สายๆ ของวันที่ 18 มี.ค. ที่ผ่านมา ขณะนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนที่นอน เลื่อนๆ ดูหน้าฟีดเฟซบุ๊ก เห็นว่าโรงพยาบาลขาดเลือดอย่างหนัก เลยฮึบ!! ลุกขึ้นจากเตียง อาบน้ำ แต่งตัว กินข้าวให้เต็มอิ่ม แล้วออกไปบริจาคเลือดดีกว่า
เนื่องจากก่อนหน้านี้ ตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค. เป็นวันทำงานวันสุดท้าย และหลังจากนั้นก็ไม่ได้ออกจากบ้านอีกเลย ออกมามากสุดคือรดน้ำต้นไม้หน้าบ้าน เลยคิดว่าตัวเองน่าจะปลอดจากเชื้อโรค ต่างๆ พอควร และน่าจะบริจาคเลือดได้ เลยตรงดิ่งไปบริจาคเลือดที่โรงพยาบาลศิริราช ใกล้บ้าน (ปกติบริจาค 2 ที่ ศิริราช กับสภากาชาดไทย)
ไปถึงโรงพยาบาลน่าจะบ่ายโมง เรามาลงรถสองแถวที่หลังโรงพยาบาล (ตรงศิริราชปิยการุณย์) แล้วเดินไปที่ตึกศาลาศิริราช 100 ปี จากนั้นจะมีคุณพยาบาลอยู่ปากทางเข้า คอยวัดไข้ผู้ที่จะเดินผ่านเข้าไป ถ้าไม่มีไข้จะได้แปะสติ๊กเกอร์สีเขียว พร้อมเขียนตัวเลยอุณหภูมิไว้ และล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ แล้วเดินไปทางโถงชั้นล่างของตึกเพื่อกรอกใบบริจาค
ที่โถงด้านล่างเปิดแอร์เย็นฉ่ำมาก มีเก้าอี้วางไว้ห่างๆ กัน คนน้อยมากๆ นับได้ 5 คนถ้วน เอ็นดู ^^ แบ่งเป็น 2 ฝั่ง คือฝั่งที่กรอกเอกสารการบริจาคเลือด และฝั่งตรงข้ามเป็นฝั่งที่เจาะเลือดปลายนิ้วแยกออกจากกัน เริ่มจากกรอกเอกสารส่งก่อน รอบนี้มีเพิ่มมา 1 หน้า คือให้กรอกว่าไม่เคยไปต่างประเทศและไม่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงของโรค Covid-19 หากให้ข้อมูลเท็จ โดนปรับและจำคุกนะจ๊ะ! แล้ววัดความดัน และเจ้าหน้าที่จะให้ดื่มน้ำแดง ให้หายเหนื่อยก่อนที่จุดนี้ เราความดันต่ำนิดหน่อย (ปกติเป็นคนความดันต่ำ) เจ้าหน้าที่ให้ดื่มน้ำแล้วไปวัดความดันใหม่อีกรอบ ก็ยังต่ำนิดนึง ตรงจุดนี้เลยดื่มน้ำไป 3 แก้วรัวๆ วัดความดันได้เป็นที่พอใจของเจ้าหน้าที่ ก็เดินไปอีกฝั่ง
เดินข้ามมาอีกฝั่งเจ้าหน้าที่เจาะเลือดที่ปลายนิ้ว ซักประวัติ แล้ววัดความดันอีกรอบ เสร็จแล้วก็จะให้ยาบำรุงเลือดมา พร้อมเอกสารไปยื่นที่ชั้นบน แต่ก่อนขึ้นไป เจ้าหน้าที่ให้เดินกลับไปฝั่งเดิม แล้วดิ่มน้ำอีกหนึ่งแก้ว (ยังไม่ได้เลือดเลยซัดน้ำเค้าไป 4 แก้วละ)
จากนั้นเดินออกมาเพื่อที่จะขึ้นลิฟท์ไปชั้น 3 ที่หน้าลิฟท์ จะมีคุณพยาบาลประจำอยู่อีก 1 จุด วัดไข้ ถ้าผ่านก็จะได้แปะสติ๊กเกอร์สีฟ้า ล้างมือด้วยแอลกอฮออล์ แล้วขึ้นลิฟท์ไปชั้น 3 เลยจ้า ปาย ปาย ปาย ปาย!
