สวัสดีครับ ปกติไม่ได้ค่อยได้เขียนในสินธรนานหลายปี เนื่องด้วยสถานการณ์อยู่บ้าน มีเวลาอยู่กับตัวเอง วันนี้ผมขอเป็นนักลงทุนตัวเล็กๆ ขอเขียนบทความให้กำลังใจนักลงทุนทุกท่าน และแชร์ไอเดียแนวทางในการเทรดหุ้นในสถานการณ์แบบนี้
ขอออกตัวก่อนว่า ทั้งหมดเป็นมุมมองส่วนตัว ถ้าไอเดียหรือแนวทางไม่ถูกต้อง ไม่โดนใจ ผมต้องขออภัยล่วงหน้า สามารถอ่านผ่านๆได้ครับ แต่อาจเกิดประโยชน์กับบางท่านไม่มากก็น้อย ยังไงก็ลองอ่าน กลั่นกรองเนื้อหาดูครับ เผื่ออาจทำให้นักลงทุนบางท่านเกิดไอเดียต่อยอดได้ดีกว่าผม
A. มุมมองต่อ Set Index
1. สถานการณ์ในอดีต
> ส่วนตัว ผมมองว่า ในปี 2019 แนวโน้ม Set Index ภาพรวมอยู่ใน Sideway-Down อยู่แล้ว หรือสถานการณ์ไม่ได้ดีมาก ดังนั้นถ้าในปี 2019 ใครที่มี Portfolio มีอัตราผลตอบแทน มากกว่า ผลตอบแทนตลาด (ท่านสามารถศึกษาวิธีการเทียบผลตอบแทนกับ Set Tri ได้) ถือว่าเก่งมากๆ
2. สถานการณในอดีต ต่อเนื่องมาในปัจจุบัน
> ตามที่เกริ่นข้างต้นในปีที่ผ่านมา Economic Cycle ไม่สู้ดีนัก จาก Risk ที่เรีกยว่า Systematics Risk (ความเสี่ยงที่เราควบคุมได้ยาก) โดนกับหุ้นทุกตัวมากน้อยต่างกัน ปีที่แล้วเจอ สงครามการค้า ปีนี้เจอ ข้อพิพาทน้ำมัน หนักสุดคงเป็นไวรัสระบาด ต่อให้หุ้นท่านมีพื้นฐานที่ดีมากแค่ไหน ราคาหุ้นก็ต้องแบกรับความเสี่ยงนี้เข้าไปด้วย (เรื่อง Economic , Risk ผู้ที่เรียนการเงิน การธนาคาร หรือ นักเศรษฐศาสตร์จะมีความรู้จะอธิบายได้ดีกว่าผมเยอะมากครับ) ดังนั้น Set Index ก็ลดลงดังที่เห็นอยู๋ทุกวันนี้
3. สถานการณ์ในปัจจุบัน-อนาคต
> โดยส่วนตัว ผมไม่สามารถ Expect ได้ชัดเจนว่า Set จะมายืนอยู่ที่เท่าไหร่ บอกได้แค่กรอบกว้างๆ และยิ่งถ้า “ปัจจัย” เป็น Systematics Risk การที่จะกลับมายืนได้ เงื่อนไขคือ ปัจจัยที่มากระทบต้องดีขึ้น
- สงครามการค้าต้องดีขึ้น ไทยได้ผลกระทบน้อยลง
- ฃสงครามน้ำมันต้องดีขึ้น มีรูปธรรม มีแหล่งข้อมูลที่เป็นตัวเลขชัดเจน
- ที่สำัคญ ภาวะไวรัสระบาดต้องดีขึ้น มีรูปธรรมมากขึ้น เช่นตัวเลขลดลง มีการเปิดพื้นที่ ให้ภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการกลับมา เคลื่อนที่อีกครั้ง
- สภาวะอื่นๆ
