คุณศุภชัย เจียรวนนท์ ในฐานะประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย ได้กล่าวภายหลังการประชุมว่า การระบาดของโควิด-19ส่งผลกระทบให้มูลค่าภาคธุรกิจลดลงอย่างมาก โดยเฉลี่ยที่ 20-30% ทำให้ต้องมีมาตรการที่ “พิเศษ”และ “รวดเร็ว” ตามความหนักเบาของผลกระทบที่เกิดขึ้นในแต่ละอุตสาหกรรม ทั้งนี้เพื่อให้เศรษฐกิจไทยขับเคลื่อนต่อไปได้ทั้งในยามนี้และหลังวิกฤติโควิด-19 โดยในส่วนของสภาดิจิทัลฯ ได้เสนอมาตรการเพื่อการแก้ไขปัญหาด้วยดิจิทัล หรือ Digital Solution ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์
ยุทธศาสตร์ที่ 1 : ควบคุม ป้องกัน และรักษา ได้แก่ การจัดทำฐานข้อมูลดิจิทัลขนาดใหญ่ของประชากรทุกคน และทุกนิติบุคคลในประเทศ ใช้ AI วิเคราะห์การกระจายตัวของประชากรและผู้ติดเชื้อ ตลอดจนการจัดทำระบบแสดงผลตามพื้นที่ Heatmap และ Digital Donation Platform เพื่อเป็นศูนย์กลางการบริจาคสนับสนุนทางการแพทย์และสาธารณสุข รวมทั้งการรวบรวมความต้องการการช่วยเหลือของโรงพยาบาลต่าง ๆ ไว้ในที่เดียว
ยุทธศาสตร์ที่ 2 : ความต่อเนื่องของธุรกิจ ได้แก่ การแก้กฎหมายเพื่อรองรับ การจัด E-GOV , Digital ID , Online KYC , E-Signature , Smart Contract เพื่อมาทดแทนการใช้กระดาษ ซึ่งปัจจุบันกฎระเบียบและกฎหมายยังทำเรื่องเหล่านี้ไม่ได้ ควรใช้วิกฤตนี้ให้เป็นโอกาสทำให้เกิดขึ้นได้ รวมทั้งการใช้ระบบสื่อสารและโซลูชั่น ที่รองรับการทำงาน WORK AT HOME และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลรองรับ New Normal ของการทำธุรกิจและการกลับมาเปิดตัวใหม่อีกครั้งของธุรกิจต่างๆ
ยุทธศาสตร์ที่ 3 : การจ้างงานและพัฒนาคน เป็นเรื่องสำคัญ ต้องมีมาตรการสนับสนุนบัญฑิตจบใหม่ เฉลี่ยปีละกว่า 1 ล้านคนทั่วประเทศ ซึ่งในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดคาดว่า 80-90 % อาจจะยังไม่มีงานทำ ทางออกคือ การสร้าง ICT Talent หรือ นำกลุ่มเด็กจบใหม่ที่มีความสามารถด้าน ICT ไปช่วยพัฒนาการศึกษาออนไลน์ รวมทั้งการให้ทุนแก่มหาวิทยาลัย และอาชีวศึกษาทั่วประเทศ ในการสร้าง New Skill ด้านดิจิทัล ด้านข้อมูล(Data) และด้าน Automation เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงหลังวิกฤตโควิด-19 ซึ่งเชื่อว่าเศรษฐกิจและสังคมจะเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุค 4.0 เร็วขึ้น
นอกจากนี้ เสนอรัฐให้เงินเลี้ยงชีพแก่คนว่างงาน และให้เงินสนับสนุนเพื่อการเรียนรู้งานแห่งอนาคต รวมทั้งการจัดทำ Platform ในการหางาน และบริษัทที่ต้องการจ้างงานที่ใช้ Skill ใหม่ ด้านการจ้างงาน และเสนอให้รัฐสนับสนุนค่าใช้จ่าย 80% เพื่อรักษาสถานภาพพนักงาน พร้อมกับการ Re-Skill พนักงาน โดยไม่ปลดออก แต่สร้างทักษะใหม่ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