ขึ้นมาชั้น 3 จะเจอห้องธนาคารเลือด ปกติก่อนหน้านี้ช่วงที่ไม่โควิด ก็มาลงทะเบียนที่ชั้นนี้เลย และผู้บริจาคจะแน่นระดับนึง แต่วันนี้ไม่มีคนเลย ก่อนเข้าประตูไปในห้องบริจาค ก็กดแอลกอฮอล์ล้างมืออีก 1 ครั้ง แล้วยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ และนั่งรอเรียก ระหว่างนั่งรอ มีเจ้าหน้าที่เอาน้ำแดงมาให้ดื่มอีก 1 แก้ว ที่นั่งรอก็จะเว้นระยะห่างกัน ในนี้มีอยู่ 3-4 คนที่รออยู่ รอไม่ถึง 5 นาที เจ้าหน้าที่มาเรียกให้เข้าไปในห้องบริจาค
เจ้าหน้าที่บอกว่าเลือกเตียงได้ตามใจชอบ เพราะเตียงว่างเชียว ฮ่าาาา ปกติไม่ได้เลือกนะ ว่างแล้วเข้าเสียบได้เลย เราเลือกเตียงริม บรรยากาศส่วนตัว จากนั้นก็เอาที่ปิดตาขึ้นมาปิดตาละ เพราะกลัวเลือด เห็นแล้วจะเป็นลม คิดว่าเจ้าหน้าที่น่าจะจำได้ ถามว่าพร้อมยัง ปิดตาเรียบร้อยละน้าาา เจาะละน้าาา "โอเค ได้ค่าา จัดเลยค่าาา" เจ้าหน้าที่สาวสวย เจาะเลือดอย่างเบามือ เรียกว่าเบามือที่สุดกว่าทุกครั้งที่เคยบริจาคมา แทบไม่เจ็บเลย และที่สำคัญ เจาะเพียงครั้งเดียวผ่าน ปกติ 2 ครั้ง เพราะหาเส้นไม่เจอ และเส้นเล็ก เจาะเสร็จ เจ้าหน้าที่บอกว่าเสร็จแล้วนะคะ อย่าหลับนะ ขยันบีบลูกบอลด้วย "โอเค ได้ค่าาา"
ผ่านไปประมาณ ไม่ถึง 20 นาที หรือ 15 นาทีด้วยซ้ำมั้ง เจ้าหน้าที่คนเดิมเดินมาบอกว่าเรียบร้อยแล้ว และพูดว่า คราวนี้ทำไมเร็ว ปกติจะออกคนสุดท้าย แล้วแล้วต้องมาช่วยกันบีบที่แขนให้เลือดออกมาเต็มถุงไวๆ โอ้ววววว เค้าจำเราได้จริงๆ ด้วยแฮะ หงิ หงิ เราตอบไปว่า 3 เดือนที่ผ่านมาออกกำลังกายทุกวันเลย ยกดัมเบล บอดี้เวททุกวัน เลยมีส่วนมั้งคะ
แล้วเจ้าหน้าที่ก็จัดการถอดเข็มออก และบอกว่าเก็บถุงเลือดไปก่อนน้าา หายไปแป๊บนึง ก็กลับมาบอกว่า เปิดตาได้แล้ว ฮ่าาา เปิดตามาเจ้าหน้าที่ถามว่าเป็นไงบ้าง มีเวียนหัว คลื่นไส้มั้ย เราบอกว่าไม่มีอาการอะไรเลยค่ะ จากนั้นก็วัดความดัน ความดันต่ำมาก เลยยังลุกจากเตียงไม่ได้ น้ำแดงแก้วแรกผ่านไป แก้วสอง แก้วสาม ค่อยๆ ผ่านไป รวมๆ ที่เตียงนี้ดื่มไป 4 แก้วรวด วัดความดันอีกรอบ อ่าขึ้นมานิดนึง ลุกไปกินของว่างได้ แต่ต้องกลับมาวัดความดันอีกรอบก่อนกลับบ้าน
