(ตอนที่ 2
https://ppantip.com/topic/39267372) .. "ข้าอยู่ห้อง 2 ห้อง 2 กับ 3 เป็นลำดับชนชั้นรองลงมา การเรียนกับฐานะบ้านไม่ดีเท่าพวกห้อง 1 แต่เรื่องกีฬา ถือว่าเก่งสุดยอด ทุกคนล้วนวิ่งกรีฑาได้ ข้าสามารถวิ่งจากตรงนี้ไปถึงประตูโรงเรียนได้ภายใน 1 นาทีเท่านั้น เชื่อมั้ย" ตะวันกล่าวถึงชนชั้นของตัวเอง "ห้อง 2 กับ 3 มักส่งไปแข่งกีฬาทุกๆปีพร้อมกับห้อง 1 เพราะความคล่องตัว เนื่องจากห้อง 2 กับ 3 เป็นห้องของคนที่ผ่านการทดสอบทางกีฬามาเป็นส่วนใหญ่ ห้องเรียนนี้ แม้จะไม่ได้ติดแอร์ แต่ก็ไม่ต้องเดินเรียน เพราะเป็นห้องพิเศษลำดับ 2" ตะวันกล่าวยอตัวเอง "ถามจริงนะ เอ็งเข้ามาเรียนตั้งแต่ ม.1 หรือเปล่า" เรย์ถาม "ใช่ แต่ข้าก็เคยอยู่ตัวจังหวัดมาก่อนเหมือนกัน เพียงแต่ต้องมาที่นี้ตอน ม.1 เพราะพ่อข้าย้ายมาเป็นนายอำเภอของที่นี้พอดี" ตะวันยกที่มาตัวเอง "ว้าว นี้ข้าคุยกับลูกนายอำเภออยู่หรอกเหรอ" เรย์ทึ่ง "ใช่ ไม่งั้นข้าก็คงได้อยูด้วยกันกับเอ็งนี้แหละ" ตะวันทิ้งทวนก่อนกลับมาเรื่องเดิม "เด็กห้อง 1-8 ทุกคน ล้วนเป็นเด็กเก่าที่เข้ามาตอน ม.1 ส่วนเด็กใหม่ มีสิทธิ์ได้แค่ห้อง 9 กับ 10 เด็กเก่า ถ้าเกรดหรือพฤติกรรมไม่ดี เมื่อขึ้น ม.ปลาย ก็จะหล่นมาอยู่ห้องท้ายๆได้เหมือนกันตามลำดับเกรด ยกเว้นห้อง 1 ที่หากเกรดไม่ดีก็สามารถอยู่ต่อได้ด้วยเงินบริจาค" ตะวันกล่าว "ข้าไม่มีสิทธิ์เข้าห้อง 1 เลยเหรอวะ" เรย์ถาม "กรณีของเอ็ง สุดวิสัย เขาไม่สามารถนำเกรดโรงเรียนเดิมมาเทียบกับที่นี้ได้หรอก เอ็งต้องอยู่ห้อง 10 ต่อไปจนกว่าจะเรียนจบนั้นแหละ ยกเว้นแต่เอ็งอยู่ห้องพิเศษเก่าตั้งแต่ ม.ต้น แล้วอยากย้ายไปห้องท้าย แล้วพอเปิดเทอมมาแล้วอยากย้ายไปห้องเก่าก็สามารถทำได้" "ใช่ ข้าซวยฟรีแท้ๆ" เรย์เสียดายเรื่องราวในอดีต
.. "แล้วห้องต่อไปล่ะ" เรย์ถามต่อ "ห้อง 4 กับ 5 ห้องนี้ก็เหมือนกัน แต่คนละขั้วกันกับห้อง 2 กับ 3 พวกนี้ไม่เก่งกีฬา ฐานะก็ใกล้เคียงกัน แต่เก่งเรื่องการเรียนมาก ถ้าปีไหนมีงานวิชาการชนกับห้อง 1 พวกนี้ก็ไปงานรองลงมา เช่น พวกห้อง 1 ไปงานวิชาการระดับประเทศ พวกนี้ก็จะไปแข่งระดับภูมิภาคกัน ไอ้นนท์เคยอยู่ห้อง 4 แต่ตกมาอยู่ห้อง 10 เพราะมันเอาแต่เล่นเกมส์ การเรียนตกต่ำ" ตะวันอธิบาย "แล้วพวกนี้สอบเข้ามาใช่มั้ย" เรย์ถาม "ใช่ ทุกคนล้วนผ่านสอบข้อเขียนมา จัดวันถัดจากสอบพวกห้อง 1 แต่คนละแนวทางกัน พวกห้อง 1 จำกัดคนมาสอบไว้เฉพาะคนมีเงินไม่กี่คน แต่สอบห้องแอร์ด้วย ขณะที่พวกห้อง 4 กับ 5 ไม่จำกัดคนมาสอบ แต่ยังใช้วิธีคัดกรองเหมือนกัน และไม่ได้สอบห้องแอร์ ใครสอบเข้าได้ก็มาอยู่ห้อง 4 กับ 5" ตะวันตอบข้อสงสัยกับเรย์ "5 ห้องแรกนี้คือห้องเรียนพิเศษ ที่ได้สิทธิพิเศษ แทบไม่ต้องเดินเรียนให้เมื่อยขา แต่สิทธิพิเศษเพิ่มเติมอีกอย่างก็แตกต่างกันออกไป" ..
