เขาวงกตเมือก
สิ่งมีชีวิตนี้มีชื่อเรียกว่า “ราเมือก” (Slime Molds) หรือ Physarum polycephalum สัตว์เซลล์เดียวที่อาศัยอยู่รวมกัน ในหนึ่งราเมือกอาจพบเซลล์ได้ตั้งแต่พันไปจนถึงล้านเซลล์ ราเมือกสามารถปลดปล่อยสปอร์ได้ไกลหลายฟุต นอกจากนั้นพวกมันยังสามารถเคลื่อนที่ไปพร้อมๆ กันเพื่อหาอาหาร และยังสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ ด้วยการทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวในแบบที่นิยามได้ว่ามีสติปัญญา
งานวิจัยในปี 2016 พบว่า ราเมือกสามารหาอาหารที่ตั้งอยู่ยังทางออกเขาวงกตได้ ด้วยการเติบโตขยายเครือข่ายของมันไปเรื่อยๆ และเมื่อเมือกส่วนหนึ่งพบอาหารแล้ว นักวิทยาศาสตร์พบว่ามันสื่อสารกับเมือกส่วนที่เหลือไม่ให้ไปผิดทาง หรือไปยังที่ที่เคยสำรวจมาแล้ว นอกจากนั้นพวกมันยังมีหน่วยความจำเพื่อใช้ในการนำทางพวกมันไปยังสิ่งแวดล้อมใหม่หรือใช้ในการมองหาอาหาร และสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมนั้นๆ ได้ด้วยการหลอมรวมตนเองเข้ากับราเมือกอื่นๆ
แต่ทักษะที่ทำให้มนุษย์ต้องอึ้งก็คือในการทดลองที่ให้ราเมือกออกสำรวจอาหารที่ทิ้งไว้ในแต่ละจุด ราเมือกกระจายกิ่งก้านสาขาออกไป และเมื่อพบอาหารมันจะสร้างเครือข่ายใหม่ขึ้นมา ซึ่งนักวิทยาศาสตร์พบว่ายเครือข่ายของมันเป็นรูปแบบเดียวกับเส้นทางรถไฟใต้ดินของกรุงโตเกียว ความสามารถของมันนี้เทียบได้กับคอมพิวเตอร์ แม้ว่าพวกมันจะเป็นสิ่งมีชีวิตไม่มีสมองก็ตาม ซึ่งขณะนี้บรรดานักวิจัยทั่วโลกกำลังพยายามถอดรหัสความอัจฉริยะของพวกมัน เพื่อนำองค์ความรู้ที่ได้มาพัฒนาหุ่นยนต์ให้ดียิ่งขึ้น
Cr.
https://ngthai.com/animals/11041/brainless-creatures-have-smart-things/
แมงกะพรุนขี้เซา
นักวิทยาศาสตร์พบว่าพฤติกรรมการนอนหลับพบได้ในแมลงวันผลไม้, หนอนตัวกลม หรือแม้แต่สัตว์ไม่มีสมองอย่าง แมงกะพรุน ในหนึ่งวันชีพจรของแมงกะพรุนหัวคว่ำหรือ Cassiopea จะเต้นทุกๆ วินาที แต่ในช่วงกลางคืนชีพจรของมันจะเต้นช้าลง 30% พฤติกรรมลักษณะนี้บ่งชี้ว่ามันกำลังนอนหลับ และเช่นเดียวกับสัตว์ชนิดอื่นๆ เมื่อแมงกะพรุนหัวคว่ำนอนหลับมันจะตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอกน้อยลง และหากมันถูกกวนการหลับ ในวันต่อมามันยังเฉื่อยชาอีกด้วย เรียกได้ว่าไม่ต่างจากมนุษย์ที่อดหลับอดนอนตลอดคืน
งานวิจัยครั้งนี้เผยแพร่ลงใน Current Biology เมือปี 2017 และนับเป็นครั้งแรกที่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบพฤติกรรมการนอนหลับในสัตว์ที่ไม่มีระบบประสาทกลาง บ่งชี้ว่าการนอนของเรานั้นอาจถือกำเนิดในบรรพบุรุษของสัตว์ตั้งแต่เมื่อ 600 ล้านปีก่อน
กลไกการนอนหลับของแมงกะพรุนเป็นอย่างไร เรื่องนี้ยังมีคำตอบไม่ชัดเจนนัก แต่เราทุกคนรู้ดีว่าการนอนมีประโยชน์อย่างไม่ต้องสงสัย ตั้งแต่การฟื้นฟูระบบประสาท ช่วยเพื่มประสิทธิภาพความทรงจำ ไปจนถึงรักษาพลังงานในร่างกาย
ภาพถ่ายโดย Norbert Wu
Cr.