และก็เดินออกมาข้างนอก รับของว่าง มีน้ำแดงอีกเช่นเคยแก้วที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ของวัน และขนม นั่งกินของว่างไปเรื่อยๆ แล้วกลับเข้าไปวัดความดันอีกรอบ ฮืออออ เจ้าหน้าที่ด้านใน ตะโกนบอกเจ้าหน้าที่ด้านนอกว่า เอาน้ำแดงมาให้อีก ตอนนี้น้ำแดงจะถึงคอแล้วจ้าาาา นั่งพักเอนหลัง หลับตาประมาณ 10 นาที ก็ไปวัดความดันอีกรอบ รอบนี้ผ่าน เย้ !!! กลับบ้านได้ แต่ห้ามเดินไกลๆ นะ เดี๋ยววูบ และล้ม (เราเคยมีประวัติบริจาคเลือดแล้วเป็นลม 1 ครั้ง เมื่อประมาณ 12 ปีที่แล้วบริจาคเสร็จถอดเข็มปุ๊บ คือไฟดับเลย วูบไปเลย แล้วก็งดไป ไม่ได้บริจาคเลือดประมาณปีกว่าๆ)
รับของที่ระลึกเป็นยาหม่อง (ยาหม่องที่นี่ดีมากนะ เวียนหัว จะอ้วก ป้ายๆ ตรงจมูกนี่รู้เรื่อง) ปากกา แอลกอฮอล์ และยาบำรุงเลือด
ก็เป็นอันเสร็จสิ้นการบริจาคเลือดครั้งนี้ และกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ ทุกครั้งที่บริจาคเลือดเสร็จจะรีบกลับบ้านและนอนพักอย่างเดียวเพราะกลัววูบ เรากินยาบำรุงเลือดอยู่ 3 วัน ก็เลิกกินละ และกลับมาออกกำลังกายเหมือนเดิม หลังจากนี้หากมีอาการป่วย ไข้ใดๆ ให้รีบแจ้งโรงพยาบาลทันที
และจากวันที่ 18 มี.ค. ถึงวันนี้ ไม่มีอาการไข้ หรืออาการใดๆ เลือดที่บริจาคไปน่าจะใช้ได้ เป็นประโยชน์กับผู้ป่วยเนาะ ถ้าทำได้ก็อยากจะบริจาคบ่อยๆ แต่ด้วยสังขารไม่เอื้ออำนวย ทำได้แค่ปีละ 2 ครั้ง
ก็ขอเชิญชวนนะคะ เพื่อนๆ ที่มีร่างกายแข็งแรง ไม่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อโรค ไม่ได้ทานยาต้องห้ามสำหรับการบริจาคเลือด เชิญชวนให้ไปบริจาคเลือดกันค่ะ ยิ่งช่วง Covid-19 เข้าใจว่าหลายๆ คนไม่อยากออกจากบ้านไปเสี่ยง ยิ่งไปโรงพยาบาลด้วยแล้วก็ยิ่งไม่อยากเสี่ยง แต่ที่โรงพยาบาลก็มีความปลอดภัย และแยกส่วนผู้ป่วยชัดเจนอยู่นะ ไปกัน ไปกัน จะบริจาคที่ศิริราช หรือสภากาชาดไทย หรือที่ไหนๆ ก็ได้ ตามแต่ทุกคนจะสะดวก หรือใครเหงา ใครกลัว กังวลไม่มีเพื่อนไป ว่างอยู่ ยินดีไปเป็นเพื่อนจ้าาาา
สุดท้ายแล้วอยากรู้มากเลยอ่ะ ว่าน้ำแดงที่ทางโรงพยาบาลให้เราดื่ม ใช้ยี่ห้ออะไร มีใครทราบมั้ยคะว่าเค้ารับบริจาคมั้ยอะ รู้สึกไปแต่ละครั้ง ใช้เยอะ ใช้เปลืองกว่าใครเค้า อยากคืนให้เค้าบ้าง แล้วที่สำคัญดื่มที่ไหนก็ไม่เหมือนที่ไปบริจาคเลือด มันหวานพอดี คิดไปเองป่าวไม่รู้ ฮ่าาา
จบแล้ว ^^
