สวัสดีค่ะ ช่วงนี้ทุกคนคงอยู่บ้านช่วยชาติก็คงมีเซ็งๆไม่รู้จะทำอะไร วันนี้จขกท.เลยจะมาแนะนำหนังที่อยู่ในดวงใจประเภทหนึ่ง คือ “หนังเต้น” ความจริงหนังประเภทนี้จัดเป็น Romatic comedy เสียส่วนใหญ่ แต่มีการแทรกการเต้นเป็นตัวช่วยดำเนินเรื่อง ซึ่งเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นทำออกมาใหม่ อาจจะเลิกนิยมไปแล้วหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ แต่จขกท.โตมากับหนังแบบนี้ ตอนเขียนกระทู้รู้สึก Nostalgia ย้อนไปถึงสมัยประถม-มัธยม☺️ ยิ่งถ้าใครชอบฟังเพลงเก่าๆก็จะแฮปปี้มากๆ พอเห็นฉากเต้นสวยๆ แล้วมันดูเท่ ดูสนุก จนอยากลุกขึ้นมาเต้นเองเสียเลย แถมเนื้อเรื่องก็เข้าถึงง่าย ดูแล้วเบาสมองเหมาะกับสถานการณ์ตอนนี้มากๆ
❗️❗️❗️ขอออกตัวก่อนว่าลิสต์นี้เกิดจากความเห็นส่วนตัวของจขกท.เองที่ได้ดูแล้วคิดว่าที่แนะนำไปคือมีเนื้อเรื่อง ภาพ และฉากเต้นที่เหมาะสม คนที่ชอบหรือไม่ชอบเต้นก็สามารถดูได้ บางเรื่องถ้ามีความไม่เหมาะสมตรงไหน จขกท.ได้เขียนเตือนไว้แล้วเผื่อเยาวชนและคนขวัญอ่อนจะได้พิจารณากันก่อนชมนะคะ❗️❗️❗️
🔆🔆🔆ไม่รอช้าเราไปเริ่มกันเลยค่ะ LET’s goooo🔆🔆🔆
CENTER STAGE (2000)
เรื่องราวของกลุ่มนักเรียนบัลเลต์ในสถาบันชื่อดังที่พยายามผลักดันตัวเองเพื่อให้มีที่ยืนในวงการ เรื่องนี้มีส่วนผสมที่ลงตัวของความสนุกจากเรื่องราวความรักและมิตรภาพของเพื่อน แต่ก็ไม่ลืมที่จะสะท้อนเบื้องหลังของความสวยงามหน้าเวทีที่ต้องแลกมากับการเสียสละและความกดดัน ทั้งฉากเต้นตอนจบก็ยิ่งใหญ่ น่าสนใจ และนำแสดงโดยนักบัลเลต์มืออาชีพ เรื่องนี้มีการทำภาคต่อด้วย แต่จขกท.คิดว่าภาคแรกดีที่สุดค่ะ
STEP UP 1, 2, MIAMI HEAT
หลายๆคนคงรู้จักภาพยนตร์เฟรนไชด์ชื่อดังนี้อย่างแน่นอน ความสนุกก็คงการันตีด้วยรายได้และการทำภาคต่อออกมาถึง 7 ภาค!!! ภาคหลังๆก็ยิ่งมีความอลังการของฉากเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังนำแสดงด้วยนักเต้นมืออาชีพจากทุกประเภท แต่ภาคที่อยู่ในใจของจขกท.และอยากแนะนำสำหรับคนที่ไม่เคยดูคือภาค 1, 2 และ Miami heat เพราะเนื้อเรื่องก็ค่อนข้างโอเค เริ่มที่ภาค 1 เป็นการเล่าเรื่องราวความรักของนักเรียนเอกเต้นรำและนักเต้นข้างถนน ส่วนภาคที่ 2 จะโฟกัสไปที่การแบ่งแยกชนชั้นแม้แต่ในวงการเต้น ส่วน Miami heat จะเล่าเรื่องของการใช้การเต้นเป็นเครื่องมือส่งสาส์นเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับสังคม แค่เรื่องย่อแค่นี้ก็น่าสนุกแล้ว แนะนำให้ทุกคนไปดูนะคะ แต่ละภาคสามารถดูแยกได้ เรื่องราวไม่ได้ต่อกัน ทุกภาคก็มีเรื่องราวความรักกุ๊กกิ๊กของคู่พระนางให้กระชุ่มกระชวยหัวใจบ้าง
