ช่วงที่ทุกคน"ติดแหง็ก"อยู่กับบ้าน ขอมาแนะนำหนังที่ชะตาตัวเอกต้อง"ติด"อยู่ในสถานที่ต่างๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

สวัสดีค่าาาา กลับมาอีกครั้งกับกระทู้ที่ 2 เนื่องจากช่วงนี้ โควิดยังไม่จากเราไปไหน และคงจะอยู่กับเราอีกนาน เรียกได้ว่าเราคงจะเป็นคู่หูปาท่องโก๋กันไปสักพัก ทำให้ตัวเราเนี่ยคิดได้ว่า เห้ยยยย มันจะอีกนานมั้ยยย ทำให้ช่วงนี้มีเวลาว่างงาน(มาก) กับการที่ต้องอยู่บ้าน เลยอยากจะมาแนะนำ ชวนคุย (เหงาไปอีก) กับหนังที่ตัวเอก "ติดแหง็ก"  

ขอเริ่มจาก....

1). "ติดเกาะ" จากเรื่อง Cast away

                                                               
     เชื่อว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นหนังในดวงใจของใครหลายๆคน เพราะมันดีมากกกกกกกกกก พี่ Tom hank ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ ด้วยความที่ช่วงนี้  Netflix เอาหนังเรื่องนี้มาลง ทำให้เราได้มีโอกาสย้อนกลับมาดูอีกครั้งในวัยที่โตขึ้นจากแต่ก่อน เพราะตอนเด็กดูแล้วความทรงจำปลิวหาย ระเหยไปกับสายลมและแสงแดดซะแล้ว555555 หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่พี่ทอมเองเนี่ยแสดงคนเดียวเกือบทั้งเรื่อง ถ้าไม่นับตอนต้นกับตอนปลาย

     เรื่องนี้ว่าด้วยตัวเอกที่พี่แกเป็นพนักงานของ Fedex แต่นางน่าจะเป็นอารมณ์ผู้จัดการมากกว่า เพราะนางคอยสั่งการพนักงานอีกทีนึง ซึ่งบริษัท Fedex เนี่ยเป็นบริษัทขนส่งที่ใหญ่บิ๊กบึ้มมาก มีสาขาอยู่ทั่วโลก ตัวเอกในเรื่องของเราเนี่ยก็มาตรฐานสูงมากกกกก นางมักพูดติดปากเสมอเกี่ยวกับเรื่องของเวลา เพราะฉะนั้นทุกอย่างต้องแข่งกับเวลา วันนึงนางต้องขึ้นเครื่องบินที่บรรทุกสินค้าของ Fedex เนี่ยไปส่งอีกซีกโลกนึง เครื่องบินเจ้ากรรมก็ดันมาเจอพายุ ทำให้เครื่องบินพี่แกเนี่ย เป๋ออกนอกทิศทางแล้วก็ไปตก ตรงไหนสักแห่งนึงกลาง มหาสมุทรแปซิฟิก เคราะห์ะพี่แกยังดีหน่อย(รึเปล่าหว่า?)ที่รอดและไปติดเกาะเล็กๆแห่งหนึ่ง ที่นั่นสวยมากกกกกกกกกกกกกกกกกอุดมสมบูรณ์ แต่ต้นไม้ที่ขึ้นส่วนใหญ่ก็เป็นต้นมะพร้าว นางก็เลยต้องกินแต่มะพร้าวในช่วงแรกเพื่อเอาชีวิตรอดไปก่อน เพราะนางยังจับปลาไม่เป็น 
       
       เมื่อๆอยู่ๆไป ไม่มีคน ไม่มีสัตว์(เรื่องจริงตรูว่ามี) ความเหงาก็มาละจ้าทีนี้ นางก็เลยเอาเจ้าลูกวอลเลย์บอลที่เป็นพัสดุ Fedex ที่ลอยมาติดที่เกาะจากเครื่องบินที่ตกของนาง มาวาดหน้าวาดตา จมูก ปาก ให้ดูราวกับเป็นคนอีกคนหนึ่ง ซึ่งเจ้าลูกบอลเนี้ยบทไม่มีอะไรเลยจ้าาาาาาา อยู่นิ่งๆของนางไปวันๆ แต่พี่ทอมในเรื่องของเนี่ยแสดงแบบซุปเปอร์ๆเก่ง ทำให้โน้มโน้มคนดูอย่างเราๆเนี่ย รู้สึกมีความผูกพันธ์กับไอเจ้าลูกบอลวิลสันนั่นเอง เรียกได้ว่าถ้าวิลสันหายไป ฉันก็ใจไม่ดีเหมือนกัน แงงง

       ส่วนเนื้อเรื่องที่เหลือจะเป็นยังไงต่อไป ก็ไปหาดูเอาได้ทาง Netflix เน่อ แล้วมาเล่าให้ฟังถึง  "วิลสัน" ของแต่ละคนในช่วงกักตัว 14 วันให้ฟังด้วยว่าวิลสันของแต่ละคนนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร บอกเลยว่าวิลสันของเรานั้นคือ Netflix จ้า ขาดไม่ได้ ไม่งั้นเป็นบ้าตายตั้งแต่วันที่ 3 ละ