.. "แล้วอีก 5 ห้องล่ะ อธิบายให้หน่อยว่ามันเป็นยังไง" เรย์ถามต่อ "ก็ห้องธรรมดา ที่ต้องเดินเรียน แต่ยังมีสิทธิอยู่" ตะวันตอบ "ห้อง 6 ถึง 8 เป็นห้องของคนที่สอบเข้ามาทั้งวิธีปกติและวิธีพิเศษอีกอย่าง คือการเล่นดนตรี และศิลปะ" "ว้าว แบบนี้ก็มีพวกเล่นกีตาร์ เล่นกลองได้ล่ะสิ" เรย์ทึ่งอีกครั้ง "ก็ไม่เชิง เพราะว่าคนที่ผ่านการทดสอบทางดนตรี คือคนที่อ่านตัวโน้ตได้ คุมจังหวะได้ ไม่ใช่การดีดคอร์ดกีตาร์ไปเรื่อยเปื่อย พวกนี้เป็นพวกวงโยธวาทิตน่ะ" ตะวันตอบตามที่รู้ "อีกส่วนก็คือ พวกที่เข้ามาด้วยการวาดภาพศิลปะ ทั้งแนวเหมือนจริง แนวจินตนาการ และแนวอาร์ตๆ ถ้าโดนใจครูศิลปะ ก็ได้มาเรียน นักเรียนที่ร้องเพลง รำไทยเช่นกัน ถ้าร้องดีรำดี ก็มาเป็นนักเรียนสายนี้เหมือนกัน" "แสดงว่านอกเหนือจากนี้ ก็คือสอบปกติคละกับพวก 9-10 ใช่มั้ย" เรย์ถาม "ถูกต้อง ถ้าสอบปกติเข้ามา ตอน ม.ต้น ก็จะเป็นแค่ห้องทั่วๆไป เรียงตามความสามารถ แต่พวก 9 กับ 10 ไม่มีใครเข้ามาด้วยวิธีพิเศษนะ พวกนี้คือสอบได้ที่ท้ายๆ ที่พอผ่านเกณฑ์เข้าเรียนได้เท่านั้น" ตะวันตอบตามที่รู้อีกครั้ง "ที่พูดมาทั้งหมดคือเกณฑ์สำหรับ ม.ต้น แต่ ม.ปลาย จะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง" "อธิบายหน่อย" เรย์ขอให้ตะวันอธิบายเพิ่มเติม
"เมื่อทุกคนจบ ม.ต้น กัน จะมีการพิจารณานักเรียนที่ควรเรียนต่อ โดยเริ่มจากห้อง 1 เด็กห้อง 1 ที่เกรดดีพอ ก็จะอยู่ได้ต่อไปจนเรียนจบ ม. ปลาย หรือต้องการย้ายไปห้องอื่นได้ นักเรียนห้อง 1 ที่เกรดไม่ดีพอ สามารถขออยู่ต่อได้ด้วยการจ่ายเงินบริจาคเพิ่มเติมนอกเหนือจากรายเทอมปกติ ไม่งั้นก็ต้องหลุดไปตามเกรด ในบรรดา 5 ห้องแรก ห้อง 1 ที่ย้ายออกไปหรือถูกย้ายห้อง 1 คน จะสามารถเปิดรับโอกาสนักเรียนห้อง 2-5 เข้าไปเรียนได้ 1 คน ออกไปเท่าไร ก็จะรับเพิ่มเติมจากห้องถัดมาเท่านั้น ขึ้นอยู่กับว่าเกรดถึงและเงินของทางบ้านถึงหรือไม่ เมื่อห้อง 1 ครบอัตราจำนวนที่ได้จากห้อง 2-5 แล้ว จะพิจารณาเกรดของห้อง 2-5 ต่อตามลำดับเกรด เช่นข้า จากห้อง 3 เกรดดีไปอยู่ห้อง 2 ส่วนคนที่เกรดไม่ดี จะถูกปรับไปอยู่ 6-10 ขึ้นอยู่กับลำดับเกรดในชั้นเรียน และไม่มีสิทธิ์ขออยู่ต่อด้วยเงิน ส่วนคนที่เกรดดี จะได้อยู่ต่อโดยอัตโนมัติหรือมีสิทธิ์เลื่อนไปห้อง 1 ได้หากมีจำนวนว่างอยู่และเกรด-เงินดีพอ ส่วนห้อง 6-8 เป็นห้องวิทย์ธรรมดา นักเรียนจาก 1-5 ที่เกรดต่ำแต่ยังใกล้เคียงมาตรฐาน จะถูกคัดไปอยู่ห้องนี้ ส่วนที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินแต่ยังอยู่ในเกณฑ์เรียนต่อ จะถูกปรับไปอยู่สายศิลป์ 9-10 นักเรียนเกรดดีของ 6-10 จะได้รับเลือกไปอยู่ 2-5 แทนที่ หากอัตราเต็ม ห้อง 7-10 ก็จะได้เลื่อนห้องในสายตามลำดับเกรด ส่วนนักเรียนที่เกรดต่ำเกินไปและเกินเกณฑ์ให้อยู่ต่อ จะไม่ได้รับอนุญาตให้เรียนต่อที่นี้ อาจจะต้องมาสมัครใหม่ แต่ก็ได้รับสิทธิเท่าพวกมาใหม่จริงๆ เหมือนกัน" ตะวันอธิบายยืดยาว "พอดีกว่า เอาเป็นว่าอย่างข้านี้มีเกณฑ์มั้ย ที่จะได้ไปอยู่ห้องต้นๆ" เรย์ถาม "บอกแล้วว่าหมดสิทธิ์ เพราะใบเกรด ม.ต้น ที่มาจากโรงเรียนอื่น ไม่มีทางได้ผล ยื่นไปก็ไม่ได้อะไร" ตะวันกล่าวจบแล้วมองดูนาฬิกาที่มือถือก่อนพูดไปว่า "รีบไปกินข้าวกันเถอะ ข้าหิว ร้านนั้นข้าไม่ได้กินมานานแล้วตั้งแต่ปิดเทอมมา"
"ฟังเอ็งเล่าเรื่องแต่ล่ะห้องมายึดยาว ขอถามหน่อยว่ารู้จักเด็ก 3/6 ที่ชื่อมุกมั้ย เอ็งพอรู้อะไรบ้างมั้ยเกี่ยวกับเขา" เรย์ถามด้วยความตื่นเต้น "วันแรกก็ปิ๊งสาวแล้วเหรอ ไม่เบานี้หว่า ฮ่าๆๆ" ตะวันกล่าวไปชิมเส้นบะหมี่ก๋วยเตี๋ยวน้ำตกไป "มุกน่ะ เป็นลูกป้าจัน แกขายข้าวอยู่ตรงข้ามรั้วโรงเรียนนี้ นักเรียนที่นี้ ชอบสั่งข้าวมากินกันเยอะกว่าในโรงอาหารซะอีก แกชอบห่อข้าวใส่หนังสือพิมพ์ คนเขาชอบล้อกันว่าเป็นข้าวหมา แต่จริงๆ มันอร่อยเด็ดดวงมาก กะเพราะหมูกรอบกับผัดมาม่าขี้เมาของแกนี้น่าจะอร่อยสุดในอำเภอแล้ว" "งั้นถามหน่อยว่าทำไมเขาถึงว่าเขามั่วไปทั่วล่ะ" เรย์ถาม "เวลามุกมาสั่งข้าว ก็ชอบอ่อยพวกผู้ชายที่สั่งข้าวมานี้แหละ แต่ก็แค่พวกห้องต้นนะ ไม่เคยเห็นทำแบบนี้กับห้องท้าย" "อ่อยยังไง" เรย์ถาม "ก็ประมาณว่า เอาข้าวไปให้แล้วชอบส่งสายตามั้ง ชอบจับคางจับแก้มมั้ง หรือไม่ก็ชอบส่งจูบแล้วหัวเราะเดินจากไป เขาคงคิดว่าตัวเองเป็นดารามั้ง" ตะวันตอบ "เขามีแฟนหรือยัง" "ยัง แต่ก็เหมือนจะพยายามมีนะ หรือไม่รู้มันเป็นแค่เทคนิคขายของแบบสไตล์ตัวเองหรือเปล่า เห็นขายดีทุกวัน" ตะวันพูดไปคีบบะหมี่กินไป "เคยมีพวกห้อง 1 สั่งข้าวแม่มุกไปกินมั้ย" "ไม่มี พวกนี้มีอยู่ 2 อย่าง ไม่ลงมากินในโรงอาหารก็เอาจากบ้านไปกินกันในห้องเรียนมันเอง" ตะวันตอบข้อสงสัยเรย์ "อาหารคงจะมีหรูน่าดูมั้ง" เรย์พูดไปพรางมองหน้าเชิดเล็กน้อยใส่ตะวัน "ไม่ผิด บางวันมันก็ขนซูชิชุดใหญ่ไปกินกันในห้อง ไม่ก็พวกอาหารฝรั่ง จีน ไทย อะไรก็ตามที่อยากจะกินกัน" "ครูอาจารย์ไม่ห้ามหรือไงวะ" เรย์ถอนหายใจกับเรื่องราวที่ได้ยิน "ไม่ ไม่ใช่ไม่ห้ามกินข้าวในอาคาร แต่พวกนี้มันถืออภิสิทธิ์พิเศษ ทางโรงเรียนเกรงใจผู้ปกครอง ก็เลยไม่มีครูหรือใครไปพูดถึง แต่พวกรุ่นนี้มันก็มีมารยาทบ้างนะ เพราะรุ่นหลายปีก่อนเล่นสั่งหมูกระทะมากินฉลองเรียนจบเลย" "บ้าไปแล้ว" "จะไปว่าอะไรไม่ถูกหรอก พวกนี้จบมาเป็นแพทย์ วิศวะ ข้าราชการ คนมีหน้ามีตาในสังคมกันหมด กลับมาทีก็บริจาคให้โรงเรียนเป็นหมื่นเป็นแสน บางปีมีเป็นล้านก็มี" "เงินที่ว่ามันไปไหนหมดวะ เห็นโรงเรียนก็ยังเป็นแบบนี้อยู่เหมือนเดิม ไม่มีเค้าการเปลี่ยนแปลงอะไรที่บ่งบอกถึงการได้รับเงินมาเลย" เรย์บ่น "ก็ห้องสมุดนั้นไง ที่ได้รับเงินให้ติดแอร์มา เพิ่มคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษาให้ ไม่งั้น มันก็มีแต่หนังสือ ระบบยืมหนังสือแบบโบราณกันอยู่" เมื่อตะวันกล่าวจบแล้ว เรย์ไม่รู้จะพูดอะไรเพิ่มเติมต่อ จึงเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่นกัน
เวลาใกล้คาบ 5 เรย์เดินไปใกล้ๆ ห้องน้ำ เพื่อตามหานนท์พอดี เขาเห็นนนท์ออกมาจากห้องน้ำพอดี เขาหยิบเอาข้าวเหนียวหมูปิ้งมาให้นนท์ "เอานี้ไปกินซะ ใกล้จะขึ้นคาบ 5 แล้ว ไม่รีบกินเดี๋ยวจะหิวตอนเรียนไปก่อน" "ขอบใจว่ะเพื่อน" กล่าวจบนนท์หยิบข้าวเหนียวหมูปิ้งมากิน พลางเดินไปพร้อมกับเรย์ "ไอ้ตะวันของเอ็งนี้เป็นเพื่อนกันหรือเปล่า หรือมันแค่ชอบแกล้งเอ็งวะ" เรย์ถามนนท์ "มันเห็นข้าเป็นเพื่อนนั้นแหละ แต่มันชอบแกล้งแรง หนักสุดเคยถึงกับกดข้าลงบ่อน้ำด้วย" นนท์ตอบ "อันนี้แรงไปมั้งไอ้นนท์" เรย์ตกใจ "มันทำอะไรไม่ได้หรอก ตอนนั้นข้าไปเข้าค่ายลูกเสือ มันจบข้าจมน้ำเล่น กว่ามันจะเอาข้าขึ้นมาได้ ข้าเกือบตายแน่ะ" นนท์พูดเรื่องราวในอดีต "ไอ้นี้มันโรคจิต แนะนำว่าอย่าไปคบเล่น ไอ้นี้มันวิปริตทางจิตแล้ว" "พูดอะไรบ้าๆวะไอ้นนท์" เรย์ตกใจอีกครั้ง "ช่างมันเหอะ ใกล้จะเรียนแล้ว" ว่าแล้วเรย์กับนนท์ ก็ขึ้นไปข้างบน รอการเล่าเรียนต่อไป
