เสียดายที่ไม่ได้ไปดูในโรง เพราะปลายเดือนต.ค.ปีที่แล้วที่หนังเข้า เราจดจ่อรอคอย Find me หนังสือภาคต่อของ Call me by your name อยู่ก่อนแล้ว ซึ่งหนังสือวางแผงในช่วงใกล้ๆกัน ทั้งที่คิดไว้ว่าจะไปดูให้ได้ ปรากฎดิ่งลึกไปกับ Find me อ่านรวดเดียวจบ ประกอบกับงานอะไรต่างๆ รู้ตัวอีกที “ดิว” ไปจากโรงซะละ แล้วก็ต้องบอกตัวเอง อารมณ์เซ็งๆว่า วันหลังยังมี (มั้ง) และตอนนี้ดีใจมากที่เราได้มีโอกาสครั้งที่ 2 เมื่อ “ดิว” กลับมาฉายอีกครั้ง
“ดิว ไปด้วยกันนะ”
.
ชื่อหนังนำทาง
ดิวจะไปมั้ย ใครชวน แล้วไปไหน ดิวตอบตามที่ใจเรียกร้องเลยได้มั้ย ต้องถามแม่มั้ย ต้องแคร์สังคมมั้ย ต้องดูฤกษ์มั้ย ไปกันวันหลังมะ? ไปยังไง ? ตอบตามใจตัวเองเลยได้มั้ยอ่ะ ? คำถามนำทางให้เห็นถึงเรื่องราวภพและดิว ความสัมพันธ์รักชายชายที่ “สังคมรังเกียจ” แม้แต่ครอบครัวตัวเอง
ช่วงแรก จากวันแรกที่เจอกัน ภพถามดิวที่เดินเพลินๆโยกมันส์ๆตามจังหวะเพลงอยู่กลางถนน (เสี่ยงโดนรถสอยตั้งแต่วันแรกมากดิว) ว่า “ไปด้วยกันป่าว” จนผูกพันมากขึ้น จากถามเปลี่ยนเป็นชวน “ไปด้วยกันนะ” คำเปลี่ยนจาก “ป่าว”เป็น “นะ” ดิว ซ้อนท้ายมอไซค์ภพไปไหนมาไหนด้วยกัน แล้วในสังคมต่างจังหวัดวิธีดูคู่รักอย่างนึง คือ ดูว่าใครซ้อนท้ายมอไซค์ใครบ่อยๆ อาจแสดงว่าสองคนนี้ต้องมี sth อิอิ
.
ช่วงสอง ครูภพในวัยผู้ใหญ่กลับมาบ้านเกิด ได้พบกับลูกศิษย์คนหนึ่งที่ทำให้นึกถึงคนที่ไม่อาจลืม “รักในวัยเยาว์” พร้อมกับแบกความรู้สึกผิด เราพบว่าความทรงจำของภพที่มีต่อดิว เป็นความทรงจำที่งดงามและโทษตัวเอง “เธอทำให้ครูนึกถึงใครคนนึง แต่ครูที่ทำให้เขาต้องมาเจอเรื่องแย่ขึ้นในชีวิต”
.
รักที่ถูกลิขิต โชคชะตา ภพมีโอกาสครั้งที่ 2 และภพเลือกแก้ไขอดีตที่ตัวเองรู้สึกว่าทำผิดต่อคนรัก ขณะที่ดิว มาเกิดใหม่ในร่างหลิว ลูกศิษย์ของภพ เราเชื่อว่าหนังโน้มน้าวให้เรา คนดู ขบคิดเรื่องโชคชะตา การกลับชาติมาเกิดในภพใหม่ (ชื่อภพทำให้เราคิดถึงชาติภพ ความพรหมลิขิตต่างๆ หลายซีนที่ทำให้ภพเห็นหลิวแล้วนึกถึงดิว อย่าง ซีนดิวและภพ มอไซค์ล้มลงนาข้าวข้างทางเลอะเทอะเปียกปอน ย้อนมาในปัจจุบัน ภพ หลิวตกไปในสระบัวในรร. หรือซีนนึงภพถามหลิวว่า เธอเชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิดมั้ย แล้วหลิวว่า ครูเป็นครูสอนวิทยาศาสตร์นะ ตรงนี้เหมือนจริงๆแล้วหนังถามคนดูอย่างเราๆมากกว่าที่อยู่ในยุคที่วิทยาศาสตร์ก้าวหน้า ไปถึงไหนต่อไหน แต่ในเมื่อวิทย์ยังพิสูจน์ไม่ได้แน่ชัดอยู่ดีว่าชาติภพ พรหมลิขิตมีจริงมั้ย เราก็ไม่ควรตัดสิน หนังจึงผูกเรื่องจากความเชื่อ จินตนาการที่อยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงนี้)
การแก้ไขอดีตของภพ / ดิวแต่งเพลงให้ภพ ภพทำการบ้านให้หลิว /ดิวถูกบูลลี่ ถูกคนอื่นๆในโรงเรียนเขียนด่าบนโต๊ะ ว่าตุ๊ดไปตายซะ แต่ตอนนั้นภพไปอยู่ซะที่ไหนหรอ มาในปัจจุบันภพลบคำบูลลี่บนโต๊ะเรียนเพื่อให้หลิวใช้โต๊ะนั้นได้ (น่าจะคือโต๊ะตัวเดิม) เหมือนลบคำด่าว่าดิวในอดีต ฯลฯ
.
หากโจทย์หนึ่งของหนังเรื่องนี้คือการต้องทำให้คนดูรักดิวให้ได้ รักดิวเหมือนที่ภพรัก หนังก็ทำสำเร็จ
ใช่ เรารัก เอ็นดูดิว อยากกอดดิวมาก สงสารจับใจ แล้วยิ่งดิวตาย เรายิ่งอินเท่าทวีคูณ
ในทางตรงข้าม หากทำไม่สำเร็จ คนที่เล่นบทดิว เล่นไม่ดี หนังถ่ายทอดความรักของดิวไม่ถึง คือจบ มันจะทำให้เกิดคำถามกับคนดูว่า ทำไมภพรักดิวขนาดนี้ ดิวมันน่ารักตรงไหน ทำไมภพยังไม่ลืม หนังถึงต้องเอาให้อยู่ สื่อสารให้คนดูรักดิวให้ได้ และปรากฎว่าหนังทำสำเร็จมาก จับอารมณ์คนดูได้ดีมากๆ บรรยากาศ ภาพสวยสื่อความหมาย ความรู้สึกได้ดี เพลงมาน้ำตาไหลพราก กลมกล่อม อบอุ่นกับความรัก ความสัมพันธ์ของทั้งสองแม้จะเศร้าแทบบ้าก็เถอะ
โอม ภวัตคือดิว ที่ทำให้คนดูอย่างเราหลงรัก โอมเล่นได้เป็นธรรมชาติ ส่งอารมณ์ โดยเฉพาะผ่านสายตาบริสุทธิ์ สดใส เต็มไปด้วยความหมาย ความจริงใจส่งมาถึงคนดูได้อย่างแทบไม่มีที่ติ จนเราหลงรักเพราะดิวเป็นคนรักที่น่ารักอย่างนี้ คนดูจึงรักดิวไปกับภพด้วย หลงรักดิวผ่านความทรงจำของภพ เราจึงเข้าใจความรักของภพได้ไม่ยาก อยากเป็นภพที่รักดิว
เราที่เป็นคนดูจึงเหมือนเป็นภพ ตอนถูกรถชนดิวจะเจ็บมากมั้ย ก่อนสิ้นใจ ทรมานมั้ยดิว มันทรมานใจเรานะ เมื่อคิดถึงตรงนั้น จึงไปจากอดีตไม่ได้สักที เค้ากำลังจะมาหาเรา พยายาม ดิ้นรนมาหา ดิวขับมอไซค์ทั้งๆที่ขับไม่แข็ง/ไม่เป็น คงเป็นเพราะความรักทำให้คนกล้าหาญ ไม่กลัวสิ่งที่เคยกลัว กล้าเสี่ยง ดิวพยายามไปให้ถึงเรา เราที่ก่อนหน้าทำไม่ดี พูดไม่ดี จากลาอย่างไร้เยื่อใยใจดำ แต่สุดท้ายเค้ามาไม่ถึงเรา กลายว่าคำพูดแย่เป็นคำพูดสุดท้ายกับคนรัก และด้วยรู้สึกผิดว่า คำพูดเราผลักไสเค้าให้ต้องเอาชีวิตมาเสี่ยงแล้วพบจุดจบ "ต้องมาเจอเรื่องแย่ๆขึ้นในชีวิต" มันจึงเจ็บปวดหัวใจ ไม่อาจลืมจนทุกวันนี้
“ภพจะพยายามนะดิว พยายามเติบโตไปแบบไม่รู้สึกผิดอะไรอีก แต่ถ้ามันคือการลืมดิว ภพก็ไม่อยากทำเพราะดิวคือความทรงจำดีดี ความทรงจำเดียวที่ภพมีอยู่ในชีวิต” ประโยคนี้คือทุกอย่างของหนัง
.
ในมุมเราที่อยู่ในวัยผู้ใหญ่ เรียนรู้ อยู่ในอีกยุคหนึ่ง เมื่อเทียบกับดิว ภพ ที่ยังเป็นวัยรุ่น อยู่ในยุค 90 ที่สังคมยังไม่เปิดกว้างเท่าปัจจุบัน เกิดคำถามว่า เราหลีกเลี่ยงการสูญเสียดิวแต่แรกได้มั้ย
ภพเองจำเป็นต้องชวนดิวหนีไปด้วยกันนะ วันนั้นเลยหรอ แอบมาค้างห้องดิวก่อนก็ได้นะ แล้วค่อยคิดหาหนทาง แล้วดิว ทำไมไม่เพจเจอร์หาภพวะให้มารับ กูเปลี่ยนใจไปกับแล้ว ก็ว่ากันไป ทำไมประมาทเสี่ยงชีวิตตัวเองขับมอไซค์มาหาภพแบบนั้น
นั่นสิ เราจะอธิบาย การกระทำของทั้งคู่ได้ยังไง ที่นึกออกและดูสมเหตุสมผลน่าคิดตาม จำจากซีรีส์ The Affair ในเน็ตฟลิกซ์มา พูดถึงโรมิโอและจูเลียตไว้อย่างน่าสนใจในฉากที่ อาจารย์ถามนักศึกษาว่า ทำไมทั้งคู่ต้องตาย
"นักศึกษาตอบว่า เรื่องยุ่งๆที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของทั้งคู่ โรมิโอบอกมาเจอข้าที่นี่นะ จูเลียตก็แบบ ได้เลยที่รัก แล้วแม่นมของเธอกับนักบวช พวกนั้นแหละทำทุกอย่างพัง
