ก่อนอื่น ขอแสดงความดีใจกับคนไทยทุกท่านมา ณ ตรงนี้ ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อค่อยๆ ลดลงและหวังว่าวันหนึ่งประเทศไทยของเราคงเอาเจ้าไวรัสร้ายนี้อยู่หมัด การที่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศต่ำนี้ น่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่คนไทยในต่างแดนประสงค์จะกลับเมืองไทย สมมุติว่าถ้าเมืองไทยมีตัวเลขที่ติดเชื้อสูงหลักหมื่นหรือแสน มีหรือคนอยากจะกลับ?? ถ้ามีก็คงน้อย อย่างไรก็แล้วแต่นี่เป็นเพียงสาเหตุหนึ่งเท่านั้น สาเหตุและปัจจัยอื่นๆ ก็มีน่าจะมี แม้แต่การปัญหาการสื่อสารกับหมอหรือพยาบาลไม่รู้เรื่องก็ไม่ใช่เรื่องที่จะน่ามองข้าม คนไทยที่อาศัยและทำงานในต่างประเทศมีจำนวนมากที่พูดและฟังภาษาเจ้าของประเทศไม่ได้ (อาจจะมีมากกว่า 60% ) บางคนอยู่มา 20-40 ปียังพูดภาษาเขาไม่ได้ก็มี หลายคนจึงลังเลในที่การไปหาหมอหรือแม้แต่โทรนัดหมอ แม้ในภาวะปรกติทั่วๆ ไปก่อนมีโควิด-19 ก็มีคนไทยจำนวนไม่น้อยบินกลับไทยเพื่อไปรักษาตัวด้วยเหตุผล “คุยกับหมอหรือพยาบาล” ที่เมืองไทยรู้เรื่องกว่าที่เมืองนอก
****หลายคนอาจจะไม่ทราบว่าประเทศในยุโรปส่วนใหญ่รวมทั้งเมกา รัฐบาลจะจ้าง “ล่าม” มาคอยแปลระหว่างคนไข้กับพยาบาลและหมอ งบประมาณในด้านนี้ที่ประเทศอังกฤษก็เกือบพันล้านบาท!
ระยะนี้มีดราม่าในทำนอง “ไทยดีกว่าที่ไหนๆ ในโลก” เยอะ โดยการยกเอากรณีคนไทยที่อยากจะกลับมารักษาตัวที่เมืองไทยมาตีแผ่ หรือเป็น “เหตุผลหลัก” อย่างที่คุณดำรง พุฒตาลเคยใช้อ้างอิง ทั้งๆ ที่มีคนไทยในต่างแดนจำนวนไม่น้อยและอาจจะเป็นส่วนใหญ่ด้วยยังพอใจที่จะอยู่ในต่างแดนต่อไป การที่คุณดำรง พุฒตาลก็ดี คุณสนธิญาณก็ดี พยายามจะชี้เพื่อให้เห็นภาพว่า การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขต่อคนไข้ (คนไทย) นั้นไม่ดีเท่าไทยเลย ซึ่งผมเองก็เห็นด้วยในกรณีนี้ แต่ด้วยว่าผมอยู่ต่างแดนมานานพอสมควร เคยทำงานในโรงพยาบาลมีภรรยาเป็นพยาบาลและหัวหน้าทีมพยาบาลในการรับมือโควิดด้วย อยากจะบอกตรงนี้ว่า นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าหน้าที่ต่างประเทศทำหน้าที่ด้อยหรือหย่อนยานไปกว่าเจ้าหน้าที่ของไทย ข้อเท็จจริงในยามวิกฤตเช่นนี้ ไม่มีหมอหรือพยาบาลที่ไหนๆ ในโลกทำหน้าที่หย่อนยานไปกว่ากัน การนำเรื่องในทำนองนี้มาไส่ไข่โดยไม่ได้มองความจริงให้รอบด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณดำรงและคุณสนธิญาณไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์หรือแม้แต่อยู่ในประเทศนั้นๆ ถือว่าเป็นพฤติกรรมเหมือนเด็กไปหน่อยสำหรับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสื่อมืออาชีพอย่างพวกคุณ
เรื่องการจ่ายภาษีก็เหมือนกัน ไม่ควรยกเอามาเป็นประเด็นว่าคนไทยที่ทำงานที่นั่นก็จ่ายภาษี ก็ต้องเรียนตรงนี้ ว่าคนเจ้าของประเทศเขาก็จ่ายภาษีเหมือนกัน จ่ายมาชั่วนาตาปีตั้งแต่ทวดของทวดของพวกเขาจน “เป็นบ้านเป็นเมือง” ให้คนไทยหรือหลายชาติได้ไปขุดทองทำมาหากิน ดังนั้นจึงไม่แฟร์เลยที่จะบอกในลักษณะทวงบุญคุณว่าฉันเสียภาษีนะ มองให้ทั่วอีกมุมหนึ่ง ปัญหาของประเทศใหญ่ๆ อย่างเมกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี ก็คือพวก “โรบินฮู๊ด” ที่เข้าไปทำงานในประเทศแล้วไม่เสียภาษี!! คนไทยเองก็มีจำนวนไม่น้อยครับ เฉพาะในพื้นที่ๆ ผมอาศัยอยู่ในอัตรา 50/50 เลยก็ว่าได้
ต้องไม่ลืมว่า เคสที่คนไทยตายที่อังกฤษที่คุณดำรงยกขึ้นมาและเคสที่อเมริกาที่คุณสนธิญาณยกมานั้น ทั้งสองประเทศก็สูญเสียประชากรของเขานับหมื่นๆ นะครับและยังคงสูญเสียขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน แต่คุณดำรงและสนธิญาณพูดอ้างราวกับว่ามีเฉพาะคนไทยเท่านั้น สำคัญที่สุด เป็นหน้าที่ของคนไทยที่อยู่ที่นั่นที่ควรจะทราบและคอยฟังว่ารัฐบาลประเทศนั้นๆ วางและประกาศมาตรการในการรับมือและปฏิบัติตนอย่าง? หากเห็นว่ากฏเกณฑ์หรือแนวทางที่เขาประกาศให้ทราบแล้วไม่ถูกจริตหรือคิดว่าไม่เป็นธรรมสำหรับคนต่างชาติอย่างพวกเขา ก็ตัดสินและสามารถกลับเมืองไทยเสียตอนนั้นก็ได้และทันเวลา ผมไม่เชื่อหรอกครับว่ารัฐบาลในอังกฤษหรือเมกาพึ่งจะมาประกาศการรับมือโควิดในวันสองวันที่ผ่านมา
...คนไทยในต่างแดน “ทุกคนอยากย้ายกลับเมืองไทย” จริงไหม?..../วชรน
****หลายคนอาจจะไม่ทราบว่าประเทศในยุโรปส่วนใหญ่รวมทั้งเมกา รัฐบาลจะจ้าง “ล่าม” มาคอยแปลระหว่างคนไข้กับพยาบาลและหมอ งบประมาณในด้านนี้ที่ประเทศอังกฤษก็เกือบพันล้านบาท!
