12 กรกฎาคม 2560
...ฉันกำลังตกหลุมรัก...
เช้านี้เรามีนัดออกเดินทางกันตอน 06.30 .... ที่ต้องเช้าขนาดนี้ เพราะแพลนของเรามักจะออกนอกแผนเสมอ...
แต่เดิมเราจะเดินทางจาก “นูบร้าวัลเล่ย์” ไป “ทะเลสาบปันกอง” โดยใช้เส้นทางตรงเลย แต่อะไรไม่คาดฝันมักจะเกิดขึ้นในทริปนี้ เส้นทางที่เราตั้งใจจะใช้เดินทาง เกิดปัญหาน้ำท่วม ไม่สามารถขับรถผ่านได้ เพราะฉะนั้นพวกเราต้องปรับทิศทางกันใหม่ โดยใช้เส้นทาง นูบร้าวัลเล่ย์ – เลห์ – ทะเลสาบปันกอง
เอาง่ายๆ คือ...เราต้องผ่านเส้นทางวิบาก ที่เราเผชิญมหกรรมความทรมานมาเมื่อวานนั่นล่ะ
นอกจากต้องเตรียมตั้งรับเส้นทางสุดโหดแล้ว...ยังต้องเตรียมใจใช้เวลาบนรถนานขึ้น รวมเวลาประมาณ 10 ชั่วโมง จากการเดินทางอ้อมเลห์ครั้งนี้
...ประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำ ประวัติศาสตร์จะต้องเปลี่ยน...
เราจะไม่พ่ายแพ้เช่นเมื่อวาน!!!
ไอเท็มพิเศษสำหรับผ่านด่านในวันนี้ คือ “ยาแก้เมารถ” .... ก็ได้แต่หวังว่ามันจะได้ผล
ในความหวั่นใจ...ยังมีสิ่งดีงามยามเช้า
...อาหารเช้า....อร่อยมากกก ที่จริงเป็นแค่ขนมปังปิ้งทาเนยกับแยม ไข่ต้ม และซีเรียลกับนม ธรรมด๊า ธรรมดา แต่นี่ล่ะอาหารที่เราเฝ้าใฝ่ฝันถึง หลังจากฝากท้องกับอาหารเลห์มาหลายมื้อ...เสียดายที่ไม่กล้ากินเยอะ เพราะไม่รู้จริงๆว่าสิ่งที่กินเข้าไป มันจะออกมาอีกหรือเปล่า
วันนี้เราได้ย้ายไปนั่งเบาะหน้าสุด คู่กับปุ๊ก(ที่เมื่อวานก็เผชิญวิบากกรรมไม่แพ้เรา เพียงแต่เรายับเยินกว่า) ทำให้ที่นั่งเบาะหน้าเปรียบเสมือนที่นั่งสำรองสำหรับผู้มีปัญหาสุขภาพไปโดยปริยาย
เพียงแค่เริ่มออกเดินทาง เราก็ค้นพบว่า...ระหว่างทางที่รถผ่าน มีความสวยงามทักทายสายตาเราตลอด...ธรรมชาติสด และ สวย...
วิวสวยจนต้องแวะถ่ายรูปทุกครั้งที่รถหยุด
...ถ้าเมื่อวาน นูบร้าวัลเล่ย์ คือ ที่ที่เราอยากไปมากที่สุด...
...วันนี้ ทะเลสาบปันกอง ก็คือจุดหมายในทริปสำหรับสิตูน...
และคงเหมือนที่สิตูนบอกไว้ “มิชชั่นใคร...คนนั้นโดนรับน้อง” ...เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นกับเรา วันนี้ก็เกิดขึ้นกับสิตูน เหมือนฉายหนังซ้ำ เพียงแต่เปลี่ยนคนแสดง
และเมื่อสิตูนพ่ายแพ้แก่หนทาง...สิตูนก็ได้ครอบครองที่นั่งเบาะหน้าแทนเรา...เกมนี้ผู้แพ้ได้ครองบัลลังก์
ปกติแล้วยาแก้เมารถ จะมีผลข้างเคียงทำให้ง่วงนอน...แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เรากลับไม่รู้สึกง่วงนอนเลย หรืออาจจะเป็นเพราะภาพความสวยงามของธรรมชาติตรงหน้า ผสมผสานอย่างลงตัวกับอากาศเย็นๆ
ถึงแม้จะเป็นเส้นทางเดิมกับเมื่อวาน แต่ความรู้สึกของเรา...ไม่เหมือนเดิมเลยซักนิด...
