[CR] "Leh Ladakh" Diary - - Episode 6 : Somewhere only we know

13 กรกฎาคม 2560

...เรื่องราวระหว่าง “เรา” กับ “เลห์”...



เช้านี้เราตั้งใจจะตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นริมทะเลสาบ เลยตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตีห้าครึ่ง...แต่ด้วยความหนาว ทำให้เราหลับๆตื่นๆตลอดคืน ไม่ทันจะตีห้าเราก็ตาสว่าง พอเปิดม่านหน้าต่าง ก็เจอสายฝน...ตกมาทักทายแต่เช้า เป็นอันว่าแผนดูพระอาทิตย์ขึ้นเลยถูกพับไป ส่วนเราก็กลับไปซุกตัวใต้ผ้าห่มต่อ...กว่าจะได้ออกไปสัมผัสบรรยากาศทะเลสาบปันกองยามเช้าก็ประมาณหกโมงนิดๆ ฝนหยุดตก และ ฟ้าก็สว่างเต็มที่แล้ว

...ถึงไม่ได้ตื่นมาเจอกับภาพพระอาทิตย์กำลังขึ้น แต่ฉันตื่นมาพบกับความสุข...

แค่เปิดประตูออกมา เจอภาพของธรรมชาติตรงหน้า...ก็เหมือนเปิดประตูไปเจอความสุขกำลังส่งยิ้มให้


โชคดีอีกอย่างของเช้านี้คือ เต้หายป่วยแล้ว...หลังจากนอนยาวมากว่า 12 ชั่วโมง ในที่สุดก็ลุกขึ้นมาอย่างสดชื่น นอกจากจะได้พักเยอะ อาจเป็นเพราะค้นพบหนทางรอด คือการกินยา Diamox (ขนาด 250 mg) จากครั้งละครึ่งเม็ดเป็นเต็มเม็ด...วิธีนี้คุณหมอแนะนำมา ว่าสามารถเพิ่มขนาดได้ ถ้ากินไปครึ่งเม็ดแล้วยังรู้สึกไม่ค่อยดี

ตอนเช้าที่พักมีบริการต้มน้ำร้อนมาให้ห้องละถัง เผื่อใครอยากจะอาบน้ำสระผม...แต่เมื่อพวกเราตั้งใจกันแล้วว่าอยู่ที่ปันกองเราจะซักแห้ง ก็เลยไม่ค่อยมีใครได้ใช้ประโยชน์จากน้ำร้อน...ยกเว้นคนที่เพิ่งหายป่วยอย่างเต้ หายปุ๊ปก็อาบน้ำร้อนท่ามกลางความหนาวของอากาศปั๊บ แทบจะลึมภาพคนที่นอนซมเมื่อคืนไปเลย


สิตูน...นั่งทอดอารมณ์อยู่จุดที่เราล้อมวงก่อกองไฟเมื่อคืน (แถมทำเก้าอี้เค้าไหม้ไปตัวนึง)

บรรยากาศทะเลสาบปันกองตอนเช้าดีมากกก...ดีจนทำให้เรายิ้มได้ทุกครั้งที่คิดถึง
ความสวยของที่นี่ ถ้าไม่บอกว่าอยู่อินเดีย หลายคนคงนึกว่าอยู่ยุโรป


คล้ายๆ สแกนดิเนเวีย


น้องเอกำลังอยู่สวิสฯ


ความฟรุ้งฟริ้งของบรรยากาศพาไป ><

กิจกรรมยามเช้าของพวกเราเป็นการเดินเล่น ถ่ายรูปริมทะเลสาบ ถึงแม้พระอาทิตย์จะขึ้นแล้ว แต่อากาศยังคงหนาวอยู่


ทางไปริมทะเลสาบก็ปีนป่ายเล็กน้อย


เพื่อไปเก็บภาพแบบนี้ใกล้ๆ


สองคน สองคม...ปัด กับ อาร์ท roommate ประจำทริป พ่วงตำแหน่งสองผู้แข็งแกร่ง



<img class="img-in-post in-tiny-editor">
แชมป์...ผู้อยู่เบื้องหลังภาพวิวสวยๆในทริป

