ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผมได้ใช้ชีวิต อย่างไม่ได้คิดอะไรมากมายนัก คิดแต่เรื่องปัจจุบัน และอนาคตที่ทำให้ประสบความสำเร็จในชีวิต
แต่อยู่ๆ พอรู้ว่าตัวเองอายุจะ 30 แล้ว
และพ่อแม่ ก็ 70 ขึ้นแล้ว
อยู่ดีๆก็คิดมากขึ้นมา จากเดินที่ไม่เคยคิดจริงจังเท่าไหร่นัก
อยู่ดีๆก็คิด หมกมุ่น หางานวิจัยนู่นนี่มาอ่าน ว่าอนาคตจะมีเทคโนโลยีไหนทำได้บ้าง
ทำยังไงให้ท่านเป็นอมตะ หรืออย่างน้อยก็ให้ท่านอายุยืน เป็นร้อยปี
โดยยังมีแรงทำสิ่งต่างๆอยู่ เดินไปซื้อของที่ตลาด ทักทายผู้คนที่รู้จัก ไปเดินห้าง ความจำยังดี มีสมองที่ดี จดจำสิ่งต่างๆได้ หรือยังทำกับข้าวเป็น
นั่นก็คือสิ่งที่ผมอยากให้เป็น รู้ว่ามนุษย์ไม่สามารถฝืนอะไรได้ในตอนนี้ แต่ตอนนี้ผมยังไม่สามารถฝึกจิตและสมองให้ปลงได้
ซึ่งสิ่งที่ผมอยากจะถามคุณลุง คุณป้า คุณตา คุณยาย ที่เล่น Pantip ในตอนนี้
คำถามเหล่านี้ผมไม่กล้าถามพ่อแม่โดยตรงเท่าไหร่นักครับ
1) ผมเข้าใจว่าตอนที่คุณลุง คุณป้า คุณตา คุณยาย ที่อ่านอยู่ในตอนนี้ ที่เสียบุพการีไป ท่านเองก็คงเสียใจไม่น้อยใช่ไหมครับในตอนนั้น แต่ด้วยวัยที่มากขึ้น ยิ่งเช่นในตอนนี้ที่อายุล่วงเลยมา ถึง 60 70 80 แล้ว ท่านยังคงคิดถึงพ่อแม่ที่ล่วงลับไปไหมครับ ท่านกลัวการจากลากับลูกของท่านไหม (ผมเองไม่เคยมีลูก จึงไม่รู้ว่าการรักลูกเป็นอย่างไร ผมรู้แต่ว่ารักพ่อแม่มาก จนไม่อยากลาจาก)
อย่างแม่ผม ก็สูญเสีย แม่ (คุณยายของผม) ไปตั้งแต่อายุ 35 ก่อนผมเกิด 5 ปี แล้วก็มาทยอยเสีย น้องชาย น้องสาวของแม่ (ตอนผมยังเด็กๆ) แล้วก็มาเสีย พ่อ (คุณตาของผม) ตอนแม่อายุ 57 แต่ตอนนั้นไม่เห็นน้ำตาของท่านเลย เหมือนกับว่าคุณแม่ของผม ท่านชินแล้ว หรือไม่ ผมก็ไม่แน่ใจได้
..... คุณลุง คุณป้า คุณตา คุณยาย ปลงกับการจากลาอย่างไม่มีหวนคืนไหมครับ ?
2) หากคุณลุง คุณป้า คุณตา คุณยาย เลือกได้ อยากใช้ชีวิตแบบไหนครับ
ระหว่าง
อยู่ในบ้านทาวเฮ้ากับลูก ที่กทม. (บ้านที่อยู่ตั้งเริ่มครอบครัวด้วยกันมา ตอนนี้ก็ร่วม 30 ปีแล้ว) ใกล้แหล่งชุมชน ได้เจอผู้คนบ้าง ได้ไปตลาด ได้ไปห้าง ลูกสามารถดูแลพาไปร้านอาหารไหนก็ได้ ใกล้ชิดลูก มีโรงพยาบาล อยู่ใกล้ๆ
หรือ
อยู่บ้านที่ต่างจังหวัดทางภาคใต้ พื้นที่ 2 ไร่กว่าๆ ที่ปลูกใหม่หลายหลัง ที่คนในครอบครัวร่วมกันคิด ร่วมกันสร้างมาด้วยกัน เพื่อไว้ทำธุรกิจบ้านเช่า รีสอร์ทเล็กๆ (ตอนนี้น้าช่วยดู อายุ ก็เกือบๆ 70 แล้วเช่นกัน) กว้างขวาง มีต้นไม้ให้ดูแล แต่ก็แลกกับความเงียบเหงา ที่ไม่มีคนผ่านมาให้คุยให้เจอ แม้แต่ลูกที่จะมาเยี่ยมมาเจอได้ในช่วงวันหยุดยาวเท่านั้น (ถ้าร่างกายทรุดโทรม อาจจะต้องจ้างพยาบาลมาช่วยดูแล)
