รัฐใดสามารถ test จำนวนคนได้มากพอ ก็จะ
- สามารถ contain ผู้ติดเชื้อได้มากเท่านั้น
- สามารถ contact tracing บรรดาผู้มีโอกาสเสี่ยงจากผู้ติดเชื้อคนดังกล่าวนั้น และนำไปสู่การ test และ contain พวกเขาเหล่านั้นได้เช่นกัน
- เมื่อรัฐสามารถ contain การติดเชื้อได้ด้วยวิธี testing รัฐก็ไม่จำเป็นต้อง lock down ไม่ทำร้ายเศรษฐกิจ บิลเกตส์ให้ดูยุทธวิธีของเกาหลีใต้เป็นตัวอย่าง
Bill Gates ยังกล่าวอีกว่า
- ในเมื่อ throat swab ทำให้ผู้ต้องสงสัยติดเชื้อระคายเคืองและไอเอาเชื้อออกมา
เป็นความเสี่ยงต่อบุคลากรทางการแพทย์ อีกทั้งลำพัง nose swab ก็มีความถูกต้องแล้วระดับหนึ่ง ดังนั้นควรทำ nose swab ก็พอ
- ประเทศต่าง ๆ ควรเสริมกำลังผลิตเครื่อง PCR ให้รองรับการตรวจได้มากที่สุด
และอีกหน่อยควรมีชุด kit ที่คนสามารถส่งตัวอย่างได้ทางไปรษณีย์
- และอีก 6 เดือนจะมีชุด paper testing ที่ทุกคนสามารถทดสอบด้วยตัวเองได้ที่บ้านเลย
- ประเด็นข้อเสนอเรื่อง herd immunity ให้ลืมไปได้เลย ถ้าสหรัฐฯ มี herd immunity ก็เท่ากับผู้ติดเชื้อ 150 ล้าน นั่นหมายถึงมีคนตายอย่างน้อย 4 ล้าน
และแน่นอนว่าโรงพยาบาลล้นขีดจำกัดไปไม่รู้กี่เท่า
- วิธีแก้ปัญหาคือถ้า test ไม่ทันอย่างที่เกาหลีใต้ทำในเดือนกุมภาพันธ์ ก็ให้ lockdown ก่อนแล้วเร่ง test เพื่อ contain เมื่อควบคุมได้แล้วจึงค่อย ๆ ปลดการ lockdown โดยที่ยังปูพรม test/contact tracing เหมือนเดิมเพื่อ contain
- กับประเด็นที่ว่าเมื่อ reopen หลังจาก lockdown แล้วจะมีการแพร่กระจายขึ้นอีกครั้งไหม
บิลเกตส์กล่าวว่าเมื่อเกิดอุบัติการณ์ใหม่ ๆ ยังไม่มีการ contain ค่าการแพร่ต่อ R
0 (R naught) จะสูงมากทำให้อัตราการติดเชื้อเป็น exponential
ทว่าในประเทศจีนเมื่อการ contain ด้วย testing ส่งผลให้ค่าการแพร่ต่อ R
0 ต่ำกว่า 1 ก็มีผลในทางตรงข้ามคือจะมีอัตราการติดเชื้อเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
- เมื่อถูกถามว่าถ้าบิลเกตส์ได้เป็นประธานาธิบดีหนึ่งเดือนจะทำยังไง บิลเกตส์กล่าวว่าในสหรัฐฯการ lockdown เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำ เพราะไม่ได้ contain ด้วยการ testing ตั้งแต่ต้น ถ้าถามว่าต้องนานแค่ไหน เปรียบเทียบ Wuhan ที่ lockdown เป็นเวลาหกสัปดาห์และสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ และหลังจาก lockdown สองสัปดาห์เนสจะเห็นตัวเลขการติดเชื้อลดลงชัดเจน แต่แน่นอนว่าต้องแลกมาด้วยเงินงบประมาณและความเจ็บปวดทางเศรษฐกิจ ซึ่งสามารถกู้กลับคืนได้ และนั่นคุ้มเสมอเมื่อเทียบกับการสูญเสียชีวิตคนที่ไม่มีวันกู้กลับคืนมาได้