ช่วงเวลานี้กำลังไต่ชาร์ท ช่วงเวลาโปรดของเราที่เลห์ ลาดักห์...เป็นชั่วโมงต้องมนต์แบบวนลูป
“เรากำลังตกหลุมรัก”
...เรารักโมเมนท์นี้ เรารักความรู้สึกนี้...
วิวสวยจับใจ...อากาศเย็นสบาย...เพลย์ลิสต์เพลงชิล...เพียงเท่านี้ เราก็นั่งมองภาพตรงหน้า...ได้ทั้งวัน...
จากต่ำสุด เรากำลังขึ้นสูงสุดอีกครั้ง...ใช่แล้วเรากำลังจะผ่านถนนการ์ดุง ลา...จุดเริ่มต้นของหายนะเมื่อวาน
จากร้อน...มาเย็นสบาย...ตอนนี้มีทั้งฝนปรอย และหิมะร่วงหล่นเบาบาง...ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เราได้เจอ ในเวลาแค่ครึ่งวัน
...ในที่สุดเราก็มาถึงการ์ดุง ลา ในช่วงเวลาที่อากาศหนาวติดลบ...
วันนี้เราขอแวะที่การ์ดุง ลา กันอีกครั้ง เพื่อถ่ายรูปกับป้ายสัญลักษณ์ ว่าพวกเราได้มาถึงถนนที่สูงที่สุดแล้ว
แต่ก่อนจะไปถ่ายรูปกับป้าย มีอีกสิ่งหนึ่งที่พวกเราพลาดไม่ได้...คือการเข้าห้องน้ำ
หลังจากได้เห็นสภาพห้องน้ำที่นี่...พวกเราสมัครใจ เข้าห้องน้ำกลางแจ้ง...
ครั้งนี้เราปรับเปลี่ยนแผนจาก “ปฏิบัติการณ์กระโจม” เป็นเพียง “ปฏิบัติการณ์ผืนผ้า”... เราใช้ผ้าเพียงแค่ผืนเดียวเท่านั้น อีกฝั่งให้เป็นหน้าที่ของเนินหิมะกำบังสายตา
พวกเราได้เข้าห้องน้ำกลางแจ้ง...บนถนนที่สูงที่สุดในโลกแล้ว...เราคือผู้พิชิต!!!
แต่ระหว่างถึงคิวเราทำธุระ...มีผู้หญิงฝรั่งคนนึง เดินตรงรี่เข้ามาทางปฏิบัติการณ์ผืนผ้าของพวกเรา บอกให้ไปทางอื่นก็ไม่ฟัง สักพักถึงรู้ว่าเธอก็เล็งพื้นที่แถบนี้เป็นห้องน้ำกลางแจ้งเหมือนกัน แต่เธอเด็ดกว่าตรงที่...ไม่ต้องมีอะไรมาบังทั้งนั้น ถอดกางเกงแล้วทำธุระได้เลย มีเพียงวลีที่ว่า “I don’t care, how many boys?” ... เอาจ้ะ ถ้าพี่ฝรั่งไม่แคร์ มุกมาดาก็ไม่แคร์...
