สิ่งมีชีวิตที่วิวัฒนาการมาเพื่ออาศัยอยู่ในความมืด

โอล์ม ซาลาแมนเดอร์ไร้ดวงตา



โอล์ม เป็นซาลาแมนเดอร์รูปร่างประหลาดกว่าซาลาแมนเดอร์ชนิดอื่น ๆคือ มีรูปร่างเพรียวยาวเหมือนปลาไหลหรืองู มากกว่าจะเป็นซาลาแมนเดอร์ ยาวประมาณ 40 เซนติเมตร ผิวหนังขาวซีด ไม่มีเม็ดสี รวมทั้งไม่มีตา

เนื่องจากใช้ชีวิตอยู่ในถ้ำที่มีแต่ความมืด ไม่มีแสงสว่างส่องเข้ามาถึง ตาของมันจึงหายไปเนื่องจากไม่ได้ใช้ประโยชน์ ขาเล็กสั้น นิ้วตีนหน้ามี 3 นิ้ว และตีนหลัง 2 นิ้ว ซึ่งเป็นการลดรูปของอวัยวะที่ไม่ได้ใช้งาน มีส่วนปากยื่นยาวและแผ่กว้าง ซึ่งเป็นประสาทสัมผัส

โอล์ม กระจายพันธุ์เฉพาะในน้ำที่มีอุณหภูมิประมาณ 8 องศาเซลเซียส ในถ้ำลึกของทวีปยุโรป แถบยุโรปกลาง และยุโรปตะวันตกเฉียงใต้ เช่น สโลเวเนีย, โครเอเชีย เช่น ถ้ำโพสทอยน่าในสโลเวเนีย โดยหลบซ่อนอยู่ตามหลืบหินหรือซอกต่าง ๆ ใต้น้ำ เมื่อแรกเจอ โอล์มถูกเชื่อว่าเป็นลูกของมังกร ซึ่งพ่อแม่ของมังกรหลบอยู่ในส่วนลึกของถ้ำเข้าไปอีก
 
โอล์ม มีความไวต่อแสงมาก แม้จะไม่มีตา แต่ก็มีประสาทสัมผัสที่ดีมาก ตลอดจนมีประสาทรับรู้รสในปาก เมื่อโตเต็มที่แล้ว แต่ก็ยังคงรูปร่างเมื่อยังเป็นตัวอ่อนอยู่ คือ ไม่มีเปลือกตา มีเหงือกขนาดใหญ่เห็นเป็นพู่เหงือก และมีช่องเปิดเหงือก 2 ช่อง มีแผ่นครีบหาง มีการขยายพันธุ์ด้วยการปฏิสนธิในตัว ตัวเมียวางไข่จำนวน 50-70 ฟอง  โอล์มยังมีอีกชื่อหนึ่งว่า "ปลามนุษย์" จากการที่มีผิวขาวเหมือนชนผิวขาวนั่นเอง



นอกจากนี้แล้ว ในปี ค.ศ. 1986 ได้มีการค้นพบโอล์มดำ (P. a. parkelj) ซึ่งเป็นชนิดย่อยของโอล์ม มีส่วนปากสั้นกว่าโอล์ม แต่มีลักษณะที่แตกต่างกันอย่างเห็นชัดเจน คือ มีตาขนาดเล็กเห็นชัดเจน และสีผิวที่คล้ำกว่า รวมทั้งมีความกระฉับกระเฉงว่องไวกว่า มีความยาว 40 เซนติเมตรเท่ากัน โอล์มดำ เป็นสิ่งมีชีวิตเฉพาะถิ่นที่พบได้ในลำธารใต้ดินใกล้กับเมือง คอร์โนเมลจ์ ในสโลเวเนียเท่านั้น การขยายพันธุ์ของโอล์มดำนั้น ยังไม่เป็นที่ทราบกันโดยแน่ชัด
ที่มา
http://www.edgeofexistence.org/amphibians/species_info.php?id=563
Cr.http://www.nextsteptv.com/ โอล์มolm/   by admin 

Cave Fish ปลาถ้ำไร้ตาที่ใช้ชีวิตในถ้ำอันมืดมิด


พบปลาชนิดหนึ่งซึ่งอยู่ใต้ทะเลลึก Mexican Cave Fish ที่มีความสามารถแหวกว่ายไปในน้ำที่มืดมิดโดยไม่ต้องการมองเห็นใดๆ
ทั้งนี้นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Lund ในประเทศสวีเดนได้ทำการสังเกตพฤติกรรมของปลา Mexican cave fish ซึ่งเป็นสัตว์ที่กินพืชและสัตว์  โดยไม่มีตาและอาศัยใต้น้ำภายในถ้ำมืดที่ซึ่งไม่ได้มีอาหารให้กินมากนัก