FOOTLOOSE (1984, 2011)
เรื่องนี้เป็นหนังในตำนานสุดๆ โดยในเวอร์ชั่นปี 1984 มี Kevin Bacon สมัยเฮียแกยังหนุ่มมารับบทเป็นพระเอกเท้าไฟที่จำเป็นต้องละทิ้งชีวิตในเมืองมาอยู่บ้านนอก แถมละแวกนั้นยังแบนการเต้น! ใช่แล้ว การเต้นและเที่ยวกลางคืนเป็นสิ่งผิดกฎหมายไปเสียได้ ทีนี้วัยรุ่นที่ไหนจะไปยอม จึงเกิดเป็นเรื่องราวของการปฏิวัติขึ้น ความจริงเรื่องนี้สอนให้เข้าใจเรื่อง generation gap และปัญหาการสื่อสารระหว่างพ่อแม่และลูกด้วย นอกจากจะได้ดูการเต้นสนุกๆแล้ว ยังได้ข้อคิดดีๆอีกด้วยค่ะ และที่ดีคือทั้ง 2 เวอร์ชั่น เก่าหรือใหม่ก็ทำได้ดีทั้งคู่ แล้วแต่ทุกคนจะเลือกดูเลยค่ะ
SHALL WE DANCE
Richard Gere รับบทเป็นชายวัยกลางคนที่มีครอบครัว มีหน้าที่การงาน และลูกๆ แต่ก็กลับรู้สึกว่าชีวิตของเขาขาดหายอะไรไป แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อเขาได้พบนักเต้นลีลาศสาวคนหนึ่ง (นำแสดงโดยคุณแม่ Jennifer Lopez) ที่ได้นำพาเขาเข้าสู่โลกของการเต้นรำที่สอนเขาให้รู้จักกับความหมายของชีวิตมากขึ้น เรื่องนี้ไม่ต้องคาดหวังฉากเต้นรำยิ่งใหญ่ แต่ดูแล้วอบอุ่นหัวใจดีค่ะ จะว่าเป็นภาพยนตร์โรแมนติกไหมก็ไม่ใช่ แต่ก็สนุกและเบาสมองเหมาะกับช่วงเวลาเครียดๆแบบนี้ค่ะ
STREET DANCE 1,2
ภาคแรกจะโฟกัสไปที่นักเต้นสาวที่ถูกแฟนของเธอทรยศด้วยการทิ้งเธอและทีมเต้นไปอยู่กับทีมคู่แข่ง เมื่อขาดผู้นำและสถานที่ซ้อม เธอจึงต้องเข้าไปขอใช้พื้นที่ของสถาบันสอนบัลเลต์ในการซ้อมแทนโดยมีข้อแลกเปลี่ยนจากผอ.ว่าเธอจะต้องสอนนักเรียนบัลเลต์ในสถาบันให้เต้น street dance และร่วมแข่งในทีมของเธอ ด้วยเหตุนี้จึงเกิดเป็นเรื่องราวของมิตรภาพและการผสมผสานของศาสตร์การเต้น 2 ชนิดที่ต่างขั้ว ส่วนภาค 2 ก็เปลี่ยนตัวเอกเป็นชายหนุ่มที่ต้องการฟอร์มทีมเต้นแข่งขันระดับโลกและต้องการเพิ่มความพิเศษจึงได้ดึงตัวนักเต้นละตินมาเข้าทีม เกิดเป็น Latin – Hiphop fusion (นางเอกเต้นเก่งมาก) เรื่องนี้แอบเกาะกระแสของ step up แต่เป็นฟอร์มที่เล็กกว่าเพราะเป็น Production จากเกาะอังกฤษ แต่ความสนุกก็ไม่แพ้กันนะคะ
HIGH STRUNG (2016)
