สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ช่วงนี้สถานการณ์ในเมืองตอนนี้มีทั้งฝุ่น ทั้งไวรัส ยังไงเพื่อนๆก็ดูแลตัวเอง ล้างมือบ่อย ๆ กันด้วยนะคะ
กระทู้รีวิวของเรา กระทู้นี้เริ่มมาจากที่เมื่อวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา แฟนเราได้ซื้อเครื่องชงกาแฟให้เป็นของขวัญ
เราเองก็คิดเอาไว้ว่าจะเอามาอวดแถมรีวิวเล็ก ๆ สักหน่อย แต่ก็ดองไว้หลายสัปดาห์ไม่ได้ทำสักที
ประจวบเหมาะตอนนี้ได้รับคำสั่งให้ Work from home จึงมีเวลาเขียนกระทู้นี้ค่ะ เรามาเริ่มกันเลยค่ะ
โดยเครื่องชงกาแฟที่แฟนซื้อให้นั้นคือ Philips LatteGo 3200 เครื่องนี้ค่ะ
จริง ๆ เรากับแฟนเคยเห็นการสาธิตของเจ้าเครื่องนี้มาแล้ว จากการที่ไปเดินห้างค่ะ เราก็เปรยๆว่าน่าใช้เนอะ เพราะดื่มกาแฟกันทั้งคู่
ก็ไม่คิดว่าเค้าจะซื้อมาให้เป็นของขวัญ โดยเครื่องนี้ น้ำหนักไม่หนักเท่าไหร่ เราสามารถยกคนเดียวได้สบายๆเลยค่ะ
นี่คือภาพด้านซ้ายและด้านขวาของตัวเครื่องค่ะ
โดยด้านซ้ายของตัวเครื่องเราสามารถดึงออกมา เพื่อใส่น้ำลงไปค่ะ ดึงออกง่าย ใส่กลับง่าย ไม่ซับซ้อนค่ะ
สำหรับด้านบน เป็นส่วนที่สำหรับใส่เมล็ดกาแฟสด เพื่อบดค่ะ เครื่องนี้มีหัวบดเซรามิกในตัวค่ะ
ไม่ต้องซื้อเครื่องบดแยกมานะคะ สามารถเทเมล็ดกาแฟที่เราซื้อมา ลงไปได้เลย
และนอกจากเมล็ดกาแฟสดเป็นเมล็ดๆแล้ว เราก็ยังสามารถใส่เมล็ดกาแฟที่บดแล้วได้ด้วยนะคะ โดยส่วนที่สำหรับใส่เมล็ดกาแฟที่บดแล้ว
คือบริเวณช่องเล็กๆ ที่เราวงสีแดงไว้เลยค่ะ เปิดฝาแล้วใส่ไปได้เลย โดยทางเครื่องเองก็จะมีช้อนตวงให้ด้วยค่ะ
(ส่วนนี้ต้องระวัง อย่าใส่กาแฟที่เป็นเมล็ดลงไปใสช่องนี้เด็ดขาดนะคะ จะทำให้เครื่องมีปัญหาได้ค่ะ)
ต่อมาเป็นส่วนที่เอาไว้ใส่นม เพื่อทำฟองนมในเมนูลาเต้ หรือ คาปูชิโน่ค่ะ จะเห็นว่าจากส่วนที่ใส่นมนั้นไม่มีสายท่อต่อออกมา นั่นทำให้เราถอดล้าง
ทำความสะอาดได้ง่ายมาก ๆ ค่ะ ไม่มีกลิ่นหรือคราบนมติดเลย ส่วนนี้เราถอดล้างทุกวันค่ะ ถ้าใช้นมเราจะหาขวดหรือแก้วมาใส่นมที่เหลือ เพื่อไว้ใช้ในครั้งต่อไปค่ะ
เมื่อเรากดปุ่มเปิดเครื่องแล้ว ไฟสีส้มๆจะวิ่งรอบๆ เมนูกาแฟของเราค่ะ ให้เรารอจนกว่าไฟจะหยุดวิ่งแล้วติดนิ่งๆอยู่ที่ทุกๆเมนูบนหน้าปัดค่ะ
แบบในรูปเลยค่ะ ในส่วนนี้ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาทีค่ะ
