ลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (มาตรา 102)
2.1 ติดยาเสพติดให้โทษ
2.2 เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต
2.3 เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามมาตรา 100 (1) (2) หรือ (4)
2.4 ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล
2.5 เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึงห้าปีในวันเลือกตั้ง เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
2.6 เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ
2.7 เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน เพราะร่ำรวยผิดปกติหรือมีทัรพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ
2.8 เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำนอกจากข้าราชการการเมือง
2.9 เป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
2.10 เป็นสมาชิกวุฒิสภาหรือเคยเป็นสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกภาพสิ้นสุดลงแล้วยังไม่เกินสองปี
2.11 เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ
2.12 เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดิน กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน หรือกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
2.13 อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามมาตรา 263
2.14 เคยถูกวุฒิสภามีมติตามมาตรา 274 ให้ถอดถอนออกจากตำแหน่ง
หมายเหตุ :::
เอาแค่ข้อ 2.4 2.5 และ 2.7 ก็พอ
ใครที่มีคุณสมบัติ เข้าตามมาตร 102 ข้อ 2.4 ข้อ 2.5 และข้อ 2.7 ขาดคุณสมบัติ ตั้งแต่ต้น จะเข้าสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่ได้
เพราะขาดคุณสมบัติ ตั้งแต่ต้น คนที่เป็นข้าราชการ หรือ รับข้าราชการอยู่ รู้ดีในลักษณะต้องห้ามนี้ เดี๋ยวจะหาว่ากลั่นแกล้งกันอีก
ดังนั้น ถ้าวันหนึ่งวันใด มีผู้หนึ่งผู้ใดกลับมาดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยมีลักษณะต้องห้ามตามบทบัญญัติ ตามมาตร 102 นี้ ก็พร้อมที่จะขอร่วมเป็นคนหนึ่ง ที่ยืนอยู่แถวหน้าต่อต้านไม่ยอมรับ เพราะมันจะหมายถึงการท้าทายต่อบทบัญญัติของกฏหมาย กฏหมายเป็นเพียงแค่เศษกระดาษบังคับใช้กับผู้มีอำนาจไม่ได้ ก็พร้อมที่จะเป็นคนหนึ่ง ที่เดินลงสู่ท้องถนน ร่วมกับประชาชนต่อต้านไม่ยอมรับเช่นกัน นักการเมืองและพรรคการเมืองทั้งหลาย ที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย ขอให้ยึดมั่นในหลักการอย่างปากว่า แต่ถ้าวันหนึ่งวันใดมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้น กฎหมายละเว้นเอาผิดหรือบังคับใช้กับใครบางคนไม่ได้
เมื่อนั้นท้องถนนคงเต็มไปด้วยผู้คน ที่ออกมาร่วมกันต่อต้านเป็นแน่ ขอย้ำอีกครั้งหนึ่งเพราะ ยังคงเชื่อว่าประชาธิปไตย หรือ เผด็จการล้วนมีดีมีชั่วอยู่ในนั้น
ใช่ว่าคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นฝ่ายประประชาธิปไตย เป็นนักการเมือง และพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย จะทำเรื่องที่มันขัดต่อบทบัญญัติของกฎหมายไม่ได้ เมื่อวันนั้นมาถึงคงได้รู้กัน เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ขออย่างเดียวอย่าอ้างคำว่าประชาธิปไตยแต่ปาก ทุกคนมีหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียงเท่ากัน อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฏหมายเดียวกัน คงไม่เลือกปฎิบัติละเว้นใครบางคน ขอจงยึดมั่นแบบนั้นและปฎิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมายที่ท่านยึดถือเถิด เมื่อนั้นบ้านเมืองก็สงบสุข
นามปากกา
เขียนให้คิด
17/04/2563
*คุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม และข้อห้ามของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์ (เลิกโหนกระแสและเพ้อฟันกันได้แล้ว)
2.1 ติดยาเสพติดให้โทษ
2.2 เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต
2.3 เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามมาตรา 100 (1) (2) หรือ (4)
2.4 ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล
2.5 เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึงห้าปีในวันเลือกตั้ง เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
2.6 เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ
2.7 เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน เพราะร่ำรวยผิดปกติหรือมีทัรพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ
2.8 เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำนอกจากข้าราชการการเมือง
2.9 เป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
2.10 เป็นสมาชิกวุฒิสภาหรือเคยเป็นสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกภาพสิ้นสุดลงแล้วยังไม่เกินสองปี
2.11 เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ
2.12 เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดิน กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน หรือกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
2.13 อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามมาตรา 263
2.14 เคยถูกวุฒิสภามีมติตามมาตรา 274 ให้ถอดถอนออกจากตำแหน่ง
หมายเหตุ :::
เอาแค่ข้อ 2.4 2.5 และ 2.7 ก็พอ
ใครที่มีคุณสมบัติ เข้าตามมาตร 102 ข้อ 2.4 ข้อ 2.5 และข้อ 2.7 ขาดคุณสมบัติ ตั้งแต่ต้น จะเข้าสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่ได้
เพราะขาดคุณสมบัติ ตั้งแต่ต้น คนที่เป็นข้าราชการ หรือ รับข้าราชการอยู่ รู้ดีในลักษณะต้องห้ามนี้ เดี๋ยวจะหาว่ากลั่นแกล้งกันอีก
ดังนั้น ถ้าวันหนึ่งวันใด มีผู้หนึ่งผู้ใดกลับมาดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยมีลักษณะต้องห้ามตามบทบัญญัติ ตามมาตร 102 นี้ ก็พร้อมที่จะขอร่วมเป็นคนหนึ่ง ที่ยืนอยู่แถวหน้าต่อต้านไม่ยอมรับ เพราะมันจะหมายถึงการท้าทายต่อบทบัญญัติของกฏหมาย กฏหมายเป็นเพียงแค่เศษกระดาษบังคับใช้กับผู้มีอำนาจไม่ได้ ก็พร้อมที่จะเป็นคนหนึ่ง ที่เดินลงสู่ท้องถนน ร่วมกับประชาชนต่อต้านไม่ยอมรับเช่นกัน นักการเมืองและพรรคการเมืองทั้งหลาย ที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย ขอให้ยึดมั่นในหลักการอย่างปากว่า แต่ถ้าวันหนึ่งวันใดมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้น กฎหมายละเว้นเอาผิดหรือบังคับใช้กับใครบางคนไม่ได้
เมื่อนั้นท้องถนนคงเต็มไปด้วยผู้คน ที่ออกมาร่วมกันต่อต้านเป็นแน่ ขอย้ำอีกครั้งหนึ่งเพราะ ยังคงเชื่อว่าประชาธิปไตย หรือ เผด็จการล้วนมีดีมีชั่วอยู่ในนั้น
ใช่ว่าคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นฝ่ายประประชาธิปไตย เป็นนักการเมือง และพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย จะทำเรื่องที่มันขัดต่อบทบัญญัติของกฎหมายไม่ได้ เมื่อวันนั้นมาถึงคงได้รู้กัน เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ขออย่างเดียวอย่าอ้างคำว่าประชาธิปไตยแต่ปาก ทุกคนมีหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียงเท่ากัน อยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฏหมายเดียวกัน คงไม่เลือกปฎิบัติละเว้นใครบางคน ขอจงยึดมั่นแบบนั้นและปฎิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมายที่ท่านยึดถือเถิด เมื่อนั้นบ้านเมืองก็สงบสุข
นามปากกา
เขียนให้คิด
17/04/2563