เรื่องราวของนักเต้นบัลเลต์และนักไวโอลินที่ต้องร่วมมือกันเข้าแข่งขันในเพื่อชิงทุนรางวัลเรียนต่อในสถาบันดนตรีชื่อดัง เรื่องนี้เนื้อเรื่องและการเต้นไม่หวือหวา แต่จขกท.ชอบความคิดสร้างสรรค์ที่อาการเต้นรำและการเล่นดนตรีมารวมกัน ดูแล้วได้ 2 เด้ง ได้ฟังดนตรีเพราะๆและได้ชมการเต้นรำที่สวยงามไปด้วย เป็นหนังที่ฟอร์มเล็กแต่ดีเกินคาดในแง่ของความสนุก อย่างให้ทุกคนได้ลองดูนะคะ
TAKE THE LEAD
เป็นอีกเรื่องที่ไม่ได้คาดหวังฉากเต้นอลังการ แต่อบอุ่นหัวใจอีกเรื่องนึง เรื่องราวสร้างจากเรื่องจริงของครูสอนเต้นลีลาศคนหนึ่งที่อาสาเข้าไปสอนนักเรียนเกเรที่ถูกกักบริเวณหลังเลิกเรียน ถ้าทุกคนดูจะได้เห็นเรื่องราวของครูที่อุทิศตนพยายามสอนเด็กเหล่านั้นให้รู้จักการใช้ชีวิตที่ดีขึ้นผ่านการเต้นรำ โดยหวังว่าพวกเขาจะหลุดพ้นจากความเสื่อมโทรมของสังคมไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้น
BRING IT ON 1, ALL OR NOTHING
ถ้าคุณถามหาสาระ คุณอาจจะไม่ได้จากเรื่องนี้ ภาพยนตร์เฟรนไชด์นี้ถ่ายทอดเรื่องราวของเชียร์ลีดเดอร์ ให้อินเนอร์ประมาณ Mean girls แต่จขกท.ชอบเพราะว่าท่าเต้นอลังการแปลกใหม่ดี แล้วมันเป็นอะไรที่ดูเอาเพลินมากๆ ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ พอกลับมาดูก็รู้สึกว่าสมัยนั้น คนเราก็ treat ผู้หญิงว่าเป็นวัตถุทางเพศ สวย เต้นได้ แต่ไม่ต้องฉลาด ถ้าทำหนังแบบนี้ออกมาในสมัยนี้คงโดนวิจารณ์เละแน่ๆ แต่ยังไงก็อย่าไปซีเรียสกับมันมากเลยค่ะ ดูเอามันส์พอ เผื่อว่าทุกคนดูแล้วจะอยากลุกขึ้นมาออกกำลังกายปั้นหุ่นให้สวยเหมือนสาวๆในเรื่องก็ถือว่าโอเคแล้วค่ะ
DIRTY DANCING (1987)
กลับมาสู่ภาพยนตร์เก่าๆกันอีกครั้ง หนังเรื่องนี้สะท้อนการก้าวผ่านจากวัยเด็กไปสู่วัยสาวของนางเอกในช่วงเวลาที่เธอและครอบครัวไปเที่ยวรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ซึ่งทำให้เธอได้พบกับครูสอนเต้นเจ้าเสน่ห์ซึ่งนำมาสู่ปัญหามากมายที่เธอช่วยแก้และได้เรียนรู้ตัวเองไปพร้อมๆกัน เป็นอีกเรื่องที่ดังในยุคนั้นมากๆ ทำให้เกิดเวอร์ชั่นรีเมคแต่จขกท.คิดว่าภาคเดิมคือที่สุดค่ะ เตือนเล็กน้อยว่าอาจมีท่าเต้นไม่เหมาะสมและประเด็นการทำแท้งน้องๆหนูๆแนะนำว่าให้ใช้วิจารณญาณด้วยนะคะ
FLASHDANCE (1983)
กลับไปสู่ยุค 80 นางเอกสาวผู้ทำงานเป็นนางโชว์อยู่ในคลับแห่งหนึ่งมีความใฝ่ฝันที่จะเข้าเรียนในสถาบันบัลเลต์ที่มีชื่อเสียง แต่ต้องฝันฝ่าอุปสรรคเรื่องฐานะและพื้นภูมิของตนเองจนได้มาเจอกับพระเอกที่ได้ช่วยเปลี่ยนชีวิตเธอ ความจริงเรื่องนี้เนื้อเรื่องเรียบๆไม่ได้มีจุด Climax หรือขึ้นลงอะไร แต่จขกท.ชอบที่ได้เห็นภาพสะท้อนของสังคมในยุคนั้น ทั้งเพลง Rock&Roll ทรงผมดัดฟูๆแบบตอนที่คุณพ่อคุณแม่เคยทำตอนยังเป็นวัยรุ่น แค่ได้ดูแฟชั่นที่แปลกตาก็น่าสนใจและบันเทิงไปอีกแบบ แถมฉากเต้นสุดท้ายก็ค่อนข้างจะ iconic มากๆ