โดยจากการศึกษาพบว่าเจ้าปลาชนิดนี้มีความต้องการบริโภคอาหารในระดับต่ำเนื่องจากมันไม่มีดวงตาที่ต้องใช้พลังงานในการมองค่อนข้างมาก
จากการศึกษาดังกล่าวยังพบว่าปลาถ้ำชนิดต่างๆไม่ว่าจะเป็น Mexican Tetra หรือปลาถ้ำที่ไร้สมรรถภาพทางการมองเห็นนั้นสามารถใช้อวัยวะในการสัมผัสหรือที่เรียกว่า “literal line” ในการตรวจความเคลื่อนไหวต่างๆในน้ำเพื่อให้รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในตอนนั้นๆบ้าง
(ปลาถ้ำตาบอดใช้อวัยวะรับความรู้สึกเรียกว่าเส้นด้านข้างที่ตรวจจับการสั่นสะเทือนและการเคลื่อนไหวในน้ำเพื่อแสดงตำแหน่งที่มันกำลังจะไป)

จากการที่มันไม่มีดวงตาทำให้มันได้ประโยชน์จากการใช้พลังงานได้มากที่สุดถึง 15 เปอร์เซ็นต์ซึ่งแปรผันตามอายุและปัจจัยอื่นๆซึ่งทำให้การได้รับสารอาหารเพียงเล็กน้อยก็พอต่อการอยู่รอดใช้ชีวิตของมันได้แล้ว

น่าแปลกประหลาดไม่น้อยกับความสามารถทางธรรมชาติของปลาถ้ำน้ำลึกทั้งหลายที่ไม่มีตาและไม่ต้องการอาหารแต่ก็ดำรงชีวิตต่อไปได้ซึ่งภายใต้มหาสมุทรอันกว้างใหญ่นี้
ที่มา
https://www.cnet.com/news/what-big-eyes-you-have-the-better-to-expend-energy-with-says-new-study/
https://www.sciencenews.org/article/loss-vision-meant-energy-savings-cavefish
Cr.https://65blogs.com/travel/eyeless-cave-fish-is-able-to-survive-with-few-foods/

แมงมุมนักล่าไร้สายตา (Sinopoda scurion) 


นักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านแมงมุมชาวเยอรมัน Peter Jäger แห่ง Senckenberg Research Institute ประเทศเยอรมนี ได้เข้าไปสำรวจเก็บตัวอย่างแมงมุมที่ถ้ำแม่น้ำเซบั้งไฟ (Xe Bang Fai cave) และถ้ำน้ำลอดในประเทศลาวมาเป็นเวลาหลายปี 

หลังจากการจำแนกชนิดแมงมุมที่เก็บมา ก็พบว่าตัวอย่างที่เขาเก็บมามีแมงมุมขายาวหรือ huntsman spider สปีชีส์ใหม่ในสกุล Sinopoda วงศ์ Sparassidae ถึง 9 สปีชีส์ (ไม่รวมตัวอ่อนที่ยังไม่สามารถจำแนกสปีชีส์ได้)  หนึ่งในแมงมุมสปีชีส์ใหม่นั้น มีอยู่สปีชีส์หนึ่งที่ไร้ดวงตาโดยสิ้นเชิง นับเป็นครั้งแรกที่พบแมงมุมไร้ตาในวงศ์ Sparassidae

โดยปกติแมงมุมขายาวก็มีตา 8 ตาเหมือนแมงมุมส่วนใหญ่ แต่แมงมุมที่ Peter Jäger เก็บมาจากระบบถ้ำเซบั้งไฟที่ลาวนั้น มีทั้งสปีชีส์ที่มี 8 ตาสมบูรณ์, 8 ตาแต่ดวงเล็ก, 6 ตาเล็กๆ, 4 ตา, 2 ตา, และไม่มีดวงตาเลย

แมงมุมขายาวไร้ตาสปีชีส์ใหม่ที่เพิ่งค้นพบนี้ได้ชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Sinopoda scurion ซึ่งคำว่า "scurion" มาจากชื่อบริษัทตะเกียงส่องถ้ำสัญชาติสวิส Scurion นี่ก็เป็นเรื่องหายากพอสมควรที่นักวิทยาศาสตร์จะสำนึกบุญคุณของอุปกรณ์จนเอามาตั้งเป็นชื่อสปีชีส์ใหม่ 
Peter Jäger บอกว่าตะเกียงของ Scurion มอบแสงสว่างให้เขาในมุมถ้ำที่มืดมิด เขาจึงเก็บตัวอย่างได้อย่างปลอดภัย ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนงูหรือแมงป่องซุ่มทำร้ายโดยไม่รู้ตัว
ที่มา - Sci-news, Science Daily, Live Science
ภาพจาก Sci-news และ Science Daily; เครดิต Senckenberg Research Institute
Cr.https://jusci.net/node/2760 /  By: terminus 