> เนื่องจาก ราคาตลาดตอนนี้ ลดลงสะท้อน Expectation, Estimation, Fear แล้ว สิ่งที่ตามมาคือ บริษัททุกบริษัทต้องปรับตัวโดยการคาดการณ์ผลประกอบการ relate กับ Covid19 Situation Period ซึ่งหาก ระยะเวลา Covid 19 นานขึ้น ราคาตลาดก็อาจขยับลดลงเพิ่มไปอีก ดังนั้น Set Index จะกลับมาบวกได้มากขึ้นไหม อาจจะขึ้นอยู่กับปัจจัยเหล่านี้
> ส่วนตัว มอง Set Index ยังไม่ออก ดูเบื้องต้น ใช่ครับ ราคากำลังสร้างฐาน แต่ผมเองยังไม่มั่นใจว่า ถึงจุดล่างสุดของสถานการณ์นี้หรือยัง แต่เชื่อว่ายิ่งระยะเวลา Covid19 ทรงตัวนานมากขึ้นเท่าไหร่ อาจเป็นลักษณะ Side way นานขึ้นเท่านั้น หรือหากแนวโน้มการเจ็บป่วยลดลง เริ่มควบคุมสถานการณ์ได้มากขึ้น แนวโน้มคงเป็น Sideway up บ้าง แต่ผมมีความเชื่อลึกๆว่า โอกาส Uptrend สูงๆ ในปีนี้อาจจะมีโอกาสไม่เยอะ
B. สาย Technical
(สำหรับท่านที่มีระบบชัดเจน เชี่ยวชาญใน Program ต่างๆ เช่น Amibroker มีความรู้ Trading System อย่างดี ผ่านได้เลยครับ)
1. สาย Technical = ตัวที่กำไร ถ้าเป็นมือใหม่ ขอให้รีบศึกษาวิชาที่เรียกว่า Trailing Stop
2. สาย Technical = ตัวที่ขาดทุน ถ้าเกิน %Cut Loss ที่ท่านกำหนดไว้มาก หรือยังเป็นมือใหม่ ไม่มีระบบรองรับชัดเจน ต้องยอมรับว่าท่านต้องทำใจหน่อยๆยิ่งปล่อยไว้นาน การบริหารจัดการจะยากและลำบากขึ้น ซึ่งแนวทางเบื้องต้น หลังจากนี้คือ
2.1 Set ขยับ “ขึ้น.” ตามแนวต้าน แต่หุ้นขยับ “ลง” สวนทางตามแนวต้าน หาทางทยอยปล่อยขาย
2.2 Set ขยับ “ลง” ตามแนวต้าน หุ้นขยับ “ลง” ตามแนวต้านด้วย หาทางทยอยปล่อยขาย
2.3 Set ขยับ “ขึ้น” ตามแนวต้าน หุ้นขยับ “ขึ้น” ตามแนวต้านด้วย สามารถดูเรื่อยๆหรือทยอยขาย
2.4 Set ขยับ “ลง” ตามแนวต้าน หุ้นขยับ “ขึ้น” ตามแนวต้าน สามารถดูเรื่อยๆหรือทยอยขาย
3 สำหรับการเลือกหุ้นตัวใหม่เข้าพอร์ท จริงๆช่วงนี้อยากให้ชะลอไว้ก่อน แต่นักลงทุนสามารถคัดกรอง โดยใช้แนวทางประมาณนี้ได้ครับ
3.1 ใช้กราฟ Set Index และอุตสาหกรรมประกอบในช่วงนี้เยอะหน่อย อุตสาหกรรมไหน มีแนวโน้มที่ปรับฐานหรือสร้างฐานได้ดีที่สุด และเริ่มขยับขึ้น และค่อยเจาะลึกว่า หุ้นตัวไหนขยับขึ้น
3.2 หลีกเลี่ยงหุ้นที่มีพฤติกรรมบวกลบระหว่างวันมาก แกว่งตัว เคลื่อนที่ไม่เป็นธรรมชาติ ขึ้นลงแบบอารมณ์โกรธเกรี้ยว เปลี่ยนแปลงฉับพลัน