2). "ติดอยู่ในนิวยอร์ก" จากเรื่อง I am legend

                 

     หนังเรื่องนี้นำแสดงโดยพี่ Will smith นั่นเองงงง ส่วนตัวชอบเฮียแกมากกกกกก คนอะไรเท่ชะมัดเลย อยากเจอตัวเป็นๆสักครั้ง
เรื่องนี้เฮียแกรับบทเป็นพลโทที่รอดชีวิตจากไวรัสที่แพร่กระจายไปทั่วโลก เฮียแกเนี่ยสูญเสียลูก-เมียไปในช่วงที่คนอพยพออกจากเมืองกัน ทำให้เฮียแกเนี่ยต้องอยู่คนเดียวกับหมาของลูกสาวที่ชื่อว่า "แซม" เพราะเฮียแกเนี่ยเป็นคนเดียวในเมืองที่มีภูมิคุ้มกันทั้งทางอากาศและจากการสัมผัสจ้า แต่หมาของเฮียแกเนี่ยป้องกันได้แค่จากทางอากาศอย่างเดียว นั่นจึงเป็นอีกสาเหตุนึงว่าทำไมคนรอบตัวของเฮียแกหลังจากสถานการณ์อพยพคนนั้นตายเกือบหมด ส่วนคนที่รอดก็กลายเป็นเหมือนสิ่งมีชีวิตที่หิวโหยแต่เลือด แทบไม่หลงเหลือความเป็นมนุษย์อยู่เลย เรื่องนี้เนี่ย ถ่ายทอดเมืองร้างได้เป็นอย่างดีเลย ตอนดูเรื่องนี้เราจินตนาการถึงถ้ารัฐบาลสั่งเคอร์ฟิวแบบเต็มรูปแบบ กรุงเทพที่กลายเป็นเมืองที่ร้างผู้คนก็อาจจะให้อารมณ์เหมือนหนังเรื่องนี้

     ซึ่งข้อพิเศษของหนังเรื่องนี้อีกอย่างนึงคือบางฉากถ่ายจากที่จริงจ้าาาา และมันเป็นเรื่องที่น่าท้าทายมากที่ถ่ายในนิวยอร์กให้ว่างเปล่าในช่วงขณะหนึ่ง เพราะในนิวยอร์กมีคนมากถึง 7 ล้านกว่าคนในปี 2007 ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าถ่ายยากขนาดไหน การจำลองเมืองหลังจากไวรัสแพร่กระจายเนี่ย เราว่าทีมงานในเรื่องนี้ทำดี ส่วนตัวคือชอบความป่วยของตัวละครในเรื่องนี้ คือพี่แกนั้นว่าง เหงา เศร้าขนาดต้องคุยกับหุ่นโชว์ ซึ่งพี่แกเนี่ยเอาวางในสถานที่ต่างๆ ให้เหมือนว่ามีมีคนอยู่ แก้เหงา ฉากที่เราชอบมากในเรื่องคือฉากที่แกคุยกับหุ่นที่นางตั้งชื่อว่า "เฟรด" ซึ่งเป็นหุ่นในร้านเช่าหนัง ดูแล้วเอ้ออีนี่มันเป็นบ้า

เรื่องนี้ก็มีใน Netflix เช่นกันจ้า 

3. "ติดคุก" จากเรื่อง The Shawshank redemption

                     

             หนังที่ขึ้นหิ้งตลอดกาล อารมณ์แบบ Forest gump ดูแล้วหัวใจกลับมาแข็งแรงไรงี้ เรื่องนี้ยังไม่ได้กลับไปดูซ้ำเลยยยยยย เพราะตอนที่ดูครั้งแรกนั้นน่าจะเด็กมากกกก แล้วก็จำไม่ได้แล้วด้วยว่า มันดียังไง (เอ๊ะ ยังไง) เรื่องนี้เคยมีใน Netflix เมื่อนานมาแล้ว แต่ตอนนี้ไม่มีละจ้า แต่น่าจะหาดูได้ตามเว็บทั่วไป 

4. "ติดอยู่ในห้องผีสิง" จากเรื่อง 1408

                                   
     
            เอ... เรื่องนี้จะพูดยังไงดี คิดว่าคนที่ติดอยู่คอนโด อพารธ์เมนต์โดยที่พวกเขาไปไหนไม่ได้ในช่วงกักตัว อาจจะไม่อยากดูหนังเรื่องนี้ตอนดึกๆ เพราะมันอาจะทำให้หลอนกว่าเดิม

5. "ติดอยู่ในห้องนิรภัย" จาก Panic room

           