ยุทธศาสตร์ที่ 4 : ความมั่นใจในตลาดทุน โดยสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุน ตลาดการค้า และการลงทุน เพิ่มสภาพคล่องให้แก่ธุรกิจ ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ Startup ด้าน Digital ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีด้านดิจิทัล มีการจัดตั้งและ Reactivate กองทุนต่างๆ เพื่อสนับสนุนรายได้ที่ขาดช่วง การขาดกระแสเงินสด การลดต้นทุน และการรักษาพนักงาน ทั้งนี้เนื่องจาก ในภาวะวิกฤตเช่นปัจจุบันการระดมทุนเต็มไปด้วยความยากลำบาก
ยุทธศาสตร์ที่ 5 : เศรษฐกิจใหม่ หรือ Economic Reform เตรียมรองรับเศรษฐกิจใหม่ที่จะเกิดขึ้นหลังวิกฤต ได้แก่ Smart Farming และ E-commerce รวมถึงการวางแผนพื้นที่การเพาะปลูก (Agrimap/Zoning) การพัฒนาระบบชลประทาน Digital Irrigation การป้องกันน้ำท่วม นอกจากนี้ยังมี Smart City การออกแบบเมืองที่มีความปลอดภัยปลอดเชื้อ การป้องกันด้านสาธารณสุข หรือ Preventive Healthcare การท่องเที่ยวแนวใหม่ ไปจนถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล
ยุทธศาสตร์ที่ 6 : โครงสร้างขับเคลื่อนยามวิกฤต (Intelligence Center / Unlock Regulation) ได้แก่ การปรับปรุงโครงสร้างขับเคลื่อนพิเศษในสถานการณ์ฉุกเฉินภายใต้วิกฤตโควิด-19 ประกอบด้วย 1.การปรับปรุงโครงสร้างการขับเคลื่อนพิเศษในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยมีตัวแทนจากภาคเอกชนเข้าร่วม 2.การแก้ไขกฎระเบียบด้านดิจิทัลเพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจ อาทิ การผลักดัน Digital ID ที่เกี่ยวข้องกับ E-signature, E-Voting, Smart Contract และ Digital KYC รวมทั้งการทำให้ E-Document ทดแทนการใช้กระดาษได้ 3.พิจารณาเพิ่มความยืดหยุ่นการบังคับใช้ พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเอกชนบางส่วนยังไม่พร้อมและอาจจะเป็นการสร้างภาระแก่เอกชนได้ พร้อมกันนี้ ได้เสนอให้ใช้สภาดิจิทัลฯ เป็น Certification Training Center สำหรับ Data Protection Officer เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ใส่ข้อความhttps://www.naewna.com/business/columnist/43766
ประธานสภาดิจิทัลฯ เปิด 6 ยุทธศาสตร์ Digital Solution สู้โควิด-19
ยุทธศาสตร์ที่ 2 : ความต่อเนื่องของธุรกิจ ได้แก่ การแก้กฎหมายเพื่อรองรับ การจัด E-GOV , Digital ID , Online KYC , E-Signature , Smart Contract เพื่อมาทดแทนการใช้กระดาษ ซึ่งปัจจุบันกฎระเบียบและกฎหมายยังทำเรื่องเหล่านี้ไม่ได้ ควรใช้วิกฤตนี้ให้เป็นโอกาสทำให้เกิดขึ้นได้ รวมทั้งการใช้ระบบสื่อสารและโซลูชั่น ที่รองรับการทำงาน WORK AT HOME และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลรองรับ New Normal ของการทำธุรกิจและการกลับมาเปิดตัวใหม่อีกครั้งของธุรกิจต่างๆ