[CR] ถึงจะเป็นช่วงโควิด แต่ผู้ป่วยก็ยังต้องการโลหิต บริจาคคนละยูนิต เพื่อผู้ป่วยวิกฤต นะจ๊ะ นะจ๊ะ
เนื่องจากก่อนหน้านี้ ตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค. เป็นวันทำงานวันสุดท้าย และหลังจากนั้นก็ไม่ได้ออกจากบ้านอีกเลย ออกมามากสุดคือรดน้ำต้นไม้หน้าบ้าน เลยคิดว่าตัวเองน่าจะปลอดจากเชื้อโรค ต่างๆ พอควร และน่าจะบริจาคเลือดได้ เลยตรงดิ่งไปบริจาคเลือดที่โรงพยาบาลศิริราช ใกล้บ้าน (ปกติบริจาค 2 ที่ ศิริราช กับสภากาชาดไทย)
ไปถึงโรงพยาบาลน่าจะบ่ายโมง เรามาลงรถสองแถวที่หลังโรงพยาบาล (ตรงศิริราชปิยการุณย์) แล้วเดินไปที่ตึกศาลาศิริราช 100 ปี จากนั้นจะมีคุณพยาบาลอยู่ปากทางเข้า คอยวัดไข้ผู้ที่จะเดินผ่านเข้าไป ถ้าไม่มีไข้จะได้แปะสติ๊กเกอร์สีเขียว พร้อมเขียนตัวเลยอุณหภูมิไว้ และล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ แล้วเดินไปทางโถงชั้นล่างของตึกเพื่อกรอกใบบริจาค
ที่โถงด้านล่างเปิดแอร์เย็นฉ่ำมาก มีเก้าอี้วางไว้ห่างๆ กัน คนน้อยมากๆ นับได้ 5 คนถ้วน เอ็นดู ^^ แบ่งเป็น 2 ฝั่ง คือฝั่งที่กรอกเอกสารการบริจาคเลือด และฝั่งตรงข้ามเป็นฝั่งที่เจาะเลือดปลายนิ้วแยกออกจากกัน เริ่มจากกรอกเอกสารส่งก่อน รอบนี้มีเพิ่มมา 1 หน้า คือให้กรอกว่าไม่เคยไปต่างประเทศและไม่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงของโรค Covid-19 หากให้ข้อมูลเท็จ โดนปรับและจำคุกนะจ๊ะ! แล้ววัดความดัน และเจ้าหน้าที่จะให้ดื่มน้ำแดง ให้หายเหนื่อยก่อนที่จุดนี้ เราความดันต่ำนิดหน่อย (ปกติเป็นคนความดันต่ำ) เจ้าหน้าที่ให้ดื่มน้ำแล้วไปวัดความดันใหม่อีกรอบ ก็ยังต่ำนิดนึง ตรงจุดนี้เลยดื่มน้ำไป 3 แก้วรัวๆ วัดความดันได้เป็นที่พอใจของเจ้าหน้าที่ ก็เดินไปอีกฝั่ง
เดินข้ามมาอีกฝั่งเจ้าหน้าที่เจาะเลือดที่ปลายนิ้ว ซักประวัติ แล้ววัดความดันอีกรอบ เสร็จแล้วก็จะให้ยาบำรุงเลือดมา พร้อมเอกสารไปยื่นที่ชั้นบน แต่ก่อนขึ้นไป เจ้าหน้าที่ให้เดินกลับไปฝั่งเดิม แล้วดิ่มน้ำอีกหนึ่งแก้ว (ยังไม่ได้เลือดเลยซัดน้ำเค้าไป 4 แก้วละ)
จากนั้นเดินออกมาเพื่อที่จะขึ้นลิฟท์ไปชั้น 3 ที่หน้าลิฟท์ จะมีคุณพยาบาลประจำอยู่อีก 1 จุด วัดไข้ ถ้าผ่านก็จะได้แปะสติ๊กเกอร์สีฟ้า ล้างมือด้วยแอลกอฮออล์ แล้วขึ้นลิฟท์ไปชั้น 3 เลยจ้า ปาย ปาย ปาย ปาย!