ช่วงเวลาเย็น ขณะที่เรย์กับนนท์กำลังเดินกลับบ้าน เขาก็ต้องเจออะไรบางอย่าง "มากันพร้อมเลยนะ จะได้เคลียร์กันทีเดียว" เสียงนั้นคือเสียงไอ้กอล์ฟ รุ่นพี่ห้าวเป้งนั้นเอง พร้อมกับเพื่อนอีกจำนวนหนึ่ง โดยในนั้น ไม่ได้มีท็อป เพื่อนที่ห้ามเขาในตอนเช้าด้วย "ผมไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ผมแค่ชนพวกพี่ พวกพี่ยังไม่ทันจะฟังผมขอโทษ พี่ก็จะเสยผมแล้วอ่ะครับ" เรย์พูดขอร้องแต่แกมกวนนิดๆ "ไม่โดนอัดไม่สะใจว่ะ ขอรับน้องพวกเอ็งสักหน่อยเถอะ" กล่าวจบ เรย์จึงบรรจงถีบกลางท้องของกอล์ฟก่อนที่จะรีบวิ่งไปทางประตูโรงเรียน กอล์ฟกับพวกรีบวิ่งตามกันแต่ทว่าต้องชนกับอะไรบางอย่างก่อนที่จะถึงเป้าหมายเสียก่อน "โธ่จารย์ อีกแล้วเหรอเนี่ย" กอล์ฟที่ล้มลงหันหน้าไปมองพลางกล่าวเอ็ดใส่อาจารย์ไว้หนวดหัวล้านไว้ผมยาวร่างอ้วนที่ล้มลงไปเหมือนกัน "แฮะๆ ขอโทษนะครับ ลูกศิษย์ อาจารย์ไม่ได้มองเอง" เมื่อทั้ง 2 ฝ่ายยืนขึ้นแล้ว กอล์ฟจึงหาเรื่องถามทันที "เมื่อกี้ ถือว่าอาจารย์พลาดนะ แต่ครั้งหน้า ต้องระวังตัวด้วย จะเจ็บตัวฟรี" กล่าวจบกอล์ฟจึงยื่นเงินให้ "ครับๆ อาจารย์จะระมัดระวังนะครับ" หลังจากอาจารย์เดินไปแล้ว เพื่อนกอล์ฟจึงถามทันที "จะปล่อยมันไปเลยมั้ย พวกข้าก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน" "ตามนั้น ไว้เล่นมันวันหลังกันก็ได้" กล่าวจบ กอล์ฟกับเพื่อนก็เดินจากไปกลับไปทางอื่นทันที ..
หนุ่มร็อคสาวโก๊ะ ตอนที่ 3
.. "แล้วห้องต่อไปล่ะ" เรย์ถามต่อ "ห้อง 4 กับ 5 ห้องนี้ก็เหมือนกัน แต่คนละขั้วกันกับห้อง 2 กับ 3 พวกนี้ไม่เก่งกีฬา ฐานะก็ใกล้เคียงกัน แต่เก่งเรื่องการเรียนมาก ถ้าปีไหนมีงานวิชาการชนกับห้อง 1 พวกนี้ก็ไปงานรองลงมา เช่น พวกห้อง 1 ไปงานวิชาการระดับประเทศ พวกนี้ก็จะไปแข่งระดับภูมิภาคกัน ไอ้นนท์เคยอยู่ห้อง 4 แต่ตกมาอยู่ห้อง 10 เพราะมันเอาแต่เล่นเกมส์ การเรียนตกต่ำ" ตะวันอธิบาย "แล้วพวกนี้สอบเข้ามาใช่มั้ย" เรย์ถาม "ใช่ ทุกคนล้วนผ่านสอบข้อเขียนมา จัดวันถัดจากสอบพวกห้อง 1 แต่คนละแนวทางกัน พวกห้อง 1 จำกัดคนมาสอบไว้เฉพาะคนมีเงินไม่กี่คน แต่สอบห้องแอร์ด้วย ขณะที่พวกห้อง 4 กับ 5 ไม่จำกัดคนมาสอบ แต่ยังใช้วิธีคัดกรองเหมือนกัน และไม่ได้สอบห้องแอร์ ใครสอบเข้าได้ก็มาอยู่ห้อง 4 กับ 5" ตะวันตอบข้อสงสัยกับเรย์ "5 ห้องแรกนี้คือห้องเรียนพิเศษ ที่ได้สิทธิพิเศษ แทบไม่ต้องเดินเรียนให้เมื่อยขา แต่สิทธิพิเศษเพิ่มเติมอีกอย่างก็แตกต่างกันออกไป" ..
