อายุ 25 กับครึ่งชีวิตบนเส้นด้าย

สวัสดีค่ะ มีเรื่องอยากปรึกษาผู้ที่เคยมีคนใกล้ชิดเส้นเลือดในสมองแตก หรือคนที่เคยผ่านประสบการณ์นี้มาเองค่ะ

เรื่องมีอยู่ว่า แฟนเราอายุ 25 ปี เส้นเลือดในสมองแตกจากสาเหตุเส้นเลือดขอด (ความผิดปกติของเส้นเลือดตั้งแต่เกิด)
แฟนเราไม่มีโรคประจำตัว ทานอาหารระวังมาก ร่างกายแข็งแรง เดินส่งแกร๊บวอล์คประจำ เล่นเสก็ตบอร์ดตั้งแต่เด็ก
เคสของแฟนเรารุนแรงมาก เนื่องจากอาการไปไวมากภายใน 1 ชม.หลังจากเริ่มมีอาการ แม้จะส่งโรงพยาบาลได้ไวก็ตาม
เนื่องจากว่าในผู้ป่วยอายุน้อย พื้นที่ว่างในสมองจะน้อยกว่าคนแก่ ดังนั้นเมื่อมีเลือดคั่ง จะสร้างความเสียหายมากกว่าคนมีอายุ
หมอแจ้งว่าอาการตอนมาถึงรพ.คือโคม่าแล้ว เลือดออกในสมองเยอะมาก และเลือดที่คั่งไปดันก้านสมองด้วย
แฟนเราต้องผ่าตัดด่วนแบบเปิดกะโหลก ใช้เวลาไป 3 ชม. หมอแจ้งว่าเป็นเคสที่ซับซ้อนจนต้องตามหมอมาเพิ่มอีกสองคน

การผ่าตัดผ่านไปด้วยดี หลังจากนั้นก็ย้ายไปรพ.ในสิทธิ์ประกันสังคม ผ่านไปสองสัปดาห์มีการเจาะคอ ใส่ท่อช่วยหายใจ
หลังจากนั้นก็ย้ายออกจาก ICU ไปห้องรวม แล้วก็มีไข้ ปอดติดเชื้อไปสองรอบ ต้องดูดเสมหะให้บ่อยๆ
ให้อาหารทางสายยางเป็นนม ต้องพลิกตัวให้ทุก 2 ชม. ทำกายภาพยังไม่ได้เพราะมีไข้อยู่
ตอนนี้ผ่านมา 5 สัปดาห์แล้ว แฟนเรายังไม่ฟื้น คือมีลืมตามองได้ มีขยับแขนขาอัตโนมัติได้ แต่ไม่ตอบสนองต่อคำสั่ง
เวลาเขาลืมตามอง เราบอกไม่ได้เลยว่าเขารับรู้หรือไม่ ส่วนมากตาเขาจะกรอกไวๆซ้ำๆไปทางซ้ายมือ แต่บางครั้งก็มองนิ่งๆได้ แต่ไม่ได้มองตามอะไร

เราเข้าใจที่คุณหมอแจ้งมาโดยตลอดนะคะ ว่าไม่สามารถพยากรณ์อะไรได้เลยสำหรับการป่วยแบบนี้
ไม่มีตัวเลขบอกว่ากี่เดือนจะฟื้น ฟื้นแล้วจะกลับมาแค่ไหน จะฟื้นหรือไม่ก็ไม่รู้เลย ขึ้นอยู่กับคนไข้เป็นรายๆไป
คือเนื่องจากเราและแฟนเพิ่งอายุ 25 มันยากมากเลยที่จะต้องมาวางแผนอนาคตแบบไม่รู้อนาคตอย่างนี้
ถ้าเขาติดเตียงอย่างนี้ไปอีกตลอดอายุขัยของเขา เราจะต้องทำงานหาเงินมาจ้างคนดูแลไปอีก 50 กว่าปีแบบนี้หรอ
เราต้องคิดเยอะๆ และคิดให้ดีๆ ก่อนจะตัดสินใจอะไรช่วงนี้ แต่สถานการณ์ก็บีบให้ตัดสินใจอะไรหลายเรื่องพร้อมๆกัน