เราจึงได้เข้าห้องน้ำกลางหิมะ โดยมีพี่ฝรั่งอยู่เคียงข้าง พร้อมกับหลักฐานทุกข์หนักของใครก็ไม่รู้..สองกอง...เอ็กซ์คลูซีฟสุดๆ
หลังจากเข้าห้องน้ำเรียบร้อย...เป้าหมายต่อไปคือการถ่ายรูป...เพียงแต่ครั้งนี้พวกเราคุมเวลากันอย่างดี
เท่าที่เห็น ส่วนใหญ่เค้าก็ถ่ายกันที่ป้ายนี่ล่ะ ไม่ค่อยมีใครปีนขึ้นไปเหมือนกลุ่มเรา
ลงจากการ์ดุง ลา มาเรียบร้อย...พวกเรามุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองเลห์ จุดหมายคือตลาด เพื่อพักทานข้าวกลางวัน
เราดีใจเป็นพิเศษ...เพราะเมื่อวันก่อนเราพลาดการเดินเที่ยวตลาดไป ถึงแม้วันนี้จะมีเวลาแวะแป๊ปเดียวเพื่อทานข้าว แค่นี้ก็ดี๊ด๊ามากแล้ว...สุดท้ายเราก็ช้อปปิ้งมาได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว
เพิ่งออกจากร้าน Pashmina Cave...หน้าตาดีใจ ช้อปปิ้งได้สำเร็จ
ออกจากตลาดเมืองเลห์มาไม่นาน...เต้ก็กลับมามีไข้อีกครั้ง อาจเพราะลงไปเผชิญกับความหนาวที่การ์ดุง ลา...ครึ่งวันดี สี่วันไข้จริงๆ
ช่วงจากเลห์ไปทะเลสาบปันกอง พวกเราภาวนาให้ทางไม่โหดเท่าเส้นนูบร้าวัลเล่ย์...ในที่สุดพวกเราก็ค้นพบว่า แทบไม่ต่างกัน...
เส้นนูบร้าวัลเล่ย์ มีถนนที่สูงที่สุด....เส้นทะเลสาบปันกอง ก็มีถนนที่สูงเป็นอันดับสอง
ระหว่างทางอันยาวไกล...พวกเราค้นพบกิจกรรมสันทนาการ ที่ช่วยย่นเวลาในการเดินทางได้ดี นั่นก็คือ “คลับฟรายเดย์”
พวกเราเริ่มเปิดคลับจาก 1 ประโยคของ “แชมป์” ที่ว่า “ผู้หญิงอายุสามสิบกว่าที่ยังโสด ถือว่าผิดปกติ” .... ถึงเราจะไม่เข้าข่ายแล้ว แต่ก็รู้สึกยอมไม่ได้อย่างแรง ... สิตูนกับเรา เลยรับหน้าที่พี่อ้อยพี่ฉอด อธิบายสัจธรรมหญิงโสดให้แชมป์ได้เข้าใจ แล้วจากประเด็นนี้ก็เริ่มเข้าสู่ประเด็นชีวิตรักของแชมป์...ถึงแม้จะเหมือนโดนรุมอยู่บ้าง แต่พวกพี่ก็เอาใจช่วยกับความรักของน้องจริงๆจ้ะ...
หลังจากปิดคลับ...หลายคนก็เริ่มเข้าสู่ภวังค์ วาร์ปเส้นทางด้วยการหลับ...
ยิ่งใกล้ถึงทะเลสาบปันกอง...วิวระหว่างทางยิ่งสวย สวยชนิดที่รูปภาพไม่สามารถถ่ายทอดความสวยของจริงได้ และสวยถึงขนาดที่เราอยากจะปลุกคนอื่นๆที่หลับอยู่ ให้ตื่นมาเก็บเกี่ยวความสวยงามตรงหน้าไว้ด้วยกัน
ความสวยตรงหน้า ทำให้เราเผลออุทานออกมาบ่อยๆ ... และนั่นทำให้เรารู้ว่า เวลาเราเห็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจ ถ้าเราเห็นสิ่งนั้นคนเดียว มันสวยไม่เท่ากับการมีคนข้างๆ ให้หันไปแชร์ความสวยงามนั้น
...ขอบคุณที่ยังตื่นอยู่ด้วยกัน...