ดูนาฬิกาอีกทีได้เวลาที่พวกเราต้องไปทานข้าวเช้า ก่อนจะมีเวลาอีกนิดหน่อยเก็บของให้เรียบร้อย ตอนแรกเรากะจะชิลกันไปเรื่อยๆ แต่ที่พักให้พวกเราเช็คเอาท์ตอน 9 โมง...ซึ่งเราขอต่อรองได้เลทสุดที่ 09.30 น.

ถึงแม้เราจะเคลื่อนตัวออกจากที่พักกันเร็วกว่าที่คิด แต่เช้านั้นเราก็ยังแวะเวียนถ่ายรูปที่ทะเลสาบปันกองกันไปตลอดทาง
 
...ที่พีคมากคือ มีจุดหนึ่งที่พวกเราเห็นว่าวิวสวยมาก และเป็นมุมทะเลสาบที่แทบไม่มีนักท่องเที่ยวเลย ทั้งสวยและสงบ...เพียงแต่พวกเราขับผ่านเลยทางลงไปตรงนั้นแล้ว แต่เมื่อพวกเราอยากได้...โดลเชจัดให้!!!

โดลเชโชว์สกิลขับรถขั้นเทพของเทพ คือ ถอยหลังยาวในทางลูกรังที่แคบและคดเคี้ยว...ฝั่งซ้ายเป็นเขา ฝั่งขวาเป็นเหว...ถ้าพลาดไป ไม่อยากจะคิดภาพ...เราเลยแก้ปัญหาด้วยการไม่มองทางฝั่งเหว แค่นี้ก็กลัวน้อยลงแล้ว ><

...ในที่สุดโดลเชก็พาพวกเราลงไปในจุดที่หมายมั่นได้อย่างปลอดภัย...


ปุ๊กทำเนียนเป็นไบเกอร์สาว


มุมทะเลสาบที่มีแต่พวกเรา




เต็มอิ่มจากวิวที่ได้จากความสามารถของโดลเช พวกเราก็เปลี่ยนไปตรงจุดแลนด์มาร์คของปันกองที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว




พวกเราโบกมือ บ๊าย บาย ทะเลสาบปันกองกันจริงๆ ก็ประมาณเที่ยงพอดี...อยากจะโบกมือให้สุดแขน แล้วส่งยิ้มกว้างๆ เพื่อขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีมากมายที่ธรรมชาติที่นี่มอบให้กับพวกเรา

สวยจนใจสั่น...ไม่ใช่คำที่เป็นไปไม่ได้ 

เราใจเต้นตึกตักทุกครั้ง ที่เห็นความยิ่งใหญ่และสวยงามของธรรมชาติที่นี่

ไม่ใช่แค่ความสวยที่เราเห็นได้ด้วยตา...แต่มันมีบรรยากาศ มันคือช่วงเวลา...มันคือความรู้สึกที่เราสัมผัส...มันคือเรื่องราวระหว่างเรากับสถานที่นั้นๆ

นอกจากเราจะหยุดลงไปถ่ายรูปกับวิวสวยกันเรื่อยๆแล้ว เวลาเห็นม้าป่า ฝูงแกะ เราก็ยังพยายามจะลงไปถ่ายบรรยากาศความน่ารักเหล่านั้น ถึงแม้จะเข้าไปใกล้มากไม่ได้ก็ตาม


โดลเช กับ ม้าป่า (แบบไกลๆ)

ได้เวลากินข้าวกลางวัน...วันนี้เราจำหน้าตาและรสชาติอาหารไม่ได้ (มันคงไม่อร่อยนั่นแหละ) จำได้แต่ที่นี่มีขนมให้ซื้อ เมื่อมีขนม มุกมาดาก็แฮปปี้...


