คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
ล็อกอินเข้ามาตอบโดยเฉพาะเลยค่ะ5555
เราเนี่ยแหละคนเป็นเมื่อ 4 ปีก่อนแต่เป็นเส้นเลือดแตกนะ ไม่ใช่ตีบ เป็นแบบลักษณะinnateเหมือนกันค่ะ
เส้นเลือดผิดปรกติแต่กำเนิด(AVM)
ตอนเป็นอายุพอๆ กับแฟนน้องเลยค่ะ ตอนนั้นอายุ 23 ตอนเกิดเหตุกว่าจะรักษาทิ้งไว้เป็นวันด้วยนะคะ
เพราะตอนนั้นพี่ไปเที่ยวตปท.กับเพื่อน แตกตอนเช็คเอ้าพอดี กว่าจะเดินทางกลับไทย คุยกับทางนั้นให้ยอมกลับได้
มาถึงไทยหมอต้องมีคลำ มาซักประวัติ รวมแล้วประมาณ 1 วัน พ้นสิ่งที่เค้าเรียกว่า Golden hour หรือ 6 ชม.แรก
ถ้ารักษาทันท่วงทีจะ recover ได้เยอะ
พี่ไม่ได้อยากให้กำลังใจน้องเลื่อนลอยนะคะ แต่ตอนนั้นที่พี่เป็น เป็นแบบแฟนน้องทุกอย่าง
ตั้งเเต่ต้องผ่าตัดเปิดกระโหลก พี่พูดไม่ได้ กินข้าว-น้ำไม่ได้ เดินไม่ได้ ขยับตัวไม่ได้ ขยับเเขนยังไม่ได้
พูดง่ายๆ ตอนที่รู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้นพี่ก็มีคิดสั้นค่ะ แต่ไม่มีปัญญาแม้แต่จะฆ่าตัวตาย
พี่สลบไปแบบไม่รู้เรื่องเลย 1 อาทิตย์เต็มๆ หลังผ่าตัด และนอนรพ.เป็นผักต่อ 2 เดือน
สามารถ response คนรอบตัวได้ง่ายๆ เท่านั้น กินอาหารก็เป็นอาหารเหลวผ่านทางสายยางเหมือนแฟนน้องเลย
ทุกวันนี้ผ่านมา 4 ปี อย่างที่ว่าแก้วที่ร้าวเเล้ว เอามาปะติดกันยังไงก็มีรอยให้เห็น
พี่ไม่ได้หาย 100% ค่ะ แต่ถ้ามองจากภายนอก ถ้าไม่สังเกตหรือคุยกันนานๆ จะไม่รู้
เพราะเนื่องจากสมองส่วนที่กระทบคือสมองน้อยส่วนที่เรียกว่า Cerebellum
มันมีผลต่อการเดินและการพูด สายตาด้วย พี่จะเขียนหนังสือลำบาก พี่ก็ใช้พิมพ์เอาค่ะ
เดินเฉในบางครั้งและออกเสียงไม่คมในบางพยัญชนะ ทำให้มีความมั่นใจในการออกสังคมบ้างเหมือนกัน
แต่ความสามารถด้านอื่น เช่น การพิมพ์ การคิด ความจำไม่กระทบ ใครยืมเงินพอพูดได้ปั๊ป ทวงดะเลยค่ะ555
ถ้าพี่พิมพ์ผิดคือเพราะง่วงนะคะ ไม่มีอื่นใด5555
ทำไมถึงฟื้นตัวมาได้? อันนี้ต้องขอบคุณคุณแม่เลยค่ะ ตอนที่เป็นแม่ทำให้ทุกอย่าง
ทำกายภาพสม่ำเสมอ เพราะในช่วงปีแรกคือช่วงเวลาที่จะเกิดการrecoverได้เยอะ(อันนี้หมอบอกมา)
พี่คิดว่ากำลังใจจากคนรอบข้างสำคัญมากนะคะ ตอนนั้นพี่มีทั้งเพื่อน อาจารย์และครอบครัวที่ซัพพอร์ตมากๆ
ถึงจะไม่อยากอยู่แค่ไหนก็จะคิดว่าจะอยู่เพื่อเค้า กลัวเค้าเสียใจนี่แหละค่ะ
พี่เข้าใจความรู้สึกน้องดีมากๆๆๆ คือตอนที่เป็นบอกตรงๆ เลยว่าพี่พูดซ้ำจนคนรอบตัวจิตตก
ว่าพี่ "โชคร้ายที่รอด ถ้าโชคดีกว่านี้ก็คงตายไปแล้ว"