ขึ้นมาชั้น 3 จะเจอห้องธนาคารเลือด ปกติก่อนหน้านี้ช่วงที่ไม่โควิด ก็มาลงทะเบียนที่ชั้นนี้เลย และผู้บริจาคจะแน่นระดับนึง แต่วันนี้ไม่มีคนเลย ก่อนเข้าประตูไปในห้องบริจาค ก็กดแอลกอฮอล์ล้างมืออีก 1 ครั้ง แล้วยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ และนั่งรอเรียก ระหว่างนั่งรอ มีเจ้าหน้าที่เอาน้ำแดงมาให้ดื่มอีก 1 แก้ว ที่นั่งรอก็จะเว้นระยะห่างกัน ในนี้มีอยู่ 3-4 คนที่รออยู่ รอไม่ถึง 5 นาที เจ้าหน้าที่มาเรียกให้เข้าไปในห้องบริจาค
เจ้าหน้าที่บอกว่าเลือกเตียงได้ตามใจชอบ เพราะเตียงว่างเชียว ฮ่าาาา ปกติไม่ได้เลือกนะ ว่างแล้วเข้าเสียบได้เลย เราเลือกเตียงริม บรรยากาศส่วนตัว จากนั้นก็เอาที่ปิดตาขึ้นมาปิดตาละ เพราะกลัวเลือด เห็นแล้วจะเป็นลม คิดว่าเจ้าหน้าที่น่าจะจำได้ ถามว่าพร้อมยัง ปิดตาเรียบร้อยละน้าาา เจาะละน้าาา "โอเค ได้ค่าา จัดเลยค่าาา" เจ้าหน้าที่สาวสวย เจาะเลือดอย่างเบามือ เรียกว่าเบามือที่สุดกว่าทุกครั้งที่เคยบริจาคมา แทบไม่เจ็บเลย และที่สำคัญ เจาะเพียงครั้งเดียวผ่าน ปกติ 2 ครั้ง เพราะหาเส้นไม่เจอ และเส้นเล็ก เจาะเสร็จ เจ้าหน้าที่บอกว่าเสร็จแล้วนะคะ อย่าหลับนะ ขยันบีบลูกบอลด้วย "โอเค ได้ค่าาา"
ผ่านไปประมาณ ไม่ถึง 20 นาที หรือ 15 นาทีด้วยซ้ำมั้ง เจ้าหน้าที่คนเดิมเดินมาบอกว่าเรียบร้อยแล้ว และพูดว่า คราวนี้ทำไมเร็ว ปกติจะออกคนสุดท้าย แล้วแล้วต้องมาช่วยกันบีบที่แขนให้เลือดออกมาเต็มถุงไวๆ โอ้ววววว เค้าจำเราได้จริงๆ ด้วยแฮะ หงิ หงิ เราตอบไปว่า 3 เดือนที่ผ่านมาออกกำลังกายทุกวันเลย ยกดัมเบล บอดี้เวททุกวัน เลยมีส่วนมั้งคะ
แล้วเจ้าหน้าที่ก็จัดการถอดเข็มออก และบอกว่าเก็บถุงเลือดไปก่อนน้าา หายไปแป๊บนึง ก็กลับมาบอกว่า เปิดตาได้แล้ว ฮ่าาา เปิดตามาเจ้าหน้าที่ถามว่าเป็นไงบ้าง มีเวียนหัว คลื่นไส้มั้ย เราบอกว่าไม่มีอาการอะไรเลยค่ะ จากนั้นก็วัดความดัน ความดันต่ำมาก เลยยังลุกจากเตียงไม่ได้ น้ำแดงแก้วแรกผ่านไป แก้วสอง แก้วสาม ค่อยๆ ผ่านไป รวมๆ ที่เตียงนี้ดื่มไป 4 แก้วรวด วัดความดันอีกรอบ อ่าขึ้นมานิดนึง ลุกไปกินของว่างได้ แต่ต้องกลับมาวัดความดันอีกรอบก่อนกลับบ้าน