SATURDAY NIGHT FEVER (1977)
เรื่องนี้นี่ย้อนกลับไปถึงยุค 70 ที่ช่วงนั้นเป็นยุคเฟื่องฟูของเพลงดิสโก้ กางเกงขาบาน เสื้อผ้าสีสันฉูดฉาด และเพลงของ Bee gees, Abbas งี้ ส่วนเนื้อเรื่องจะมีพระเอก (นำแสดงโดย John Travolta ตอนนั้นคือเฮียดังและฮ็อตมาก เพราะทั้งเท่ ร้องเพลงเพราะ และเต้นพลิ้วไปอีก) เป็นลูกจ้างที่ไม่มีความมั่นคงในชีวิตใดๆแต่สิ่งเดียวที่เขารู้ว่าตัวเองทำได้ดีคือการเต้นดิสโก้ เขาจึงได้ขอให้นักเต้นสาวที่เก่งไม่แพ้กันมาร่วมแข่งขันเพื่อชิงเงินรางวัลและในขณะเดียวกันเธอก็ได้สอนให้เขารู้จักความหมายของชีวิตนอกฟลอร์ตเ้นรำมากขึ้น ในสมัยนั้นเรื่องนี้ออกมาคือดังเปรี้ยงปร้างมากๆ เพราะมันโดนใจวัยรุ่นสุดๆ ส่วนตัวจขกท.ไม่ชอบการเต้นดิสโก้ แต่ชอบบรรยากาศในเรื่องที่ทำให้เราได้สัมผัสถึงความนิยมในยุค 80 และตัวเอกที่สุดท้ายได้เรียนรู้อะไรบางอย่างกลับไป ไม่ได้จบแบบที่เดาไว้แต่แรก
BLACK SWAN (2010)
เรื่องนี้การันตีคุณภาพเพราะเป็นภาพยนตร์สายรางวัล ทั้งตัวนักแสดงนำ Natalie Portman ถึงกับได้ออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเรื่องนี้ เรื่องราวเปิดเผยความกดดันที่จะนำตัวเองไปสู่ความสมบูรณ์แบบของนักเต้นบัลเลต์สาวคนหนึ่งซึ่งได้รับเลือกให้เป็นนางหงส์เริงระบำ ถือเป็นบทอันเป็นที่ใฝ่ฝันของนักบัลเลต์ แต่เธอพบว่าเธอไม่สามารถแสดงเป็นหงส์ดำได้ ด้วยความเครียดและความกลัวที่จะถูกแทนที่จึงนำจิตใจของเธอไปสู่ด้านมืด เรื่องนี้มีฉากที่ Disturbing และมีความรุนแรงอยู่ เด็กๆควรใช้วิจารณญาณในการรับชมด้วยนะคะ
💃🏻💃🏻💃🏻เป็นไงบ้างคะ จบกันไปแล้วสำหรับลิสต์หนังเต้นในดวงใจของจขกท. ถ้าจะมองว่ามันเป็นหนังเต้นดูเพลินๆก็ไม่เสียหาย แต่ถ้าวิเคราะห์ดีๆก็จะพบว่าการเต้นเป็นศิลปะรูปแบบหนึ่งที่อยู่กับมนุษย์มาตลอด และสะท้อนสังคม รสนิยม วัฒนธรรมได้อย่างดี ใครมีเรื่องอื่นๆที่ชอบก็มาช่วยกันคอมเม้นต์แลกเปลี่ยนด้านล่างได้เลยนะคะ
🔆🔆🔆ช่วงนี้ระหว่างกักตัว ถ้าทุกคนไม่รู้จะทำอะไร ดูหนังเสร็จแล้วก็ลุกขึ้นมาเปิดเพลง ลุกขึ้นเต้นออกกำลังกายในห้อง แถมยังได้ปลดปล่อยอารมณ์อีกด้วย เพราะว่า
...“DANCING IS A FORM OF EXPRESSING FREEDOM”...