ที่จะมาขอความช่วยเหลือจากพี่ๆเพื่อนๆในพันทิปคือ
อยากจะรวบรวมข้อมูลเคสที่ใกล้เคียงกับของแฟนเราให้ได้มากที่สุด เพื่อจะดูความเป็นไปได้ว่าชีวิตเราสองคนจะเป็นไปทางไหนได้บ้าง
ใครที่มีประสบการณ์ (ขอเป็นเคสคนไข้อายุน้อยได้ยิ่งดีค่ะ) รบกวนช่วยเล่าประสบการณ์ให้ฟังหน่อยค่ะ
ว่าเหตุการณ์เป็นยังไง ผลลัพธ์เป็นยังไง รับมือกันมาได้อย่างไรคะ เล่ามาเยอะๆเลยค่ะ อยากฟังมาก

ขอบพระคุณมากจริงๆค่ะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
ล็อกอินเข้ามาตอบโดยเฉพาะ​เลยค่ะ​5555
เราเนี่ยแหละคนเป็นเมื่อ​ 4 ปีก่อน​แต่เป็นเส้นเลือดแตกนะ​ ไม่ใช่ตีบ​ เป็นแบบลักษณะ​innateเหมือนกันค่ะ
เส้นเลือดผิดปรกติแต่กำเนิด(AVM)
ตอนเป็นอายุพอๆ​ กับแฟนน้องเลยค่ะ​ ตอนนั้นอายุ​ 23​ ตอนเกิดเหตุกว่าจะรักษาทิ้งไว้เป็นวันด้วยนะคะ
เพราะตอนนั้นพี่ไปเที่ยวตปท.กับเพื่อน​ แตกตอนเช็คเอ้าพอดี​ กว่าจะเดินทางกลับไทย​ คุยกับทางนั้นให้ยอมกลับได้
มาถึงไทยหมอต้องมีคลำ​ มาซักประวัติ​ รวมแล้วประมาณ​ 1 วัน​ พ้นสิ่งที่เค้าเรียกว่า​ Golden hour หรือ​ 6 ชม.​แรก
ถ้ารักษาทันท่วงที​จะ​ recover ได้เยอะ

พี่ไม่ได้อยากให้กำลังใจน้องเลื่อนลอยนะคะ​ แต่ตอนนั้นที่พี่เป็น​ เป็นแบบแฟนน้องทุกอย่าง
ตั้งเเต่ต้องผ่าตัดเปิดกระโหลก​ พี่พูดไม่ได้​ กินข้าว-น้ำไม่ได้​ เดินไม่ได้​ ขยับตัวไม่ได้​ ขยับเเขนยังไม่ได้
พูดง่ายๆ​ ตอนที่รู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้นพี่ก็มีคิดสั้นค่ะ​ แต่ไม่มีปัญญาแม้แต่จะฆ่าตัวตาย
พี่สลบไปแบบไม่รู้​เรื่องเลย​ 1 อาทิตย์​เต็มๆ​ หลังผ่าตัด​ และนอนรพ.เป็นผักต่อ​ 2 เดือน
สามารถ​ response คนรอบตัวได้ง่ายๆ​ เท่านั้น​ กินอาหารก็เป็นอาหารเหลวผ่านทางสายยางเหมือนแฟนน้องเลย

ทุกวันนี้ผ่านมา​ 4 ปี​ อย่างที่ว่าแก้วที่ร้าวเเล้ว​ เอามาปะติดกันยังไงก็มีรอยให้เห็น
พี่ไม่ได้หาย​ 100% ค่ะ​ แต่ถ้ามองจากภายนอก​ ถ้าไม่สังเกตหรือคุยกันนานๆ​ จะไม่รู้
เพราะเนื่องจาก​สมองส่วนที่กระทบคือสมองน้อยส่วนที่เรียกว่า​ Cerebellum
มันมีผลต่อการเดินและการพูด​ สายตาด้วย​ พี่จะเขียนหนังสือลำบาก​ พี่ก็ใช้พิมพ์​เอาค่ะ
เดินเฉในบางครั้งและออกเสียงไม่คมในบางพยัญชนะ​ ทำให้มีความมั่นใจในการออกสังคมบ้างเหมือนกัน
แต่ความสามารถด้านอื่น​ เช่น​ การพิมพ์​ การคิด​ ความจำไม่กระทบ​ ใครยืมเงินพอพูดได้ปั๊ป​ ทวงดะเลยค่ะ555
​ถ้าพี่พิมพ์ผิดคือเพราะง่วงนะคะ​ ไม่มีอื่นใด5555