3.3 หลีกเลี่ยงหุ้นที่เป็นขาลงยาวนานหลายปี หลายเดือน ซึ่งยิ่งมีขาลงนานมากเท่าไหร่ แนวต้านในอดีตก็เยอะมากขึ้นเท่านั้น
3.4 หุ้นที่จะเลือกซื้ออาจใช้ Target Price ของวิชาพื้นฐานมาช่วยด้วย
3.5 หลีกเลี่ยงการคัดกรองหุ้นโดยใช้ Indicator ตัวเดียว หรือมากจนเกินไป หรือซับซ้อน เช่น ใส่ Band ต่างๆ หรือ เส้น มาอยู่ในกราฟเดียวกัน MA สั้น + ยาว , Envelop, Bollinger
C. สายพื้นฐาน และ VI
ผมคงให้แนวทางได้ไม่เยอะ และอาจไม่ถูกต้อง ขอให้ศึกษาจากเว็บไซต์ชื่อดังต่างๆที่มีอยู่มากมาย แต่พอมีแนวทางเบื้องต้นมาแนะนำครับ
1. สำหรับท่านที่ติดหุ้นอยู่มาก ลองประเมิน Target Price ใหม่ จากแหล่งข้อมูลต่างๆ เผื่อพิจารณาได้ว่าจะทำอย่างไร จะศึกษาอะไรต่อ
2. ในช่วงนี้หากจะเข้าซื้อ มูลค่าของบริษัท หรือ Target Price ขอให้ลองอัพเดท ในสถานการณ์นี้ดู ลองพิจารณาจากหลายๆแหล่ง เพื่อเสริมความมั่นใจว่า มูลค่าบริษัทสูงกว่าราคาตลาดตอนนี้อย่างชัดเจน
ผิดถูกขออภัยมาด้วยครับ
หรือท่านไหนมีเรื่องราวดีๆการเอาตัวรอดจากการติดหุ้นหนักๆ ก็แบ่งปันได้ครับ
ขอให้ทุกท่านโชคดีในการลงทุนและปลอดภัยจากโรคภัยด้วยครับ
ให้กำลังใจและแชร์ไอเดียแนวทางการลงทุนตลาดหุ้นในสภาวะการณ์นี้
ขอออกตัวก่อนว่า ทั้งหมดเป็นมุมมองส่วนตัว ถ้าไอเดียหรือแนวทางไม่ถูกต้อง ไม่โดนใจ ผมต้องขออภัยล่วงหน้า สามารถอ่านผ่านๆได้ครับ แต่อาจเกิดประโยชน์กับบางท่านไม่มากก็น้อย ยังไงก็ลองอ่าน กลั่นกรองเนื้อหาดูครับ เผื่ออาจทำให้นักลงทุนบางท่านเกิดไอเดียต่อยอดได้ดีกว่าผม
A. มุมมองต่อ Set Index
1. สถานการณ์ในอดีต
> ส่วนตัว ผมมองว่า ในปี 2019 แนวโน้ม Set Index ภาพรวมอยู่ใน Sideway-Down อยู่แล้ว หรือสถานการณ์ไม่ได้ดีมาก ดังนั้นถ้าในปี 2019 ใครที่มี Portfolio มีอัตราผลตอบแทน มากกว่า ผลตอบแทนตลาด (ท่านสามารถศึกษาวิธีการเทียบผลตอบแทนกับ Set Tri ได้) ถือว่าเก่งมากๆ
2. สถานการณในอดีต ต่อเนื่องมาในปัจจุบัน
