วันนี้เป็นวันที่ผมตื่นเช้ากว่าปกติครับ เพราะเมื่อคืนนี่ฝนตกฟ้าคะนองทำให้อากาศเย็นและทำให้ผมไปเฝ้าพระอินทร์ตั้งแต่เวลา 20.00 น.(ก่อนจะตื่นมาต้มมาม่าทานตอน 22.30 น. และกลับไปนอนต่อ) พอตื่นเช้ามาก็หาหนังใน Netflix มาเปิดคลอกับบรรยากาศยามเช้าหน่อย พอเข้าไปก็เจอเรื่องนี้เด้งขึ้นมาเลยครับ ด้วยความที่ผมก็ชอบหนังไทบ้านเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แถมก็ชอบฟังเพลงของวง BNK48 เป็นประจำ ก็คงคิดว่านี่คงเป็นหนังอีกเรื่องที่ดูแล้วโอเค น่าจะคลายเคลียดได้
หนังเดินเรื่องต่อจาก ไทบ้านเดอะซีรีส์ 2.2 ว่าด้วยเรื่องราวในจักรวาลไทบ้าน(ซึ่งเป็นโลกคู่ขนานกับโลกแห่งความจริง)ที่วงไอดอล BNK48 ต้องการจะทำเพลงซิงเกิ้ลใหม่ในรูปแบบหมอลำอีสาน และต้องไปใช้ชีวิตอยู่ที่ภาคอีสานเพื่อทำความรู้จักและเข้าใจในวัฒนธรรมของคนอีสานให้มากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ต้องพบกับเรื่องวุ่นวายมากมายพร้อมทั้งปัญหาที่ก่อตัวขึ้นในกลุ่มระหว่างการเรียนรู้วัฒนธรรมของคนอีสาน
หนังมีความยาวทั้งสิ้น 2 ชั่วโมง 10 นาที ซึ่งส่วนตัวคิดว่ายาวเกินไปสำหรับหนังแนวนี้ บางคนอาจจะไม่เห็นด้วยเพราะคิดว่าหนังไทบ้านปกติก็ยาวประมาณนี้ ซึ่งผมไม่เถียงครับว่ามันมีความยาวประมาณนี้จริง แต่ว่าภาคนี้ไม่ใช่หนังดราม่าจัดเหมือนภาคก่อนๆ เพราะหนังออกแนวตลกและฟิลกู้ดมากกว่า และด้วยพล็อตหนังที่ไม่มีอะไรมากแถมบางฉากก็รู้สึกว่า "เห้ย เริ่มยาวเกินไปล่ะนะ คัตได้แล้ว เปลี่ยนฉากเหอะ" หรือบางฉากที่ควรตัดออกไปเลยก็มี เพราะไม่มีความสำคัญต่อเนื้อเรื่องเลย
30 นาทีแรกของหนัง บอกเลยว่าไม่ชอบเลย เพราะมีหลายอย่างที่ดูขัดหูขัดตาไปหมด ตั้งแต่การเปิดเรื่องด้วยตัวละครจ็อบซังเดินมาหาน้องๆ BNK แล้วตัดให้ดูหน้าน้องๆ ว่าเสียใจมากแค่ไหน ซึ่งมันเป็นการเผื่อใจไว้แล้วครึ่งนึงว่าไอ้โครงการที่ในหนังมอบให้เจ้ก้องไปทำเนี่ยน่าจะไม่รอด และหลังจากหนังพาเหล่าน้องๆ เดินทางมาศรีสะเกษ ทำให้หนังมีปัญหาใหม่งอกออกมานั่นก็คือ "การตัดต่อ" หลายฉากดูสะดุด ตัดฉับไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้อารมณ์ในระหว่างที่ดูในช่วงนี้นั้นค่อนข้าง "น่าเบื่อ" แต่สิ่งที่ช่วยที่ไม่ทำให้ผมไปเฝ้าพระอินทร์ในช่วงนี้ก็คือการแสดงของเจ้ก้อง ห้วยไร่ที่ค่อนข้างโดดเด่นและแย่งซีนน้องๆ ไปค่อนข้างเยอะ แถมเป็นคนที่ปล่อยมุขฮาๆ มาให้ผมขำเรื่อยๆ เช่นมุข "จอบเบิ่งกูแต่แท้เนาะ โอ้ยอีฮ้าถั่งเงาะ" นั้นก็ทำผมลั่นขำออกมาดังมาก