ทำไมถึงฟื้นตัวมาได้? อันนี้ต้องขอบคุณ​คุณแม่เลยค่ะ​ ตอนที่เป็นแม่ทำให้ทุกอย่าง
ทำกายภาพสม่ำเสมอ​ เพราะในช่วงปีแรกคือช่วงเวลาที่จะเกิดการrecoverได้เยอะ(อันนี้หมอบอกมา)
พี่คิดว่ากำลังใจจากคนรอบข้างสำคัญ​มากนะคะ​ ตอนนั้นพี่มีทั้งเพื่อน​ อาจารย์​และครอบครัวที่ซัพพอร์ต​มากๆ
ถึงจะไม่อยากอยู่แค่ไหนก็จะคิดว่าจะอยู่เพื่อเค้า​ กลัวเค้าเสียใจนี่แหละค่ะ

พี่เข้าใจ​ความรู้สึก​น้องดีมากๆๆๆ​ คือตอนที่เป็นบอกตรงๆ​ เลยว่าพี่พูดซ้ำจนคนรอบตัวจิตตก
ว่าพี่​ "โชคร้ายที่รอด​ ถ้าโชคดีกว่านี้ก็คงตายไปแล้ว"
คือตอนนั้นพี่เรียนเภสัช​ มอรัฐกำลังจะจบค่ะ​ ชีวิตและอนาคตกำลังจะไปได้สวยทุกทาง
สังคมดี​ เพื่อนดี​ ชีวิตดี​ อนาคตดี​ แต่สิ่งที่เกิดขึ้น​เหมือนมีคนมาดับไฟอะ​ มันมืดไปหมด
แต่สิ่งที่เกิดขึ้น​แล้ว​ เราก็แก้ไม่ได้อะ​ ในเมื่อ​ Plan A ใช้ไม่ได้​ พี่ก็มองหา​ Plan B ต่อไป
จนถึง​ C, D, F หรืออะไรก็ได้ที่มันแมทซ์กับสิ่งที่เราทำได้​ จนตอนนี้เจอแล้วค่ะ
แล้วถ้าเทียบกันแล้วก็น่าจะดีกว่า​ Plan A ที่มีตอนแรก

ที่เล่ามาอยากจะสื่อถึงน้องว่า​ อย่าเพิ่งท้อที่แฟนน้องยังไม่โอเคทั้งๆ​ ที่ผ่านมา​ 5 อาทิตย์​แล้วนะคะ
ตอนนี้นพี่ก็ไม่ต่างค่ะ​ และถ้ากลับมาแล้วก็ขยันทำกายภาพ​นะ
อย่าตีอกชกตัวว่าอนาคคจบแล้ว​ จะทำยังไงดี​ ในเมื่อทำPlan A ไม่ได้​ ก็หา​ B​ C D สิคะ
จากศักยภาพของเรา​ ให้รู้ไปเลยว่าเราไม่ยอมแพ้หรอก​
อันนี้ในกรณีที่แฟนน้องดีขึ้น​ แต่ถ้าเค้ายังติดเตียง​ เรายังสาว​ ก็น่าคิดถึงตัวเองน้าา​
ส่วนเรื่องคำพูดของหมอ​ เค้าต้องพูดให้เป็น​ Worst case ไว้ก่อนอยู่เเล้วค่ะ
เช่น​ ทุกครั้งที่พี่ไปอุดกาวเส้นเลือดสมอง​ หมอจะแจ้งว่ามีโอกาสจะตาบอด​ เดินไม่ได้
แรกๆ​ แม่พี่ฟังคือเป็นลมใส่หมอเลย​ พอรู้สึกตัวพี่จะต้องรีบเช็คตัวเองเลยค่ะ​ ว่ามองเห็นอยู่มั้ย5555

สุดท้ายนี้สู้ๆนะคะ​ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่