ครู: ใช่แล้วถูกต้องที่สุด ครูถามต่อ ทำไมพวกนั้นถึงทำพังล่ะ
นศ.:เพราะทั้งคู่แก่แล้ว
ครู : ใช่ เพราะพวกเขาแก่ เหมือนครู พวกเขาเป็นผู้ใหญ่ และผู้ใหญ่มีความบกพร่อง โรมิโอกับจูเลียตยังเด็ก พวกเขาไร้เดียงสา ไม่เคยทำร้ายหรือทรยศใคร
ครู: เพราะพวกเขาไร้เดียงสา ความรักของทั้งคู่จึงบริสุทธิ์ พอผู้ใหญ่เข้าไปวุ่นวาย แม้ว่าจะทำเพราะหวังดีอยากช่วย ซึ่งแม่นมและนักบวชก็เป็นแบบนั้น สุดท้ายกลับทำลายความรักที่สมบูรณ์แบบ ดังนั้นสิ่งที่เช็คสเปียร์พยายามสื่อคือความรักที่บริสุทธิ์ ไม่สามารถอยู่ได้ในโลกที่ไม่สมประกอบ/ไม่สมบูรณ์แบบ”
แล้วภูมิหลังครอบครัวของภพที่ยิ่งเน้นชัดว่า เส้นทางรักภพและดิวเจอขวากหนามเข้าอย่างจัง ที่เป็นครอบครัวคนจีนไม่พอ ซึ่งคาดหวังให้ลูกชายมีทายาทเลือดเนื้อเชื้อไขสืบทอดวงศ์ตระกูล แต่ยังเป็นทหารอีก ที่เน้นความเป็นชายชาตรี ลูกผู้ชาย แข็งแกร่ง แต๋ว ตุ๊ด อ่อนแอเป็นสิ่งที่น่าอับอาย
เราเชื่อว่าคนดู บุคคลที่ 3 ไม่มีสิทธิตัดสินความรักของใคร เพราะทั้งสองก็คิดเองเป็น และเลือกเองแล้วตามการเติบโตตามวัย มันอาจดูไร้เหตุผล ดูโง่ในสายตาคนอื่น แต่เราเคารพ ผลของการเลือกออกมาอย่างไร ก็ยอมรับราคาของมัน มีโอกาสแก้ไขก็แก้ไขกันไป แต่จงจำให้ขึ้นใจว่าเรื่องของดิวและภพคือการเติบโต ที่ระหว่างเติบโตก็มีบาดแผล ความไร้เดียงสา ที่สุดคือบทเรียนให้ชีวิต เติบโตในความสัมพันธ์ และระลึกไว้เสมอว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสครั้งที่สอง มีปาฏิหาริย์อย่างในหนัง ดังนั้นให้ใช้ชีวิต เพราะ เวลาคือราคาที่เราต้องจ่ายเสมอสำหรับชีวิตที่ไม่ได้ใช้ -…,time is always the price we pay for the unlived life (Find me , Andre Aciman)
-เห็นอะไร
สรุปแล้วทั้งคู่ตาย ?
ฉากจบ ภพและดิวในร่างหลิวกระโดดบันจี้ จัมป์ ...บันจี้ จัมป์ที่เป็นความฝันของดิว แต่ไม่เคยได้ทำตอนมีชีวิต มาครั้งนี้ในชาติใหม่ ดิวปลดห่วงเกี่ยวเชือก เหมือนการปลดปล่อยพันธนาการ โซ่ตรวนทางสังคมที่ไม่อนุญาตให้รักกัน การมีสายเชือกเกาะเกี่ยวพันอยู่ หมายถึงการควบคุม คนข้างบนควบคุม กำหนดทิศทางผู้กระโดดบันจี้จัมพ์ ไม่ให้ร่วงน้ำ หรือจะดึงขึ้น ดึงลงยังไงก็ได้ หรือหมายถึงเซฟโซน นาทีที่ดิวปลดเชือกที่เกี่ยวทั้งสองคนไว้กับทีมงานบันจี้จั๊มด้านบน แล้วจับมือกันกระโดดน้ำ คือการกำหนดเส้นทางตัวเอง “ไปด้วยกันนะ” ออกจากคอมฟอร์ทโซน ฉากในน้ำข้างล่างทั้งคู่ว่ายน้ำ พยายามตะกายขึ้นมา หนังจบ
.
สำหรับเรามันชัดเจนนะว่ามันไม่ใช่การฆ่าตัวตาย แต่มันคือการเริ่มต้นใหม่ มีภพ มีดิว จับมือไปด้วยกัน ก่อนกระโดด ภพถามดิวว่า "ข้างล่างมันจะไม่ใช่จุดจบใช่มั้ย" ดิวว่า "ไม่หรอก มันจะมีทางไปต่อแหละ" นี่คือคำตอบแบบไม่แน่ใจแต่มีความหวัง ที่ในชีวิตจริง เรา คนดูก็ไม่รู้อนาคตกันหรอก มันไม่แน่นอน ที่สำคัญคือเราตั้งใจกำหนดชีวิตเส้นทางด้วยเราเองต่างหาก และเมื่อมีคนเคียงข้าง มันจึงอบอุ่นใจขึ้นไปอีก หนังบอกเราอย่างนั้น
.