คือตอนนั้นพี่เรียนเภสัช มอรัฐกำลังจะจบค่ะ ชีวิตและอนาคตกำลังจะไปได้สวยทุกทาง
สังคมดี เพื่อนดี ชีวิตดี อนาคตดี แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนมีคนมาดับไฟอะ มันมืดไปหมด
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว เราก็แก้ไม่ได้อะ ในเมื่อ Plan A ใช้ไม่ได้ พี่ก็มองหา Plan B ต่อไป
จนถึง C, D, F หรืออะไรก็ได้ที่มันแมทซ์กับสิ่งที่เราทำได้ จนตอนนี้เจอแล้วค่ะ
แล้วถ้าเทียบกันแล้วก็น่าจะดีกว่า Plan A ที่มีตอนแรก
ที่เล่ามาอยากจะสื่อถึงน้องว่า อย่าเพิ่งท้อที่แฟนน้องยังไม่โอเคทั้งๆ ที่ผ่านมา 5 อาทิตย์แล้วนะคะ
ตอนนี้นพี่ก็ไม่ต่างค่ะ และถ้ากลับมาแล้วก็ขยันทำกายภาพนะ
อย่าตีอกชกตัวว่าอนาคคจบแล้ว จะทำยังไงดี ในเมื่อทำPlan A ไม่ได้ ก็หา B C D สิคะ
จากศักยภาพของเรา ให้รู้ไปเลยว่าเราไม่ยอมแพ้หรอก
อันนี้ในกรณีที่แฟนน้องดีขึ้น แต่ถ้าเค้ายังติดเตียง เรายังสาว ก็น่าคิดถึงตัวเองน้าา
ส่วนเรื่องคำพูดของหมอ เค้าต้องพูดให้เป็น Worst case ไว้ก่อนอยู่เเล้วค่ะ
เช่น ทุกครั้งที่พี่ไปอุดกาวเส้นเลือดสมอง หมอจะแจ้งว่ามีโอกาสจะตาบอด เดินไม่ได้
แรกๆ แม่พี่ฟังคือเป็นลมใส่หมอเลย พอรู้สึกตัวพี่จะต้องรีบเช็คตัวเองเลยค่ะ ว่ามองเห็นอยู่มั้ย5555
สุดท้ายนี้สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
เราเนี่ยแหละคนเป็นเมื่อ 4 ปีก่อนแต่เป็นเส้นเลือดแตกนะ ไม่ใช่ตีบ เป็นแบบลักษณะinnateเหมือนกันค่ะ
เส้นเลือดผิดปรกติแต่กำเนิด(AVM)
ตอนเป็นอายุพอๆ กับแฟนน้องเลยค่ะ ตอนนั้นอายุ 23 ตอนเกิดเหตุกว่าจะรักษาทิ้งไว้เป็นวันด้วยนะคะ
เพราะตอนนั้นพี่ไปเที่ยวตปท.กับเพื่อน แตกตอนเช็คเอ้าพอดี กว่าจะเดินทางกลับไทย คุยกับทางนั้นให้ยอมกลับได้
มาถึงไทยหมอต้องมีคลำ มาซักประวัติ รวมแล้วประมาณ 1 วัน พ้นสิ่งที่เค้าเรียกว่า Golden hour หรือ 6 ชม.แรก
ถ้ารักษาทันท่วงทีจะ recover ได้เยอะ
พี่ไม่ได้อยากให้กำลังใจน้องเลื่อนลอยนะคะ แต่ตอนนั้นที่พี่เป็น เป็นแบบแฟนน้องทุกอย่าง
ตั้งเเต่ต้องผ่าตัดเปิดกระโหลก พี่พูดไม่ได้ กินข้าว-น้ำไม่ได้ เดินไม่ได้ ขยับตัวไม่ได้ ขยับเเขนยังไม่ได้
พูดง่ายๆ ตอนที่รู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้นพี่ก็มีคิดสั้นค่ะ แต่ไม่มีปัญญาแม้แต่จะฆ่าตัวตาย
พี่สลบไปแบบไม่รู้เรื่องเลย 1 อาทิตย์เต็มๆ หลังผ่าตัด และนอนรพ.เป็นผักต่อ 2 เดือน
สามารถ response คนรอบตัวได้ง่ายๆ เท่านั้น กินอาหารก็เป็นอาหารเหลวผ่านทางสายยางเหมือนแฟนน้องเลย
