The Platform
ภพภูมิ
ถ้าติดกับความเท่าเทียม ชนชั้น ความถูกต้อง ความสมบูรณ์แบบและความสวยงาม ก็ยังติดอยู่กับโลก โลกียะ อยู่ร่ำไป
เพราะเหตุที่มาต่างกัน ที่ไปจึงมีผลที่แตกต่างกันไป ภพภูมิมี 31 ภพภูมิ มีภพภูมิร่วมกันอีกหลายลำดับชั้น กามภูมิ 11 ชั้น รูปภูมิ 16 ชั้น อรูปภูมิ 4 ชั้น จะเอาความเท่าเทียมที่ตรงไหน จะให้คนข้างบนลงมาเท่าคนข้างล่าง หรือจะให้คนข้างล่างขึ้นไปเท่ากับคนข้างบน ถ้าเป็นเช่นนั้นได้จริง ในภพภูมิที่อยู่ร่วมกัน เรามีเมตตาพอไหม ใจกว้างพอไหมให้คนข่มขืน ฆ่า จี้ปล้น กราดยิง ไม่ต้องอยู่ในคุก เศรษฐีบ้านใหญ่โตเมตตาพอไหมให้คนจนไร้บ้านมาอยู่ร่วมกัน หรือว่าเราจะยอมลงไปอยู่กับคนข้างล่าง เพื่อความเท่าเทียม เมื่อไหร่ที่ถูกหวยหรือได้รับสิ่งใดมา เราแบ่งให้ทุกคนอย่างเท่าเทียมกันได้ไหม
เมตตามีพอไหม คงขึ้นอยู่กับแต่ละคนไม่สามารถบังคับหรือตอบแทนใครได้ หนังจึงไม่สามารถสรุปอะไรตรงนี้ได้ ก็เห็นอยู่ ถ้าถูกบังคับก็ไม่เท่าเทียม
ทุกคนมีส่วนในการสร้างชนชั้นทางสังคม เพราะการให้ค่าให้ความหมายกับทุกสิ่งร่วมกัน จึงยึดมั่นถือมั่นว่าสิ่งนี้ดีงามกว่าสิ่งนั้น สิ่งนั้นเลวร้ายหรือแย่กว่าสิ่งนี้
เมื่อไหร่ที่เรายอมรับความจริง ยอมรับความเป็นธรรมดาของโลก รูปและนาม นั้นแหละจะเห็นความจริง
ในตอนแรก คนข้างล่างคิดว่าต้องส่งสารอะไรบางอย่างแบบที่คนข้างบนเป็น ความสวยงาม ความเป็นระเบียบ และความสมบูรณ์แบบ ที่คนเหล่านั้นให้คุณค่าให้ความหมายกับมัน เพื่อคนข้างบน จะได้รู้ว่าเราเหมือนกันเท่าเทียมกัน
แต่แท้จริงหนังต้องการสื่อสาร เรื่องภายในจิตใจ ว่ายังมีมนุษย์ที่มีจิตใจสะอาดอยู่ไหม ในที่ที่มีแต่ความเสื่อม การเอาตัวรอด ความเป็นมนุษย์ที่มี ความโลภ ความโกรธ ความหลง ไม่ใช่แค่เรื่องชนชั้น เพราะทุกคนสามารถอยู่สูงกว่า หรือต่ำกว่ากันได้ตลอด นี่คือสิ่งที่หนังกำลังส่งสาร ทั้งการกินอาหารก่อนหลัง ในเวลาที่จำกัด และห้ามกักตุนอาหาร มันชัดเจนในแง่ของกฎกติกาที่ต้องอยู่ร่วมกัน ในขณะที่อาหารมีจำกัด