- เมื่อถูกถามว่าสำหรับประเทศกำลังพัฒนาควรทำอย่างไร บิลเกตส์กล่าวว่ามันเป็นการยากที่จะได้คนหาเช้ากินค่ำต้องถูก lockdown อย่างคนในประเทศที่ร่ำรวยกว่า เพราะจะทำให้ชีวิตพวกเค้าลำบากมาก สิ่งที่เราควรทำคือเร่งจัดทำชุด testing ราคาถูกให้ได้เร็วที่สุด เร่งหาตัวยาที่ได้ผลเร็วที่สุดเพื่อลดจำนวนผู้ที่จำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งประเทศกำลังพัฒนามีไม่เท่าประเทศร่ำรวย สุดท้ายเร่งวิจัยวัคซีนให้เร็วที่สุดเพื่อจบปัญหาทั้งหมด แต่คงไม่ต่ำกว่า 18 เดือนจากนี้
- เมื่อถูกถามว่าตัวยาใดจะได้ผลในการรักษาจริง บิลเกตส์กล่าวว่าทั่วโลกกำลังทำการทดลองเพื่อหาคำตอบนี้จากตัวยา 20 กว่ารายการ สุดท้ายน่าจะมี 3-4 ตัวที่มีผลเป็นบวก เพื่อใช้ในระดับอาการต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ
- เมื่อถูกถามว่ามีความคิดเห็นเรื่องการใช้ antibody จากผู้ที่หายแล้วอย่างไร บิลเกตส์กล่าวว่าเรื่องนี้มีความยุ่งยากและได้ปริมาณมาใช้น้อยมาก เมื่อเทียบกับการที่เราจะมียาที่ได้ผลและสามารถผลิตปริมาณมาก ๆ ได้
- บิลเกตส์กล่าวว่าอีกสองสามปีหลังจากนี้ เราควรจะมีเทคโนโลยีที่พร้อมตั้งรับเชื้อตัวใหม่ได้ทันท่วงทีมากขึ้น ชุดทดสอบจะสามารถถูกผลิตระดับพันล้านชุดได้ในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ยาอะไรที่ได้ผลจะได้คำตอบในเวลาไล่เลี่ยกัน รวมถึงวัคซีนจะพร้อมในเวลาหกเดือน ครั้งนี้เป็นบทเรียนและเราจะป้องกันไม่ให้เกิดขี้นอีกได้
(ความคิดเห็น)
ตลอดเทปการสัมภาษณ์ ผมว่ามันน่าทึ่งว่าเศรษฐีติดดินใจบุญ อดีต software engineer จะมีวิสัยทัศน์เกี่ยวกับเรื่องสาธารณสุขได้ขนาดนี้
ผมอดคิดไม่ได้ว่าถ้า windows phone ไม่เหลว เราอาจมีมือถือครบสามค่าย ...นั่นเป็นเรื่องที่น่าเสียดายไม่น้อย
ผมแอบคิดว่าถ้าบิลเกตส์มีความสนใจทางการเมืองสักนิด ยุคสมัยของประธานาธิบดีคนนี้จะเป็นยังไง
เสียดายที่บิลเกตส์บอกตั้งแต่แรกว่าเค้าไม่สนใจการเมือง เพราะเค้าคิดว่าเค้าสามารถมีส่วนร่วมต่อสังคมในมิติอื่นได้เสมอโดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง
ใครคิดถึงบิลเกตส์ หรืออยากฟังจากปากตัวเป็น ๆ คลิกครับ
How we must respond to the COVID-19 pandemic | Bill Gates
1,035,700 views
26 Mar 2020
https://www.youtube.com/watch?v=Xe8fIjxicoo