> ตามที่เกริ่นข้างต้นในปีที่ผ่านมา Economic Cycle ไม่สู้ดีนัก จาก Risk ที่เรีกยว่า Systematics Risk (ความเสี่ยงที่เราควบคุมได้ยาก) โดนกับหุ้นทุกตัวมากน้อยต่างกัน ปีที่แล้วเจอ สงครามการค้า ปีนี้เจอ ข้อพิพาทน้ำมัน หนักสุดคงเป็นไวรัสระบาด ต่อให้หุ้นท่านมีพื้นฐานที่ดีมากแค่ไหน ราคาหุ้นก็ต้องแบกรับความเสี่ยงนี้เข้าไปด้วย (เรื่อง Economic , Risk ผู้ที่เรียนการเงิน การธนาคาร หรือ นักเศรษฐศาสตร์จะมีความรู้จะอธิบายได้ดีกว่าผมเยอะมากครับ) ดังนั้น Set Index ก็ลดลงดังที่เห็นอยู๋ทุกวันนี้
3. สถานการณ์ในปัจจุบัน-อนาคต
> โดยส่วนตัว ผมไม่สามารถ Expect ได้ชัดเจนว่า Set จะมายืนอยู่ที่เท่าไหร่ บอกได้แค่กรอบกว้างๆ และยิ่งถ้า “ปัจจัย” เป็น Systematics Risk การที่จะกลับมายืนได้ เงื่อนไขคือ ปัจจัยที่มากระทบต้องดีขึ้น
- สงครามการค้าต้องดีขึ้น ไทยได้ผลกระทบน้อยลง
- ฃสงครามน้ำมันต้องดีขึ้น มีรูปธรรม มีแหล่งข้อมูลที่เป็นตัวเลขชัดเจน
- ที่สำัคญ ภาวะไวรัสระบาดต้องดีขึ้น มีรูปธรรมมากขึ้น เช่นตัวเลขลดลง มีการเปิดพื้นที่ ให้ภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการกลับมา เคลื่อนที่อีกครั้ง
- สภาวะอื่นๆ
> เนื่องจาก ราคาตลาดตอนนี้ ลดลงสะท้อน Expectation, Estimation, Fear แล้ว สิ่งที่ตามมาคือ บริษัททุกบริษัทต้องปรับตัวโดยการคาดการณ์ผลประกอบการ relate กับ Covid19 Situation Period ซึ่งหาก ระยะเวลา Covid 19 นานขึ้น ราคาตลาดก็อาจขยับลดลงเพิ่มไปอีก ดังนั้น Set Index จะกลับมาบวกได้มากขึ้นไหม อาจจะขึ้นอยู่กับปัจจัยเหล่านี้
> ส่วนตัว มอง Set Index ยังไม่ออก ดูเบื้องต้น ใช่ครับ ราคากำลังสร้างฐาน แต่ผมเองยังไม่มั่นใจว่า ถึงจุดล่างสุดของสถานการณ์นี้หรือยัง แต่เชื่อว่ายิ่งระยะเวลา Covid19 ทรงตัวนานมากขึ้นเท่าไหร่ อาจเป็นลักษณะ Side way นานขึ้นเท่านั้น หรือหากแนวโน้มการเจ็บป่วยลดลง เริ่มควบคุมสถานการณ์ได้มากขึ้น แนวโน้มคงเป็น Sideway up บ้าง แต่ผมมีความเชื่อลึกๆว่า โอกาส Uptrend สูงๆ ในปีนี้อาจจะมีโอกาสไม่เยอะ
B. สาย Technical
(สำหรับท่านที่มีระบบชัดเจน เชี่ยวชาญใน Program ต่างๆ เช่น Amibroker มีความรู้ Trading System อย่างดี ผ่านได้เลยครับ)
1. สาย Technical = ตัวที่กำไร ถ้าเป็นมือใหม่ ขอให้รีบศึกษาวิชาที่เรียกว่า Trailing Stop
