[SR] [รีวิว] แค่อยากมาเล่าสู่กันฟัง ปีนภูเขาไฟฟูจิ ครั้งแรกในชีวิต

ช่วง COVID-19 ว่าง ขุดเรื่องเก่ามาเล่าดีกว่า (เป็นทริปจากปี 2019 นะ)
เริ่ม...ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนว่าเป็นคนที่อาจจะเรียบเรียงเรื่องราวไม่เก่ง แต่ อยากนำประสบการ์ณมาเล่าให้ฟังกัน ผมเป็นคนอายุ 30 กลางๆ ชอบเที่ยว (หมายถึงเที่ยวธรรมชาติ ออกไปดูนั่นดูนี่ นะ) และส่วนใหญ่ก็จะไปไหนมาไหนคนเดียว เนื่องจากเพื่อนๆมันก็มีครอบครัวไปกันหมดแล้ว นัดก็อยาก จัดทริปกี่ทริปก็ล่ม .... เห้อ 

พอครั้งนี้ได้โอกาสไปธุระที่ญี่ปุ่นอีกครั้งในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม จังหวัดมันชั่งเหมาะสมอะไรอย่างนี้ ก็เลยได้เวลาวางแผนจะเดินขึ้นเขาฟูจิอย่างจริงจังละ เริ่มจากอะไรก่อนดีละ อ้อต้องเริ่มจากหาเพื่อนร่วมเดินทางไปด้วยกันก่อนซินะ และแน่นอน พอเริ่มชวนก็ได้คำตอบประมาณว่า “ใครจะไปกับ” หรือ “ไปก่อนเลย” สรุปก็ไม่มีใครไปด้วย.....โอเคไปคนเดียวก็ได้วะ

หลังจากรู้ตัวแน่ๆว่าต้องไปคนเดียวแล้ว สิ่งที่ต้องคิดต่อมาคือ 
จะไปยังไงวะ?  จากข้อมูลเบื้องต้นที่หามาจริงๆแล้ว ถ้าเราคิดว่าเราไม่หลงแน่ๆ (ทางเดินไม่ได้สลับ ซับซ้อน เดินๆตามคนไปเดียวก็ถึง) และคนว่าดูแลตัวเองได้ เราก็ขึ้นไปเดินคนเดียวเลยก็ได้ แค่หารถนั่งไปที่ชั้น 5 แล้วเลือกเส้นทางที่จะเดินก็ไปตามทาง แต่ว่าเราเดินทางไปคนเดียวนะจะไหวหรือวะ เอางี้หาจองเป็นทัวร์ไปดีกว่า อย่างน้อยถ้าสะดุดหินล้มก็ยังจะมีคนมีดูแลบ้างก็ยังดี 
จองที่ไหนดีละ? อันนี้แล้วแต่เลยมีหลายๆเจ้าเปิดให้จองอยู่ ทั้งของญี่ปุ่นตรง / ของเมืองนอก หรือ แม้กระทั่งของไทยเอง แล้วแต่ความชอบใจการสื่อสารกันเองแล้วกันเลย
จะต้องเตรียมตัวยังไง? ถ้าไปกันเองก็ต้องเตรียมพวกอุปกรณ์เดินเขา รองเท้า ชุดกันฝน กระเป๋า ไปฉาย ไม้เท้า จองที่นอนด้านบน แต่ของเราเลือกที่จะจองทัวร์แบบ 2 วัน 1 คืนที่รวมรถบัสจากโตเกียว + อุปกรณ์เดินเขา (ชุดกันฝน + รองเท้า + ไม่เท้า + กระเป๋า + ไฟฉายติดศีรษะ) ไว้แล้ว ของที่เราต้องเตรียมไปเพิ่มเติมก็คือ 
1.     น้ำดื่ม ได้ยินข่าวลือมาหนาหูว่า ของข้างบนจากชั้น 6 เป็นต้นไปค่อนข้างแพง เราก็เลยจะต้องเตรียมซื้อน้ำดื่มติดไปด้วย ปริมาณก็แล้วก็คนนะว่าวันนึงดื่มกันเท่าไร่ แต่แนะนำว่า ให้คิดด้วยนะว่ายิ่งเราเอาไปเยอะเราก็ยิ่งต้องแบกน้ำหนักเยอะไปด้วย เราบอกน้ำไป 4 ขวด (2.4 ลิตร) กะว่าถ้าไม่พอก็ยอมเสียเงินซื้อข้างบนละกัน
2.     ของกินเพื่อเพิ่มน้ำตาล ช๊อกโกแลตบาร์ ถั่ว ของเราซื้อกล้วยหอมติดไปด้วย (ไข่ต้มก็น่าจะใช้ได้มั้ง) 
3.     ชุดแห้งๆไว้เปลี่ยนนอน 1 ชุด (แนะนำว่า ให้ใส่ถึงซิปล๊อกไว้ด้วยกันฝนตก) 
4.     ถ้าวางแผนจะขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดเขา ก็ควรจะเตียมเสื้อกันเหนาวไปด้วย เพราะอุณภูมิติดลบนะ
5.     แบตเตอร์สำรอง Power bank เผื่อถ่ายรูปอัพสเตตัสระหว่างทาง อ้อ บนฟูจิมี Free Wi-Fi ให้ใช้ได้นะ  เป็นส่วนกลางของภูเขาฟูจิเลย (Log-in ด้วย FB ก็ได้)
6.     ถุงสำหรับใส่ขยะที่เราถือติดไป เนื่องจากบนภูเขา ไม่มีถังขยะ ดังนั้นเราต้องรับผืดชอบด้วยการขนกลับมาทิ้งด้วย
7.     ก่อนเดินทางควรนอนพักผ่อนให้มากกว่า 6 ชั่วโมงนะ ไม่งั้นจะไม่มีแรง 