Bill Gates ให้เหตุผลว่าทำไม testing จึงเป็นกุญแจ เป็นแสงสว่าง เป็นทางออกปัญหา COVID-19
- สามารถ contain ผู้ติดเชื้อได้มากเท่านั้น
- สามารถ contact tracing บรรดาผู้มีโอกาสเสี่ยงจากผู้ติดเชื้อคนดังกล่าวนั้น และนำไปสู่การ test และ contain พวกเขาเหล่านั้นได้เช่นกัน
- เมื่อรัฐสามารถ contain การติดเชื้อได้ด้วยวิธี testing รัฐก็ไม่จำเป็นต้อง lock down ไม่ทำร้ายเศรษฐกิจ บิลเกตส์ให้ดูยุทธวิธีของเกาหลีใต้เป็นตัวอย่าง
Bill Gates ยังกล่าวอีกว่า
- ในเมื่อ throat swab ทำให้ผู้ต้องสงสัยติดเชื้อระคายเคืองและไอเอาเชื้อออกมา
เป็นความเสี่ยงต่อบุคลากรทางการแพทย์ อีกทั้งลำพัง nose swab ก็มีความถูกต้องแล้วระดับหนึ่ง ดังนั้นควรทำ nose swab ก็พอ
- ประเทศต่าง ๆ ควรเสริมกำลังผลิตเครื่อง PCR ให้รองรับการตรวจได้มากที่สุด
และอีกหน่อยควรมีชุด kit ที่คนสามารถส่งตัวอย่างได้ทางไปรษณีย์
- และอีก 6 เดือนจะมีชุด paper testing ที่ทุกคนสามารถทดสอบด้วยตัวเองได้ที่บ้านเลย
- ประเด็นข้อเสนอเรื่อง herd immunity ให้ลืมไปได้เลย ถ้าสหรัฐฯ มี herd immunity ก็เท่ากับผู้ติดเชื้อ 150 ล้าน นั่นหมายถึงมีคนตายอย่างน้อย 4 ล้าน
และแน่นอนว่าโรงพยาบาลล้นขีดจำกัดไปไม่รู้กี่เท่า
- วิธีแก้ปัญหาคือถ้า test ไม่ทันอย่างที่เกาหลีใต้ทำในเดือนกุมภาพันธ์ ก็ให้ lockdown ก่อนแล้วเร่ง test เพื่อ contain เมื่อควบคุมได้แล้วจึงค่อย ๆ ปลดการ lockdown โดยที่ยังปูพรม test/contact tracing เหมือนเดิมเพื่อ contain
- กับประเด็นที่ว่าเมื่อ reopen หลังจาก lockdown แล้วจะมีการแพร่กระจายขึ้นอีกครั้งไหม
บิลเกตส์กล่าวว่าเมื่อเกิดอุบัติการณ์ใหม่ ๆ ยังไม่มีการ contain ค่าการแพร่ต่อ R0 (R naught) จะสูงมากทำให้อัตราการติดเชื้อเป็น exponential
ทว่าในประเทศจีนเมื่อการ contain ด้วย testing ส่งผลให้ค่าการแพร่ต่อ R0 ต่ำกว่า 1 ก็มีผลในทางตรงข้ามคือจะมีอัตราการติดเชื้อเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
- เมื่อถูกถามว่าถ้าบิลเกตส์ได้เป็นประธานาธิบดีหนึ่งเดือนจะทำยังไง บิลเกตส์กล่าวว่าในสหรัฐฯการ lockdown เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำ เพราะไม่ได้ contain ด้วยการ testing ตั้งแต่ต้น ถ้าถามว่าต้องนานแค่ไหน เปรียบเทียบ Wuhan ที่ lockdown เป็นเวลาหกสัปดาห์และสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ และหลังจาก lockdown สองสัปดาห์เนสจะเห็นตัวเลขการติดเชื้อลดลงชัดเจน แต่แน่นอนว่าต้องแลกมาด้วยเงินงบประมาณและความเจ็บปวดทางเศรษฐกิจ ซึ่งสามารถกู้กลับคืนได้ และนั่นคุ้มเสมอเมื่อเทียบกับการสูญเสียชีวิตคนที่ไม่มีวันกู้กลับคืนมาได้