https://ngthai.com/animals/11041/brainless-creatures-have-smart-things/
ต้นไม้นับจำนวน
ต้นไม้ไม่มีระบบประสาท แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันคิดไม่เป็น? นั่นคือข้อสงสัยที่คาใจบรรดาผู้ศึกษาในสาขาประสาทชีววิทยาพืช และทุกวันนี้เห็นได้ชัดว่าบรรดาพืชพันธุ์หลายชนิดมีสติปัญญาที่น่าอัศจรรย์ ยกตัวอย่างเช่น ต้น Lavatera cretica ที่สามารถหมุนใบไม้ในช่วงกลางคืนให้เตรียมรับแสงแดดสำหรับเช้าวันใหม่ได้ หรือหน่อต้นข้าวโพดเองก็สามารถจดจำทิศทางของแสงที่จะมาได้
Monica Gagliano นักชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยเวสเทิร์นออสเตรเลีย ชี้ว่าต้นไม้สามารถเรียนรู้พฤติกรรมได้ไม่ต่างจากสุนัขของพาฟลอฟ (การทดลองให้สุนัขหลั่งน้ำลายเมื่อได้ยินเสียงกระดิ่ง) ในการศึกษาที่เผยแพร่ลงใน Scientific Reports เมื่อปี 2016 Gagliano และทีมวิจัยของเธอพบว่าต้นถั่วลันเตาสามารถปรับตัวให้ตอบสนองต่อสิ่งเร้าสองอย่างที่ต่างกันได้ คืดพัดลม และแสงสีฟ้า
อีกงานวิจัยจากมหาวิทยาลัย Würzburg ในเยอรมนี แสดงให้เห็นว่าต้นกาบหอยแครงรู้จักการนับจำนวน เมื่อแมลงสัมผัสกับเส้นขนในใบที่เป็นกับดักของมัน สัญญาณจะถูกส่งให้เตรียมปิดกับดัก ทีมนักวิจัยพบว่าหากเส้นขนสองเส้นถูกสัมผัสภายในเวลา 15 วินาที กับดักจะปิดทันที และหากแมลงตัวดังกล่าวยังคงดิ้นรนต่อไปและสัมผัสเส้นขนอีกมากกว่า 3 ครั้ง ต้นกาบหอยแครงจะปล่อยน้ำย่อยออกมา เพื่อย่อยสลายเหยื่อและดูดกินเอาสารอาหาร
เรื่อง มิคาเอล เกรสโค
Cr.
https://ngthai.com/animals/11041/brainless-creatures-have-smart-things/
Cr.
https://www.takieng.com/stories/413
ซ่อมแซมภายใน 2 นาที
Blob มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Physarum Polycephalum จัดอยู่ในอาณาจักร Protista พบได้ตามป่าชื้น กินราและแบคทีเรียเป็นอาหาร สัตว์ชนิดนี้ไม่มีปาก ไม่มีท้อง ไม่มีดวงตา แต่สามารถจับอาหารและย่อยอาหารได้ (ด้วยวิธี Phagocytosis : การยื่นส่วนหนึ่งของเซลล์ออกมาเพื่อโอบอาหารเข้าไป) ไม่เพียงเท่านั้น Blob ยังสามารถเคลื่อนที่ได้โดยไม่ต้องใช้ขาอีกด้วย
ในความเป็นจริงแล้ว Blob เป็นสัตว์ที่เกิดจากการรวมกลุ่มกันของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวชนิดเดียวกันเป็นจำนวนมาก ที่น่าประหลาดใจคือเพื่อความอยู่รอด และโอกาสในการผสมพันธุ์ Blob มีถึง 720 เพศในตัวเดียว ไม่เพียงเท่านั้น Blob ยังมีพลังฟื้นฟูตัวเองอันน่าทึ่ง เพราะเมื่อเราตัดกลางตัวมันออกเป็น 2 ท่อน Blob สามารถซ่อมแซมฟื้นฟูตัวเองให้หายได้ภายใน 2 นาที!