ทุกวันนี้ผ่านมา 4 ปี อย่างที่ว่าแก้วที่ร้าวเเล้ว เอามาปะติดกันยังไงก็มีรอยให้เห็น
พี่ไม่ได้หาย 100% ค่ะ แต่ถ้ามองจากภายนอก ถ้าไม่สังเกตหรือคุยกันนานๆ จะไม่รู้
เพราะเนื่องจากสมองส่วนที่กระทบคือสมองน้อยส่วนที่เรียกว่า Cerebellum
มันมีผลต่อการเดินและการพูด สายตาด้วย พี่จะเขียนหนังสือลำบาก พี่ก็ใช้พิมพ์เอาค่ะ
เดินเฉในบางครั้งและออกเสียงไม่คมในบางพยัญชนะ ทำให้มีความมั่นใจในการออกสังคมบ้างเหมือนกัน
แต่ความสามารถด้านอื่น เช่น การพิมพ์ การคิด ความจำไม่กระทบ ใครยืมเงินพอพูดได้ปั๊ป ทวงดะเลยค่ะ555
ถ้าพี่พิมพ์ผิดคือเพราะง่วงนะคะ ไม่มีอื่นใด5555
ทำไมถึงฟื้นตัวมาได้? อันนี้ต้องขอบคุณคุณแม่เลยค่ะ ตอนที่เป็นแม่ทำให้ทุกอย่าง
ทำกายภาพสม่ำเสมอ เพราะในช่วงปีแรกคือช่วงเวลาที่จะเกิดการrecoverได้เยอะ(อันนี้หมอบอกมา)
พี่คิดว่ากำลังใจจากคนรอบข้างสำคัญมากนะคะ ตอนนั้นพี่มีทั้งเพื่อน อาจารย์และครอบครัวที่ซัพพอร์ตมากๆ
ถึงจะไม่อยากอยู่แค่ไหนก็จะคิดว่าจะอยู่เพื่อเค้า กลัวเค้าเสียใจนี่แหละค่ะ
พี่เข้าใจความรู้สึกน้องดีมากๆๆๆ คือตอนที่เป็นบอกตรงๆ เลยว่าพี่พูดซ้ำจนคนรอบตัวจิตตก
ว่าพี่ "โชคร้ายที่รอด ถ้าโชคดีกว่านี้ก็คงตายไปแล้ว"
คือตอนนั้นพี่เรียนเภสัช มอรัฐกำลังจะจบค่ะ ชีวิตและอนาคตกำลังจะไปได้สวยทุกทาง
สังคมดี เพื่อนดี ชีวิตดี อนาคตดี แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนมีคนมาดับไฟอะ มันมืดไปหมด
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว เราก็แก้ไม่ได้อะ ในเมื่อ Plan A ใช้ไม่ได้ พี่ก็มองหา Plan B ต่อไป
จนถึง C, D, F หรืออะไรก็ได้ที่มันแมทซ์กับสิ่งที่เราทำได้ จนตอนนี้เจอแล้วค่ะ
แล้วถ้าเทียบกันแล้วก็น่าจะดีกว่า Plan A ที่มีตอนแรก
ที่เล่ามาอยากจะสื่อถึงน้องว่า อย่าเพิ่งท้อที่แฟนน้องยังไม่โอเคทั้งๆ ที่ผ่านมา 5 อาทิตย์แล้วนะคะ
ตอนนี้นพี่ก็ไม่ต่างค่ะ และถ้ากลับมาแล้วก็ขยันทำกายภาพนะ
อย่าตีอกชกตัวว่าอนาคคจบแล้ว จะทำยังไงดี ในเมื่อทำPlan A ไม่ได้ ก็หา B C D สิคะ
จากศักยภาพของเรา ให้รู้ไปเลยว่าเราไม่ยอมแพ้หรอก
อันนี้ในกรณีที่แฟนน้องดีขึ้น แต่ถ้าเค้ายังติดเตียง เรายังสาว ก็น่าคิดถึงตัวเองน้าา
ส่วนเรื่องคำพูดของหมอ เค้าต้องพูดให้เป็น Worst case ไว้ก่อนอยู่เเล้วค่ะ
เช่น ทุกครั้งที่พี่ไปอุดกาวเส้นเลือดสมอง หมอจะแจ้งว่ามีโอกาสจะตาบอด เดินไม่ได้
แรกๆ แม่พี่ฟังคือเป็นลมใส่หมอเลย พอรู้สึกตัวพี่จะต้องรีบเช็คตัวเองเลยค่ะ ว่ามองเห็นอยู่มั้ย5555
สุดท้ายนี้สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