ระยะนี้มีดราม่าในทำนอง “ไทยดีกว่าที่ไหนๆ ในโลก” เยอะ โดยการยกเอากรณีคนไทยที่อยากจะกลับมารักษาตัวที่เมืองไทยมาตีแผ่ หรือเป็น “เหตุผลหลัก” อย่างที่คุณดำรง พุฒตาลเคยใช้อ้างอิง ทั้งๆ ที่มีคนไทยในต่างแดนจำนวนไม่น้อยและอาจจะเป็นส่วนใหญ่ด้วยยังพอใจที่จะอยู่ในต่างแดนต่อไป การที่คุณดำรง พุฒตาลก็ดี คุณสนธิญาณก็ดี พยายามจะชี้เพื่อให้เห็นภาพว่า การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขต่อคนไข้ (คนไทย) นั้นไม่ดีเท่าไทยเลย ซึ่งผมเองก็เห็นด้วยในกรณีนี้ แต่ด้วยว่าผมอยู่ต่างแดนมานานพอสมควร เคยทำงานในโรงพยาบาลมีภรรยาเป็นพยาบาลและหัวหน้าทีมพยาบาลในการรับมือโควิดด้วย อยากจะบอกตรงนี้ว่า นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าหน้าที่ต่างประเทศทำหน้าที่ด้อยหรือหย่อนยานไปกว่าเจ้าหน้าที่ของไทย ข้อเท็จจริงในยามวิกฤตเช่นนี้ ไม่มีหมอหรือพยาบาลที่ไหนๆ ในโลกทำหน้าที่หย่อนยานไปกว่ากัน การนำเรื่องในทำนองนี้มาไส่ไข่โดยไม่ได้มองความจริงให้รอบด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณดำรงและคุณสนธิญาณไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์หรือแม้แต่อยู่ในประเทศนั้นๆ ถือว่าเป็นพฤติกรรมเหมือนเด็กไปหน่อยสำหรับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสื่อมืออาชีพอย่างพวกคุณ
เรื่องการจ่ายภาษีก็เหมือนกัน ไม่ควรยกเอามาเป็นประเด็นว่าคนไทยที่ทำงานที่นั่นก็จ่ายภาษี ก็ต้องเรียนตรงนี้ ว่าคนเจ้าของประเทศเขาก็จ่ายภาษีเหมือนกัน จ่ายมาชั่วนาตาปีตั้งแต่ทวดของทวดของพวกเขาจน “เป็นบ้านเป็นเมือง” ให้คนไทยหรือหลายชาติได้ไปขุดทองทำมาหากิน ดังนั้นจึงไม่แฟร์เลยที่จะบอกในลักษณะทวงบุญคุณว่าฉันเสียภาษีนะ มองให้ทั่วอีกมุมหนึ่ง ปัญหาของประเทศใหญ่ๆ อย่างเมกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี ก็คือพวก “โรบินฮู๊ด” ที่เข้าไปทำงานในประเทศแล้วไม่เสียภาษี!! คนไทยเองก็มีจำนวนไม่น้อยครับ เฉพาะในพื้นที่ๆ ผมอาศัยอยู่ในอัตรา 50/50 เลยก็ว่าได้
ต้องไม่ลืมว่า เคสที่คนไทยตายที่อังกฤษที่คุณดำรงยกขึ้นมาและเคสที่อเมริกาที่คุณสนธิญาณยกมานั้น ทั้งสองประเทศก็สูญเสียประชากรของเขานับหมื่นๆ นะครับและยังคงสูญเสียขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน แต่คุณดำรงและสนธิญาณพูดอ้างราวกับว่ามีเฉพาะคนไทยเท่านั้น สำคัญที่สุด เป็นหน้าที่ของคนไทยที่อยู่ที่นั่นที่ควรจะทราบและคอยฟังว่ารัฐบาลประเทศนั้นๆ วางและประกาศมาตรการในการรับมือและปฏิบัติตนอย่าง? หากเห็นว่ากฏเกณฑ์หรือแนวทางที่เขาประกาศให้ทราบแล้วไม่ถูกจริตหรือคิดว่าไม่เป็นธรรมสำหรับคนต่างชาติอย่างพวกเขา ก็ตัดสินและสามารถกลับเมืองไทยเสียตอนนั้นก็ได้และทันเวลา ผมไม่เชื่อหรอกครับว่ารัฐบาลในอังกฤษหรือเมกาพึ่งจะมาประกาศการรับมือโควิดในวันสองวันที่ผ่านมา