Bruno David ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติแห่งกรุงปารีสกล่าวว่า Blob เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่น่าพิศวงของธรรมชาติ มันไม่มีสมอง แต่มันสามารถเรียนรู้ได้ และถ้านำ Blob สองตัวมารวมกัน มันสามารถถ่ายทอดความรู้ให้กันและกันได้อีกด้วย
‘Blob’ ถูกตั้งชื่อตามหนังเกรดบี ที่ออกฉายในปี 1958 มันเป็นเรื่องราวของมนุษย์ต่างดาวที่กินทุกอย่างที่ขวางหน้ามันในเมืองเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า Pennsylvania และถึงแม้ว่าตอนนี้นักวิทยาสาสตร์ยังคงไม่สามารถระบุแน่ชัดได้ว่าควรจัด Blob ไปอยู่ในอาณาจักรไหนกันแน่ เนื่องจากมันมีหน้าตาเหมือนเห็ดรา แต่มีพฤติกรรมการเรียนรู้เหมือนสัตว์ แต่ที่แน่ ๆ มันไม่ใช่พืชอย่างแน่นอน
อ้างอิง Reuters
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส
Cr.
https://www.beartai.com/news/sci-news/370665 / By Natnaree TK
นักเดินเล่น
ดวงตาของดาวทะเลนั้นมีลักษณะที่คล้ายคลึงกับสัตว์ในไฟลัมอาร์โทรพอด เช่น แมลงและล็อบสเตอร์ แต่ความคล้ายคลึงสิ้นสุดลงตรงที่ Garm กล่าวว่า ดาวทะเลสีน้ำเงินนั้นไม่มีเลนส์ตา เหมือนพวกอาร์โทรพอด
ดังนั้น Garm และทีมนักวิจัยจึงทำการทดลองบางอย่างเพื่อหาข้อสรุปนี้ หนึ่งในข้อสงสัยก็คือ ระยะภาพที่ดาวทะเลมองเห็นนั้นกว้างแค่ไหน หรือกว้างพอที่จะคว้าปะการังที่อยู่ตรงหน้าได้หรือไม่ และสองคือความละเอียดของภาพ ปกติแล้วเลนส์ตาช่วยให้เรามองภาพได้มีมิติและรับแสงได้มากขึ้น แต่เนื่องจากว่าดาวทะเลสีน้ำเงินนั้นไม่มีเลนส์ตา จึงเชื่อกันว่าภาพที่มันมองเห็นจึงเป็นเพียงภาพหยาบๆ
ทีมนักวิจัยเฝ้าสังเกตพฤติกรรมโดยทดลองนำดาวทะเลออกจากแนวปะการังของอ่าวโอกินาวา ในญี่ปุ่น เพื่อดูว่าเจ้าสัตว์ตัวนี้จะสามารถหาทางกลับบ้านได้หรือไม่ ในระยะสามฟุต ดาวทะเลสามารถเดินกลับบ้านได้เป็นเส้นตรง แต่ในระยะหกฟุต (2 เมตร) และสิบสองฟุต (4 เมตร) พวกเขาพบว่ามันไม่สามารถกลับบ้านได้และลงเอยด้วยการเดินเตร็ดเตร่ไปมารอบๆ บริเวณนั้น
ในขณะที่หากปล่อยดาวทะเลให้กลับบ้านในช่วงกลางคืน แม้ในระยะเพียงสามฟุตพวกมันก็เตร็ดเตร่ไปมารอบๆ เช่นกัน เนื่องจากมองไม่เห็นแนวปะการัง
เรื่อง Jane J. Lee
Cr.