มันคือ platform ระบบของความเท่าเทียมที่มนุษย์พยายามสร้างขึ้น เพราะคิดว่ามันถูกต้อง ดีเลิศ สมบูรณ์ และเท่าเทียม ทำอาหารที่ถูกใจทุกคนอย่างประณีตสวยงาม แต่ให้กับคนที่ไร้อิสระภาพ ไม่ต่างอะไรกับกิเลสที่พาให้เราไปทำสิ่งต่างๆ แล้วมอบรางวัลให้เราด้วยเค้กสวยๆ 1 ก้อน สเต็กเนื้อ 1 ชิ้น นาฬิกาสวย รถหรู กระเป๋าราคาแพง แล้วเราก็ส่งต่อรูปสวยๆให้กับผู้อื่น ให้มีความอยากร่วมกัน สร้างคุณค่าให้ความหมายมันร่วมกัน นี่แหละคือระบบสังคมวัตถุนิยม บริโภคนิยม เราไม่ต่างอะไรกับคนข้างบนเลย ทำไมเราไม่เห็นหรือทำแค่อาหาร แต่เราทำไปเพราะความอยากและความหลงใช่หรือไม่
เพราะเรามีความหลงซ่อนอยู่ร่วมกัน เราทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสังคมนี้ขึ้นมา ถ้าคนข้างล่างไม่สนใจสิ่งที่คนข้างบนให้คุณค่าให้ความหมาย วันหนึ่งคนข้างบนก็จะรู้สึกเสื่อมค่าหมดความหมายไปเอง คือการรู้เท่าทันกิเลส ตัณหานั้นแหละ
เราอาจโทษคนข้างบน คนที่มีอำนาจ วาสนา กับสิ่งที่เขาสร้างมาเป็นแบบนั้น เราน้อยเนื้อต่ำใจ ใจก็ยิ่งตกต่ำ ถ้าเราไม่ให้ค่ากับอาหารที่สวยงาม รสชาติที่อร่อยถูกใจ เราก็จะกินเท่าที่ร่างกายหิวหรือต้องการจริงๆ ไม่ใช่ใจที่หิวที่ไม่มีวันอิ่ม ความเมตตาก็จะเกิดขึ้นได้ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แบ่งปันก็เกิดขึ้นได้ และเมื่อเราอยู่ในสังคมที่มีเมตตา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แล้ว ความเห็นอกเห็นใจเกิดขึ้นแล้ว ก็จะกินอาหารเฉพาะส่วนของตนเอง หรือแม้ว่าอาหารอาจจะไม่เพียงพอ ก็อาจมีคนที่ยอมอดบ้างบางมื้อ เพื่อให้คนอื่นได้มีชีวิตรอด การฆ่ากินเนื้อกันเพื่อความอยู่รอดก็อาจไม่เกิดขึ้น นี่แหละคือผลของกรรม กุศล กิเลส วาสนา ที่ทำมา ให้เราไปอยู่ในภพภูมิแบบไหน เป็นคนแบบไหน สังคมแบบไหน ทุกสิ่งล้วนเชื่อมโยงกัน
คนที่อยู่ข้างบนนั้นคือผู้ผลิตอาหาร คือคนที่หลงกับความสวยงาม ความสมบูรณ์แบบที่คนทั่วๆไปกำลังเป็นอยู่ มันคือความวิปลาส กับการให้ความหมาย ให้ความสำคัญกับความสวยงาม ความสมบูรณ์แบบกับทุกสิ่ง แม้กระทั่งอาหาร
จริงๆแล้ว เราอยู่ในภพภูมิร่วมเดียวกัน คือ กามภูมิ มันสำคัญที่จิตใจ ถ้าเราอยู่ในที่แบบนั้น จะสามารถรักษาจิตใจให้สะอาด ไม่เอาเปรียบ ไม่เบียดเบียน ไม่ฆ่ากินเนื้อใครเพื่อความอยู่รอด หรือคนข้างบนจะมีเมตตาพอไหม ไม่เอาเปรียบ ไม่เบียดเบียน ไม่ทำไปเพราะความอยากหรือความหลง ตรงนี้ต่างหากที่เป็นตัวกำหนดว่าเรามีจิตใจแบบไหน คนเรามักทำผิดพลาด เพราะคิดว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกต้อง และตกลงไปอยู่ในนรกภูมิได้เสมอ ถ้าขาดความยับยั่งชั่งใจ รู้ดีรู้ชั่ว ละอายใจต่อการทำบาป ขาดเมตตาธรรม ขาดศีล 5 ก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์ที่ฆ่ากันเพื่อกินเนื้อกันเอง เพื่อความอยู่รอด