         Panic room เป็นหนังลุ้นระทึกห้องปิดตายที่เก่ามาก สังเกตได้จากคริสเตน นางยังเด็กมากอยู่เลย5555 เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของ สองแม่-ลูกที่แม่เนี่ยหย่ากับสามีแล้วย้ายไปอยู่ในบ้านใหม่กับลูก 2 คน โดยบ้านที่พวกนางไปอยู่กันเนี่ยเป็นบ้านที่หลังใหญ่มากกกกก อารมณ์แบบบ้านคนรวย และในบ้านเนี่ยก็มีห้องนิรภัย ที่มีของใช้จำเป็นยามฉุกเฉินทุกอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นมอนิเตอร์ที่สามารถดูทั่วทุกมุมของบ้านได้อย่างสบายๆ อีกทั้งประตูห้องนิรภัยที่หนามากกกกกก เหมือนประตูแบงค์ ถือได้ว่าห้องนี้ปลอดภัยสุดๆ แต่วันดีคืนดีก็มีโจรกลุ่มหนึ่งมาขึ้นบ้านที่พวกนางอยู่ซะงั้น เลยทำให้สองแม่ลูกเนี่ย ต้องเข้าไปหลบอยู่ในห้องนิรภัย แต่บังเอิ๊ญบังเอิญที่นางลืมหยิบยาอินซูลินให้ลูกของนางก่อนเข้ามาที่ห้องนิรภัย ทำให้กลายเป็นว่านางต้องหาทุกวิถีทางที่จะออกจากห้องเพื่อลูกของนาง

6. "ติดอยู่ในสนามบิน"  จาก The terminal

             

         เรื่อง The terminal นั้นว่าด้วยเรื่องของตัวเอกที่ติดอยู่ที่สนามบิน ออกไปข้างนอกก็ไม่ได้ กลับประเทศก็ไม่ได้ แถมพูดกับใครก็ไม่รู้เรื่อง เพราะนางพูดอังกฤษไม่ได้ นำแสดงโดย Tom Hank อีกเช่นเดียวกัน เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ถือว่าอยู่ในใจของเราตลอดกาล มันเป็นเรื่องที่แบบดูจบแล้วจะมีกำลังใจขึ้น หัวใจจะกลับมาชุ่มฉ่ำยังไงก็ไม่รู้ คือเรื่องนี้อาจจะไม่ได้ทำให้ภาพดูเหงาอารมณ์อาร์ทอะไรเหมือนเรื่อง Her อะไรขนาดนั้น แต่ความรู้สึกตอนที่ดูตอนที่ตัวเอกอยู่ท่ามกลางคนมากมาย แต่กลับไม่มีใครช่วยเหลือ ทำให้เรารู้สึกว่า เนี่ยแหละโดดเดี่ยวสุดๆ เรื่องนี้เรียกได้ว่าจะทำให้ผู้ชมร่วมรู้สึกและให้กำลังใจชายเปลี่ยวผู้นี้เหมือนกัน

7. "ติดอยู่ใน Supermarket" จาก The mist       

                                         

      The mist เป็นหนังที่สร้างจากผลงานเขียนของเฮีย Stephen king ซึ่งเรื่องเป็นเรื่องที่มีคนรีวิวเยะอยู่เหมือนกัน และยังคงมีชื่อเสียงของคำว่า
"ป้ามหาภัย" ซึ่งอาจจะทำให้ป้ามหาภัยเบอร์ 31 ที่เป็น super spreader ในเกาหลีดูจืดไปเลยเมื่อได้เจอกับป้ามหาภัยในเรื่องนี้ 
The mist เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสองพ่อลูกออกมาชอปปิ้งกันธรรมดาๆในวันหนึ่ง เพื่อจะซื้อของกลับไปให้ภรรยาที่บ้าน แต่อิหยังก็มีหมอกประหลาดที่อยู่ๆเคลื่อนที่มายังตรงที่พวกแกอยู่ แล้วก็เริ่มมีเหตุการณ์ประหลาดต่างๆนานา ของคนที่หายตัวไปในหมอกหนา เหลือแต่เพียงเสียงกรีดร้องและคราบเลือดเป็นหลักฐาน ซึ่งตอนจบจะเป็นอะไรที่ไม่เหมาะกับคนที่จิตอ่อนอย่างแรง ดูแล้วอาจจะหน่วงตุ๊บเป็นบ้ากว่าเดิมในช่วงกักตัว แต่ถ้าคุณอยากรู้นิยามของคำว่า "ป้ามหาภัย" เราบอกเลยว่าคุณดูถูกเรื่องแล้ว

 

เป็นไงกันบ้างคะ? กับ 7 หนังที่ตัวเอก "ติดแหง็ก" พอดูทั้ง 7 เรื่องเราอาจจะชอบการที่เราติดแหง็กอยู่บ้านไปเลยก็ได้55555 หรือใครคิดว่าการที่เราติดแหง็กอยู่ในบ้านเหมือนกับตัวเอกในเรื่องไหน ก็สามารถมาคุยแลกเปลี่ยนกันได้นะคะ ส่วนตัวเราตอนที่กัตัวอยู่บ้านนั้น คิดว่าอารมณ์เหมือนติดเกาะ ในเรื่อง Cast away 55555 แต่ต่างกันตรงที่แทนที่เราจะกินน้ำมะพร้าว ช่วงนี้จัดชานมไข่มุกทุกวันไปเลยจ๊ะ

ถ้าใครมีหนังที่ตัวเอกติดแหง็กที่อยากจะแนะนำ ก็มาพูดคุย-แลกเปลี่ยนกันได้นะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่