https://ngthai.com/animals/7628/starfish-eyes/
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
สิ่งมีชีวิตไม่มีสมองเหล่านี้ทำสิ่งที่น่าทึ่งได้
สิ่งมีชีวิตนี้มีชื่อเรียกว่า “ราเมือก” (Slime Molds) หรือ Physarum polycephalum สัตว์เซลล์เดียวที่อาศัยอยู่รวมกัน ในหนึ่งราเมือกอาจพบเซลล์ได้ตั้งแต่พันไปจนถึงล้านเซลล์ ราเมือกสามารถปลดปล่อยสปอร์ได้ไกลหลายฟุต นอกจากนั้นพวกมันยังสามารถเคลื่อนที่ไปพร้อมๆ กันเพื่อหาอาหาร และยังสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ ด้วยการทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวในแบบที่นิยามได้ว่ามีสติปัญญา
งานวิจัยในปี 2016 พบว่า ราเมือกสามารหาอาหารที่ตั้งอยู่ยังทางออกเขาวงกตได้ ด้วยการเติบโตขยายเครือข่ายของมันไปเรื่อยๆ และเมื่อเมือกส่วนหนึ่งพบอาหารแล้ว นักวิทยาศาสตร์พบว่ามันสื่อสารกับเมือกส่วนที่เหลือไม่ให้ไปผิดทาง หรือไปยังที่ที่เคยสำรวจมาแล้ว นอกจากนั้นพวกมันยังมีหน่วยความจำเพื่อใช้ในการนำทางพวกมันไปยังสิ่งแวดล้อมใหม่หรือใช้ในการมองหาอาหาร และสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมนั้นๆ ได้ด้วยการหลอมรวมตนเองเข้ากับราเมือกอื่นๆ
แต่ทักษะที่ทำให้มนุษย์ต้องอึ้งก็คือในการทดลองที่ให้ราเมือกออกสำรวจอาหารที่ทิ้งไว้ในแต่ละจุด ราเมือกกระจายกิ่งก้านสาขาออกไป และเมื่อพบอาหารมันจะสร้างเครือข่ายใหม่ขึ้นมา ซึ่งนักวิทยาศาสตร์พบว่ายเครือข่ายของมันเป็นรูปแบบเดียวกับเส้นทางรถไฟใต้ดินของกรุงโตเกียว ความสามารถของมันนี้เทียบได้กับคอมพิวเตอร์ แม้ว่าพวกมันจะเป็นสิ่งมีชีวิตไม่มีสมองก็ตาม ซึ่งขณะนี้บรรดานักวิจัยทั่วโลกกำลังพยายามถอดรหัสความอัจฉริยะของพวกมัน เพื่อนำองค์ความรู้ที่ได้มาพัฒนาหุ่นยนต์ให้ดียิ่งขึ้น
Cr.https://ngthai.com/animals/11041/brainless-creatures-have-smart-things/
งานวิจัยครั้งนี้เผยแพร่ลงใน Current Biology เมือปี 2017 และนับเป็นครั้งแรกที่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบพฤติกรรมการนอนหลับในสัตว์ที่ไม่มีระบบประสาทกลาง บ่งชี้ว่าการนอนของเรานั้นอาจถือกำเนิดในบรรพบุรุษของสัตว์ตั้งแต่เมื่อ 600 ล้านปีก่อน
กลไกการนอนหลับของแมงกะพรุนเป็นอย่างไร เรื่องนี้ยังมีคำตอบไม่ชัดเจนนัก แต่เราทุกคนรู้ดีว่าการนอนมีประโยชน์อย่างไม่ต้องสงสัย ตั้งแต่การฟื้นฟูระบบประสาท ช่วยเพื่มประสิทธิภาพความทรงจำ ไปจนถึงรักษาพลังงานในร่างกาย
ภาพถ่ายโดย Norbert Wu
Cr.https://ngthai.com/animals/11041/brainless-creatures-have-smart-things/
Monica Gagliano นักชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยเวสเทิร์นออสเตรเลีย ชี้ว่าต้นไม้สามารถเรียนรู้พฤติกรรมได้ไม่ต่างจากสุนัขของพาฟลอฟ (การทดลองให้สุนัขหลั่งน้ำลายเมื่อได้ยินเสียงกระดิ่ง) ในการศึกษาที่เผยแพร่ลงใน Scientific Reports เมื่อปี 2016 Gagliano และทีมวิจัยของเธอพบว่าต้นถั่วลันเตาสามารถปรับตัวให้ตอบสนองต่อสิ่งเร้าสองอย่างที่ต่างกันได้ คืดพัดลม และแสงสีฟ้า
อีกงานวิจัยจากมหาวิทยาลัย Würzburg ในเยอรมนี แสดงให้เห็นว่าต้นกาบหอยแครงรู้จักการนับจำนวน เมื่อแมลงสัมผัสกับเส้นขนในใบที่เป็นกับดักของมัน สัญญาณจะถูกส่งให้เตรียมปิดกับดัก ทีมนักวิจัยพบว่าหากเส้นขนสองเส้นถูกสัมผัสภายในเวลา 15 วินาที กับดักจะปิดทันที และหากแมลงตัวดังกล่าวยังคงดิ้นรนต่อไปและสัมผัสเส้นขนอีกมากกว่า 3 ครั้ง ต้นกาบหอยแครงจะปล่อยน้ำย่อยออกมา เพื่อย่อยสลายเหยื่อและดูดกินเอาสารอาหาร
เรื่อง มิคาเอล เกรสโค
Cr.https://ngthai.com/animals/11041/brainless-creatures-have-smart-things/
Cr.https://www.takieng.com/stories/413
ในความเป็นจริงแล้ว Blob เป็นสัตว์ที่เกิดจากการรวมกลุ่มกันของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวชนิดเดียวกันเป็นจำนวนมาก ที่น่าประหลาดใจคือเพื่อความอยู่รอด และโอกาสในการผสมพันธุ์ Blob มีถึง 720 เพศในตัวเดียว ไม่เพียงเท่านั้น Blob ยังมีพลังฟื้นฟูตัวเองอันน่าทึ่ง เพราะเมื่อเราตัดกลางตัวมันออกเป็น 2 ท่อน Blob สามารถซ่อมแซมฟื้นฟูตัวเองให้หายได้ภายใน 2 นาที!