จากนี้จะขออนุญาติเล่าตั้งแต่ออกจากโตเกียวเลยนะ ส่วนคนที่จะไปปีนเองก็ไปเจอกันที่ชั้น 5 เลยนะ  
เอาหละเรามาเริ่มเดินทางกันเลยดีกว่า......

เริ่มจากเราจะต้องไปเจอกับรถที่จะพาเราไปยังชั้น 5 ก่อนเลยซึ่งจุดนัดพบก็อยู่บริเวณ LOVE object (ปฏิมากรรมรูปตัว LOVE) ที่บริเวณตึก Shinjuku I-Land วัดนัดหมายก็ประมาณ 07:20 น. (ดูจากแผนที่ตอนแรกคิดว่าเดินมาจาก สถานี JR Shinjuku แต่ว่าจากที่เราได้มาสำรวจเส้นทางเมื่อคืนนี้ พบว่าถ้าเราเดินมาจากสถานี Nishi-Shinjuku จะใช้เวลาเดินเพียง 3 นาทีเท่านั้น) หลังจากเจอพนักงานเช็คชื่อเรียบร้อยแล้ว เขาก็จะชี้ไปที่ร้านสะดวกซื้อให้เราไปซื้อเสบียงตุนไว้ก่อน แล้วค่อยกลับมาที่รถ แล้วรถก็จะเริ่มออกเดินทางจาเชินจุกุเวลา 07:30 เป๊ะ (รถขึ้นทางด่วน ดังนั้นอย่าลืมรัดเข็มขัดกันด้วยหละ)


หลังจากออกเดินทางมาได้ประมาณ 1 ชั่วโมงก็จะมาถึงจุดพักรถ ซึ่งจุดนี้หัวหน้าทัวร์จะแจ้งให้เราทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย โดยหลักที่เราต้องทำก็คือ 
1.     ซื้อน้ำ อย่างที่บอกไปว่าน้ำข้างบนแพง
2.     ทิ้งขยะ เพราะหลังจากนี้จะไม่มีถังขยะแล้ว ดังนั้น แก้วกาแฟ ถุงขนมที่พกมา ก็ให้นำไปทิ้ง หรือไม่งั้นก็ต้องพกติดตัววันจนถึงโตเกียวเลย
3.     กดเงินสด เนื่องจากที่ชั้น 5 เป็นต้นไปจะไม่มีตู้ ATM และดังนั้น ให้เตรียมเงืนสดติดตัวไว้ให้เรียบร้อย // ควรเตรียมติดตัวไปเท่าไร่ดี แล้วแต่เลย คร่าวๆ ก็ ค่าเข้าห้องน้ำครั้งละ 200 เยน / ค่าบะหมี่กึ่งถ้วยละ 1000 เยน / กาแฟแก้วละ 300-500 เยน / ข้าวก็ 1000-1200 เยน / ขนม 280 - 500 เยน / ค่าเช่าเสื้อ หรือ กางเกง ชิ้นละ 500 เยน/ ค่าจ้างม้าหากเดินไม่ไหวจากชั้น 7 ลงมาที่ชั้น 5 ก็ 15000 เยน ฯลฯ เพราะฉนั้นคำนวนกันเองนะว่าจะพกไปประมาณเท่าไร่
4.     เข้าห้องน้ำ จุดนี้เป็นจุดสุดท้ายที่เราจะเข้าห้องน้ำโดยไม่เสียเงินแล้ว



หลังจากนั้นแล้วก็เดินทางต่ออีกประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อที่จะไปยังจุดสำหรับรับอุปกรณ์ที่เช้าเอาไว้ โดยเขาจะมีอุปกรณ์ใส่ถึงติดชื่อเราเอาไว้ให้ เราก็เข้าไปลองดูก่อนว่าพอดีไหม ถ้าไม่พอดีเราก็สามารถเลือกเปลี่ยนได้เลย หรือ หากใครไม่ได้จองอุปกรณ์มาก็ สำมารถติดต่อเพื่อเช่าเพิ่มเติมเป็นชิ้นๆได้ที่นี้เช่นกัน 


จากนั้นก็จะนั้งรถยาวไปยังที่ชั้น 5 กันหละ โดยระหว่างทางหัวหน้าทัวร์จะคอยกำชับเราไม่ให้หลับแล้ว เพราะร่างกายเราจะได้ปรับตัว นั่งมองวิวไปเพลินๆ ก็ถึงที่ Fuji 5th Station แล้ว
 

พอถึงที่ชั้น 5 แล้ว เราก็จะมีเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับเตรียมตัวเดินเขา รวมถึงหาอาหารกลางวันทาน หลังจากเปลี่ยนซื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว แนะนำให้เอาของทุกอย่างที่เราคิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้ข้างบนยัดใส่ล๊อกเก้อไว้ เพื่อไม่ให้น้ำหนักที่เราจะแบกขึ้นไปมันมากเกินไป อ้อ แล้วก็เสื้อผ้าที่จะใส่ตอนเดินขึ้น ให้ลืมไปก่อนเรื่องอากาศข้างบนจะหนาวไหม ให้ใส่เสื้อบางๆที่ระบายอากาศง่ายตัวเดียวพอ เพราะว่าเราจะต้องใส่ซื้อกันฝนทับอีกชั้น แล้วเวลาเราเดินขึ้นข้างบนเหงื่อเราจะออกเยอะมาก ถ้าเราใส่เสื้อหลายชั้นไปเราจะอืดอัดมากๆๆๆ
เอาหละ ได้เวลาไปเจอกับไกด์ที่จะพาเราเดินขึ้นเขาแล้ว วันนี้กรุ๊ปเราที่จะเดินทางไปพร้อมกันจะมีทั้ง 29 ท่าน โดยจะมีไกด์ดูแลเราทั้งหมด 3 ท่าน  โดยก่อนเดินทางไกด์จะอธิบายก่อนเวลาเราจะต้องเดินทางไปไหนทางเดียว เวลาหยุดพักก็ต้องหลบไปข้างนึง ไม่ปิดทางคนอืนเดิน เวลาเดินให้ก้าวสั้นๆ หายใจลึกๆ เวลามีหินตกให้ตะโกนบอกแล้วก็หลบชิดตัวแนบกำแพงเอามือบล๊อกศีรษะไว้ เป็นต้น จากนั้นก็จะนำเราออกกายบริหารเบาๆ ก่อนจะเริ่มเดินขึ้นไปยังด้านบนกัน

เอาหละเราได้เวลาเริ่มเดินขึ้นเขากันจริงๆจังแล้ว .... ลุย!
ประมาณ 300 เมตรแรกจะเป็นทางสโลปลงไปก่อน จากนั้นก็เดินขึ้นกันยาวๆ แรกๆพลังกำลังยังเหลือเฟือเดินมาจุดพักที่ ชั้น 6 ได้สบายๆ อากาศยังดีอยู่ เดินเล่นถ่ายรูปไปได้เรื่อยๆ

จากชั้น 6 ไป ชั้น 7 ทางจะเริ่มชันมากขึ้น เป็นทางซิกแซ๊ก ไป-มา ไกด์แนะนำว่าให้ก้าวทีละก้าว หายใจลึกๆ ตอนนี้เริ่มมีฝนพรำๆลงมาแล้ว ไกด์แนะนำให้คนที่ยังไม่ได้ใส่เสื้อกันฝนเอาออกมาใส่กันได้แล้ว จากจุดนี้ไปเก็บกล้องแล้ว ไม่สามารถเอากล้องมาถ่ายเล่นได้แล้ว เนื่องจากกลัวกล้องพัง แล้ว ก็ต้องโฟกัสกับการเดินให้มาขึ้น  ระหว่างทางก็จะมีคนเดินลงสวนกันรอง ก็จะได้ยืนคนญี่ปุ่นเชียร์ให้กำลังใจเราเป็รดระยะๆ “กัมบัตเตะเน๊” หรือ “อิตเตะรัชชัย” ที่น่าประหลาดใจอยู่หน่อยๆก็คือมีเด็กอนุบาลเดินสวนลงมาเป็นกลุ่มๆด้วย ร่าเริงแข็งแรงกันจังเลยไอ้หนูเอ๊ย

เดินมาถึงจุดพักชั้นที่ 7 แล้วซะที ไกด์บอกว่าตอนนี้เรามาได้ประมาณครึ่งทางแล้วนะ จะชั้น 7 ขึ้นไปชั้น 8 นี้ถ้าใครคิดว่าจะไม่ไหวสามารถแจ้งได้นะ แล้วเขาจะหาที่พักที่บริเวณชั้น 7 แทน แต่จะไม่มีคนอยู่ด้วยนะ 

Where where is a where where มาขนาดนี้แล้ว ต้องไปให้สุดซิใครจะมาหยุดอยู่แค่นี้ เราก็ต้องตัดสินใจเดินขึ้นไปต่อ สภาพอากาศตอนนี้คืนมีฝนลงเม็ดเป็นระยะๆ พร้อมกับลมประทะเขามาเป็นพัก วิวที่เห็นตอนนี้ คือ พื้น หิน แล้ว ก้อนเมฆขาวๆ  
ระหว่างที่เราเดินขึ้นไปเรื่อยๆก็จะมีจุดแวะพักเป็นระยะๆ (ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นที่พัก แต่ละแห่งขึ้นอยู่กับว่าราจองจองไว้คือที่ไหน ซึ่งก็จะอยู่กันคนละจุดความสูง ซึ่งโชคเป็นของเราที่พักที่เราจะพักคืนนี้อยู่เกือบจะท้ายๆสุดเลย ก็เลยตอนเดินขึ้นไปยาวๆ 

อย่างที่เคยบอกไว้ระหว่างทางก็จะมีเครื่องดืม ขนมขายอยู่ ถ้าพกเงินสดมามากพอก็ซื้อๆเถอะ สิ่งที่แนะนำให้ซื้อคืน เครื่องดื่มร้อนๆ ไม่ว่าจะเป็น กาแฟ ชา ซุปมิโซะ หรือ แม้แต่แค่น้ำร้อนเองก็เถอะ คือ ตอนที่เดินอยู่ตอนนี้คือมีทั้งลม ทั้งฝน ถ้าตอนที่เราเดินอยู่จะไม่รู้สึกว่าหนาวจะรู้สึกแค่ว่าเหนื่อยๆ แต่ถ้าได้ลองหยุดพักสักนิดนึงความเย็นที่แทรกเข้ามาตามเนื้อผ้าเลยที่เดียว 

ระหว่างเดินเราจะซิกแซกอยู่ตรงทางระหว่างชั้น 7 และ ชั้น 8 เราจะเห็นจุดหมายของเราอยู่ริบๆทางด้านบน แรกๆเราจะรู้สึกว่าดีใจที่เห็นมันเราใกล้จะถึงแล้ว แต่ยิ่งพอเราเดินไปเรื่อยๆ ความรู้สึกเราจะเปลี่ยนไปเราจะเริ่มบ่นกับตัวเองแล้วว่า “เดินมาตั้งนานแล้วทำไมมันยังไม่ถึงซะทีฟะ” และความรู้สึกก็จะยิ่งแย่ไปอีกเมื่อตอนที่เดินไปถึงที่พักแล้ว พบว่ามันไม่ใช่ของเรา เรายังตอนเดินผ่านไปอีกหลายหลัง....

(อ้าวตัวอักษรเกิน .... ต่อด้านล่างนะ)
ชื่อสินค้า:   ปีนเขาฟูจิ
คะแนน:     

SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง โดยได้รับส่วนลดหรือสิทธิพิเศษจากเจ้าของสินค้าเพื่อแลกกับการรีวิว
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่