และก็เดินออกมาข้างนอก รับของว่าง มีน้ำแดงอีกเช่นเคยแก้วที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ของวัน และขนม นั่งกินของว่างไปเรื่อยๆ แล้วกลับเข้าไปวัดความดันอีกรอบ ฮืออออ เจ้าหน้าที่ด้านใน ตะโกนบอกเจ้าหน้าที่ด้านนอกว่า เอาน้ำแดงมาให้อีก ตอนนี้น้ำแดงจะถึงคอแล้วจ้าาาา นั่งพักเอนหลัง หลับตาประมาณ 10 นาที ก็ไปวัดความดันอีกรอบ รอบนี้ผ่าน เย้ !!! กลับบ้านได้ แต่ห้ามเดินไกลๆ นะ เดี๋ยววูบ และล้ม (เราเคยมีประวัติบริจาคเลือดแล้วเป็นลม 1 ครั้ง เมื่อประมาณ 12 ปีที่แล้วบริจาคเสร็จถอดเข็มปุ๊บ คือไฟดับเลย วูบไปเลย แล้วก็งดไป ไม่ได้บริจาคเลือดประมาณปีกว่าๆ)
รับของที่ระลึกเป็นยาหม่อง (ยาหม่องที่นี่ดีมากนะ เวียนหัว จะอ้วก ป้ายๆ ตรงจมูกนี่รู้เรื่อง) ปากกา แอลกอฮอล์ และยาบำรุงเลือด
ก็เป็นอันเสร็จสิ้นการบริจาคเลือดครั้งนี้ และกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ ทุกครั้งที่บริจาคเลือดเสร็จจะรีบกลับบ้านและนอนพักอย่างเดียวเพราะกลัววูบ เรากินยาบำรุงเลือดอยู่ 3 วัน ก็เลิกกินละ และกลับมาออกกำลังกายเหมือนเดิม หลังจากนี้หากมีอาการป่วย ไข้ใดๆ ให้รีบแจ้งโรงพยาบาลทันที
และจากวันที่ 18 มี.ค. ถึงวันนี้ ไม่มีอาการไข้ หรืออาการใดๆ เลือดที่บริจาคไปน่าจะใช้ได้ เป็นประโยชน์กับผู้ป่วยเนาะ ถ้าทำได้ก็อยากจะบริจาคบ่อยๆ แต่ด้วยสังขารไม่เอื้ออำนวย ทำได้แค่ปีละ 2 ครั้ง
ก็ขอเชิญชวนนะคะ เพื่อนๆ ที่มีร่างกายแข็งแรง ไม่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อโรค ไม่ได้ทานยาต้องห้ามสำหรับการบริจาคเลือด เชิญชวนให้ไปบริจาคเลือดกันค่ะ ยิ่งช่วง Covid-19 เข้าใจว่าหลายๆ คนไม่อยากออกจากบ้านไปเสี่ยง ยิ่งไปโรงพยาบาลด้วยแล้วก็ยิ่งไม่อยากเสี่ยง แต่ที่โรงพยาบาลก็มีความปลอดภัย และแยกส่วนผู้ป่วยชัดเจนอยู่นะ ไปกัน ไปกัน จะบริจาคที่ศิริราช หรือสภากาชาดไทย หรือที่ไหนๆ ก็ได้ ตามแต่ทุกคนจะสะดวก หรือใครเหงา ใครกลัว กังวลไม่มีเพื่อนไป ว่างอยู่ ยินดีไปเป็นเพื่อนจ้าาาา
สุดท้ายแล้วอยากรู้มากเลยอ่ะ ว่าน้ำแดงที่ทางโรงพยาบาลให้เราดื่ม ใช้ยี่ห้ออะไร มีใครทราบมั้ยคะว่าเค้ารับบริจาคมั้ยอะ รู้สึกไปแต่ละครั้ง ใช้เยอะ ใช้เปลืองกว่าใครเค้า อยากคืนให้เค้าบ้าง แล้วที่สำคัญดื่มที่ไหนก็ไม่เหมือนที่ไปบริจาคเลือด มันหวานพอดี คิดไปเองป่าวไม่รู้ ฮ่าาา
จบแล้ว ^^
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้