ถามต่อว่าเสี่ยงมั้ย กระโดดน้ำสูงอย่างนั้น เสี่ยงตายสิ ตรงนี้สื่อถึงการเริ่มต้นใหม่ว่าไม่ง่าย กล้าพอมั้ยที่จะ "ไปด้วยกันนะ" โดยเฉพาะความสัมพันธ์รักครั้งนี้ของทั้งคู่ที่อยู่ในสถานะครูและลูกศิษย์ ไม่เท่านั้นอายุยังห่างกันเป็น 20 ปี ตอกย้ำว่าความรักคือความเสี่ยง และบันจี้ จัมป์ กีฬาที่พิสูจน์ความกล้าหาญของผู้เล่น เท่ากับพิสูจน์ความกล้าของภพและดิว กล้าพอที่จะปลดเชือก รับความเสี่ยงไปด้วยกันที่รวมถึงข้อครหาของสังคมได้
.
หนังให้กำลังใจคนมีความรัก สื่อชัดเจนว่าความรักไม่ควรถูกยึดโยงกับเพศ เพราะจริงๆ ต่อให้คนละเพศทางกายภาพ ความรักก็เจอปัญหา บททดสอบเสมอ ต่างๆกันไป หนังบอกเราในความสัมพันธ์รักของดิวกับภพในชาติใหม่ ที่มันก็ไม่น่าจะง่าย แม้ดิวอุตสาห์เกิดเป็นหญิงทางกายภาพแล้ว ด้วยสถานะครู-ลูกศิษย์ (ครูที่มีภรรยาอยู่แล้ว น่าจะตามมาด้วยก็อสซิป คำพิพากษาจากสังคมอีกมาก)
ดังนั้นดิว ไปด้วยกันนะ ครั้งแรกชวนหนีแต่ไม่สำเร็จ แต่ในที่สุดดิวก็ได้ไปกับภพ ไม่ได้ชวนกันไปตาย แต่ไปเริ่มต้นใหม่ด้วยกันนะ
หนังชูประเด็นความรักโดดเด่นมาก ไปไกลกว่าประเด็น LGBTQ เห็นได้จากการให้ดิวชายเกิดใหม่ในร่างหลิวหญิง ว่าที่จริงความรักไม่ควร/ไม่ใช่สิ่งที่ยึดโยงกับเพศ หรือพูดให้กว้างออกไป ศาสนา เชื้อชาติ อายุ สถานะทางสังคมฯลฯ รักคือรัก มองในอีกมุม คือหนังเชื้อชวนให้ LGBTQ เองมองด้วยว่า ความรักต่างเพศทางกายภาพก็คือความรัก เช่นเดียวกับความรักของ LGBTQ ประเด็นดิวชายที่เกิดใหม่ในร่างหลิวหญิง จึงไม่เป็นปัญหาสำหรับคนที่มองว่า รัก ก็คือรัก ที่ไม่ยึดโยงกับเพศ แต่ในชีวิตจริงเราก็รู้ ว่ามันไม่ง่ายอย่างนั้น ถ้าภายนอกเราเปลี่ยนไป นิสัยเหมือนเดิม แววตาดวงเดิม คุณจะยังรักเราอยู่มั้ย? หรือดูเหมือนนั่นจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับคนที่รักกันจริง? ดูเหมือนในหนังเองก็ระวังในจุดนี้ ที่ถือเป็นงานหินพอสมควร เพราะหนังฉายภาพดิว และภพวัยรุ่นในร่างหลิวและภพผู้ใหญ่ในหลายซีน การฉายสลับดังกล่าวเหมือนเครื่องเอ็กซเรย์จิตวิญญาณ หน้าที่ของมันอย่างหนึ่งเพื่อเชื่อมโยงอารมณ์คนดูโดยเฉพาะคนที่อินกับพาร์ทแรกตอนวัยรุ่นให้อินกับพาร์ทสองตอนผู้ใหญ่ด้วย เรายิ่งเห็นฉากสลับกายหยาบแบบนี้แล้วยิ่งร้องไห้ สังเกตตัวเองว่าร้องไห้มากกว่า ตอนที่เห็นซีนภพผู้ใหญ่กับหลิวโดดๆตอนที่ยังไม่เฉลย ว่าดิวเกิดใหม่เสียอีก
หากหนัง วรรณกรรม ล้วนสะท้อนและเป็นแรงบันดาลใจ จนอยากลุกมาเปลี่ยนแปลงสังคมให้เปิดกว้างยิ่งขึ้น ทำให้เราเข้าใจเพื่อนมนุษย์มากขึ้น “ดิว ไปด้วยกันนะ” ทำหน้าที่ของมันแล้ว เราอยากเป็นผู้นำ นายกรัฐมนตรี หรืออย่างน้อยทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองให้ดีที่สุดไม่ว่าในบทบาทไหน เพื่อลบลดอคติเรื่องเพศขึ้นมาเลย
พี่มะเดี่ยวกำกับความรู้สึกเก่ง ความดีงาม คือ แม้เราจะรู้ตอนจบอยู่แล้ว แต่เรากลับรู้สึกอยากไปดูซ้ำๆอีกหลายๆครั้ง เพราะชอบความรู้สึกตอนได้ดูหนัง มันตอกย้ำความไม่ธรรมดา และต้องเขียนรีวิว นอกจากอยากขอบคุณทีมหนัง ให้กำลังใจแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งเพราะมันอาจเป็นวิธีทำให้เรามูฟออนจากหนังเรื่องนี้ โดยที่ไม่ลืมแน่นอน เพราะเป็นความทรงจำดีดีของเรา ที่สุดหนังทำให้เราคนดูเป็นภพ ที่ลืม 'ดิว ไปด้วยกันนะ' ไม่ลง เพราะเป็นหนังที่งดงามมากจริงๆ
+++++++++
[CR] รีวิวและวิเคราะห์ เมื่อเด็กรัฐศาสตร์มีโอกาสครั้งที่ 2 ได้ดู “ดิว ไปด้วยกันนะ” บนเน็ตฟลิกซ์ (สปอยล์) 8.5/10
“ดิว ไปด้วยกันนะ”
.
