The Mist (2007) มฤตยูหมอกกินมนุษย์
ก็เป็นหนังแนว Apocalypse วันหายนะโลก ที่มาในรูปแบบของสัตว์ประหลาด หรือแนว Sci-fi
สำหรับคนที่ชอบประเภท The Quiet Place, The Darkest Hour ก็จะประมาณนี้ครับ มีความตื่นเต้นระทึกขวัญ
The Mist ไม่ได้เน้นฉากหรือทุนสร้างอะไรมาก ใช้สถานที่น้อย แต่จุดเด่นเรื่องนี้คือการจบที่แบบไม่แฮปปี้ จะเรียกว่าหักมุมก็ไม่ใช่ แต่จบแบบไอเดียดีมากกว่า ก็แบบเซ็งชีวิตแทนไปเลย
ในส่วนของไอเดียสัตว์ประหลาดทะลุมิติ การเปิดประตูมิตินี่เอง ที่ทำให้เกิดซีรี่ส์ Stranger Things ขึ้นมา แต่ Stranger Things จะไม่สยองขวัญมากนัก ไม่ถึงกับเลือดตกยางออกเหมือน The Mist
สำหรับ Stranger Things ก็ไม่ได้ใช้ทุนอะไรมาก ฟอร์มเล็กถ่ายทำไม่กี่ฉาก ใช้สถานที่น้อย สัตว์ประหลาดต่อ 1 ซีซั่นนี่น้อยมาก ไม่ได้เป็นซีรีส์ระดับคุณภาพอะไรนักถ้าเทียบกับของ Netflix เรื่องอื่น หรือกับ HBO นี่ถือว่าห่างอยู่ ทั้งทุนและฝีไม้ลายมือต่างกันเยอะเลย แต่ Stranger Things จะขายดีตรงเนื้อเรื่องที่เน้นสนุก มีความเป็นเด็ก แล้วก็ได้บรรยากาศย้อนยุค
ซึ่งหนังและซีรีส์หลายเรื่องเดี๋ยวนี้ก็จะชอบทำย้อนไปยุค 80 หรือต้นๆ 90 ก็ประมาณว่าคนสร้างมีอารมณ์นึกถึงวันวาน อีกอย่างคือมันเป็นจุดพีคของดนตรีด้วย เพลงฝรั่งยุค 80-90 มันแจ่มกว่ายุคนี้
สำหรับคนที่ยังไม่ได้ดู ก็แนะนำว่าความสนุกของ The Mist ก็คงสู้ Stranger Things ไม่ได้ เพราะอารมณ์มันต่างกันอยู่ The Mist มันจะผู้ใหญ่กว่าแล้วออกตึงเครียดหน่อย เน้นความสูญเสีย เน้นความซวย ก็จัดว่าน่าดูครับ แต่ให้คะแนนไม่ถูก
หนังสัตว์ประหลาด The Mist (2007) ต้นแบบไอเดีย Stranger Things .. [ไม่ Spoil บท]
The Mist (2007) มฤตยูหมอกกินมนุษย์
ก็เป็นหนังแนว Apocalypse วันหายนะโลก ที่มาในรูปแบบของสัตว์ประหลาด หรือแนว Sci-fi
สำหรับคนที่ชอบประเภท The Quiet Place, The Darkest Hour ก็จะประมาณนี้ครับ มีความตื่นเต้นระทึกขวัญ
The Mist ไม่ได้เน้นฉากหรือทุนสร้างอะไรมาก ใช้สถานที่น้อย แต่จุดเด่นเรื่องนี้คือการจบที่แบบไม่แฮปปี้ จะเรียกว่าหักมุมก็ไม่ใช่ แต่จบแบบไอเดียดีมากกว่า ก็แบบเซ็งชีวิตแทนไปเลย
ในส่วนของไอเดียสัตว์ประหลาดทะลุมิติ การเปิดประตูมิตินี่เอง ที่ทำให้เกิดซีรี่ส์ Stranger Things ขึ้นมา แต่ Stranger Things จะไม่สยองขวัญมากนัก ไม่ถึงกับเลือดตกยางออกเหมือน The Mist
สำหรับ Stranger Things ก็ไม่ได้ใช้ทุนอะไรมาก ฟอร์มเล็กถ่ายทำไม่กี่ฉาก ใช้สถานที่น้อย สัตว์ประหลาดต่อ 1 ซีซั่นนี่น้อยมาก ไม่ได้เป็นซีรีส์ระดับคุณภาพอะไรนักถ้าเทียบกับของ Netflix เรื่องอื่น หรือกับ HBO นี่ถือว่าห่างอยู่ ทั้งทุนและฝีไม้ลายมือต่างกันเยอะเลย แต่ Stranger Things จะขายดีตรงเนื้อเรื่องที่เน้นสนุก มีความเป็นเด็ก แล้วก็ได้บรรยากาศย้อนยุค
ซึ่งหนังและซีรีส์หลายเรื่องเดี๋ยวนี้ก็จะชอบทำย้อนไปยุค 80 หรือต้นๆ 90 ก็ประมาณว่าคนสร้างมีอารมณ์นึกถึงวันวาน อีกอย่างคือมันเป็นจุดพีคของดนตรีด้วย เพลงฝรั่งยุค 80-90 มันแจ่มกว่ายุคนี้
สำหรับคนที่ยังไม่ได้ดู ก็แนะนำว่าความสนุกของ The Mist ก็คงสู้ Stranger Things ไม่ได้ เพราะอารมณ์มันต่างกันอยู่ The Mist มันจะผู้ใหญ่กว่าแล้วออกตึงเครียดหน่อย เน้นความสูญเสีย เน้นความซวย ก็จัดว่าน่าดูครับ แต่ให้คะแนนไม่ถูก