.. "แล้วอีก 5 ห้องล่ะ อธิบายให้หน่อยว่ามันเป็นยังไง" เรย์ถามต่อ "ก็ห้องธรรมดา ที่ต้องเดินเรียน แต่ยังมีสิทธิอยู่" ตะวันตอบ "ห้อง 6 ถึง 8 เป็นห้องของคนที่สอบเข้ามาทั้งวิธีปกติและวิธีพิเศษอีกอย่าง คือการเล่นดนตรี และศิลปะ" "ว้าว แบบนี้ก็มีพวกเล่นกีตาร์ เล่นกลองได้ล่ะสิ" เรย์ทึ่งอีกครั้ง "ก็ไม่เชิง เพราะว่าคนที่ผ่านการทดสอบทางดนตรี คือคนที่อ่านตัวโน้ตได้ คุมจังหวะได้ ไม่ใช่การดีดคอร์ดกีตาร์ไปเรื่อยเปื่อย พวกนี้เป็นพวกวงโยธวาทิตน่ะ" ตะวันตอบตามที่รู้ "อีกส่วนก็คือ พวกที่เข้ามาด้วยการวาดภาพศิลปะ ทั้งแนวเหมือนจริง แนวจินตนาการ และแนวอาร์ตๆ ถ้าโดนใจครูศิลปะ ก็ได้มาเรียน นักเรียนที่ร้องเพลง รำไทยเช่นกัน ถ้าร้องดีรำดี ก็มาเป็นนักเรียนสายนี้เหมือนกัน" "แสดงว่านอกเหนือจากนี้ ก็คือสอบปกติคละกับพวก 9-10 ใช่มั้ย" เรย์ถาม "ถูกต้อง ถ้าสอบปกติเข้ามา ตอน ม.ต้น ก็จะเป็นแค่ห้องทั่วๆไป เรียงตามความสามารถ แต่พวก 9 กับ 10 ไม่มีใครเข้ามาด้วยวิธีพิเศษนะ พวกนี้คือสอบได้ที่ท้ายๆ ที่พอผ่านเกณฑ์เข้าเรียนได้เท่านั้น" ตะวันตอบตามที่รู้อีกครั้ง "ที่พูดมาทั้งหมดคือเกณฑ์สำหรับ ม.ต้น แต่ ม.ปลาย จะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง" "อธิบายหน่อย" เรย์ขอให้ตะวันอธิบายเพิ่มเติม
"เมื่อทุกคนจบ ม.ต้น กัน จะมีการพิจารณานักเรียนที่ควรเรียนต่อ โดยเริ่มจากห้อง 1 เด็กห้อง 1 ที่เกรดดีพอ ก็จะอยู่ได้ต่อไปจนเรียนจบ ม. ปลาย หรือต้องการย้ายไปห้องอื่นได้ นักเรียนห้อง 1 ที่เกรดไม่ดีพอ สามารถขออยู่ต่อได้ด้วยการจ่ายเงินบริจาคเพิ่มเติมนอกเหนือจากรายเทอมปกติ ไม่งั้นก็ต้องหลุดไปตามเกรด ในบรรดา 5 ห้องแรก ห้อง 1 ที่ย้ายออกไปหรือถูกย้ายห้อง 1 คน จะสามารถเปิดรับโอกาสนักเรียนห้อง 2-5 เข้าไปเรียนได้ 1 คน ออกไปเท่าไร ก็จะรับเพิ่มเติมจากห้องถัดมาเท่านั้น ขึ้นอยู่กับว่าเกรดถึงและเงินของทางบ้านถึงหรือไม่ เมื่อห้อง 1 ครบอัตราจำนวนที่ได้จากห้อง 2-5 แล้ว จะพิจารณาเกรดของห้อง 2-5 ต่อตามลำดับเกรด เช่นข้า จากห้อง 3 เกรดดีไปอยู่ห้อง 2 ส่วนคนที่เกรดไม่ดี จะถูกปรับไปอยู่ 6-10 ขึ้นอยู่กับลำดับเกรดในชั้นเรียน และไม่มีสิทธิ์ขออยู่ต่อด้วยเงิน ส่วนคนที่เกรดดี จะได้อยู่ต่อโดยอัตโนมัติหรือมีสิทธิ์เลื่อนไปห้อง 1 ได้หากมีจำนวนว่างอยู่และเกรด-เงินดีพอ ส่วนห้อง 6-8 เป็นห้องวิทย์ธรรมดา นักเรียนจาก 1-5 ที่เกรดต่ำแต่ยังใกล้เคียงมาตรฐาน จะถูกคัดไปอยู่ห้องนี้ ส่วนที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินแต่ยังอยู่ในเกณฑ์เรียนต่อ จะถูกปรับไปอยู่สายศิลป์ 9-10 นักเรียนเกรดดีของ 6-10 จะได้รับเลือกไปอยู่ 2-5 แทนที่ หากอัตราเต็ม ห้อง 7-10 ก็จะได้เลื่อนห้องในสายตามลำดับเกรด ส่วนนักเรียนที่เกรดต่ำเกินไปและเกินเกณฑ์ให้อยู่ต่อ จะไม่ได้รับอนุญาตให้เรียนต่อที่นี้ อาจจะต้องมาสมัครใหม่ แต่ก็ได้รับสิทธิเท่าพวกมาใหม่จริงๆ เหมือนกัน" ตะวันอธิบายยืดยาว "พอดีกว่า เอาเป็นว่าอย่างข้านี้มีเกณฑ์มั้ย ที่จะได้ไปอยู่ห้องต้นๆ" เรย์ถาม "บอกแล้วว่าหมดสิทธิ์ เพราะใบเกรด ม.