Bruno David ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติแห่งกรุงปารีสกล่าวว่า Blob เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่น่าพิศวงของธรรมชาติ มันไม่มีสมอง แต่มันสามารถเรียนรู้ได้ และถ้านำ Blob สองตัวมารวมกัน มันสามารถถ่ายทอดความรู้ให้กันและกันได้อีกด้วย
‘Blob’ ถูกตั้งชื่อตามหนังเกรดบี ที่ออกฉายในปี 1958 มันเป็นเรื่องราวของมนุษย์ต่างดาวที่กินทุกอย่างที่ขวางหน้ามันในเมืองเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า Pennsylvania และถึงแม้ว่าตอนนี้นักวิทยาสาสตร์ยังคงไม่สามารถระบุแน่ชัดได้ว่าควรจัด Blob ไปอยู่ในอาณาจักรไหนกันแน่ เนื่องจากมันมีหน้าตาเหมือนเห็ดรา แต่มีพฤติกรรมการเรียนรู้เหมือนสัตว์ แต่ที่แน่ ๆ มันไม่ใช่พืชอย่างแน่นอน
อ้างอิง Reuters
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส
Cr.https://www.beartai.com/news/sci-news/370665 / By Natnaree TK
ดังนั้น Garm และทีมนักวิจัยจึงทำการทดลองบางอย่างเพื่อหาข้อสรุปนี้ หนึ่งในข้อสงสัยก็คือ ระยะภาพที่ดาวทะเลมองเห็นนั้นกว้างแค่ไหน หรือกว้างพอที่จะคว้าปะการังที่อยู่ตรงหน้าได้หรือไม่ และสองคือความละเอียดของภาพ ปกติแล้วเลนส์ตาช่วยให้เรามองภาพได้มีมิติและรับแสงได้มากขึ้น แต่เนื่องจากว่าดาวทะเลสีน้ำเงินนั้นไม่มีเลนส์ตา จึงเชื่อกันว่าภาพที่มันมองเห็นจึงเป็นเพียงภาพหยาบๆ
ทีมนักวิจัยเฝ้าสังเกตพฤติกรรมโดยทดลองนำดาวทะเลออกจากแนวปะการังของอ่าวโอกินาวา ในญี่ปุ่น เพื่อดูว่าเจ้าสัตว์ตัวนี้จะสามารถหาทางกลับบ้านได้หรือไม่ ในระยะสามฟุต ดาวทะเลสามารถเดินกลับบ้านได้เป็นเส้นตรง แต่ในระยะหกฟุต (2 เมตร) และสิบสองฟุต (4 เมตร) พวกเขาพบว่ามันไม่สามารถกลับบ้านได้และลงเอยด้วยการเดินเตร็ดเตร่ไปมารอบๆ บริเวณนั้น
ในขณะที่หากปล่อยดาวทะเลให้กลับบ้านในช่วงกลางคืน แม้ในระยะเพียงสามฟุตพวกมันก็เตร็ดเตร่ไปมารอบๆ เช่นกัน เนื่องจากมองไม่เห็นแนวปะการัง
เรื่อง Jane J. Lee
Cr.https://ngthai.com/animals/7628/starfish-eyes/
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)