แล้วเราจะผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกันนะคะ 🙏🏻✌🏻
12 DANCE MOVIES IN MY MIND แนะนำหนังเต้นในดวงใจ
❗️❗️❗️ขอออกตัวก่อนว่าลิสต์นี้เกิดจากความเห็นส่วนตัวของจขกท.เองที่ได้ดูแล้วคิดว่าที่แนะนำไปคือมีเนื้อเรื่อง ภาพ และฉากเต้นที่เหมาะสม คนที่ชอบหรือไม่ชอบเต้นก็สามารถดูได้ บางเรื่องถ้ามีความไม่เหมาะสมตรงไหน จขกท.ได้เขียนเตือนไว้แล้วเผื่อเยาวชนและคนขวัญอ่อนจะได้พิจารณากันก่อนชมนะคะ❗️❗️❗️
🔆🔆🔆ไม่รอช้าเราไปเริ่มกันเลยค่ะ LET’s goooo🔆🔆🔆
CENTER STAGE (2000)
เรื่องราวของกลุ่มนักเรียนบัลเลต์ในสถาบันชื่อดังที่พยายามผลักดันตัวเองเพื่อให้มีที่ยืนในวงการ เรื่องนี้มีส่วนผสมที่ลงตัวของความสนุกจากเรื่องราวความรักและมิตรภาพของเพื่อน แต่ก็ไม่ลืมที่จะสะท้อนเบื้องหลังของความสวยงามหน้าเวทีที่ต้องแลกมากับการเสียสละและความกดดัน ทั้งฉากเต้นตอนจบก็ยิ่งใหญ่ น่าสนใจ และนำแสดงโดยนักบัลเลต์มืออาชีพ เรื่องนี้มีการทำภาคต่อด้วย แต่จขกท.คิดว่าภาคแรกดีที่สุดค่ะ
STEP UP 1, 2, MIAMI HEAT
หลายๆคนคงรู้จักภาพยนตร์เฟรนไชด์ชื่อดังนี้อย่างแน่นอน ความสนุกก็คงการันตีด้วยรายได้และการทำภาคต่อออกมาถึง 7 ภาค!!! ภาคหลังๆก็ยิ่งมีความอลังการของฉากเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังนำแสดงด้วยนักเต้นมืออาชีพจากทุกประเภท แต่ภาคที่อยู่ในใจของจขกท.และอยากแนะนำสำหรับคนที่ไม่เคยดูคือภาค 1, 2 และ Miami heat เพราะเนื้อเรื่องก็ค่อนข้างโอเค เริ่มที่ภาค 1 เป็นการเล่าเรื่องราวความรักของนักเรียนเอกเต้นรำและนักเต้นข้างถนน ส่วนภาคที่ 2 จะโฟกัสไปที่การแบ่งแยกชนชั้นแม้แต่ในวงการเต้น ส่วน Miami heat จะเล่าเรื่องของการใช้การเต้นเป็นเครื่องมือส่งสาส์นเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับสังคม แค่เรื่องย่อแค่นี้ก็น่าสนุกแล้ว แนะนำให้ทุกคนไปดูนะคะ แต่ละภาคสามารถดูแยกได้ เรื่องราวไม่ได้ต่อกัน ทุกภาคก็มีเรื่องราวความรักกุ๊กกิ๊กของคู่พระนางให้กระชุ่มกระชวยหัวใจบ้าง
FOOTLOOSE (1984, 2011)