ชื่อหนังนำทาง
ดิวจะไปมั้ย ใครชวน แล้วไปไหน ดิวตอบตามที่ใจเรียกร้องเลยได้มั้ย ต้องถามแม่มั้ย ต้องแคร์สังคมมั้ย ต้องดูฤกษ์มั้ย ไปกันวันหลังมะ? ไปยังไง ? ตอบตามใจตัวเองเลยได้มั้ยอ่ะ ? คำถามนำทางให้เห็นถึงเรื่องราวภพและดิว ความสัมพันธ์รักชายชายที่ “สังคมรังเกียจ” แม้แต่ครอบครัวตัวเอง
ช่วงแรก จากวันแรกที่เจอกัน ภพถามดิวที่เดินเพลินๆโยกมันส์ๆตามจังหวะเพลงอยู่กลางถนน (เสี่ยงโดนรถสอยตั้งแต่วันแรกมากดิว) ว่า “ไปด้วยกันป่าว” จนผูกพันมากขึ้น จากถามเปลี่ยนเป็นชวน “ไปด้วยกันนะ” คำเปลี่ยนจาก “ป่าว”เป็น “นะ” ดิว ซ้อนท้ายมอไซค์ภพไปไหนมาไหนด้วยกัน แล้วในสังคมต่างจังหวัดวิธีดูคู่รักอย่างนึง คือ ดูว่าใครซ้อนท้ายมอไซค์ใครบ่อยๆ อาจแสดงว่าสองคนนี้ต้องมี sth อิอิ
.
ช่วงสอง ครูภพในวัยผู้ใหญ่กลับมาบ้านเกิด ได้พบกับลูกศิษย์คนหนึ่งที่ทำให้นึกถึงคนที่ไม่อาจลืม “รักในวัยเยาว์” พร้อมกับแบกความรู้สึกผิด เราพบว่าความทรงจำของภพที่มีต่อดิว เป็นความทรงจำที่งดงามและโทษตัวเอง “เธอทำให้ครูนึกถึงใครคนนึง แต่ครูที่ทำให้เขาต้องมาเจอเรื่องแย่ขึ้นในชีวิต”
.
รักที่ถูกลิขิต โชคชะตา ภพมีโอกาสครั้งที่ 2 และภพเลือกแก้ไขอดีตที่ตัวเองรู้สึกว่าทำผิดต่อคนรัก ขณะที่ดิว มาเกิดใหม่ในร่างหลิว ลูกศิษย์ของภพ เราเชื่อว่าหนังโน้มน้าวให้เรา คนดู ขบคิดเรื่องโชคชะตา การกลับชาติมาเกิดในภพใหม่ (ชื่อภพทำให้เราคิดถึงชาติภพ ความพรหมลิขิตต่างๆ หลายซีนที่ทำให้ภพเห็นหลิวแล้วนึกถึงดิว อย่าง ซีนดิวและภพ มอไซค์ล้มลงนาข้าวข้างทางเลอะเทอะเปียกปอน ย้อนมาในปัจจุบัน ภพ หลิวตกไปในสระบัวในรร. หรือซีนนึงภพถามหลิวว่า เธอเชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิดมั้ย แล้วหลิวว่า ครูเป็นครูสอนวิทยาศาสตร์นะ ตรงนี้เหมือนจริงๆแล้วหนังถามคนดูอย่างเราๆมากกว่าที่อยู่ในยุคที่วิทยาศาสตร์ก้าวหน้า ไปถึงไหนต่อไหน แต่ในเมื่อวิทย์ยังพิสูจน์ไม่ได้แน่ชัดอยู่ดีว่าชาติภพ พรหมลิขิตมีจริงมั้ย เราก็ไม่ควรตัดสิน หนังจึงผูกเรื่องจากความเชื่อ จินตนาการที่อยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงนี้)
การแก้ไขอดีตของภพ / ดิวแต่งเพลงให้ภพ ภพทำการบ้านให้หลิว /ดิวถูกบูลลี่ ถูกคนอื่นๆในโรงเรียนเขียนด่าบนโต๊ะ ว่าตุ๊ดไปตายซะ แต่ตอนนั้นภพไปอยู่ซะที่ไหนหรอ มาในปัจจุบันภพลบคำบูลลี่บนโต๊ะเรียนเพื่อให้หลิวใช้โต๊ะนั้นได้ (น่าจะคือโต๊ะตัวเดิม) เหมือนลบคำด่าว่าดิวในอดีต ฯลฯ
.