น่าสงสารน่าเห็นใจทุกภพภูมิ
บางคนทำไปเพราะความโลภ
บางคนทำไปเพราะความโกรธ
ทุกคนทำไปเพราะมีความหลงเป็นเหตุ
เพราะความไม่รู้ความจริง จึงท่องเที่ยวไปใน วัฏสงสาร
เมื่อใดเห็นวัฏฏะนี้แล้วก็จะเห็นทุกข์ ย่อมเห็นธรรม แล้วจะไม่เห็นความสุขของการเวียนว่ายวนอยู่ในทุกภพภูมินี้อีก มีแต่จะมุ่งไปที่ความบริสุทธิ์หลุดพ้นเท่านั้นเอง.
**อาหาร
อาหารเป็นของหลงง่าย พระถึงต้องพิจารณาอาหารก่อน เพื่อให้รู้สึกตัวว่ามันเป็นแค่อาหารยังชีวิต ดำรงธาตุขันธ์ เพื่อเห็นตามความเป็นจริง ไม่ให้หลงเผลอเพลินเมามัน หรือติดใจไปกับ รูป กลิ่น และรสชาติ ของอาหาร ก็จะกินเท่าที่จำเป็น ตามสมควรแก่เหตุ ร่างกายหิว กับใจที่หิวนั้นแตกต่างกันตรงนี้ นี่แหละคือ "สติ"
The Platform ถ้าติดกับความเท่าเทียม ชนชั้น ความถูกต้อง ความสมบูรณ์แบบและความสวยงาม ก็ยังติดอยู่กับโลก โลกียะ อยู่ร่ำไป
The Platform
ภพภูมิ
ถ้าติดกับความเท่าเทียม ชนชั้น ความถูกต้อง ความสมบูรณ์แบบและความสวยงาม ก็ยังติดอยู่กับโลก โลกียะ อยู่ร่ำไป
เพราะเหตุที่มาต่างกัน ที่ไปจึงมีผลที่แตกต่างกันไป ภพภูมิมี 31 ภพภูมิ มีภพภูมิร่วมกันอีกหลายลำดับชั้น กามภูมิ 11 ชั้น รูปภูมิ 16 ชั้น อรูปภูมิ 4 ชั้น จะเอาความเท่าเทียมที่ตรงไหน จะให้คนข้างบนลงมาเท่าคนข้างล่าง หรือจะให้คนข้างล่างขึ้นไปเท่ากับคนข้างบน ถ้าเป็นเช่นนั้นได้จริง ในภพภูมิที่อยู่ร่วมกัน เรามีเมตตาพอไหม ใจกว้างพอไหมให้คนข่มขืน ฆ่า จี้ปล้น กราดยิง ไม่ต้องอยู่ในคุก เศรษฐีบ้านใหญ่โตเมตตาพอไหมให้คนจนไร้บ้านมาอยู่ร่วมกัน หรือว่าเราจะยอมลงไปอยู่กับคนข้างล่าง เพื่อความเท่าเทียม เมื่อไหร่ที่ถูกหวยหรือได้รับสิ่งใดมา เราแบ่งให้ทุกคนอย่างเท่าเทียมกันได้ไหม
เมตตามีพอไหม คงขึ้นอยู่กับแต่ละคนไม่สามารถบังคับหรือตอบแทนใครได้ หนังจึงไม่สามารถสรุปอะไรตรงนี้ได้ ก็เห็นอยู่ ถ้าถูกบังคับก็ไม่เท่าเทียม