เรื่องนี้เป็นหนังในตำนานสุดๆ โดยในเวอร์ชั่นปี 1984 มี Kevin Bacon สมัยเฮียแกยังหนุ่มมารับบทเป็นพระเอกเท้าไฟที่จำเป็นต้องละทิ้งชีวิตในเมืองมาอยู่บ้านนอก แถมละแวกนั้นยังแบนการเต้น! ใช่แล้ว การเต้นและเที่ยวกลางคืนเป็นสิ่งผิดกฎหมายไปเสียได้ ทีนี้วัยรุ่นที่ไหนจะไปยอม จึงเกิดเป็นเรื่องราวของการปฏิวัติขึ้น ความจริงเรื่องนี้สอนให้เข้าใจเรื่อง generation gap และปัญหาการสื่อสารระหว่างพ่อแม่และลูกด้วย นอกจากจะได้ดูการเต้นสนุกๆแล้ว ยังได้ข้อคิดดีๆอีกด้วยค่ะ และที่ดีคือทั้ง 2 เวอร์ชั่น เก่าหรือใหม่ก็ทำได้ดีทั้งคู่ แล้วแต่ทุกคนจะเลือกดูเลยค่ะ
SHALL WE DANCE
Richard Gere รับบทเป็นชายวัยกลางคนที่มีครอบครัว มีหน้าที่การงาน และลูกๆ แต่ก็กลับรู้สึกว่าชีวิตของเขาขาดหายอะไรไป แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อเขาได้พบนักเต้นลีลาศสาวคนหนึ่ง (นำแสดงโดยคุณแม่ Jennifer Lopez) ที่ได้นำพาเขาเข้าสู่โลกของการเต้นรำที่สอนเขาให้รู้จักกับความหมายของชีวิตมากขึ้น เรื่องนี้ไม่ต้องคาดหวังฉากเต้นรำยิ่งใหญ่ แต่ดูแล้วอบอุ่นหัวใจดีค่ะ จะว่าเป็นภาพยนตร์โรแมนติกไหมก็ไม่ใช่ แต่ก็สนุกและเบาสมองเหมาะกับช่วงเวลาเครียดๆแบบนี้ค่ะ
STREET DANCE 1,2
ภาคแรกจะโฟกัสไปที่นักเต้นสาวที่ถูกแฟนของเธอทรยศด้วยการทิ้งเธอและทีมเต้นไปอยู่กับทีมคู่แข่ง เมื่อขาดผู้นำและสถานที่ซ้อม เธอจึงต้องเข้าไปขอใช้พื้นที่ของสถาบันสอนบัลเลต์ในการซ้อมแทนโดยมีข้อแลกเปลี่ยนจากผอ.ว่าเธอจะต้องสอนนักเรียนบัลเลต์ในสถาบันให้เต้น street dance และร่วมแข่งในทีมของเธอ ด้วยเหตุนี้จึงเกิดเป็นเรื่องราวของมิตรภาพและการผสมผสานของศาสตร์การเต้น 2 ชนิดที่ต่างขั้ว ส่วนภาค 2 ก็เปลี่ยนตัวเอกเป็นชายหนุ่มที่ต้องการฟอร์มทีมเต้นแข่งขันระดับโลกและต้องการเพิ่มความพิเศษจึงได้ดึงตัวนักเต้นละตินมาเข้าทีม เกิดเป็น Latin – Hiphop fusion (นางเอกเต้นเก่งมาก) เรื่องนี้แอบเกาะกระแสของ step up แต่เป็นฟอร์มที่เล็กกว่าเพราะเป็น Production จากเกาะอังกฤษ แต่ความสนุกก็ไม่แพ้กันนะคะ
HIGH STRUNG (2016)
เรื่องราวของนักเต้นบัลเลต์และนักไวโอลินที่ต้องร่วมมือกันเข้าแข่งขันในเพื่อชิงทุนรางวัลเรียนต่อในสถาบันดนตรีชื่อดัง เรื่องนี้เนื้อเรื่องและการเต้นไม่หวือหวา แต่จขกท.ชอบความคิดสร้างสรรค์ที่อาการเต้นรำและการเล่นดนตรีมารวมกัน ดูแล้วได้ 2 เด้ง ได้ฟังดนตรีเพราะๆและได้ชมการเต้นรำที่สวยงามไปด้วย เป็นหนังที่ฟอร์มเล็กแต่ดีเกินคาดในแง่ของความสนุก อย่างให้ทุกคนได้ลองดูนะคะ
TAKE THE LEAD