ขอเสียมารยาทถามผู้ใหญ่ที่เกษียณแล้ว ท่านอยากใช้ชีวิตแบบไหนในช่วงชีวิตต่อจากนี้ครับ? ^^
แต่อยู่ๆ พอรู้ว่าตัวเองอายุจะ 30 แล้ว
และพ่อแม่ ก็ 70 ขึ้นแล้ว
อยู่ดีๆก็คิดมากขึ้นมา จากเดินที่ไม่เคยคิดจริงจังเท่าไหร่นัก
อยู่ดีๆก็คิด หมกมุ่น หางานวิจัยนู่นนี่มาอ่าน ว่าอนาคตจะมีเทคโนโลยีไหนทำได้บ้าง
ทำยังไงให้ท่านเป็นอมตะ หรืออย่างน้อยก็ให้ท่านอายุยืน เป็นร้อยปี
โดยยังมีแรงทำสิ่งต่างๆอยู่ เดินไปซื้อของที่ตลาด ทักทายผู้คนที่รู้จัก ไปเดินห้าง ความจำยังดี มีสมองที่ดี จดจำสิ่งต่างๆได้ หรือยังทำกับข้าวเป็น
นั่นก็คือสิ่งที่ผมอยากให้เป็น รู้ว่ามนุษย์ไม่สามารถฝืนอะไรได้ในตอนนี้ แต่ตอนนี้ผมยังไม่สามารถฝึกจิตและสมองให้ปลงได้
ซึ่งสิ่งที่ผมอยากจะถามคุณลุง คุณป้า คุณตา คุณยาย ที่เล่น Pantip ในตอนนี้
คำถามเหล่านี้ผมไม่กล้าถามพ่อแม่โดยตรงเท่าไหร่นักครับ
1) ผมเข้าใจว่าตอนที่คุณลุง คุณป้า คุณตา คุณยาย ที่อ่านอยู่ในตอนนี้ ที่เสียบุพการีไป ท่านเองก็คงเสียใจไม่น้อยใช่ไหมครับในตอนนั้น แต่ด้วยวัยที่มากขึ้น ยิ่งเช่นในตอนนี้ที่อายุล่วงเลยมา ถึง 60 70 80 แล้ว ท่านยังคงคิดถึงพ่อแม่ที่ล่วงลับไปไหมครับ ท่านกลัวการจากลากับลูกของท่านไหม (ผมเองไม่เคยมีลูก จึงไม่รู้ว่าการรักลูกเป็นอย่างไร ผมรู้แต่ว่ารักพ่อแม่มาก จนไม่อยากลาจาก)
อย่างแม่ผม ก็สูญเสีย แม่ (คุณยายของผม) ไปตั้งแต่อายุ 35 ก่อนผมเกิด 5 ปี แล้วก็มาทยอยเสีย น้องชาย น้องสาวของแม่ (ตอนผมยังเด็กๆ) แล้วก็มาเสีย พ่อ (คุณตาของผม) ตอนแม่อายุ 57 แต่ตอนนั้นไม่เห็นน้ำตาของท่านเลย เหมือนกับว่าคุณแม่ของผม ท่านชินแล้ว หรือไม่ ผมก็ไม่แน่ใจได้
..... คุณลุง คุณป้า คุณตา คุณยาย ปลงกับการจากลาอย่างไม่มีหวนคืนไหมครับ ?
2) หากคุณลุง คุณป้า คุณตา คุณยาย เลือกได้ อยากใช้ชีวิตแบบไหนครับ
ระหว่าง
อยู่ในบ้านทาวเฮ้ากับลูก ที่กทม. (บ้านที่อยู่ตั้งเริ่มครอบครัวด้วยกันมา ตอนนี้ก็ร่วม 30 ปีแล้ว) ใกล้แหล่งชุมชน ได้เจอผู้คนบ้าง ได้ไปตลาด ได้ไปห้าง ลูกสามารถดูแลพาไปร้านอาหารไหนก็ได้ ใกล้ชิดลูก มีโรงพยาบาล อยู่ใกล้ๆ
หรือ
อยู่บ้านที่ต่างจังหวัดทางภาคใต้ พื้นที่ 2 ไร่กว่าๆ ที่ปลูกใหม่หลายหลัง ที่คนในครอบครัวร่วมกันคิด ร่วมกันสร้างมาด้วยกัน เพื่อไว้ทำธุรกิจบ้านเช่า รีสอร์ทเล็กๆ (ตอนนี้น้าช่วยดู อายุ ก็เกือบๆ 70 แล้วเช่นกัน) กว้างขวาง มีต้นไม้ให้ดูแล แต่ก็แลกกับความเงียบเหงา ที่ไม่มีคนผ่านมาให้คุยให้เจอ แม้แต่ลูกที่จะมาเยี่ยมมาเจอได้ในช่วงวันหยุดยาวเท่านั้น (ถ้าร่างกายทรุดโทรม อาจจะต้องจ้างพยาบาลมาช่วยดูแล)