พอไฟสีส้มหยุดนิ่งแบบในรูปแล้ว เราอยากทำเมนูอะไรก็ก็เลือกได้เลยค่ะ
1.Espresso
2. Coffee
3.Americano
4. Cappucino
5.Late Macchiato
6.Hot water (ตรงนี้ถ้าจะเอาน้ำร้อนเพียงอย่างเดียว เราแนะนำอย่าใส่นมทิ้งไว้ในที่ทำฟองนมนะคะ ไม่งั้นจะมีนมผสมออกมานิดหน่อยค่ะ)
อันนี้เราเลือกเป็น Cappuccino เมนูประจำของเราค่ะ เมื่อเลือกแล้วไฟสีส้มจะติดแค่เมนูที่เราเลือกค่ะ
จากนั้นเราก็สามารถปรับระดับความเข้มของกาแฟ ปริมาณน้ำ และปริมาณนมได้ค่ะ
ตามรูปนี้เลยค่ะ
1.เลือกปริมาณความเข้มกาแฟ
2.เลือกปริมาณน้ำที่ออกมากันกาแฟ
3.เลือกระดับของปริมาณนม
พอเลือกได้แล้วก็กดปุ่มทางด้นขวามือ เพื่อให้เครื่องทำงานได้เลยค่ะ
พอเครื่องทำงาน เครื่องจะปล่อยนม และฟองนมออกมาก่อนค่ะ (ในกรณีที่เลือกเมนูที่มีนมเป็นส่วนประกอบนะคะ)
พอนมและฟองนมออกมาแล้ว เครื่องก็จะทำการบดเมล็ดกาแฟสักพัก ประมาณ10 วินาที กาแฟก็จะออกมาค่ะ
ถ้าใครจะใส่น้ำตาลหรือไซรัปก็สามารถปรุงเองทีหลังได้ตามใจเลยค่ะ
แค่นี้ก็เสร็จแล้วค่า กาแฟหอมๆ ฟองนมเนียนๆ พร้อมดื่มค่ะ
ส่วนของการทำความสะอาด ก็ค่อนข้างง่ายค่ะ ตรงถาดด้านล่างนี้ เราสามารถดึงออกมาเพื่อทำความสะอาดได้เลยค่ะ
ดึงเข้าหาตัวนะคะ อย่าดึงขึ้นนะ โดยในถาดนี้ก็จะมีกากกาแฟ และน้ำที่ร่วงลงไปอยู่ค่ะ ส่วนตัวตรงนี้เราจะดึงออกมาล้าง ทุก ๆ 3 - 4 วันค่ะ
ส่วนกากกาแฟก็เก็บทุก ๆ 3 - 4 วัน เช่นกัน ( เอากากกาแฟไว้ใช้ขัดตัวค่ะ อิอิ)
ส่วนตัวค่อนข้างถูกใจกับของขวัญชิ้นนี้มากๆค่ะ เราไม่คิดเลยจริงๆว่าแฟนเราจะซื้อให้เป็นของขวัญ
หลังจากที่เค้าซื้อมาให้ ถึงวันนี้ก็ประมาณเดือนกว่าเกือบ 2 เดือน คือใช้ทุกวัน ชงทุกวัน จนเค้าบอกว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
สำหรับใครที่กำลังมองหาเครื่องชงกาแฟสำหรับติดบ้านไว้สักเครื่อง และพอมีงบหน่อย เราว่าเครื่อง Philips LatteGo3200 เครื่องนี้สะดวกดีนะคะ
ใช้งานง่าย และหลากหลายเลย มีเครื่องบดในตัว ไม่ต้องซื้อแยกเลยค่ะ ส่วนตัวเราชอบตรงที่ทำฟองนมค่ะ เพราะทำความสะอาดง่าย ล้างง่าย มาก ๆ ค่ะ
สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่ได้เข้ามาอ่านกระทู้อวด+รีวิวเล็ก ๆ น้อย ๆ กระทู้นี้ ของคนเหงา ในช่วง Work from home แบบนี้นะคะ
ขอบคุณมาก ๆค่ะ ขอให้เพื่อนๆรักษาเนื้อรักษาตัวในช่วงวิกฤต แบบนี้ให้ดี ๆ ปลอดภัย สุขภาพแข็งแรงทุกคนนะคะ สวัสดีค่ะ
