CPN ลุ้นเปิดห้างพ.ค.นี้ น่าซื้อสะสมหรือแค่เก็งกำไร?


จับตา CPN เช้านี้ หลังมีปัจจัยบวกหนุน ลุ้นเตรียมเปิดห้างตามปกติในวันที่ 1 พ.ค.นี้ นักวิเคราะห์ประเมินหากเปิดได้จริง จะทำให้กำไรทั้งปีลดลง 40% แต่ถ้ายืดเยื้อไปอีกกำไรมีโอกาสทรุดเกินครึ่ง ชี้แม้ปิดห้างทำสูญกระแสดเงินสด 2 พันลบ. แต่ฐานะการเงินแข็งแกร่ง ไร้ปัญหาสภาพคล่อง จึงแนะนำซื้อลงทุนระยะยาว
ราคาหุ้น บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา หรือ CPN เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 10% มาปิดที่ 49.50 บาท ด้วยปริมาณการซื้อขายที่หนาแน่นผิดปกติ +143.45% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วง 5 วันทำการก่อนหน้า

*** ลุ้นเปิดห้าง 1 พ.ค.ได้หรือไม่ เป็นปัจจัยบวกหนุนราคาหุ้น
จากกรณีที่ บริษัท สรรพสินค้า เซ็นทรัล จำกัด ส่งจดหมายถึงคู่ค้าและพันธมิตรทางการค้าในหนังสือระบุว่า บริษัทขอแจ้งการเตรียมการเปิดให้บริการห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ตามที่คาดว่าจะเปิดบริการในวันที่ 1 พฤษภาคม 2563 เวลาเปิด–ปิด สาขาตามปกติของแต่ละสาขานั้น

ล่าสุด บริษัท สรรพสินค้า เซ็นทรัล ได้มีจดหมายชี้แจงเพิ่มเติมว่า กรณีข้างต้นที่มีการส่งจดหมายถึงคู่ค้าและพันธมิตรทางการค้านั้น สืบเนื่องจากการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ให้มีการปิดห้าสรรพสินค้าชั่วคราวจนถึง 30 เมษายน 2563 บริษัทจึงได้ออกจดหมาย เพื่อเป็นการแจ้งล่วงหน้า และเตรียมความพร้อม ในกรณีที่รัฐบาลอนุมัติให้ห้างฯ เปิดทำการได้ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2563 ทั้งนี้ กำหนดการวัดเปิดของห้างฯ ขึ้นอยู่กับการประกาศอย่างเป็นทางการของรัฐบาลเท่านั้น

บทวิเคราะห์ บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส ระบุว่า ต้องติดตามคือการกลับมาเปิดศูนย์การค้าได้อีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจากสถานการณ์โควิด-19 ไทยที่ดีขึ้น ก็อาจจะกลับมาเปิดได้ตั้งแต่ 1 พ.ค.63 นี้ ซึ่งจะกลายมาเป็นข่าวดีกับ CPN ได้

*** หากเปิดห้าง 1 พ.ค.นี้ กำไรทั้งปีลดลง 40% แต่ถ้ายืดเยื้อทรุดเกินครึ่ง
บทวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ได้ประเมินผลกระทบจากการปิดห้างของ CPN เป็น 2 กรณี คือ 1) Base case คือปิดศูนย์การค้าจนถึงสิ้นเดือน เม.ย. คาดว่าทำให้รายได้รวมปีนี้ลดลง 18% จากปีก่อน และกำไรลดลง 40% จากปีก่อน อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน 0.43 เท่า และ 2)  Worst case คือ ขยายเวลาปิดไปอีก 1 เดือน ถึงสิ้นเดือน พ.ค. คาดว่ารายได้รวมลดลง 28% และกำไรลดลง 55% อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน 0.46 เท่า

ขณะที่ บล.เอเชีย พลัส ระบุว่า ฝ่ายวิเคราะห์ปรับลดกำไรปกติปี 63 ลงจากเดิม 46% อยู่ที่ 6.5 พันลบ. (-43% จากปีก่อน) สะท้อนการปรับลดรายได้จากการดำเนินงานลง 32% เท่ากับ 2.6 หมื่นล้านบาท หลัก ๆเกิดจากธุรกิจศูนย์การค้า โดยสมมติฐานปิดศูนย์ฯ ทั้งหมด 2 เดือน (เม.ย. - พ.ค.63) พร้อมยกเวินค่าเช่า หลังจากนั้นให้ส่วลดค่าเช่า 40% เป็นเวลา 3 เดือน (มิ.ย. - ส.ค.) ก่อนลงเหลือ 20% อีก 3 เดือน (ก.ค. - พ.ย.) และเหลือ 5% เดือน ธ.ค. นอกจากนี้ ปรับลด Gross Margin เฉลี่ยฯ จากเดิม 50% เหลือ 45%

