GULF เตรียมเทรดพาร์ใหม่ น่าสนใจหรือเปล่า?


GULF อีกหนึ่งหุ้นขนาดใหญ่ที่กำลังจะแตกพาร์มาให้นักลงทุนรายย่อยได้สัมผัส แต่หลังจากนี้ยังน่าสนใจหรือเปล่า? เพราะแน่นอนว่าพื้นฐานของหุ้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปอยู่แล้ว แต่ต้องลุ้นว่าราคาหุ้นจะตอบรับอย่างไรหลังแตกพาร์แล้ว? 
*** อนุมัติแตกพาร์ เตรียมเทรดราคาใหม่สัปดาห์หน้า!
เมื่อวันที่ 8 เม.ย.63 เรียกว่าหุ้น บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF กลับมาได้รับความนิยมจากนักลงทุนอีกครั้ง โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาสวนตลาดโดยปิดตลาดไปที่ 168 บาท เพิ่มขึ้น 6 บาท หรือ +3.70% โดยระหว่างวันขึ้นไปทำจุดสูงสุดถึง 178.50 บาท โดยมีปริมาณหุ้นที่ซื้อขายเพิ่มขึ้นถึง 344.71% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 5 วันทำการก่อนหน้า

สาเหตุหลักๆ ก็คือ ในวันเดียวกันที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นได้มีมติอนุมัติให้ปรับลดมูลค่าที่ตราไว้(พาร์) จากเดิมที่หุ้นละ 5 บาท เหลือ 1 บาท ส่งผลให้จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นจากเดิม 2,133 ล้านหุ้น เป็น 10,666 ล้านหุ้น เพิ่มสภาพคล่องให้หุ้น ขณะที่พื้นฐานไม่ได้เปลี่ยนแปลง โดยผู้บริหารคาดว่าจะเริ่มซื้อขายด้วยราคาพาร์ใหม่ ภายในสัปดาห์หน้า

*** ระวังหลังแตกพาร์ราคามักปรับลง! แถมเกินราคาเหมาะสมแล้วด้วย
บล.เอเซียพลัส ชี้ว่าโดยสถิติในอดีตย้อนหลัง 10 ปี ยังชี้ให้เห็นว่า ราคาหุ้นใหญ่หลังแตกพาร์ มักปรับลงช่วงสัปดาห์แรกเฉลี่ย 1% และแม้ราคาหุ้นจะฟื้นตัวใน 2 สัปดาห์จากวันแตกพาร์ แต่โอกาสให้ผลตอบแทนเป็นบวกไม่ถึง 40% โดยมีสถิติดังนี้ 

สถิติราคาหุ้นขนาดใหญ่หลังแตกพาร์ ย้อนหลัง 10 ปี 


นอกจากนี้สำหรับ GULF ราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องกว่า 18% ในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ ขึ้นมาที่ราคาเหมาะสม(Fair Value)ที่ให้ไว้ 162 บาทแล้ว ดังนั้นจึงเชื่อว่าหลังจากนี้ราคาหุ้นมีโอกาสที่จะปรับฐาน

แนะนำ ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว จะปลอดภัยกว่า

*** พื้นฐานไม่เปลี่ยน...แต่ยังน่าสนใจหรือไม่? 
แน่นอนว่าด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่รุนแรง แม้จะเป็นหุ้นโรงไฟฟ้าที่ธุรกิจมีความผันผวนน้อยที่สุดก็ยังได้รับผลกระทบอยู่ดี

โดยบล.บัวหลวง คาดว่ากำไรโรงไฟฟ้า SPP ของ GULF จะปรับตัวลดลง YoY ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 เนื่องจากราคาขายไฟฟ้าเฉลี่ยที่ลดลง (จากการที่รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือโดยการปรับลดราคาค่าไฟฟ้า) และปริมาณขายไฟฟ้าที่น้อยลง (จากการที่ โควิด-19 สร้างความเสียหายต่อห่วงโซ่อุปทานและการส่งออก) ทั้งนี้ ราคาก๊าซที่ลดลงและสัญญาซื้อขายไฟฟ้าขั้นต่ำระหว่างลูกค้าอุตสาหกรรมจะช่วยบรรเทาผลกระทบดังกล่าว

โดยจากการวิเคราะห์ความอ่อนไหวสำหรับคาดการณ์กำไรหลักปี 63 ของเราในกรณีที่แย่ที่สุดความเสี่ยงขาลงต่อคาดการณ์กำไรของ GULF อยู่ที่ประมาณ 2% ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงน้อยที่สุดในกลุ่มโรงไฟฟ้าซึ่งอยู่ภายใต้การวิเคราะห์ของเรา  ขณะที่กำไรสุทธิปี 63 คาดจะอ่อนตัวลงมาอยู่ที่ 4,549 ล้านบาท จากปีก่อน 4,887 ล้านบาท

*** ต้องยอมรับว่ามีอนาคตรออยู่ แต่ก็ต้องใช้เวลากว่าจะไปถึง
แม้ GULF จะมีกำลังการผลิตในมืออยู่ค่อนข้างสูงราว 7,900 MW แต่กว่าการเติบโตจะพัฒนาไปถึงขั้นนั้นต้องใช้เวลาอีกราวๆ 8 ปี(63 - 70) ด้วยกัน โดยปัจจุบันกำลังผลิตที่จ่ายไฟแล้วราว 2,700 MW

บล.บัวหลวง ระบุว่า GULF หากรัฐบาลประกาศให้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังน้ำแห่งใหม่ในสปป.ลาว โรงไฟฟ้าที่ GULF เสนอ 3 โครงการ ได้แก่ ปากแบง, ซะนะคาม และปากลาย มีโอกาสสูงที่จะได้ PPA ก่อนโครงการอื่นๆ เพราะอยู่ใกล้กับระบบสายส่งกำลังไฟฟ้าในปัจจุบันของกฟผ. และปากแบงอยู่ใกล้กับโรงไฟฟ้า IPP หงสา จึงอาจใช้ระบบสายส่งเดียวกันได้ ในขณะเดียวกัน ซะนะคาม และปากลาย ตั้งอยู่ใกล้โรงไฟฟ้า HPP ไซยะบุรี ซึ่งมีสายส่งขนาด 500kV สองสายเชื่อมเข้าสู่ สถานีไฟฟ้าในจังหวัดเลย

การแตกพาร์ของหุ้นขนาดใหญ่ย่อมน่าสนใจ เพราะมีรายย่อยอีกมากที่รอเข้าซื้ออยู่ตั้งแต่ประกาศแรกๆแล้ว แต่หากดูจากสถิติก็ต้องระวังไว้ด้วย เพราะราคาหุ้นหลังแตกพาร์ส่วนใหญ่มักจะปรับลดลง และในกรณี GULF ราคาหุ้นก็แพงอยู่แล้วด้วย จึงมีโอกาสที่ราคาหุ้นจะปรับลงได้มากกว่าหุ้นตัวอื่นๆในอดีต
**อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่==>> http://www.efinancethai.com/HotStocks/HotStockMain.aspx?release=y&id=VFJQTlVjbTF2cUE9
--------------------------
สำนักข่าว efinanceThai ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการลงทุนหุ้นได้ที่นี่ 
Website : https://www.efinancethai.com 
Facebook : https://www.facebook.com/efinanceThaiTV/ 
Facebook : https://www.facebook.com/efinanceThai/ 
lTwitter : @eFinanceThai 
IG : @efinancethai_official 
line : @efin

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่