ปลาสุดประหลาดไม่มีดวงตา และมีฟันประดุจเข็ม


ถ้ามีสถานที่แห่งหนึ่งในโลกที่คุณคิดว่าจะสามารถพบสัตว์ประหลาดอย่างเอเลี่ยนในทะเลลึกได้ สถานที่นั้นคือ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อกลุ่มนักตกปลากำลังตกปลาอยู่ที่อุทยานแห่งชาติ Kakadu ทางตอนเหนือของประเทศออสเตรเลีย แต่เบ็ดของพวกเขาไปติดเข้ากับสิ่งที่ไม่คาดคิด

เหล่านักตกปลาหยุดเรือและดึงปลาประหลาดบางอย่างขึ้นมาจากน้ำ มันมีลำตัวยาว 15 เซนติเมตร มีรูปร่างคล้ายหนอน ไม่มีดวงตาและมีปากที่แหลมคม ซึ่งเป็นสายพันธุ์หายากที่นาน ๆ ครั้งจะพบเห็น สิ่งมีชีวิตนี้มีลักษณะเหมือนทะลุออกมาจากหนังสยองขวัญเรื่อง Alien ในปี 1979
Tee Hokin ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว ABC News ว่า “มันมีสีน้ำตาลอมม่วง และมีหัวที่แปลกประหลาดจริง ๆ ร่างกายของมันเหมือนปลาไหลแต่มันไม่เคลื่อนที่หรือกระดิกตัวใด ๆ เลย”

สำนักงานข่าว ABC ได้นำภาพสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดนี้ไปให้ Michael Hammer ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ปลาที่ The Museum and Art Gallery เขาระบุว่าสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดนี้มีลักษณะคล้ายปลาบู่เขือคางยื่น และในขณะเดียวกันเขาไม่สามารถระบุชนิดปลาจากภาพได้เพียงอย่างเดียวเขาบอกว่ามันอาจจะมาจากสายพันธุ์เดียวกันกับปลาบู่เขือ (Taenioides)

เราทราบว่าสายพันธุ์อื่น ๆ ในจำพวกนี้กินกุ้งและปลาขนาดเล็กแต่เท่าที่ทราบคือ การสืบพันธุ์, ถิ่นที่อยู่อาศัย, เพศ และพฤติกรรมของพวกมันมีข้อมูลน้อยมาก เพราะปลาบู่เขือมีแนวโน้มว่าทั้งชีวิตมันอาศัยอยู่ใต้โคลนเลยไม่ค่อยมีใครได้เห็นพวกมัน  มีโอกาสว่าการค้นพบนี้อาจเป็นสัตว์น้ำสายพันธุ์ใหม่
Cr. http://realmetro.com/rare-fish-no-eyes-needle-teeth/

" มดจากดาวอังคาร "


 Martialis heureka ที่พบอาศัยอยู่ใต้ดินใจกลางป่าอะเมซอน มีสีซีดกว่ามดทั่วไป จงอยปากใหญ่ และไม่มีตา  

นักชีววิทยาพบมดชนิดใหม่ ที่มีลักษณะแปลกประหลาดนี้ กลางป่าอะเมซอน  และยังเป็นเผ่าพันธุ์ที่อยู่ยืนยงบนโลก มานานถึง 120 ล้านปีแล้ว มดชนิดใหม่ที่นักวิจัยเพิ่งค้นพบนี้มีชื่อว่า มาร์เทียลิส ฮิวเรกา (Martialis heureka) ซึ่งมีความหมายว่า "มดจากดาวอังคาร" (ant from Mars)
เนื่องจากมีรูปร่างแปลกประหลาดกว่ามดทั่วไป ซึ่งมดชนิดนี้มีการปรับตัว ให้สามารถอาศัยอยู่ใต้ดินได้เป็นอย่างดี มีขนาดยาวประมาณ 2-3 มิลลิเมตร มีสีซีดๆ จงอยปากใหญ่มาก และไม่มีตา

นักวิจัยได้แยกเอาดีเอ็นเอของมดจากบริเวณขามาศึกษา พบว่าเป็นมดสปีชีส์ใหม่ สกุลใหม่ และยังจัดอยู่ในวงศ์ย่อย (subfamily) วงศ์ใหม่อีกด้วย และเป็นครั้งแรกที่แยกวงศ์ย่อยของมดจากตัวอย่างที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งค้นพบตั้งแต่ปี 2467 โดยที่ผ่านมาแยกวงศ์ย่อยของมดได้จากตัวอย่างมดที่เป็นฟอสซิล น่าสนใจว่าการขาดดวงตานั้นถูกจับคู่กับการปรับแต่งที่ไม่เหมือนใคร ขากรรไกรล่างยาวซึ่งตัดกันเหมือนแหนบดูเหมือนจะช่วยในการดึงเหยื่อจากรอยแตกที่มืด