และแล้ว...ทะเลสาบปันกองก็ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเรา ในช่วงเวลาแสงสุดท้ายของวัน พร้อมกับอุณหภูมิเลขตัวเดียว
ที่พักของพวกเรามีชื่อว่า “Woodland Cottage” เป็นที่พักแบบง่ายๆ มีห้องน้ำในตัว...แต่ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น ซึ่งพวกเราก็ตั้งใจที่จะไม่อาบน้ำสระผมที่นี่กันอยู่แล้ว...มีเพียงบางคน ที่กล้าท้าทายความหนาว
หน้าตาที่พักที่ปันกอง
นอกจากนั้นที่นี่ยังมีไฟให้ใช้เป็นเวลา คือตั้งแต่ 1 ทุ่ม – 4 ทุ่ม... ส่วนไวไฟ ไม่ต้องพูดถึง เราเผลอถามคนดูแลที่พักไป เค้าถึงกับหัวเราะออกมา...ไฟยังมีจำกัด...น้ำอุ่นก็ไม่มี...ยังจะกล้าถามถึงไวไฟ
พวกเราแยกย้ายกันเก็บของในห้องพัก...เมื่ออากาศหนาวได้ใจขนาดนี้ เราเลยเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายด้วยเสื้อฮีทเทค 2 ชั้น เสื้อยืดอีก 1 ชั้น ก่อนทับด้วยเสื้อแจ็คเก็ต...4 ชั้นเน้นๆ เพื่อต่อสู้กับความหนาว
ส่วนเต้...ทันทีที่เข้าห้อง ก็ล้มตัวลงบนที่นอน ซุกอยู่ใต้ผ้าห่มสามชั้น กับเสื้อที่หนาไม่แพ้กัน แล้วก็นอนยาววววว ไม่ยอมลุกขึ้นมาอีกเลยจนเช้า ไม่ว่าจะขอให้ลุกมาชาร์ทแบตมือถือแบตกล้อง หรือจะเรียกมากินข้าว ยอมลุกขึ้นมากินยา Diamox แค่อย่างเดียว...เข้าโหมดตี๋จำศีล...
มีเวลาว่างนิดหน่อยก่อนทานข้าวเย็น พวกเราถือโอกาสไปเก็บภาพบรรยากาศริมทะเลสาบ ถึงแสงจะไม่มี ถึงจะหนาวขนาดไหน...แต่พวกเราก็สนุก
หนาวววว ต้องกระจุกตัวกอดกันไว้
[CR] "Leh Ladakh" Diary - - Episode 5 : Some other day, but Stay Forever
...ฉันกำลังตกหลุมรัก...
เช้านี้เรามีนัดออกเดินทางกันตอน 06.30 .... ที่ต้องเช้าขนาดนี้ เพราะแพลนของเรามักจะออกนอกแผนเสมอ...
แต่เดิมเราจะเดินทางจาก “นูบร้าวัลเล่ย์” ไป “ทะเลสาบปันกอง” โดยใช้เส้นทางตรงเลย แต่อะไรไม่คาดฝันมักจะเกิดขึ้นในทริปนี้ เส้นทางที่เราตั้งใจจะใช้เดินทาง เกิดปัญหาน้ำท่วม ไม่สามารถขับรถผ่านได้ เพราะฉะนั้นพวกเราต้องปรับทิศทางกันใหม่ โดยใช้เส้นทาง นูบร้าวัลเล่ย์ – เลห์ – ทะเลสาบปันกอง
เอาง่ายๆ คือ...เราต้องผ่านเส้นทางวิบาก ที่เราเผชิญมหกรรมความทรมานมาเมื่อวานนั่นล่ะ
นอกจากต้องเตรียมตั้งรับเส้นทางสุดโหดแล้ว...ยังต้องเตรียมใจใช้เวลาบนรถนานขึ้น รวมเวลาประมาณ 10 ชั่วโมง จากการเดินทางอ้อมเลห์ครั้งนี้
...ประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำ ประวัติศาสตร์จะต้องเปลี่ยน...
เราจะไม่พ่ายแพ้เช่นเมื่อวาน!!!