[CR] Work from Home กับเครื่องชงกาแฟ Philips LatteGo
กระทู้รีวิวของเรา กระทู้นี้เริ่มมาจากที่เมื่อวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา แฟนเราได้ซื้อเครื่องชงกาแฟให้เป็นของขวัญ
เราเองก็คิดเอาไว้ว่าจะเอามาอวดแถมรีวิวเล็ก ๆ สักหน่อย แต่ก็ดองไว้หลายสัปดาห์ไม่ได้ทำสักที
ประจวบเหมาะตอนนี้ได้รับคำสั่งให้ Work from home จึงมีเวลาเขียนกระทู้นี้ค่ะ เรามาเริ่มกันเลยค่ะ
โดยเครื่องชงกาแฟที่แฟนซื้อให้นั้นคือ Philips LatteGo 3200 เครื่องนี้ค่ะ
จริง ๆ เรากับแฟนเคยเห็นการสาธิตของเจ้าเครื่องนี้มาแล้ว จากการที่ไปเดินห้างค่ะ เราก็เปรยๆว่าน่าใช้เนอะ เพราะดื่มกาแฟกันทั้งคู่
ก็ไม่คิดว่าเค้าจะซื้อมาให้เป็นของขวัญ โดยเครื่องนี้ น้ำหนักไม่หนักเท่าไหร่ เราสามารถยกคนเดียวได้สบายๆเลยค่ะ
นี่คือภาพด้านซ้ายและด้านขวาของตัวเครื่องค่ะ
โดยด้านซ้ายของตัวเครื่องเราสามารถดึงออกมา เพื่อใส่น้ำลงไปค่ะ ดึงออกง่าย ใส่กลับง่าย ไม่ซับซ้อนค่ะ
สำหรับด้านบน เป็นส่วนที่สำหรับใส่เมล็ดกาแฟสด เพื่อบดค่ะ เครื่องนี้มีหัวบดเซรามิกในตัวค่ะ
ไม่ต้องซื้อเครื่องบดแยกมานะคะ สามารถเทเมล็ดกาแฟที่เราซื้อมา ลงไปได้เลย
และนอกจากเมล็ดกาแฟสดเป็นเมล็ดๆแล้ว เราก็ยังสามารถใส่เมล็ดกาแฟที่บดแล้วได้ด้วยนะคะ โดยส่วนที่สำหรับใส่เมล็ดกาแฟที่บดแล้ว
คือบริเวณช่องเล็กๆ ที่เราวงสีแดงไว้เลยค่ะ เปิดฝาแล้วใส่ไปได้เลย โดยทางเครื่องเองก็จะมีช้อนตวงให้ด้วยค่ะ
(ส่วนนี้ต้องระวัง อย่าใส่กาแฟที่เป็นเมล็ดลงไปใสช่องนี้เด็ดขาดนะคะ จะทำให้เครื่องมีปัญหาได้ค่ะ)
ต่อมาเป็นส่วนที่เอาไว้ใส่นม เพื่อทำฟองนมในเมนูลาเต้ หรือ คาปูชิโน่ค่ะ จะเห็นว่าจากส่วนที่ใส่นมนั้นไม่มีสายท่อต่อออกมา นั่นทำให้เราถอดล้าง
ทำความสะอาดได้ง่ายมาก ๆ ค่ะ ไม่มีกลิ่นหรือคราบนมติดเลย ส่วนนี้เราถอดล้างทุกวันค่ะ ถ้าใช้นมเราจะหาขวดหรือแก้วมาใส่นมที่เหลือ เพื่อไว้ใช้ในครั้งต่อไปค่ะ
เมื่อเรากดปุ่มเปิดเครื่องแล้ว ไฟสีส้มๆจะวิ่งรอบๆ เมนูกาแฟของเราค่ะ ให้เรารอจนกว่าไฟจะหยุดวิ่งแล้วติดนิ่งๆอยู่ที่ทุกๆเมนูบนหน้าปัดค่ะ
แบบในรูปเลยค่ะ ในส่วนนี้ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาทีค่ะ
พอไฟสีส้มหยุดนิ่งแบบในรูปแล้ว เราอยากทำเมนูอะไรก็ก็เลือกได้เลยค่ะ
1.Espresso
2. Coffee