พอหนังเดินทางมาถึงกลางเรื่อง เริ่มรู้สึกว่าหนังเริ่มสมูธขึ้น ตัดต่อลื่นขึ้น และดูน่ารักมากขึ้น(เพราะในช่วงแรกค่อนข้างรำคาณตัวละครน้องๆ ที่แหกปากลั่นทุ่ง) แถมในช่วงนี้ยังมีประเด็นหลายประเด็นที่ค่อนข้างน่าสนใจ เช่น "การทำอะไรแบบลวกๆ" หรือเรียกง่ายๆ ว่างานเผานั่นเอง
ในต้นเรื่องเราจะเห็นว่าเจ้ก้องนั้นเป็นคนมีหนี้มีสิน พอโอกาสมาถึงก็เกิดอาการเห็นเงินตาโตทันที ถึงแม้เขาจะสัญญากับจ็อบซังแล้วว่าเขาจะทำมันให้ดีที่สุด แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยังเป็นเจ้ก้องที่แคร์เรื่องเงินเหมือนเดิม ในการเทรนเด็กนั้นก็ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพสักเท่าไหร่ แต่เจ้ก้องก็จะชอบพูดตลอดว่า "อย่าให้เสียงของคนอื่น มากลบเสียงในใจของเรา" แต่ว่าสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ มันไม่ต่างอะไรกับการทำงานใต้เสียงคนอื่นเลย
พอถึงช่วงกลาง เจ้ก้องก็เรียนรู้แล้วว่าการที่ตัวเองทำงานโดยใช้เสียงคนอื่นมากลบเสียงที่แ้จริงในใจของเขานั้น ผลที่ออกมามันไม่เวิร์คเลย เขาจึงค่อยๆ เรียนรู้ในตัวน้องๆ แล้วใช้ความรู้สึกนั้นกลั่นออกมาเป็นเพลง ซึ่งต้องบอกเลยว่าพี่ก้อง ห้วยไร่ได้สวมวิญญาณเป็นเจ้ก้องออกมาได้สมบูรณ์แบบมาก ศูนย์กลางของเรื่องไม่ใช่น้องๆ BNK48 แต่เป็นเจ้ก้องเพียงผู้เดียว ซึ่งในฐานะตัวละครหลัก พี่ก้องเล่นได้ยอดเยี่ยมมากครับ
เมื่อหนังเดินทางมาถึงตอนจบ ต้องขอบอกว่า "แม้ไม่พีค แต่อบอุ่นใจ" ในฐานะหนังตลกที่มีดราม่ามาผสมด้วยเล็กน้อย การจบแบบนี้ถือว่าโอเคแล้ว ดีกว่าการจบแบบให้น้องๆ มายืนร้องเพลงด้วยกันบนเวทีแล้วตัดจบ แบบนั้นผมว่าไม่เวิร์ค เพราะบทไม่ส่งเสริมขนาดนั้น ฉะนั้นในการจบแบบให้น้องๆ มายืนขอโทษแล้วแฟนคลับร้องเพลงเนี่ย ผมว่าฉากนี้แสดงให้เห็นถึงความรักความห่วงใยของแฟนคลับวงนี้จริงๆ ส่วนตัวดีกว่าการที่ให้มายืนร้องเพลงแล้วจบที่เสียงปรบมือของแฟนคลับเสียอีก