หากโจทย์หนึ่งของหนังเรื่องนี้คือการต้องทำให้คนดูรักดิวให้ได้ รักดิวเหมือนที่ภพรัก หนังก็ทำสำเร็จ
ใช่ เรารัก เอ็นดูดิว อยากกอดดิวมาก สงสารจับใจ แล้วยิ่งดิวตาย เรายิ่งอินเท่าทวีคูณ
ในทางตรงข้าม หากทำไม่สำเร็จ คนที่เล่นบทดิว เล่นไม่ดี หนังถ่ายทอดความรักของดิวไม่ถึง คือจบ มันจะทำให้เกิดคำถามกับคนดูว่า ทำไมภพรักดิวขนาดนี้ ดิวมันน่ารักตรงไหน ทำไมภพยังไม่ลืม หนังถึงต้องเอาให้อยู่ สื่อสารให้คนดูรักดิวให้ได้ และปรากฎว่าหนังทำสำเร็จมาก จับอารมณ์คนดูได้ดีมากๆ บรรยากาศ ภาพสวยสื่อความหมาย ความรู้สึกได้ดี เพลงมาน้ำตาไหลพราก กลมกล่อม อบอุ่นกับความรัก ความสัมพันธ์ของทั้งสองแม้จะเศร้าแทบบ้าก็เถอะ
โอม ภวัตคือดิว ที่ทำให้คนดูอย่างเราหลงรัก โอมเล่นได้เป็นธรรมชาติ ส่งอารมณ์ โดยเฉพาะผ่านสายตาบริสุทธิ์ สดใส เต็มไปด้วยความหมาย ความจริงใจส่งมาถึงคนดูได้อย่างแทบไม่มีที่ติ จนเราหลงรักเพราะดิวเป็นคนรักที่น่ารักอย่างนี้ คนดูจึงรักดิวไปกับภพด้วย หลงรักดิวผ่านความทรงจำของภพ เราจึงเข้าใจความรักของภพได้ไม่ยาก อยากเป็นภพที่รักดิว
เราที่เป็นคนดูจึงเหมือนเป็นภพ ตอนถูกรถชนดิวจะเจ็บมากมั้ย ก่อนสิ้นใจ ทรมานมั้ยดิว มันทรมานใจเรานะ เมื่อคิดถึงตรงนั้น จึงไปจากอดีตไม่ได้สักที เค้ากำลังจะมาหาเรา พยายาม ดิ้นรนมาหา ดิวขับมอไซค์ทั้งๆที่ขับไม่แข็ง/ไม่เป็น คงเป็นเพราะความรักทำให้คนกล้าหาญ ไม่กลัวสิ่งที่เคยกลัว กล้าเสี่ยง ดิวพยายามไปให้ถึงเรา เราที่ก่อนหน้าทำไม่ดี พูดไม่ดี จากลาอย่างไร้เยื่อใยใจดำ แต่สุดท้ายเค้ามาไม่ถึงเรา กลายว่าคำพูดแย่เป็นคำพูดสุดท้ายกับคนรัก และด้วยรู้สึกผิดว่า คำพูดเราผลักไสเค้าให้ต้องเอาชีวิตมาเสี่ยงแล้วพบจุดจบ "ต้องมาเจอเรื่องแย่ๆขึ้นในชีวิต" มันจึงเจ็บปวดหัวใจ ไม่อาจลืมจนทุกวันนี้
“ภพจะพยายามนะดิว พยายามเติบโตไปแบบไม่รู้สึกผิดอะไรอีก แต่ถ้ามันคือการลืมดิว ภพก็ไม่อยากทำเพราะดิวคือความทรงจำดีดี ความทรงจำเดียวที่ภพมีอยู่ในชีวิต” ประโยคนี้คือทุกอย่างของหนัง
.
ในมุมเราที่อยู่ในวัยผู้ใหญ่ เรียนรู้ อยู่ในอีกยุคหนึ่ง เมื่อเทียบกับดิว ภพ ที่ยังเป็นวัยรุ่น อยู่ในยุค 90 ที่สังคมยังไม่เปิดกว้างเท่าปัจจุบัน เกิดคำถามว่า เราหลีกเลี่ยงการสูญเสียดิวแต่แรกได้มั้ย
ภพเองจำเป็นต้องชวนดิวหนีไปด้วยกันนะ วันนั้นเลยหรอ แอบมาค้างห้องดิวก่อนก็ได้นะ แล้วค่อยคิดหาหนทาง แล้วดิว ทำไมไม่เพจเจอร์หาภพวะให้มารับ กูเปลี่ยนใจไปกับแล้ว ก็ว่ากันไป ทำไมประมาทเสี่ยงชีวิตตัวเองขับมอไซค์มาหาภพแบบนั้น
นั่นสิ เราจะอธิบาย การกระทำของทั้งคู่ได้ยังไง ที่นึกออกและดูสมเหตุสมผลน่าคิดตาม จำจากซีรีส์ The Affair ในเน็ตฟลิกซ์มา พูดถึงโรมิโอและจูเลียตไว้อย่างน่าสนใจในฉากที่ อาจารย์ถามนักศึกษาว่า ทำไมทั้งคู่ต้องตาย
"นักศึกษาตอบว่า เรื่องยุ่งๆที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของทั้งคู่ โรมิโอบอกมาเจอข้าที่นี่นะ จูเลียตก็แบบ ได้เลยที่รัก แล้วแม่นมของเธอกับนักบวช พวกนั้นแหละทำทุกอย่างพัง
