผ่อนคลาย ออกกำลังกายเป็นประจำ 
เป็นพื้นฐานของการมีสุขภาพดี และผิวพรรณที่ดี 
ฟังดูเหมือนง่ายๆ แต่ทำได้ยาก น้อยคนที่จะทำได้ครบตามนี้ จริงมั้ยคะ 

19. ปัญหาผิว หลายๆอย่างมีความซับซ้อน เช่น สิว ฝ้า สะเก็ดเงิน 
แต่ก็มีคนไข้จำนวนไม่น้อยเลย ที่ยังวนเวียนเสียเงินเสียเวลาอยู่กับการรักษาด้วยวิธีที่ไม่ได้ผล 

20. ยาทาสิว ทาฝ้า หรือรอยดำ ควรทาในปริมาณเพียงเล็กน้อย ห้ามนวดยา เพราะทำให้ระคายเคือง
และทาตามเวลาที่หมอแนะนำ การทายาในกลุ่มนี้มากหรือทาบ่อยไป 
ไม่ช่วยให้หายเร็วขึ้น แต่สิ่งที่เพิ่มคือผลข้างเคียงที่มากขึ้น

21. ครีมบำรุงผิว และ กันแดด ควรทาปริมาณที่มากพอ เช่น 20-30 ml ต่อการทาทั้งตัว 1 ครั้ง หรือ 2 ช้อนโต๊ะ 
ซึ่งคนส่วนใหญ่ทาปริมาณน้อยไป เช่น โลชั่นทาตัว 1 ขวดบางคนทาเป็นปียังไม่หมด

22. การอาบน้ำอุ่น แม้ว่าจะช่วยให้สบายตัว ผ่อนคลาย แต่มีผลเสียคือทำให้ผิวแห้ง

23. สิวเสี้ยน คือ เส้นขนขนาดเล็กๆที่ฝังอยู่รวมกับเคราติน การทายาสีฟันที่จมูก 
ไม่สามารถรักษาสิวเสี้ยนได้

24. มาร์กหน้าบ่อยๆ หรือทิ้งไว้นานเกินไป เป็นสาเหตุของสิวอุดตันได้ 
มาร์กเพื่อบำรุงผิวได้แต่อย่าทำบ่อยเกินไป 

25. น้ำเกลือไม่ช่วยรักษาสิว

26. แปรงล้างหน้า หรือเครื่องล้างหน้า สำหรับหมอ (หลังจากที่หาข้อมูลมาเยอะแล้ว) 
ส่วนตัวยังคิดว่ายังไม่ใช่สิ่งจำเป็น การล้างหน้าอย่างถูกวิธีก็เพียงพอแล้วค่ะ 
แต่ถ้าใครซื้อมาแล้วอยากใช้ก็ใช้ได้ แต่ไม่ควรใช้ทุกวัน 

27. ล้างหน้าบ่อยๆ (มากกว่าวันละ 2 ครั้ง) เป็นการรบกวนผิว ล้างวันละ 2 ครั้งดีที่สุด

28. ยาทาที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและป้องกันผิวแก่จากแดด (photoaging) ที่ได้ผล 
และมีงานวิจัยหลายอันสนับสนุน คือ 0.05% tretinoin ทาวันละครั้งก่อนนอน 
แต่มีข้อแม้คือห้ามใช้ถ้าตั้งครรภ์ 

29. การตรวจภูมิแพ้อาหารแฝง ด้วยการเจาะเลือด ไม่มีประโยชน์ 
ผลตรวจที่ได้มาก็ใช้ไม่ได้จริง แม้แต่หมอภูมิแพ้เองก็ยังไม่แนะนำวิธีการตรวจนี้

30. สิวเรื้อรัง ไม่จำเป็นต้องมาขอทำ skin test นะคะ 
มีหลายเคสที่มาปรึกษาหมอเรื่องนี้ ส่วนใหญ่มีคนแนะนำมาอีกที 
ซึ่งคนแนะนำไม่น่าใช่แพทย์ที่จบเฉพาะทางผิวหนัง 

31. แสงจากจอคอม จอมือถือ ไม่ได้ทำให้เกิดฝ้า แต่ส่งผลเสียต่อสายตามากกว่า

32. อยู่บ้านไม่ได้ออกไปไหน แต่ถ้านั่งใกล้หน้าต่าง (กระจกใส กันได้เฉพาะ UVB) 
หรือนั่งริมระเบียง ผิวก็ยังถูกแสงแดดทำร้ายได้ จึงต้องทาครีมกันแดดนะคะ 

33. การทำเลเซอร์กลุ่ม Rejuvenation เป็นประจำ 
จะช่วยให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่และซ่อมแซมคอลลาเจนเก่า 
ช่วยให้ผิวมีคุณภาพดี (เพิ่ม skin quality) 
วันนี้หมอพิมพ์ยาวมาก ใครตามอ่านจนจบเก่งมากเลยค่ะ 

ลิงค์สำหรับภาคสอง นะคะ 
https://ppantip.com/topic/39872317

ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาโหวตกระทู้ กดถูกใจ คอนเมนต์ และมาเยี่ยมชมกระทู้นี้นะคะ 😘
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่