อายุ 25 กับครึ่งชีวิตบนเส้นด้าย
เรื่องมีอยู่ว่า แฟนเราอายุ 25 ปี เส้นเลือดในสมองแตกจากสาเหตุเส้นเลือดขอด (ความผิดปกติของเส้นเลือดตั้งแต่เกิด)
แฟนเราไม่มีโรคประจำตัว ทานอาหารระวังมาก ร่างกายแข็งแรง เดินส่งแกร๊บวอล์คประจำ เล่นเสก็ตบอร์ดตั้งแต่เด็ก
เคสของแฟนเรารุนแรงมาก เนื่องจากอาการไปไวมากภายใน 1 ชม.หลังจากเริ่มมีอาการ แม้จะส่งโรงพยาบาลได้ไวก็ตาม
เนื่องจากว่าในผู้ป่วยอายุน้อย พื้นที่ว่างในสมองจะน้อยกว่าคนแก่ ดังนั้นเมื่อมีเลือดคั่ง จะสร้างความเสียหายมากกว่าคนมีอายุ
หมอแจ้งว่าอาการตอนมาถึงรพ.คือโคม่าแล้ว เลือดออกในสมองเยอะมาก และเลือดที่คั่งไปดันก้านสมองด้วย
แฟนเราต้องผ่าตัดด่วนแบบเปิดกะโหลก ใช้เวลาไป 3 ชม. หมอแจ้งว่าเป็นเคสที่ซับซ้อนจนต้องตามหมอมาเพิ่มอีกสองคน
การผ่าตัดผ่านไปด้วยดี หลังจากนั้นก็ย้ายไปรพ.ในสิทธิ์ประกันสังคม ผ่านไปสองสัปดาห์มีการเจาะคอ ใส่ท่อช่วยหายใจ
หลังจากนั้นก็ย้ายออกจาก ICU ไปห้องรวม แล้วก็มีไข้ ปอดติดเชื้อไปสองรอบ ต้องดูดเสมหะให้บ่อยๆ
ให้อาหารทางสายยางเป็นนม ต้องพลิกตัวให้ทุก 2 ชม. ทำกายภาพยังไม่ได้เพราะมีไข้อยู่
ตอนนี้ผ่านมา 5 สัปดาห์แล้ว แฟนเรายังไม่ฟื้น คือมีลืมตามองได้ มีขยับแขนขาอัตโนมัติได้ แต่ไม่ตอบสนองต่อคำสั่ง
เวลาเขาลืมตามอง เราบอกไม่ได้เลยว่าเขารับรู้หรือไม่ ส่วนมากตาเขาจะกรอกไวๆซ้ำๆไปทางซ้ายมือ แต่บางครั้งก็มองนิ่งๆได้ แต่ไม่ได้มองตามอะไร
เราเข้าใจที่คุณหมอแจ้งมาโดยตลอดนะคะ ว่าไม่สามารถพยากรณ์อะไรได้เลยสำหรับการป่วยแบบนี้
ไม่มีตัวเลขบอกว่ากี่เดือนจะฟื้น ฟื้นแล้วจะกลับมาแค่ไหน จะฟื้นหรือไม่ก็ไม่รู้เลย ขึ้นอยู่กับคนไข้เป็นรายๆไป
คือเนื่องจากเราและแฟนเพิ่งอายุ 25 มันยากมากเลยที่จะต้องมาวางแผนอนาคตแบบไม่รู้อนาคตอย่างนี้
ถ้าเขาติดเตียงอย่างนี้ไปอีกตลอดอายุขัยของเขา เราจะต้องทำงานหาเงินมาจ้างคนดูแลไปอีก 50 กว่าปีแบบนี้หรอ
เราต้องคิดเยอะๆ และคิดให้ดีๆ ก่อนจะตัดสินใจอะไรช่วงนี้ แต่สถานการณ์ก็บีบให้ตัดสินใจอะไรหลายเรื่องพร้อมๆกัน
ที่จะมาขอความช่วยเหลือจากพี่ๆเพื่อนๆในพันทิปคือ
อยากจะรวบรวมข้อมูลเคสที่ใกล้เคียงกับของแฟนเราให้ได้มากที่สุด เพื่อจะดูความเป็นไปได้ว่าชีวิตเราสองคนจะเป็นไปทางไหนได้บ้าง
ใครที่มีประสบการณ์ (ขอเป็นเคสคนไข้อายุน้อยได้ยิ่งดีค่ะ) รบกวนช่วยเล่าประสบการณ์ให้ฟังหน่อยค่ะ
ว่าเหตุการณ์เป็นยังไง ผลลัพธ์เป็นยังไง รับมือกันมาได้อย่างไรคะ เล่ามาเยอะๆเลยค่ะ อยากฟังมาก
ขอบพระคุณมากจริงๆค่ะ