ครู: ใช่แล้วถูกต้องที่สุด ครูถามต่อ ทำไมพวกนั้นถึงทำพังล่ะ
นศ.:เพราะทั้งคู่แก่แล้ว
ครู : ใช่ เพราะพวกเขาแก่ เหมือนครู พวกเขาเป็นผู้ใหญ่ และผู้ใหญ่มีความบกพร่อง โรมิโอกับจูเลียตยังเด็ก พวกเขาไร้เดียงสา ไม่เคยทำร้ายหรือทรยศใคร
ครู: เพราะพวกเขาไร้เดียงสา ความรักของทั้งคู่จึงบริสุทธิ์ พอผู้ใหญ่เข้าไปวุ่นวาย แม้ว่าจะทำเพราะหวังดีอยากช่วย ซึ่งแม่นมและนักบวชก็เป็นแบบนั้น สุดท้ายกลับทำลายความรักที่สมบูรณ์แบบ ดังนั้นสิ่งที่เช็คสเปียร์พยายามสื่อคือความรักที่บริสุทธิ์ ไม่สามารถอยู่ได้ในโลกที่ไม่สมประกอบ/ไม่สมบูรณ์แบบ”
แล้วภูมิหลังครอบครัวของภพที่ยิ่งเน้นชัดว่า เส้นทางรักภพและดิวเจอขวากหนามเข้าอย่างจัง ที่เป็นครอบครัวคนจีนไม่พอ ซึ่งคาดหวังให้ลูกชายมีทายาทเลือดเนื้อเชื้อไขสืบทอดวงศ์ตระกูล แต่ยังเป็นทหารอีก ที่เน้นความเป็นชายชาตรี ลูกผู้ชาย แข็งแกร่ง แต๋ว ตุ๊ด อ่อนแอเป็นสิ่งที่น่าอับอาย
เราเชื่อว่าคนดู บุคคลที่ 3 ไม่มีสิทธิตัดสินความรักของใคร เพราะทั้งสองก็คิดเองเป็น และเลือกเองแล้วตามการเติบโตตามวัย มันอาจดูไร้เหตุผล ดูโง่ในสายตาคนอื่น แต่เราเคารพ ผลของการเลือกออกมาอย่างไร ก็ยอมรับราคาของมัน มีโอกาสแก้ไขก็แก้ไขกันไป แต่จงจำให้ขึ้นใจว่าเรื่องของดิวและภพคือการเติบโต ที่ระหว่างเติบโตก็มีบาดแผล ความไร้เดียงสา ที่สุดคือบทเรียนให้ชีวิต เติบโตในความสัมพันธ์ และระลึกไว้เสมอว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสครั้งที่สอง มีปาฏิหาริย์อย่างในหนัง ดังนั้นให้ใช้ชีวิต เพราะ เวลาคือราคาที่เราต้องจ่ายเสมอสำหรับชีวิตที่ไม่ได้ใช้ -…,time is always the price we pay for the unlived life (Find me , Andre Aciman)
-เห็นอะไร
สรุปแล้วทั้งคู่ตาย ?
ฉากจบ ภพและดิวในร่างหลิวกระโดดบันจี้ จัมป์ ...บันจี้ จัมป์ที่เป็นความฝันของดิว แต่ไม่เคยได้ทำตอนมีชีวิต มาครั้งนี้ในชาติใหม่ ดิวปลดห่วงเกี่ยวเชือก เหมือนการปลดปล่อยพันธนาการ โซ่ตรวนทางสังคมที่ไม่อนุญาตให้รักกัน การมีสายเชือกเกาะเกี่ยวพันอยู่ หมายถึงการควบคุม คนข้างบนควบคุม กำหนดทิศทางผู้กระโดดบันจี้จัมพ์ ไม่ให้ร่วงน้ำ หรือจะดึงขึ้น ดึงลงยังไงก็ได้ หรือหมายถึงเซฟโซน นาทีที่ดิวปลดเชือกที่เกี่ยวทั้งสองคนไว้กับทีมงานบันจี้จั๊มด้านบน แล้วจับมือกันกระโดดน้ำ คือการกำหนดเส้นทางตัวเอง “ไปด้วยกันนะ” ออกจากคอมฟอร์ทโซน ฉากในน้ำข้างล่างทั้งคู่ว่ายน้ำ พยายามตะกายขึ้นมา หนังจบ
.
สำหรับเรามันชัดเจนนะว่ามันไม่ใช่การฆ่าตัวตาย แต่มันคือการเริ่มต้นใหม่ มีภพ มีดิว จับมือไปด้วยกัน ก่อนกระโดด ภพถามดิวว่า "ข้างล่างมันจะไม่ใช่จุดจบใช่มั้ย" ดิวว่า "ไม่หรอก มันจะมีทางไปต่อแหละ" นี่คือคำตอบแบบไม่แน่ใจแต่มีความหวัง ที่ในชีวิตจริง เรา คนดูก็ไม่รู้อนาคตกันหรอก มันไม่แน่นอน ที่สำคัญคือเราตั้งใจกำหนดชีวิตเส้นทางด้วยเราเองต่างหาก และเมื่อมีคนเคียงข้าง มันจึงอบอุ่นใจขึ้นไปอีก หนังบอกเราอย่างนั้น
.