3.Americano
4. Cappucino
5.Late Macchiato
6.Hot water (ตรงนี้ถ้าจะเอาน้ำร้อนเพียงอย่างเดียว เราแนะนำอย่าใส่นมทิ้งไว้ในที่ทำฟองนมนะคะ ไม่งั้นจะมีนมผสมออกมานิดหน่อยค่ะ)
อันนี้เราเลือกเป็น Cappuccino เมนูประจำของเราค่ะ เมื่อเลือกแล้วไฟสีส้มจะติดแค่เมนูที่เราเลือกค่ะ
จากนั้นเราก็สามารถปรับระดับความเข้มของกาแฟ ปริมาณน้ำ และปริมาณนมได้ค่ะ
ตามรูปนี้เลยค่ะ
1.เลือกปริมาณความเข้มกาแฟ
2.เลือกปริมาณน้ำที่ออกมากันกาแฟ
3.เลือกระดับของปริมาณนม
พอเลือกได้แล้วก็กดปุ่มทางด้นขวามือ เพื่อให้เครื่องทำงานได้เลยค่ะ
พอเครื่องทำงาน เครื่องจะปล่อยนม และฟองนมออกมาก่อนค่ะ (ในกรณีที่เลือกเมนูที่มีนมเป็นส่วนประกอบนะคะ)
พอนมและฟองนมออกมาแล้ว เครื่องก็จะทำการบดเมล็ดกาแฟสักพัก ประมาณ10 วินาที กาแฟก็จะออกมาค่ะ
ถ้าใครจะใส่น้ำตาลหรือไซรัปก็สามารถปรุงเองทีหลังได้ตามใจเลยค่ะ
แค่นี้ก็เสร็จแล้วค่า กาแฟหอมๆ ฟองนมเนียนๆ พร้อมดื่มค่ะ
ส่วนของการทำความสะอาด ก็ค่อนข้างง่ายค่ะ ตรงถาดด้านล่างนี้ เราสามารถดึงออกมาเพื่อทำความสะอาดได้เลยค่ะ
ดึงเข้าหาตัวนะคะ อย่าดึงขึ้นนะ โดยในถาดนี้ก็จะมีกากกาแฟ และน้ำที่ร่วงลงไปอยู่ค่ะ ส่วนตัวตรงนี้เราจะดึงออกมาล้าง ทุก ๆ 3 - 4 วันค่ะ
ส่วนกากกาแฟก็เก็บทุก ๆ 3 - 4 วัน เช่นกัน ( เอากากกาแฟไว้ใช้ขัดตัวค่ะ อิอิ)
ส่วนตัวค่อนข้างถูกใจกับของขวัญชิ้นนี้มากๆค่ะ เราไม่คิดเลยจริงๆว่าแฟนเราจะซื้อให้เป็นของขวัญ
หลังจากที่เค้าซื้อมาให้ ถึงวันนี้ก็ประมาณเดือนกว่าเกือบ 2 เดือน คือใช้ทุกวัน ชงทุกวัน จนเค้าบอกว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
สำหรับใครที่กำลังมองหาเครื่องชงกาแฟสำหรับติดบ้านไว้สักเครื่อง และพอมีงบหน่อย เราว่าเครื่อง Philips LatteGo3200 เครื่องนี้สะดวกดีนะคะ
ใช้งานง่าย และหลากหลายเลย มีเครื่องบดในตัว ไม่ต้องซื้อแยกเลยค่ะ ส่วนตัวเราชอบตรงที่ทำฟองนมค่ะ เพราะทำความสะอาดง่าย ล้างง่าย มาก ๆ ค่ะ
สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่ได้เข้ามาอ่านกระทู้อวด+รีวิวเล็ก ๆ น้อย ๆ กระทู้นี้ ของคนเหงา ในช่วง Work from home แบบนี้นะคะ
ขอบคุณมาก ๆค่ะ ขอให้เพื่อนๆรักษาเนื้อรักษาตัวในช่วงวิกฤต แบบนี้ให้ดี ๆ ปลอดภัย สุขภาพแข็งแรงทุกคนนะคะ สวัสดีค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้