ไอเท็มพิเศษสำหรับผ่านด่านในวันนี้ คือ “ยาแก้เมารถ” .... ก็ได้แต่หวังว่ามันจะได้ผล
ในความหวั่นใจ...ยังมีสิ่งดีงามยามเช้า
...อาหารเช้า....อร่อยมากกก ที่จริงเป็นแค่ขนมปังปิ้งทาเนยกับแยม ไข่ต้ม และซีเรียลกับนม ธรรมด๊า ธรรมดา แต่นี่ล่ะอาหารที่เราเฝ้าใฝ่ฝันถึง หลังจากฝากท้องกับอาหารเลห์มาหลายมื้อ...เสียดายที่ไม่กล้ากินเยอะ เพราะไม่รู้จริงๆว่าสิ่งที่กินเข้าไป มันจะออกมาอีกหรือเปล่า
วันนี้เราได้ย้ายไปนั่งเบาะหน้าสุด คู่กับปุ๊ก(ที่เมื่อวานก็เผชิญวิบากกรรมไม่แพ้เรา เพียงแต่เรายับเยินกว่า) ทำให้ที่นั่งเบาะหน้าเปรียบเสมือนที่นั่งสำรองสำหรับผู้มีปัญหาสุขภาพไปโดยปริยาย
เพียงแค่เริ่มออกเดินทาง เราก็ค้นพบว่า...ระหว่างทางที่รถผ่าน มีความสวยงามทักทายสายตาเราตลอด...ธรรมชาติสด และ สวย...
วิวสวยจนต้องแวะถ่ายรูปทุกครั้งที่รถหยุด
...ถ้าเมื่อวาน นูบร้าวัลเล่ย์ คือ ที่ที่เราอยากไปมากที่สุด...
...วันนี้ ทะเลสาบปันกอง ก็คือจุดหมายในทริปสำหรับสิตูน...
และคงเหมือนที่สิตูนบอกไว้ “มิชชั่นใคร...คนนั้นโดนรับน้อง” ...เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นกับเรา วันนี้ก็เกิดขึ้นกับสิตูน เหมือนฉายหนังซ้ำ เพียงแต่เปลี่ยนคนแสดง
และเมื่อสิตูนพ่ายแพ้แก่หนทาง...สิตูนก็ได้ครอบครองที่นั่งเบาะหน้าแทนเรา...เกมนี้ผู้แพ้ได้ครองบัลลังก์
ปกติแล้วยาแก้เมารถ จะมีผลข้างเคียงทำให้ง่วงนอน...แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เรากลับไม่รู้สึกง่วงนอนเลย หรืออาจจะเป็นเพราะภาพความสวยงามของธรรมชาติตรงหน้า ผสมผสานอย่างลงตัวกับอากาศเย็นๆ
ถึงแม้จะเป็นเส้นทางเดิมกับเมื่อวาน แต่ความรู้สึกของเรา...ไม่เหมือนเดิมเลยซักนิด...
ช่วงเวลานี้กำลังไต่ชาร์ท ช่วงเวลาโปรดของเราที่เลห์ ลาดักห์...เป็นชั่วโมงต้องมนต์แบบวนลูป
“เรากำลังตกหลุมรัก”
...เรารักโมเมนท์นี้ เรารักความรู้สึกนี้...
วิวสวยจับใจ...อากาศเย็นสบาย...เพลย์ลิสต์เพลงชิล...เพียงเท่านี้ เราก็นั่งมองภาพตรงหน้า...ได้ทั้งวัน...
จากต่ำสุด เรากำลังขึ้นสูงสุดอีกครั้ง...ใช่แล้วเรากำลังจะผ่านถนนการ์ดุง ลา...จุดเริ่มต้นของหายนะเมื่อวาน
จากร้อน...มาเย็นสบาย...ตอนนี้มีทั้งฝนปรอย และหิมะร่วงหล่นเบาบาง...ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เราได้เจอ ในเวลาแค่ครึ่งวัน
...ในที่สุดเราก็มาถึงการ์ดุง ลา ในช่วงเวลาที่อากาศหนาวติดลบ...
วันนี้เราขอแวะที่การ์ดุง ลา กันอีกครั้ง เพื่อถ่ายรูปกับป้ายสัญลักษณ์ ว่าพวกเราได้มาถึงถนนที่สูงที่สุดแล้ว
แต่ก่อนจะไปถ่ายรูปกับป้าย มีอีกสิ่งหนึ่งที่พวกเราพลาดไม่ได้...คือการเข้าห้องน้ำ
หลังจากได้เห็นสภาพห้องน้ำที่นี่...พวกเราสมัครใจ เข้าห้องน้ำกลางแจ้ง...