แวะกินข้าวกลางวันกันที่นี่

พอกินข้าวกลางวันกันเสร็จแล้ว พวกเราก็ยิงยาวกลับเข้าเมืองเลห์...ระหว่างทางช่วงนี้ ไม่ค่อยได้หยุดรถแวะลงไปถ่ายรูปกันเท่าไหร่ เพราะสมาชิกหลับกันเกือบหมด

แต่แล้วก็มีไฮไลท์สำหรับเรา นั่นคือ “มาร์มอต” (Marmot)

มาร์มอต คือ สัตว์ในสายพันธุ์เดียวกับกระรอก แต่ตัวใหญ่กว่ากระรอกทั่วไป เราเห็นภาพมาร์มอตจากรีวิวที่อ่านมา เลยทำให้อยากเห็นตัวจริงมาก พยายามมองหาระหว่างทางตลอด แต่ไม่เจอ ... ในที่สุดวันนี้มาร์มอตก็โผล่มาทักทาย ^^




กลับมาถึงที่พักในเลห์ตอนเย็นๆ...เราก็ได้เลื่อนขั้น...

คือเราได้อัพเกรดห้องพักเป็นชั้นสาม หลังจากที่สองวันแรก เราได้อยู่ชั้นสองห้องเดียว ในขณะที่เพื่อนๆอยู่ชั้นสามกันหมด นอกจากชั้นจะสูงขึ้น ห้องยังกว้างขึ้น ใหม่ขึ้น สวยขึ้นด้วย...แต่พอเราเดินขึ้นบันไดถึงห้องพักแล้ว เราอยากจะบอกเจ้าของที่พักว่า...ขอห้องพักชั้นสองเหมือนเดิมเถอะ หนูเหนื่อยยย...เดินขึ้นบันไดสามชั้นในที่ออกซิเจนน้อยคือหอบตัวโยน

การผ่านคืนวันแห่งการผจญภัยมาจนเกือบจบทริป ไม่ได้อัพเลเวลความแข็งแกร่งให้เราเลย

คืนนั้นหลังจากกินข้าวเย็นที่ห้องอาหารเสร็จ ในขณะที่เต้สบายดี เรากลับเริ่มตัวร้อนรุมๆ อาจจะเพราะเจอทั้ง ร้อน หนาว ลม ฝน มาหลายวัน...เราเลยกินยาแก้ไข้แล้วเข้านอนอย่างรวดเร็ว

ก่อนจะหลับเพลงนึงก้องในความรู้สึก อาจจะเพราะเราฟังเพลงนี้ระหว่างทางในรถ

ตอนฟังอยู่เพลินๆ สิตูนก็บอกว่า... “เพลงนี้เหมาะกับพวกเราเนอะ” สิตูนคงไม่รู้หรอกว่า คำพูดนั้นจุดประกายเราขนาดไหน...ใช่เพลงนี้เหมาะกับพวกเราที่สุด

 “Somewhere Only We Know”

พวกเราไม่ได้ “ค้นพบ” สถานที่แห่งใหม่...แต่พวกเรา “สร้าง” เรื่องราวและความทรงจำในเลห์ขึ้นมาด้วยกัน และนี่คือสิ่งที่ทำให้ “เลห์ของพวกเรา” ไม่เหมือนของใคร

ถึงเราจะเดินซ้ำรอยทางของนักท่องเที่ยวคนก่อนหน้า...ถ่ายรูปมุมเดียวกัน...ไปเที่ยวที่เดียวกัน...แต่สิ่งที่ทำให้ “เลห์” ของแต่ละคนแตกต่าง คือ เรื่องราวระหว่างทาง...มุกตลกในทริป เรื่องเล่าที่แบ่งปัน น้ำใจที่หยิบยื่น ประสบการณ์ทั้งดีและร้ายที่พวกเราได้เจอ

...พวกเราสร้างความทรงจำที่มีแต่เฉพาะพวกเราเท่านั้นที่เข้าไปได้...
ชื่อสินค้า:   เลห์ ดาลักห์ อินเดีย
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่