เป็นอีกเรื่องที่ไม่ได้คาดหวังฉากเต้นอลังการ แต่อบอุ่นหัวใจอีกเรื่องนึง เรื่องราวสร้างจากเรื่องจริงของครูสอนเต้นลีลาศคนหนึ่งที่อาสาเข้าไปสอนนักเรียนเกเรที่ถูกกักบริเวณหลังเลิกเรียน ถ้าทุกคนดูจะได้เห็นเรื่องราวของครูที่อุทิศตนพยายามสอนเด็กเหล่านั้นให้รู้จักการใช้ชีวิตที่ดีขึ้นผ่านการเต้นรำ โดยหวังว่าพวกเขาจะหลุดพ้นจากความเสื่อมโทรมของสังคมไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้น
BRING IT ON 1, ALL OR NOTHING
ถ้าคุณถามหาสาระ คุณอาจจะไม่ได้จากเรื่องนี้ ภาพยนตร์เฟรนไชด์นี้ถ่ายทอดเรื่องราวของเชียร์ลีดเดอร์ ให้อินเนอร์ประมาณ Mean girls แต่จขกท.ชอบเพราะว่าท่าเต้นอลังการแปลกใหม่ดี แล้วมันเป็นอะไรที่ดูเอาเพลินมากๆ ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ พอกลับมาดูก็รู้สึกว่าสมัยนั้น คนเราก็ treat ผู้หญิงว่าเป็นวัตถุทางเพศ สวย เต้นได้ แต่ไม่ต้องฉลาด ถ้าทำหนังแบบนี้ออกมาในสมัยนี้คงโดนวิจารณ์เละแน่ๆ แต่ยังไงก็อย่าไปซีเรียสกับมันมากเลยค่ะ ดูเอามันส์พอ เผื่อว่าทุกคนดูแล้วจะอยากลุกขึ้นมาออกกำลังกายปั้นหุ่นให้สวยเหมือนสาวๆในเรื่องก็ถือว่าโอเคแล้วค่ะ
DIRTY DANCING (1987)
กลับมาสู่ภาพยนตร์เก่าๆกันอีกครั้ง หนังเรื่องนี้สะท้อนการก้าวผ่านจากวัยเด็กไปสู่วัยสาวของนางเอกในช่วงเวลาที่เธอและครอบครัวไปเที่ยวรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ซึ่งทำให้เธอได้พบกับครูสอนเต้นเจ้าเสน่ห์ซึ่งนำมาสู่ปัญหามากมายที่เธอช่วยแก้และได้เรียนรู้ตัวเองไปพร้อมๆกัน เป็นอีกเรื่องที่ดังในยุคนั้นมากๆ ทำให้เกิดเวอร์ชั่นรีเมคแต่จขกท.คิดว่าภาคเดิมคือที่สุดค่ะ เตือนเล็กน้อยว่าอาจมีท่าเต้นไม่เหมาะสมและประเด็นการทำแท้งน้องๆหนูๆแนะนำว่าให้ใช้วิจารณญาณด้วยนะคะ
FLASHDANCE (1983)
กลับไปสู่ยุค 80 นางเอกสาวผู้ทำงานเป็นนางโชว์อยู่ในคลับแห่งหนึ่งมีความใฝ่ฝันที่จะเข้าเรียนในสถาบันบัลเลต์ที่มีชื่อเสียง แต่ต้องฝันฝ่าอุปสรรคเรื่องฐานะและพื้นภูมิของตนเองจนได้มาเจอกับพระเอกที่ได้ช่วยเปลี่ยนชีวิตเธอ ความจริงเรื่องนี้เนื้อเรื่องเรียบๆไม่ได้มีจุด Climax หรือขึ้นลงอะไร แต่จขกท.ชอบที่ได้เห็นภาพสะท้อนของสังคมในยุคนั้น ทั้งเพลง Rock&Roll ทรงผมดัดฟูๆแบบตอนที่คุณพ่อคุณแม่เคยทำตอนยังเป็นวัยรุ่น แค่ได้ดูแฟชั่นที่แปลกตาก็น่าสนใจและบันเทิงไปอีกแบบ แถมฉากเต้นสุดท้ายก็ค่อนข้างจะ iconic มากๆ