ยุทธศาสตร์ที่ 3 : การจ้างงานและพัฒนาคน เป็นเรื่องสำคัญ ต้องมีมาตรการสนับสนุนบัญฑิตจบใหม่ เฉลี่ยปีละกว่า 1 ล้านคนทั่วประเทศ ซึ่งในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดคาดว่า 80-90 % อาจจะยังไม่มีงานทำ ทางออกคือ การสร้าง ICT Talent หรือ นำกลุ่มเด็กจบใหม่ที่มีความสามารถด้าน ICT ไปช่วยพัฒนาการศึกษาออนไลน์ รวมทั้งการให้ทุนแก่มหาวิทยาลัย และอาชีวศึกษาทั่วประเทศ ในการสร้าง New Skill ด้านดิจิทัล ด้านข้อมูล(Data) และด้าน Automation เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงหลังวิกฤตโควิด-19 ซึ่งเชื่อว่าเศรษฐกิจและสังคมจะเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุค 4.0 เร็วขึ้น
นอกจากนี้ เสนอรัฐให้เงินเลี้ยงชีพแก่คนว่างงาน และให้เงินสนับสนุนเพื่อการเรียนรู้งานแห่งอนาคต รวมทั้งการจัดทำ Platform ในการหางาน และบริษัทที่ต้องการจ้างงานที่ใช้ Skill ใหม่ ด้านการจ้างงาน และเสนอให้รัฐสนับสนุนค่าใช้จ่าย 80% เพื่อรักษาสถานภาพพนักงาน พร้อมกับการ Re-Skill พนักงาน โดยไม่ปลดออก แต่สร้างทักษะใหม่ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
ยุทธศาสตร์ที่ 4 : ความมั่นใจในตลาดทุน โดยสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุน ตลาดการค้า และการลงทุน เพิ่มสภาพคล่องให้แก่ธุรกิจ ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ Startup ด้าน Digital ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีด้านดิจิทัล มีการจัดตั้งและ Reactivate กองทุนต่างๆ เพื่อสนับสนุนรายได้ที่ขาดช่วง การขาดกระแสเงินสด การลดต้นทุน และการรักษาพนักงาน ทั้งนี้เนื่องจาก ในภาวะวิกฤตเช่นปัจจุบันการระดมทุนเต็มไปด้วยความยากลำบาก
ยุทธศาสตร์ที่ 5 : เศรษฐกิจใหม่ หรือ Economic Reform เตรียมรองรับเศรษฐกิจใหม่ที่จะเกิดขึ้นหลังวิกฤต ได้แก่ Smart Farming และ E-commerce รวมถึงการวางแผนพื้นที่การเพาะปลูก (Agrimap/Zoning) การพัฒนาระบบชลประทาน Digital Irrigation การป้องกันน้ำท่วม นอกจากนี้ยังมี Smart City การออกแบบเมืองที่มีความปลอดภัยปลอดเชื้อ การป้องกันด้านสาธารณสุข หรือ Preventive Healthcare การท่องเที่ยวแนวใหม่ ไปจนถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล
ยุทธศาสตร์ที่ 6 : โครงสร้างขับเคลื่อนยามวิกฤต (Intelligence Center / Unlock Regulation) ได้แก่ การปรับปรุงโครงสร้างขับเคลื่อนพิเศษในสถานการณ์ฉุกเฉินภายใต้วิกฤตโควิด-19 ประกอบด้วย 1.การปรับปรุงโครงสร้างการขับเคลื่อนพิเศษในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยมีตัวแทนจากภาคเอกชนเข้าร่วม 2.การแก้ไขกฎระเบียบด้านดิจิทัลเพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจ อาทิ การผลักดัน Digital ID ที่เกี่ยวข้องกับ E-signature, E-Voting, Smart Contract และ Digital KYC รวมทั้งการทำให้ E-Document ทดแทนการใช้กระดาษได้ 3.พิจารณาเพิ่มความยืดหยุ่นการบังคับใช้ พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเอกชนบางส่วนยังไม่พร้อมและอาจจะเป็นการสร้างภาระแก่เอกชนได้ พร้อมกันนี้ ได้เสนอให้ใช้สภาดิจิทัลฯ เป็น Certification Training Center สำหรับ Data Protection Officer เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้