ต้น ที่มาจากโรงเรียนอื่น ไม่มีทางได้ผล ยื่นไปก็ไม่ได้อะไร" ตะวันกล่าวจบแล้วมองดูนาฬิกาที่มือถือก่อนพูดไปว่า "รีบไปกินข้าวกันเถอะ ข้าหิว ร้านนั้นข้าไม่ได้กินมานานแล้วตั้งแต่ปิดเทอมมา"
"ฟังเอ็งเล่าเรื่องแต่ล่ะห้องมายึดยาว ขอถามหน่อยว่ารู้จักเด็ก 3/6 ที่ชื่อมุกมั้ย เอ็งพอรู้อะไรบ้างมั้ยเกี่ยวกับเขา" เรย์ถามด้วยความตื่นเต้น "วันแรกก็ปิ๊งสาวแล้วเหรอ ไม่เบานี้หว่า ฮ่าๆๆ" ตะวันกล่าวไปชิมเส้นบะหมี่ก๋วยเตี๋ยวน้ำตกไป "มุกน่ะ เป็นลูกป้าจัน แกขายข้าวอยู่ตรงข้ามรั้วโรงเรียนนี้ นักเรียนที่นี้ ชอบสั่งข้าวมากินกันเยอะกว่าในโรงอาหารซะอีก แกชอบห่อข้าวใส่หนังสือพิมพ์ คนเขาชอบล้อกันว่าเป็นข้าวหมา แต่จริงๆ มันอร่อยเด็ดดวงมาก กะเพราะหมูกรอบกับผัดมาม่าขี้เมาของแกนี้น่าจะอร่อยสุดในอำเภอแล้ว" "งั้นถามหน่อยว่าทำไมเขาถึงว่าเขามั่วไปทั่วล่ะ" เรย์ถาม "เวลามุกมาสั่งข้าว ก็ชอบอ่อยพวกผู้ชายที่สั่งข้าวมานี้แหละ แต่ก็แค่พวกห้องต้นนะ ไม่เคยเห็นทำแบบนี้กับห้องท้าย" "อ่อยยังไง" เรย์ถาม "ก็ประมาณว่า เอาข้าวไปให้แล้วชอบส่งสายตามั้ง ชอบจับคางจับแก้มมั้ง หรือไม่ก็ชอบส่งจูบแล้วหัวเราะเดินจากไป เขาคงคิดว่าตัวเองเป็นดารามั้ง" ตะวันตอบ "เขามีแฟนหรือยัง" "ยัง แต่ก็เหมือนจะพยายามมีนะ หรือไม่รู้มันเป็นแค่เทคนิคขายของแบบสไตล์ตัวเองหรือเปล่า เห็นขายดีทุกวัน" ตะวันพูดไปคีบบะหมี่กินไป "เคยมีพวกห้อง 1 สั่งข้าวแม่มุกไปกินมั้ย" "ไม่มี พวกนี้มีอยู่ 2 อย่าง ไม่ลงมากินในโรงอาหารก็เอาจากบ้านไปกินกันในห้องเรียนมันเอง" ตะวันตอบข้อสงสัยเรย์ "อาหารคงจะมีหรูน่าดูมั้ง" เรย์พูดไปพรางมองหน้าเชิดเล็กน้อยใส่ตะวัน "ไม่ผิด บางวันมันก็ขนซูชิชุดใหญ่ไปกินกันในห้อง ไม่ก็พวกอาหารฝรั่ง จีน ไทย อะไรก็ตามที่อยากจะกินกัน" "ครูอาจารย์ไม่ห้ามหรือไงวะ" เรย์ถอนหายใจกับเรื่องราวที่ได้ยิน "ไม่ ไม่ใช่ไม่ห้ามกินข้าวในอาคาร แต่พวกนี้มันถืออภิสิทธิ์พิเศษ ทางโรงเรียนเกรงใจผู้ปกครอง ก็เลยไม่มีครูหรือใครไปพูดถึง แต่พวกรุ่นนี้มันก็มีมารยาทบ้างนะ เพราะรุ่นหลายปีก่อนเล่นสั่งหมูกระทะมากินฉลองเรียนจบเลย" "บ้าไปแล้ว" "จะไปว่าอะไรไม่ถูกหรอก พวกนี้จบมาเป็นแพทย์ วิศวะ ข้าราชการ คนมีหน้ามีตาในสังคมกันหมด กลับมาทีก็บริจาคให้โรงเรียนเป็นหมื่นเป็นแสน บางปีมีเป็นล้านก็มี" "เงินที่ว่ามันไปไหนหมดวะ เห็นโรงเรียนก็ยังเป็นแบบนี้อยู่เหมือนเดิม ไม่มีเค้าการเปลี่ยนแปลงอะไรที่บ่งบอกถึงการได้รับเงินมาเลย" เรย์บ่น "ก็ห้องสมุดนั้นไง ที่ได้รับเงินให้ติดแอร์มา เพิ่มคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษาให้ ไม่งั้น มันก็มีแต่หนังสือ ระบบยืมหนังสือแบบโบราณกันอยู่" เมื่อตะวันกล่าวจบแล้ว เรย์ไม่รู้จะพูดอะไรเพิ่มเติมต่อ จึงเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่นกัน