*** ปิดห้างทำสูญกระแสดเงินสด 2 พันลบ. แต่ฐานะการเงินแกร่ง
บล.เอเชีย พลัส ระบุว่า แม้ภาพรวมธุรกิจปีนี้จะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสถานการณ์โควิด - 19 ส่งผลต่อกระแสเงินสดดำเนินงานสูญหายไปเกือบ 2 พันล้านบาท จากการปิดให้บริการศูนย์การค้า แต่เชื่อว่าบริษัทจะสามารถบริหารจัดการกระแสเงินสด และสภาพคล่องทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเตรียมพิจารณาทบทวนเงินลงทุน อาจเลื่อนใช้จ่ายงบลงทุนออกไป 2-3 เดือน เพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาที่ต้องปิดศูนย์การค้า ขณะที่ภาระหนี้สินที่มีดอกเบี้ยจ่ายและครบกำหนดชำระปีนี้รวม 8.86 พันล้านบาท ก็ได้เตรียมรีไฟแนนซ์หนี้สินดังกล่าว ด้วยการใช้เงินกู้ยืมระยะยาว รวมถึงสิ้นปี 62 ยังมีเงินสดและเงินทุนระยะสั้นรวม 3 พันล้านบาท และวงเงินสินเชื่อที่ยังมิได้เบิกใช้อีก 1.42 หมื่นล้านบาท

ด้าน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุว่า CPN ยังคงมีฐานธุรกิจและฐานะการเงินแข็งแกร่ง แม้ในกรณี Worst case ก็คาดว่ายังมี EBITDA 1.4 หมื่นล้านบาท EBITDA margin ประมาณ 50% อีกทั้งยังมีสินทรัพย์แฝงจากอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน (Investment property) ซึ่งปัจจุบันถูกบันทึกตามมูลค่าต้นทุน (Cost method) ที่ประมาณ 1 แสนล้านบาท แต่มีมูลค่ายุติธรรม (Fair value ตามหมายเหตุประกอบงบปี 2562) มากกว่า 2 แสนล้านบาท ซึ่งหากคำนวณตาม Fair value (66 บาท) จะทำให้ P/BV ลดลงจาก 2.6 เท่า เป็นต่ำกว่า 1 เท่า

ส่วนความเสี่ยงด้านการเงินนั้น บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุว่า อยู่ในเกณฑ์ควบคุมภายในของบริษัทที่อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนไม่เกิน 1 เท่า ณ ปลายปี 62 เป็น 0.37 เท่า และยังอยู่ภายใต้ข้อจำกัด (Debt Covenant) กับสถาบันการเงินที่ 1.75 เท่า

*** นักวิเคราะห์พร้อมใจเชียร์ “ซื้อ” เชื่อจะฟื้นตัวได้เร็วเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย
จากการรวบรวมคำแนะนำของนักวิเคราะห์ พบว่า แนะนำ “ซื้อ” เป็นส่วนใหญ่


โดย บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส แนะนำ ซื้อ ที่ราคาพื้นฐาน 50.00 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธี DCF แม้ว่าปีนี้จะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มาก แต่เชื่อว่าบริษัทจะอยู่รอดปลอดภัยได้ และคาดว่าปีหน้าจะกลับสู่ภาวะปกติได้มากขึ้น กอปรกับบริษัทเป็นผู้นำศูนย์การค้าถึง 34 แห่งที่ก่อให้เกิดกระแสเงินสดได้อย่างแข็งแกร่ง ผู้บริหารมากความสามารถ มีแผนธุรกิจที่ชัดเจน และงบดุลที่แข็งแกร่ง

ขณะที่ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุว่า ราคาหุ้นอาจยังถูกกดดันจากความไม่แน่นอนของโควิด-19 แต่ฐานธุรกิจของ CPN ยังแข็งแกร่งโดยจะฟื้นตัวอย่างมีนัยยะหลังการระบาดคลี่คลาย แนะนำ ทยอยซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ปรับลดลงจาก 76 บาท เป็น 66 บาท

สำหรับนักลงทุนที่คิดจะเก็งกำไร CPN จากข่าวดีที่ห้างอาจจะได้กลับมาเปิดทำการปกติในวันที่ 1 พ.ค.นี้ คงต้องหาจังหวะในการเข้าซื้อดีๆ เพราะราคาหุ้นเวลานี้ Upside เหลือน้อยเต็มที แต่สำหรับใครที่มองยาวๆ CPN ถือเป็นหุ้นพื้นฐานดี ฐานะการเงินแข็งแกร่ง สามารถนำพาบริษัทให้ผ่านพ้นวิกฤติเศรษฐกิจที่กำลังจะเกิดขึ้นตามมาหลังโควิด–19 ได้
.
**อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่==>> http://www.efinancethai.com/HotStocks/HotStockMain.aspx?id=VDZtMG9yK0FLckk9&security=CPN
--------------------------
สำนักข่าว efinanceThai ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการลงทุนหุ้นได้ที่นี่ 
Website : https://www.efinancethai.com 
Facebook : https://www.facebook.com/efinanceThaiTV/ 
Facebook : https://www.facebook.com/efinanceThai/ 
lTwitter : @eFinanceThai 
IG : @efinancethai_official 
line : @efin

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่