ครั้งนี้เราปรับเปลี่ยนแผนจาก “ปฏิบัติการณ์กระโจม” เป็นเพียง “ปฏิบัติการณ์ผืนผ้า”... เราใช้ผ้าเพียงแค่ผืนเดียวเท่านั้น อีกฝั่งให้เป็นหน้าที่ของเนินหิมะกำบังสายตา
พวกเราได้เข้าห้องน้ำกลางแจ้ง...บนถนนที่สูงที่สุดในโลกแล้ว...เราคือผู้พิชิต!!!
แต่ระหว่างถึงคิวเราทำธุระ...มีผู้หญิงฝรั่งคนนึง เดินตรงรี่เข้ามาทางปฏิบัติการณ์ผืนผ้าของพวกเรา บอกให้ไปทางอื่นก็ไม่ฟัง สักพักถึงรู้ว่าเธอก็เล็งพื้นที่แถบนี้เป็นห้องน้ำกลางแจ้งเหมือนกัน แต่เธอเด็ดกว่าตรงที่...ไม่ต้องมีอะไรมาบังทั้งนั้น ถอดกางเกงแล้วทำธุระได้เลย มีเพียงวลีที่ว่า “I don’t care, how many boys?” ... เอาจ้ะ ถ้าพี่ฝรั่งไม่แคร์ มุกมาดาก็ไม่แคร์...
เราจึงได้เข้าห้องน้ำกลางหิมะ โดยมีพี่ฝรั่งอยู่เคียงข้าง พร้อมกับหลักฐานทุกข์หนักของใครก็ไม่รู้..สองกอง...เอ็กซ์คลูซีฟสุดๆ
หลังจากเข้าห้องน้ำเรียบร้อย...เป้าหมายต่อไปคือการถ่ายรูป...เพียงแต่ครั้งนี้พวกเราคุมเวลากันอย่างดี
เท่าที่เห็น ส่วนใหญ่เค้าก็ถ่ายกันที่ป้ายนี่ล่ะ ไม่ค่อยมีใครปีนขึ้นไปเหมือนกลุ่มเรา
ลงจากการ์ดุง ลา มาเรียบร้อย...พวกเรามุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองเลห์ จุดหมายคือตลาด เพื่อพักทานข้าวกลางวัน
เราดีใจเป็นพิเศษ...เพราะเมื่อวันก่อนเราพลาดการเดินเที่ยวตลาดไป ถึงแม้วันนี้จะมีเวลาแวะแป๊ปเดียวเพื่อทานข้าว แค่นี้ก็ดี๊ด๊ามากแล้ว...สุดท้ายเราก็ช้อปปิ้งมาได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว
เพิ่งออกจากร้าน Pashmina Cave...หน้าตาดีใจ ช้อปปิ้งได้สำเร็จ
ออกจากตลาดเมืองเลห์มาไม่นาน...เต้ก็กลับมามีไข้อีกครั้ง อาจเพราะลงไปเผชิญกับความหนาวที่การ์ดุง ลา...ครึ่งวันดี สี่วันไข้จริงๆ
ช่วงจากเลห์ไปทะเลสาบปันกอง พวกเราภาวนาให้ทางไม่โหดเท่าเส้นนูบร้าวัลเล่ย์...ในที่สุดพวกเราก็ค้นพบว่า แทบไม่ต่างกัน...
เส้นนูบร้าวัลเล่ย์ มีถนนที่สูงที่สุด....เส้นทะเลสาบปันกอง ก็มีถนนที่สูงเป็นอันดับสอง
ระหว่างทางอันยาวไกล...พวกเราค้นพบกิจกรรมสันทนาการ ที่ช่วยย่นเวลาในการเดินทางได้ดี นั่นก็คือ “คลับฟรายเดย์”
พวกเราเริ่มเปิดคลับจาก 1 ประโยคของ “แชมป์” ที่ว่า “ผู้หญิงอายุสามสิบกว่าที่ยังโสด ถือว่าผิดปกติ” .... ถึงเราจะไม่เข้าข่ายแล้ว แต่ก็รู้สึกยอมไม่ได้อย่างแรง ... สิตูนกับเรา เลยรับหน้าที่พี่อ้อยพี่ฉอด อธิบายสัจธรรมหญิงโสดให้แชมป์ได้เข้าใจ แล้วจากประเด็นนี้ก็เริ่มเข้าสู่ประเด็นชีวิตรักของแชมป์...ถึงแม้จะเหมือนโดนรุมอยู่บ้าง แต่พวกพี่ก็เอาใจช่วยกับความรักของน้องจริงๆจ้ะ...