เวลาใกล้คาบ 5 เรย์เดินไปใกล้ๆ ห้องน้ำ เพื่อตามหานนท์พอดี เขาเห็นนนท์ออกมาจากห้องน้ำพอดี เขาหยิบเอาข้าวเหนียวหมูปิ้งมาให้นนท์ "เอานี้ไปกินซะ ใกล้จะขึ้นคาบ 5 แล้ว ไม่รีบกินเดี๋ยวจะหิวตอนเรียนไปก่อน" "ขอบใจว่ะเพื่อน" กล่าวจบนนท์หยิบข้าวเหนียวหมูปิ้งมากิน พลางเดินไปพร้อมกับเรย์ "ไอ้ตะวันของเอ็งนี้เป็นเพื่อนกันหรือเปล่า หรือมันแค่ชอบแกล้งเอ็งวะ" เรย์ถามนนท์ "มันเห็นข้าเป็นเพื่อนนั้นแหละ แต่มันชอบแกล้งแรง หนักสุดเคยถึงกับกดข้าลงบ่อน้ำด้วย" นนท์ตอบ "อันนี้แรงไปมั้งไอ้นนท์" เรย์ตกใจ "มันทำอะไรไม่ได้หรอก ตอนนั้นข้าไปเข้าค่ายลูกเสือ มันจบข้าจมน้ำเล่น กว่ามันจะเอาข้าขึ้นมาได้ ข้าเกือบตายแน่ะ" นนท์พูดเรื่องราวในอดีต "ไอ้นี้มันโรคจิต แนะนำว่าอย่าไปคบเล่น ไอ้นี้มันวิปริตทางจิตแล้ว" "พูดอะไรบ้าๆวะไอ้นนท์" เรย์ตกใจอีกครั้ง "ช่างมันเหอะ ใกล้จะเรียนแล้ว" ว่าแล้วเรย์กับนนท์ ก็ขึ้นไปข้างบน รอการเล่าเรียนต่อไป
ช่วงเวลาเย็น ขณะที่เรย์กับนนท์กำลังเดินกลับบ้าน เขาก็ต้องเจออะไรบางอย่าง "มากันพร้อมเลยนะ จะได้เคลียร์กันทีเดียว" เสียงนั้นคือเสียงไอ้กอล์ฟ รุ่นพี่ห้าวเป้งนั้นเอง พร้อมกับเพื่อนอีกจำนวนหนึ่ง โดยในนั้น ไม่ได้มีท็อป เพื่อนที่ห้ามเขาในตอนเช้าด้วย "ผมไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ผมแค่ชนพวกพี่ พวกพี่ยังไม่ทันจะฟังผมขอโทษ พี่ก็จะเสยผมแล้วอ่ะครับ" เรย์พูดขอร้องแต่แกมกวนนิดๆ "ไม่โดนอัดไม่สะใจว่ะ ขอรับน้องพวกเอ็งสักหน่อยเถอะ" กล่าวจบ เรย์จึงบรรจงถีบกลางท้องของกอล์ฟก่อนที่จะรีบวิ่งไปทางประตูโรงเรียน กอล์ฟกับพวกรีบวิ่งตามกันแต่ทว่าต้องชนกับอะไรบางอย่างก่อนที่จะถึงเป้าหมายเสียก่อน "โธ่จารย์ อีกแล้วเหรอเนี่ย" กอล์ฟที่ล้มลงหันหน้าไปมองพลางกล่าวเอ็ดใส่อาจารย์ไว้หนวดหัวล้านไว้ผมยาวร่างอ้วนที่ล้มลงไปเหมือนกัน "แฮะๆ ขอโทษนะครับ ลูกศิษย์ อาจารย์ไม่ได้มองเอง" เมื่อทั้ง 2 ฝ่ายยืนขึ้นแล้ว กอล์ฟจึงหาเรื่องถามทันที "เมื่อกี้ ถือว่าอาจารย์พลาดนะ แต่ครั้งหน้า ต้องระวังตัวด้วย จะเจ็บตัวฟรี" กล่าวจบกอล์ฟจึงยื่นเงินให้ "ครับๆ อาจารย์จะระมัดระวังนะครับ" หลังจากอาจารย์เดินไปแล้ว เพื่อนกอล์ฟจึงถามทันที "จะปล่อยมันไปเลยมั้ย พวกข้าก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน" "ตามนั้น ไว้เล่นมันวันหลังกันก็ได้" กล่าวจบ กอล์ฟกับเพื่อนก็เดินจากไปกลับไปทางอื่นทันที ..