ทุกคนมีส่วนในการสร้างชนชั้นทางสังคม เพราะการให้ค่าให้ความหมายกับทุกสิ่งร่วมกัน จึงยึดมั่นถือมั่นว่าสิ่งนี้ดีงามกว่าสิ่งนั้น สิ่งนั้นเลวร้ายหรือแย่กว่าสิ่งนี้
เมื่อไหร่ที่เรายอมรับความจริง ยอมรับความเป็นธรรมดาของโลก รูปและนาม นั้นแหละจะเห็นความจริง
ในตอนแรก คนข้างล่างคิดว่าต้องส่งสารอะไรบางอย่างแบบที่คนข้างบนเป็น ความสวยงาม ความเป็นระเบียบ และความสมบูรณ์แบบ ที่คนเหล่านั้นให้คุณค่าให้ความหมายกับมัน เพื่อคนข้างบน จะได้รู้ว่าเราเหมือนกันเท่าเทียมกัน
แต่แท้จริงหนังต้องการสื่อสาร เรื่องภายในจิตใจ ว่ายังมีมนุษย์ที่มีจิตใจสะอาดอยู่ไหม ในที่ที่มีแต่ความเสื่อม การเอาตัวรอด ความเป็นมนุษย์ที่มี ความโลภ ความโกรธ ความหลง ไม่ใช่แค่เรื่องชนชั้น เพราะทุกคนสามารถอยู่สูงกว่า หรือต่ำกว่ากันได้ตลอด นี่คือสิ่งที่หนังกำลังส่งสาร ทั้งการกินอาหารก่อนหลัง ในเวลาที่จำกัด และห้ามกักตุนอาหาร มันชัดเจนในแง่ของกฎกติกาที่ต้องอยู่ร่วมกัน ในขณะที่อาหารมีจำกัด
มันคือ platform ระบบของความเท่าเทียมที่มนุษย์พยายามสร้างขึ้น เพราะคิดว่ามันถูกต้อง ดีเลิศ สมบูรณ์ และเท่าเทียม ทำอาหารที่ถูกใจทุกคนอย่างประณีตสวยงาม แต่ให้กับคนที่ไร้อิสระภาพ ไม่ต่างอะไรกับกิเลสที่พาให้เราไปทำสิ่งต่างๆ แล้วมอบรางวัลให้เราด้วยเค้กสวยๆ 1 ก้อน สเต็กเนื้อ 1 ชิ้น นาฬิกาสวย รถหรู กระเป๋าราคาแพง แล้วเราก็ส่งต่อรูปสวยๆให้กับผู้อื่น ให้มีความอยากร่วมกัน สร้างคุณค่าให้ความหมายมันร่วมกัน นี่แหละคือระบบสังคมวัตถุนิยม บริโภคนิยม เราไม่ต่างอะไรกับคนข้างบนเลย ทำไมเราไม่เห็นหรือทำแค่อาหาร แต่เราทำไปเพราะความอยากและความหลงใช่หรือไม่
เพราะเรามีความหลงซ่อนอยู่ร่วมกัน เราทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสังคมนี้ขึ้นมา ถ้าคนข้างล่างไม่สนใจสิ่งที่คนข้างบนให้คุณค่าให้ความหมาย วันหนึ่งคนข้างบนก็จะรู้สึกเสื่อมค่าหมดความหมายไปเอง คือการรู้เท่าทันกิเลส ตัณหานั้นแหละ
เราอาจโทษคนข้างบน คนที่มีอำนาจ วาสนา กับสิ่งที่เขาสร้างมาเป็นแบบนั้น เราน้อยเนื้อต่ำใจ ใจก็ยิ่งตกต่ำ ถ้าเราไม่ให้ค่ากับอาหารที่สวยงาม รสชาติที่อร่อยถูกใจ เราก็จะกินเท่าที่ร่างกายหิวหรือต้องการจริงๆ ไม่ใช่ใจที่หิวที่ไม่มีวันอิ่ม ความเมตตาก็จะเกิดขึ้นได้ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แบ่งปันก็เกิดขึ้นได้ และเมื่อเราอยู่ในสังคมที่มีเมตตา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แล้ว ความเห็นอกเห็นใจเกิดขึ้นแล้ว ก็จะกินอาหารเฉพาะส่วนของตนเอง หรือแม้ว่าอาหารอาจจะไม่เพียงพอ ก็อาจมีคนที่ยอมอดบ้างบางมื้อ เพื่อให้คนอื่นได้มีชีวิตรอด การฆ่ากินเนื้อกันเพื่อความอยู่รอดก็อาจไม่เกิดขึ้น นี่แหละคือผลของกรรม กุศล กิเลส วาสนา ที่ทำมา ให้เราไปอยู่ในภพภูมิแบบไหน เป็นคนแบบไหน สังคมแบบไหน ทุกสิ่งล้วนเชื่อมโยงกัน
คนที่อยู่ข้างบนนั้นคือผู้ผลิตอาหาร คือคนที่หลงกับความสวยงาม ความสมบูรณ์แบบที่คนทั่วๆไปกำลังเป็นอยู่ มันคือความวิปลาส กับการให้ความหมาย ให้ความสำคัญกับความสวยงาม ความสมบูรณ์แบบกับทุกสิ่ง แม้กระทั่งอาหาร
จริงๆแล้ว เราอยู่ในภพภูมิร่วมเดียวกัน คือ กามภูมิ มันสำคัญที่จิตใจ ถ้าเราอยู่ในที่แบบนั้น จะสามารถรักษาจิตใจให้สะอาด ไม่เอาเปรียบ ไม่เบียดเบียน ไม่ฆ่ากินเนื้อใครเพื่อความอยู่รอด หรือคนข้างบนจะมีเมตตาพอไหม ไม่เอาเปรียบ ไม่เบียดเบียน ไม่ทำไปเพราะความอยากหรือความหลง ตรงนี้ต่างหากที่เป็นตัวกำหนดว่าเรามีจิตใจแบบไหน คนเรามักทำผิดพลาด เพราะคิดว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกต้อง และตกลงไปอยู่ในนรกภูมิได้เสมอ ถ้าขาดความยับยั่งชั่งใจ รู้ดีรู้ชั่ว ละอายใจต่อการทำบาป ขาดเมตตาธรรม ขาดศีล 5 ก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์ที่ฆ่ากันเพื่อกินเนื้อกันเอง เพื่อความอยู่รอด
น่าสงสารน่าเห็นใจทุกภพภูมิ
บางคนทำไปเพราะความโลภ
บางคนทำไปเพราะความโกรธ
ทุกคนทำไปเพราะมีความหลงเป็นเหตุ
เพราะความไม่รู้ความจริง จึงท่องเที่ยวไปใน วัฏสงสาร
เมื่อใดเห็นวัฏฏะนี้แล้วก็จะเห็นทุกข์ ย่อมเห็นธรรม แล้วจะไม่เห็นความสุขของการเวียนว่ายวนอยู่ในทุกภพภูมินี้อีก มีแต่จะมุ่งไปที่ความบริสุทธิ์หลุดพ้นเท่านั้นเอง.
**อาหาร
อาหารเป็นของหลงง่าย พระถึงต้องพิจารณาอาหารก่อน เพื่อให้รู้สึกตัวว่ามันเป็นแค่อาหารยังชีวิต ดำรงธาตุขันธ์ เพื่อเห็นตามความเป็นจริง ไม่ให้หลงเผลอเพลินเมามัน หรือติดใจไปกับ รูป กลิ่น และรสชาติ ของอาหาร ก็จะกินเท่าที่จำเป็น ตามสมควรแก่เหตุ ร่างกายหิว กับใจที่หิวนั้นแตกต่างกันตรงนี้ นี่แหละคือ "สติ"