2. สาย Technical = ตัวที่ขาดทุน ถ้าเกิน %Cut Loss ที่ท่านกำหนดไว้มาก หรือยังเป็นมือใหม่ ไม่มีระบบรองรับชัดเจน ต้องยอมรับว่าท่านต้องทำใจหน่อยๆยิ่งปล่อยไว้นาน การบริหารจัดการจะยากและลำบากขึ้น ซึ่งแนวทางเบื้องต้น หลังจากนี้คือ
2.1 Set ขยับ “ขึ้น.” ตามแนวต้าน แต่หุ้นขยับ “ลง” สวนทางตามแนวต้าน หาทางทยอยปล่อยขาย
2.2 Set ขยับ “ลง” ตามแนวต้าน หุ้นขยับ “ลง” ตามแนวต้านด้วย หาทางทยอยปล่อยขาย
2.3 Set ขยับ “ขึ้น” ตามแนวต้าน หุ้นขยับ “ขึ้น” ตามแนวต้านด้วย สามารถดูเรื่อยๆหรือทยอยขาย
2.4 Set ขยับ “ลง” ตามแนวต้าน หุ้นขยับ “ขึ้น” ตามแนวต้าน สามารถดูเรื่อยๆหรือทยอยขาย
3 สำหรับการเลือกหุ้นตัวใหม่เข้าพอร์ท จริงๆช่วงนี้อยากให้ชะลอไว้ก่อน แต่นักลงทุนสามารถคัดกรอง โดยใช้แนวทางประมาณนี้ได้ครับ
3.1 ใช้กราฟ Set Index และอุตสาหกรรมประกอบในช่วงนี้เยอะหน่อย อุตสาหกรรมไหน มีแนวโน้มที่ปรับฐานหรือสร้างฐานได้ดีที่สุด และเริ่มขยับขึ้น และค่อยเจาะลึกว่า หุ้นตัวไหนขยับขึ้น
3.2 หลีกเลี่ยงหุ้นที่มีพฤติกรรมบวกลบระหว่างวันมาก แกว่งตัว เคลื่อนที่ไม่เป็นธรรมชาติ ขึ้นลงแบบอารมณ์โกรธเกรี้ยว เปลี่ยนแปลงฉับพลัน
3.3 หลีกเลี่ยงหุ้นที่เป็นขาลงยาวนานหลายปี หลายเดือน ซึ่งยิ่งมีขาลงนานมากเท่าไหร่ แนวต้านในอดีตก็เยอะมากขึ้นเท่านั้น
3.4 หุ้นที่จะเลือกซื้ออาจใช้ Target Price ของวิชาพื้นฐานมาช่วยด้วย
3.5 หลีกเลี่ยงการคัดกรองหุ้นโดยใช้ Indicator ตัวเดียว หรือมากจนเกินไป หรือซับซ้อน เช่น ใส่ Band ต่างๆ หรือ เส้น มาอยู่ในกราฟเดียวกัน MA สั้น + ยาว , Envelop, Bollinger
C. สายพื้นฐาน และ VI
ผมคงให้แนวทางได้ไม่เยอะ และอาจไม่ถูกต้อง ขอให้ศึกษาจากเว็บไซต์ชื่อดังต่างๆที่มีอยู่มากมาย แต่พอมีแนวทางเบื้องต้นมาแนะนำครับ
1. สำหรับท่านที่ติดหุ้นอยู่มาก ลองประเมิน Target Price ใหม่ จากแหล่งข้อมูลต่างๆ เผื่อพิจารณาได้ว่าจะทำอย่างไร จะศึกษาอะไรต่อ
2. ในช่วงนี้หากจะเข้าซื้อ มูลค่าของบริษัท หรือ Target Price ขอให้ลองอัพเดท ในสถานการณ์นี้ดู ลองพิจารณาจากหลายๆแหล่ง เพื่อเสริมความมั่นใจว่า มูลค่าบริษัทสูงกว่าราคาตลาดตอนนี้อย่างชัดเจน
ผิดถูกขออภัยมาด้วยครับ
หรือท่านไหนมีเรื่องราวดีๆการเอาตัวรอดจากการติดหุ้นหนักๆ ก็แบ่งปันได้ครับ
ขอให้ทุกท่านโชคดีในการลงทุนและปลอดภัยจากโรคภัยด้วยครับ