ส่วนตัวคิดว่า ไทบ้าน x BNK48 มีปัญหาเรื่องบทค่อนข้างเยอะ อย่างที่ย้ำหลายรอบว่าช่วงแรกมันน่าเบื่อจริงอะไรจริง ถ้าไม่มีเจ้ก้องบอกเลยว่าหลับแน่นอน หนังมาดีตรงช่วงกลางและช่วงท้ายที่รู้สึกว่าเริ่มตีตื้นแล้วว่ะ แต่พอมาพิจารณาในภาพรวมของบท ต้องบอกว่าหนังยังตีโจทย์ความเป็นไทบ้านกับความเป็น BNK48 ไม่แตก ทั้งสองพาร์ทนี้มีความแตกแยกออกจากกันอย่างชัดเจน เส้นเรื่องของฝั่ง BNK48 นั้นค่อนข้างดีและมีความหนักแน่นอยู่บ้าง แต่เส้นเรื่องของทางฝั่งไทบ้านนั้นค่อนข้างอ่อนปวกเปียกและไม่น่าเชื่อถืออย่างแรง อย่างเรื่องของจาลอดกับครูแก้วนั้นค่อนข้างอ่อนมากถึงมากที่สุด และดูไม่ค่อยสำคัญกับเส้นเรื่องเท่าไหร่ แต่ก็คิดว่าเป็นหนังที่เหมาะกับการดูอยู่บ้านในช่วงเวลานี้ อย่างน้อยหนังก็น่าจะสร้างรอยยิ้มให้คุณไม่มากก็น้อยครับ
แน่นอนว่ามี BNK48 อยู่ในเรื่องทั้งที ก็ต้องพูดถึงในส่วนของเพลงประกอบ ว่ากันที่เพลงแรก "โดดดิด่ง" ส่วนตัวชอบเพลงนี้มาก ตอนฟังท้ายเครดิตว่าจ๊วดแล้ว มาฟังแบบ Official นี่ถึงกับเต้นตาม และในนาทีนี้ขอออกตัวเลยว่า "นี่คือเพลงประกอบหนังไทบ้านที่ผมชอบมากที่สุด และก็เป็นเพลงของวง BNK48 ที่ผมชอบมากที่สุดเช่นกัน" ส่วนอีกเพลงอย่าง "จากใจผู้สาวคนนี้" ส่วนตัวคิดว่าเพลงดี ความหมายโดน แต่ไม่อิมแพ็คเท่าไหร่ ไม่เหมือนเพลงก่อนหน้าที่ดูเหมือนจะฟังตอนไหนอารมณ์ก็มาเต็ม
สรุปแล้ว ไทบ้าน x BNK48 จากใจผู้สาวคนนี้ ส่วนตัวไม่ผิดหวัง(เพราะไม่ได้หวังอะไรมากแต่แรกอยู่แล้ว เนื่องจากอ่านรีวิวมาแล้วส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่าหนังธรรมดา บ้างว่าห่วยเลยก็มี) ดูแล้วค่อนข้างแฮปปี้และอิ่มอกอิ่มใจ หนังย่ำแย่ในช่วงแรก แต่มาดีในช่วงหลัง การแสดงของพี่ก้องและความน่ารักของน้องๆ ช่วยหนังไว้เยอะมาก ใครที่ชอบหนังตลกฟิลกู้ดแนะนำว่าให้ดู แต่อย่าคาดหวังมากแค่นั้นเอง
ปล. ขอบคุณสหมงคลฟิล์มมาก ที่ไม่เอา Intro ของค่ายมาแปะไว้เป็นตัวเปิดเรื่อง ไม่งั้นตรูได้ปิดหูวิ่งเข้าครัวแน่นอน ถ้าจะใส่ไปใส่หนังผีนู่น ตรูหลอน!!!
คะแนนเฉลี่ยรวม : 7/10
เรตหนัง : หนังดีที่ควรดู
[CR] [##REVIEW##] ไทบ้าน x BNK48 จากใจผู้สาวคนนี้ (2020) | โอนิกิริในดงขี้ตม หอมกลิ่นคุกกี้คลอกับปลาร้านัว(ร์) [มีส้มป่อย]
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม