รัฐบาลเตรียมตัวฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ หลังผ่านพ้นไวรัสร้าย "โควิด-19" แล้วหรือยัง ???

“ถ้าเราจะกลับมาช่วยกัน สร้างบรรยากาศของประเทศไทยตอนนี้ ให้ทั้งประเทศ ให้ทั้งโลกเขาเห็นว่าเราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เราละทิ้งสิ่งที่ขัดแย้งทั้งหมด แล้วเราต้องมีศัตรูร่วมกันคือเชื้อโรคตัวนี้นะครับ ซึ่งมันอยู่กับเราไปอีกหลายเดือน แล้วให้เห็นว่าพลังของพวกเราทุกคนนี่การแหละครับ ช่วยทำให้ตัวเลขของการเพิ่มขึ้นเป็นศูนย์ให้ได้ภายในเวลาอันสั้น” 

“หมอศิลป์ หรือ นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน” 
โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 ) หรือ ศบค.

ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ทั่วทั้งโลกที่ยังไม่คลี่คลายลง และนับวันจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น แม้ประเทศไทยจะอยู่ในระยะแพร่ระบาดของโรคขั้น 2 ปลายๆ ยังไม่ถึงระยะที่ 3 แต่ในด้านเศรษฐกิจก็ได้รับผลกระทบต่อทั้งคนรวย คนจนกันไปถ้วนหน้า เกษตรกรและแรงงานถูกพักงาน หรือบางรายหนักหน่อยก็ถูกให้ออกจากงานที่ทำก็มี 

รัฐบาลก็ตัดสินใจออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนในทันท่วงทีกับมาตรการ 5,000 บาท เพื่อเยียวยากลุ่มผู้ได้รับผลกระทบ แต่ก็ไม่วายเกิดดราม่า ... คนบางกลุ่มที่ไม่ได้รับเงิน ... คนบางกลุ่มที่ไม่ควรได้ ก็ได้ ... คนบางกลุ่มที่ควรได้ ก็ไม่ได้ ... เป็นต้น
ความคาดหวังที่คนไทยกำลังรอรับการสนับสนุนจากรัฐบาลเพื่อลดผลกระทบจากโควิด-19 ที่ออกมาต้องครอบคลุมทุกกลุ่ม ทุกอาชีพ ทำไมบางกลุ่มต้องได้รับการช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วน บางกลุ่มทยอยได้รับถัดมา รัฐบาลต้องวางมาตรการช่วยเหลือล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 2-3 เดือน เพื่อให้คนไทยเลี้ยงปากท้องของตนเองและครอบครัวให้ผ่านพ้นวิกฤติจากโควิด-19 ไปได้

พอรัฐใจป้ำกล้าแจก ก็ไม่วายโดนบางกลุ่มออกมาโจมตี ผลกระทบต่อทั้งเศรษฐกิจ สังคมและชีวิตของคนไทยมากน้อยเพียงใด ทั้งรวย ทั้งจน ต่างก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน 
คนรวยอาจจะได้รับผลกระทบต่อเงินในกระเป๋าน้อยหน่อย แต่เงินในกระเป๋าก็อาจจะหายไปถึง 50% แล้ว ในขณะเดียวกัน คนที่มีรายได้น้อย เงินในกระเป๋าหายไป 50% ถึงแม้จำนวนเงินจะหายน้อยกว่าคนรวย แต่ผลกระทบก็มากกว่าคนรวย เพราะคนกลุ่มนี้ ถือเป็นคนไทยกลุ่มใหญ่ของประเทศที่ตั้งตารอเงินช่วยเหลือมากกว่า 20 ล้านคน กับเงินจำนวนมากถึง 3 แสนล้านบาทก็ไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ ก็ได้แต่ต้องให้กำลังใจรัฐบาล และครม. ในการออกมาตรการช่วยเหลือไม่ใช่แค่กับประชาชน แต่จะต้องรวมถึงกิจการที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ด้วย

แต่ปัจจุบัน หลายมาตรการที่ผ่านครม.ออกมา ก็อยู่ในช่วงแรกของการดำเนินงานเท่านั้น ซึ่งไม่อาจคาดเดาเหตุการณ์ได้ว่า มาตรการที่ออกมาของรัฐบาลนั้นจะสามารถช่วยผู้ประกอบการได้ในช่วงอีก 2-3 เดือนตามเป้าที่วางไว้มากน้อยเพียงใด

ซึ่งภาคเอกชนเอง อย่างเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือซีพีก็ได้ออกมาแนะนำให้รัฐบาลต้องคิดแล้วว่า ถ้าฟื้นกลับมาเราจะทำอย่างไร เราจะปกป้องก็ปกป้องไป แต่ในเวลาเดียวกัน ถ้าฟื้นกลับมาเราจะรับมืออย่างไร วันนี้อัมพาตไปหมด ถ้าฟื้น มียารักษา เปิดประเทศแล้ว ให้พนักงานมาทำงานได้ตามปกติแล้ว วันนี้ต้องมาถึงแน่นอน ถ้าไม่มาถึงยิ่งกว่าสงครามโลกครั้งที่สองอีก ดังนั้นต้องเตรียมพร้อมหลังวิกฤตจะทำอย่างไร จะมีอุปกรณ์ พนักงาน พร้อมไหม
“แนะนำรัฐบาลว่าวิกฤตครั้งนี้ไม่ใช่ความผิดของใคร ไม่ได้เกิดจากธุรกิจเล็ก กลาง ใหญ่ บริหารไม่ดี แต่เป็นโรคระบาดที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทุกประเทศเป็นแบบนี้ ดังนั้น รัฐบาลต้องช่วยให้ธุรกิจอยู่รอด เพราะหลายธุรกิจมีอนาคต ธุรกิจไม่ว่าเล็ก กลาง ใหญ่ ก็เหมือนแม่ไก่ที่ออกไข่มาเป็นภาษีกลับมาพัฒนาประเทศ หากธุรกิจอยู่ไม่รอด หลังวิกฤต กว่าจะสร้างธุรกิจเล็ก กลาง ใหญ่ ขึ้นมาได้ใหม่ อาจต้องใช้เวลามากกว่าจะกลับมาเหมือนเดิมได้”

เมืองไทยในยามวิกฤต รัฐบาลก็ควรจะช่วยจ่ายหรือแบ่งเบาไม่ให้ธุรกิจที่ถูกผลกระทบไล่พนักงานออก ในยามวิกฤตอย่างนี้เงินที่เก็บไว้โดยไม่เอาออกมากู้วิกฤตอาจจะทำให้เสียหายมากกว่านี้ เมื่อเศรษฐกิจกระทบเป็นลูกโซ่ไปแล้ว เกิดเป็นภาระหนี้เสีย กระทบถึงภาคการเงิน ถึงตอนนั้นอาจเสียเงินมากกว่า ประเทศอาจล้มละลายได้

วันนี้รัฐบาลอาจต้องคิดแล้วว่า ถ้าเศรษฐกิจฟื้นแล้ว ธุรกิจจะยังเหมือนเดิมหรือไม่ พฤติกรรมคนเปลี่ยนไปหรือไม่ รัฐบาลยังมีงานต้องทำอีกเยอะ ถือโอกาสนี้ปรับฐานการแข่งขันประเทศ อะไรที่ขาดประสิทธิภาพ ก็ถือโอกาสนี้พัฒนา

"ผมยังมั่นใจในประเทศไทย เพราะวัฒนธรรมของประเทศไทยดีที่สุดในโลก และผมยังเชื่อมั่นว่าถ้ารัฐบาลบริหารให้ดีๆ ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของโลก"
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
เอาจริงๆนะ กักตัวอยู่บ้านเป็นทางออกที่ดีที่สุด  ปล่อยให้รัฐบาลและภาคเอกชนที่มีน้ำใจเข้ามาช่วยเหลือ เช่น สร้างโรงงานหน้ากากอนามัยที่ขาดแคลน  เป็นต้น  ใครจะทำอะไรให้เขาขับเคลื่อนไป  เหตุการณ์นี้ยังงัยก็ดีกว่าช่วงปี 40 แน่นอนอ่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่