ถามต่อว่าเสี่ยงมั้ย กระโดดน้ำสูงอย่างนั้น เสี่ยงตายสิ ตรงนี้สื่อถึงการเริ่มต้นใหม่ว่าไม่ง่าย กล้าพอมั้ยที่จะ "ไปด้วยกันนะ" โดยเฉพาะความสัมพันธ์รักครั้งนี้ของทั้งคู่ที่อยู่ในสถานะครูและลูกศิษย์ ไม่เท่านั้นอายุยังห่างกันเป็น 20 ปี ตอกย้ำว่าความรักคือความเสี่ยง และบันจี้ จัมป์ กีฬาที่พิสูจน์ความกล้าหาญของผู้เล่น เท่ากับพิสูจน์ความกล้าของภพและดิว กล้าพอที่จะปลดเชือก รับความเสี่ยงไปด้วยกันที่รวมถึงข้อครหาของสังคมได้
.
หนังให้กำลังใจคนมีความรัก สื่อชัดเจนว่าความรักไม่ควรถูกยึดโยงกับเพศ เพราะจริงๆ ต่อให้คนละเพศทางกายภาพ ความรักก็เจอปัญหา บททดสอบเสมอ ต่างๆกันไป หนังบอกเราในความสัมพันธ์รักของดิวกับภพในชาติใหม่ ที่มันก็ไม่น่าจะง่าย แม้ดิวอุตสาห์เกิดเป็นหญิงทางกายภาพแล้ว ด้วยสถานะครู-ลูกศิษย์ (ครูที่มีภรรยาอยู่แล้ว น่าจะตามมาด้วยก็อสซิป คำพิพากษาจากสังคมอีกมาก)
ดังนั้นดิว ไปด้วยกันนะ ครั้งแรกชวนหนีแต่ไม่สำเร็จ แต่ในที่สุดดิวก็ได้ไปกับภพ ไม่ได้ชวนกันไปตาย แต่ไปเริ่มต้นใหม่ด้วยกันนะ
หนังชูประเด็นความรักโดดเด่นมาก ไปไกลกว่าประเด็น LGBTQ เห็นได้จากการให้ดิวชายเกิดใหม่ในร่างหลิวหญิง ว่าที่จริงความรักไม่ควร/ไม่ใช่สิ่งที่ยึดโยงกับเพศ หรือพูดให้กว้างออกไป ศาสนา เชื้อชาติ อายุ สถานะทางสังคมฯลฯ รักคือรัก มองในอีกมุม คือหนังเชื้อชวนให้ LGBTQ เองมองด้วยว่า ความรักต่างเพศทางกายภาพก็คือความรัก เช่นเดียวกับความรักของ LGBTQ ประเด็นดิวชายที่เกิดใหม่ในร่างหลิวหญิง จึงไม่เป็นปัญหาสำหรับคนที่มองว่า รัก ก็คือรัก ที่ไม่ยึดโยงกับเพศ แต่ในชีวิตจริงเราก็รู้ ว่ามันไม่ง่ายอย่างนั้น ถ้าภายนอกเราเปลี่ยนไป นิสัยเหมือนเดิม แววตาดวงเดิม คุณจะยังรักเราอยู่มั้ย? หรือดูเหมือนนั่นจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับคนที่รักกันจริง? ดูเหมือนในหนังเองก็ระวังในจุดนี้ ที่ถือเป็นงานหินพอสมควร เพราะหนังฉายภาพดิว และภพวัยรุ่นในร่างหลิวและภพผู้ใหญ่ในหลายซีน การฉายสลับดังกล่าวเหมือนเครื่องเอ็กซเรย์จิตวิญญาณ หน้าที่ของมันอย่างหนึ่งเพื่อเชื่อมโยงอารมณ์คนดูโดยเฉพาะคนที่อินกับพาร์ทแรกตอนวัยรุ่นให้อินกับพาร์ทสองตอนผู้ใหญ่ด้วย เรายิ่งเห็นฉากสลับกายหยาบแบบนี้แล้วยิ่งร้องไห้ สังเกตตัวเองว่าร้องไห้มากกว่า ตอนที่เห็นซีนภพผู้ใหญ่กับหลิวโดดๆตอนที่ยังไม่เฉลย ว่าดิวเกิดใหม่เสียอีก
หากหนัง วรรณกรรม ล้วนสะท้อนและเป็นแรงบันดาลใจ จนอยากลุกมาเปลี่ยนแปลงสังคมให้เปิดกว้างยิ่งขึ้น ทำให้เราเข้าใจเพื่อนมนุษย์มากขึ้น “ดิว ไปด้วยกันนะ” ทำหน้าที่ของมันแล้ว เราอยากเป็นผู้นำ นายกรัฐมนตรี หรืออย่างน้อยทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองให้ดีที่สุดไม่ว่าในบทบาทไหน เพื่อลบลดอคติเรื่องเพศขึ้นมาเลย
พี่มะเดี่ยวกำกับความรู้สึกเก่ง ความดีงาม คือ แม้เราจะรู้ตอนจบอยู่แล้ว แต่เรากลับรู้สึกอยากไปดูซ้ำๆอีกหลายๆครั้ง เพราะชอบความรู้สึกตอนได้ดูหนัง มันตอกย้ำความไม่ธรรมดา และต้องเขียนรีวิว นอกจากอยากขอบคุณทีมหนัง ให้กำลังใจแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งเพราะมันอาจเป็นวิธีทำให้เรามูฟออนจากหนังเรื่องนี้ โดยที่ไม่ลืมแน่นอน เพราะเป็นความทรงจำดีดีของเรา ที่สุดหนังทำให้เราคนดูเป็นภพ ที่ลืม 'ดิว ไปด้วยกันนะ' ไม่ลง เพราะเป็นหนังที่งดงามมากจริงๆ
+++++++++
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้