หลังจากปิดคลับ...หลายคนก็เริ่มเข้าสู่ภวังค์ วาร์ปเส้นทางด้วยการหลับ...
ยิ่งใกล้ถึงทะเลสาบปันกอง...วิวระหว่างทางยิ่งสวย สวยชนิดที่รูปภาพไม่สามารถถ่ายทอดความสวยของจริงได้ และสวยถึงขนาดที่เราอยากจะปลุกคนอื่นๆที่หลับอยู่ ให้ตื่นมาเก็บเกี่ยวความสวยงามตรงหน้าไว้ด้วยกัน
ความสวยตรงหน้า ทำให้เราเผลออุทานออกมาบ่อยๆ ... และนั่นทำให้เรารู้ว่า เวลาเราเห็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจ ถ้าเราเห็นสิ่งนั้นคนเดียว มันสวยไม่เท่ากับการมีคนข้างๆ ให้หันไปแชร์ความสวยงามนั้น
...ขอบคุณที่ยังตื่นอยู่ด้วยกัน...
และแล้ว...ทะเลสาบปันกองก็ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเรา ในช่วงเวลาแสงสุดท้ายของวัน พร้อมกับอุณหภูมิเลขตัวเดียว
ที่พักของพวกเรามีชื่อว่า “Woodland Cottage” เป็นที่พักแบบง่ายๆ มีห้องน้ำในตัว...แต่ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น ซึ่งพวกเราก็ตั้งใจที่จะไม่อาบน้ำสระผมที่นี่กันอยู่แล้ว...มีเพียงบางคน ที่กล้าท้าทายความหนาว
หน้าตาที่พักที่ปันกอง
นอกจากนั้นที่นี่ยังมีไฟให้ใช้เป็นเวลา คือตั้งแต่ 1 ทุ่ม – 4 ทุ่ม... ส่วนไวไฟ ไม่ต้องพูดถึง เราเผลอถามคนดูแลที่พักไป เค้าถึงกับหัวเราะออกมา...ไฟยังมีจำกัด...น้ำอุ่นก็ไม่มี...ยังจะกล้าถามถึงไวไฟ
พวกเราแยกย้ายกันเก็บของในห้องพัก...เมื่ออากาศหนาวได้ใจขนาดนี้ เราเลยเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายด้วยเสื้อฮีทเทค 2 ชั้น เสื้อยืดอีก 1 ชั้น ก่อนทับด้วยเสื้อแจ็คเก็ต...4 ชั้นเน้นๆ เพื่อต่อสู้กับความหนาว
ส่วนเต้...ทันทีที่เข้าห้อง ก็ล้มตัวลงบนที่นอน ซุกอยู่ใต้ผ้าห่มสามชั้น กับเสื้อที่หนาไม่แพ้กัน แล้วก็นอนยาววววว ไม่ยอมลุกขึ้นมาอีกเลยจนเช้า ไม่ว่าจะขอให้ลุกมาชาร์ทแบตมือถือแบตกล้อง หรือจะเรียกมากินข้าว ยอมลุกขึ้นมากินยา Diamox แค่อย่างเดียว...เข้าโหมดตี๋จำศีล...
มีเวลาว่างนิดหน่อยก่อนทานข้าวเย็น พวกเราถือโอกาสไปเก็บภาพบรรยากาศริมทะเลสาบ ถึงแสงจะไม่มี ถึงจะหนาวขนาดไหน...แต่พวกเราก็สนุก
หนาวววว ต้องกระจุกตัวกอดกันไว้
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้