- เมื่อถูกถามว่าสำหรับประเทศกำลังพัฒนาควรทำอย่างไร บิลเกตส์กล่าวว่ามันเป็นการยากที่จะได้คนหาเช้ากินค่ำต้องถูก lockdown อย่างคนในประเทศที่ร่ำรวยกว่า เพราะจะทำให้ชีวิตพวกเค้าลำบากมาก สิ่งที่เราควรทำคือเร่งจัดทำชุด testing ราคาถูกให้ได้เร็วที่สุด เร่งหาตัวยาที่ได้ผลเร็วที่สุดเพื่อลดจำนวนผู้ที่จำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งประเทศกำลังพัฒนามีไม่เท่าประเทศร่ำรวย สุดท้ายเร่งวิจัยวัคซีนให้เร็วที่สุดเพื่อจบปัญหาทั้งหมด แต่คงไม่ต่ำกว่า 18 เดือนจากนี้
- เมื่อถูกถามว่าตัวยาใดจะได้ผลในการรักษาจริง บิลเกตส์กล่าวว่าทั่วโลกกำลังทำการทดลองเพื่อหาคำตอบนี้จากตัวยา 20 กว่ารายการ สุดท้ายน่าจะมี 3-4 ตัวที่มีผลเป็นบวก เพื่อใช้ในระดับอาการต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ
- เมื่อถูกถามว่ามีความคิดเห็นเรื่องการใช้ antibody จากผู้ที่หายแล้วอย่างไร บิลเกตส์กล่าวว่าเรื่องนี้มีความยุ่งยากและได้ปริมาณมาใช้น้อยมาก เมื่อเทียบกับการที่เราจะมียาที่ได้ผลและสามารถผลิตปริมาณมาก ๆ ได้
- บิลเกตส์กล่าวว่าอีกสองสามปีหลังจากนี้ เราควรจะมีเทคโนโลยีที่พร้อมตั้งรับเชื้อตัวใหม่ได้ทันท่วงทีมากขึ้น ชุดทดสอบจะสามารถถูกผลิตระดับพันล้านชุดได้ในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ยาอะไรที่ได้ผลจะได้คำตอบในเวลาไล่เลี่ยกัน รวมถึงวัคซีนจะพร้อมในเวลาหกเดือน ครั้งนี้เป็นบทเรียนและเราจะป้องกันไม่ให้เกิดขี้นอีกได้
(ความคิดเห็น)
ตลอดเทปการสัมภาษณ์ ผมว่ามันน่าทึ่งว่าเศรษฐีติดดินใจบุญ อดีต software engineer จะมีวิสัยทัศน์เกี่ยวกับเรื่องสาธารณสุขได้ขนาดนี้
ผมอดคิดไม่ได้ว่าถ้า windows phone ไม่เหลว เราอาจมีมือถือครบสามค่าย ...นั่นเป็นเรื่องที่น่าเสียดายไม่น้อย
ผมแอบคิดว่าถ้าบิลเกตส์มีความสนใจทางการเมืองสักนิด ยุคสมัยของประธานาธิบดีคนนี้จะเป็นยังไง
เสียดายที่บิลเกตส์บอกตั้งแต่แรกว่าเค้าไม่สนใจการเมือง เพราะเค้าคิดว่าเค้าสามารถมีส่วนร่วมต่อสังคมในมิติอื่นได้เสมอโดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง
ใครคิดถึงบิลเกตส์ หรืออยากฟังจากปากตัวเป็น ๆ คลิกครับ
How we must respond to the COVID-19 pandemic | Bill Gates
1,035,700 views
26 Mar 2020
https://www.youtube.com/watch?v=Xe8fIjxicoo