SATURDAY NIGHT FEVER (1977)
เรื่องนี้นี่ย้อนกลับไปถึงยุค 70 ที่ช่วงนั้นเป็นยุคเฟื่องฟูของเพลงดิสโก้ กางเกงขาบาน เสื้อผ้าสีสันฉูดฉาด และเพลงของ Bee gees, Abbas งี้ ส่วนเนื้อเรื่องจะมีพระเอก (นำแสดงโดย John Travolta ตอนนั้นคือเฮียดังและฮ็อตมาก เพราะทั้งเท่ ร้องเพลงเพราะ และเต้นพลิ้วไปอีก) เป็นลูกจ้างที่ไม่มีความมั่นคงในชีวิตใดๆแต่สิ่งเดียวที่เขารู้ว่าตัวเองทำได้ดีคือการเต้นดิสโก้ เขาจึงได้ขอให้นักเต้นสาวที่เก่งไม่แพ้กันมาร่วมแข่งขันเพื่อชิงเงินรางวัลและในขณะเดียวกันเธอก็ได้สอนให้เขารู้จักความหมายของชีวิตนอกฟลอร์ตเ้นรำมากขึ้น ในสมัยนั้นเรื่องนี้ออกมาคือดังเปรี้ยงปร้างมากๆ เพราะมันโดนใจวัยรุ่นสุดๆ ส่วนตัวจขกท.ไม่ชอบการเต้นดิสโก้ แต่ชอบบรรยากาศในเรื่องที่ทำให้เราได้สัมผัสถึงความนิยมในยุค 80 และตัวเอกที่สุดท้ายได้เรียนรู้อะไรบางอย่างกลับไป ไม่ได้จบแบบที่เดาไว้แต่แรก
BLACK SWAN (2010)
เรื่องนี้การันตีคุณภาพเพราะเป็นภาพยนตร์สายรางวัล ทั้งตัวนักแสดงนำ Natalie Portman ถึงกับได้ออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเรื่องนี้ เรื่องราวเปิดเผยความกดดันที่จะนำตัวเองไปสู่ความสมบูรณ์แบบของนักเต้นบัลเลต์สาวคนหนึ่งซึ่งได้รับเลือกให้เป็นนางหงส์เริงระบำ ถือเป็นบทอันเป็นที่ใฝ่ฝันของนักบัลเลต์ แต่เธอพบว่าเธอไม่สามารถแสดงเป็นหงส์ดำได้ ด้วยความเครียดและความกลัวที่จะถูกแทนที่จึงนำจิตใจของเธอไปสู่ด้านมืด เรื่องนี้มีฉากที่ Disturbing และมีความรุนแรงอยู่ เด็กๆควรใช้วิจารณญาณในการรับชมด้วยนะคะ
💃🏻💃🏻💃🏻เป็นไงบ้างคะ จบกันไปแล้วสำหรับลิสต์หนังเต้นในดวงใจของจขกท. ถ้าจะมองว่ามันเป็นหนังเต้นดูเพลินๆก็ไม่เสียหาย แต่ถ้าวิเคราะห์ดีๆก็จะพบว่าการเต้นเป็นศิลปะรูปแบบหนึ่งที่อยู่กับมนุษย์มาตลอด และสะท้อนสังคม รสนิยม วัฒนธรรมได้อย่างดี ใครมีเรื่องอื่นๆที่ชอบก็มาช่วยกันคอมเม้นต์แลกเปลี่ยนด้านล่างได้เลยนะคะ
🔆🔆🔆ช่วงนี้ระหว่างกักตัว ถ้าทุกคนไม่รู้จะทำอะไร ดูหนังเสร็จแล้วก็ลุกขึ้นมาเปิดเพลง ลุกขึ้นเต้นออกกำลังกายในห้อง แถมยังได้ปลดปล่อยอารมณ์อีกด้วย เพราะว่า
...“DANCING IS A FORM OF EXPRESSING FREEDOM”...
แล้วเราจะผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกันนะคะ 🙏🏻✌🏻