จากการวิเคราะห์ดีเอ็นเอของมด นักวิจัยยังพบอีกว่า มดชนิดนี้มีวิวัฒนาการ อยู่ในส่วนฐานของลำดับการวิวัฒนาการของมด และคำนวณอายุย้อนหลังไปได้ราว 120 ล้านปี ซึ่งมดนั้นแยกเผ่าพันธุ์มาจากบรรพบุรุษของสัตว์ จำพวกต่อแตนมานานกว่า 120 ล้านปี และวิวัฒนาการต่อมาอย่างรวดเร็วจนมีหลากหลายชนิด ที่ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในดิน หรือใต้ใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมาทับถมกัน
(ภาพจาก Christian Rabeling, the University of Texas at Austin)
Cr.https://sites.google.com/site/mayink14/md-paelk

Lobster Sea Deep Blind



กุ้งก้ามกรามทะเลลึก ชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า  Dinochelus ausubeli  เพิ่งได้รับการค้นพบใหม่และตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ Jesse Ausubel ผู้ร่วมก่อตั้งสำมะโนประชากรของทะเล 
Dinochelus ausubeli  ถูกค้นพบโดยนักวิทยาศาสตร์สามคนระดับโลก  ในน้ำทะเลลึกใกล้กับฟิลิปปินส์  มีคุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดคือกรงเล็บอันใหญ่ที่มีหนามที่ยาวมากเพื่อจับเหยื่อเพื่อชดเชยสำหรับการขาดตาเมื่อหาอาหาร    Dinochelus มาจากคำภาษากรีก  ดิโนหมายถึงน่ากลัวและน่ากลัว  และเชลลัสหมายถึงเล็บ

ที่มา
https://phys.org/news/2011-02-newly-deep-sea-lobster-rockefellers.html
Cr.https://bestglitz.com/thailand/สัตว์ที่ไม่มีดวงตาที่พ/

Cryptotora thamicola  ปลาผีเสื้อถ้ำ


การค้นพบของทีมแม่โจ้และนิวเจอร์ซีพบว่า ปลาผีเสื้อถ้ำ หรือ Cryptotora thamicola  เป็นปลาที่ไม่มีตา ไม่มีสี ลำตัวผอมลีบ และมีครีบที่ใหญ่มาก  ที่อยู่ในถ้ำภาคเหนือของไทยสามารถปีนก้อนหิน ผ่านสายน้ำตกในถ้ำได้ มีกระดูกเชิงกรานด้วย  การค้นพบนี้น่าประหลาดใจอย่างมาก โดยครีบปลาทั่วไปนั้นใช้ในการดันน้ำ ไม่ใช่ไว้ดันตัวมันเองจากพื้น 
 
พวกเขาใช้วิธีเอาตัวอย่างดองในพิพิธภัณฑ์มาแสกนด้วยเครื่อง CT-scan ทำเป็นภาพ 3 มิติของกายวิภาคมัน  สิ่งที่พบจากภาพ 3 มิติกระดูก ก็คือ กระดูกเชิงกรานของปลาผีเสื้อถ้ำนั้นไม่ได้เป็นแค่ชิ้นเล็กๆ คู่หนึ่ง ลอยอยู่ในเนื้อปลาเหมือนกับปลาทั่วไปซึ่งใช้สำหรับการพยุงครีบคู่หลังเท่านั้น 

แต่กระดูกเชิงกรานของปลาผีเสื้อเชื่อมต่อกับกระดูกสันหลังผ่านกระดูกซี่โครงซึ่งยื่นยาวออกมา เหมือนกับของสัตว์บกสี่ขา และทำให้มันสามารถยกตัวขึ้นจากพื้นได้ด้วยระยางค์คู่หลัง   
การค้นพบว่าปลาผีเสื้อถ้ำ คล้ายกับ "บรรพบุรุษสัตว์น้ำ" ของมนุษย์นั้นเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก เป็นไปได้ว่าพวกบรรพบุรุษของเราที่เคยเป็นปลาเดินได้ตั้งแต่เมื่อ 400 ล้านปีก่อน จะเคลื่อนที่ด้วยวิธีที่ปลาผีเสื้อถ้ำทำอยู่ในปัจจุบันนี้
ที่มา
http://www.nytimes.com/…/researchers-find-fish-that-walks-t…
ข้อมูลปลาผีเสื้อถ้ำ http://www.siamensis.org/species_index… : Cryptotora thamicola
Cr.https://th-th.facebook.com/witcastthailand/posts/1105138909548946/

(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่