***Quick update 2024 เนื่องจากโพสกระทู้นี้มาตั้งแต่ปี 63ผ่านมาหลายปีแล้ว ยังมีน้องๆหลังไมค์มาตลอด(ขอบคุณมากๆนะคะ) ข้อมูลในนี้เรื่องคอร์ส เรื่องราคาเริ่มไม่อัพเดท ตอนนี้เราเปิด GroupในFacebookแล้วนะคะ จะเป็นกลุ่มรวบรวมข้อมูลวงการอาหารทุกรูปแบบเลย จากทั้งปสก.ของเรา และคนในcommunity เลย คิดว่าเป็นแหล่งข้อมูลใหม่ๆได้อีกเยอะ และคงกว้างกว่านี้ยิ่งไปอีก ยังไงใครสนใจเข้าวงการอาหาร ก็เรียนเชิญนะคะ
กลุ่ม: เพราะอาหารคืองานของเรา
LINK:
https://www.facebook.com/groups/1119509213151498/?ref=share&mibextid=NSMWBT
สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่เราตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อแชร์ประสบการณ์ของตัวเอง เผื่อมันจะเป็นประโยชน์ให้กับใครที่สนใจ มีฝันหรือเป้าหมายคล้ายๆกัน ตั้งชื่อกระทู้ว่ามหากาพย์ เพราะคงยาวแน่ๆ ผมเตือนคุณแล้วนะ55555 เราไม่เคยโพสพันทิพ ไม่เคยเขียน blog ถ้าผิดพลาดอะไรก็ซอรี่ไว้ตรงนี้ก่อนเลยนะคะ....ย้อนไปสัก 4-5ปีก่อน ตอนนั้นเป็นช่วงที่เราสับสนชีวิตมากๆ เป็นเหมือนจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิต คิดว่าหลายๆคนเป็น ที่ไม่แน่ใจว่าชอบอะไร อะไรคืองานในฝัน ชีวิตมันจะยังไงต่อดี สับสนๆ นั่นแหละค่ะจุดเริ่มต้นของเรา จึงเริ่มหาข้อมูล วางแผน เตรียมตัวด้วยตัวเอง สมัยนั้นข้อมูลเรื่องเชฟในเน็ตไม่ค่อยมีเท่าไหร่ ยากพอควรกว่าจะหาดีเทลต่างๆให้ครบ เราเลยตั้งใจไว้ตั้งแต่ตอนนั้นว่า ถ้าวันนึงชีวิตเราในทางนี้มันเริ่มชัดเจน เราจะมาเขียนประสบการณ์ ข้อมูลต่างๆในนี้ เพื่อคนอื่นดูบ้าง
ย้อนต่อไปสัก10-15ปีก่อน เราเกิดในครอบครัวราชการ ที่พ่อกับแม่มีค่านิยมอยากให้ลูกรับราชการมีงานมั่นคง เราก็ไม่ติดค่ะ ใช้ชีวิตแบบตามน้ำมาตลอด เรียนได้ไม่มีปัญหาอะไร ก็เข้าวิทย์ คณิต ตามระเบียบ เพราะมันทำให้โอกาสในการเลือกคณะ เลือกอาชีพ กว้างกว่าสายศิลป์ในตอนนั้น เป้าตอนนั้นคือ หมอฟันค่ะ....ก็สรุปคือสอบไม่ติดค่ะ5555 ก็มาคิดว่ายังไงต่อดี อะไรที่ชอบ มีอย่างเดียวคืออาหาร ชอบกินมากกกก อยากทำอาหารเป็นมากแต่ไม่มีโอกาสได้ทำเลย แล้วอะไร ที่มันยังวิทย์ คณิต แล้ว เกี่ยวกับอาหารด้วย ก็เลยมาจบที่ คณะอุตสาหกรรมเกษตร ภาควิชาพัฒนาผลิตภัณฑ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ก็จบมาได้แบบต้องกราบเพื่อน พี่ ที่ช่วยกันจนรอดมาได้ และตัวเองที่อดทนฝ่าฟัน เคมี ชีวะ STAT บลาๆ มาได้ แต่ก้ได้ถามตัวเองในใจว่าไหนวะ ไหนการทำอาหารรรรรรรร ต้องมาขยายก่อนว่าความจริง Food science เนี่ยไม่ใช่คหกรรม ไม่ใช้ cookeryนะ เป็นสโคปการเรียนแบบห้องแลป วิทยาศาสตร์ เน้นทำอาหารเพื่อป้อนโรงงาน งานmass ต่างกับการเรียนทำอาหารโดยสิ้นเชิง จะเน้นการยืดอายุ การคงคุณภาพ การรักษาคุณภาพเป็นหลัก สมัยนั้นก่อนสมัครเรียนเราก็หาข้อมูล คุยกับรุ่นพี่ที่เรียนอยู่ตอนนั้น แต่อาจจะยังเด็ก อากู๋ยังไม่บูม ที่จะได้ข้อมูลอะไรมากมาย รู้แหละว่าเป็นแนววิทยาศาสตร์ แต่ลึกๆในใจมันก็เชื่อว่ามีทำอาหารด้วยนั่นแหละ ก็มีนะ แต่มันไม่ได้เป็นแบบที่เราคิด อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงสงสัยว่าแล้วทำไมไม่เรียนทำอาหาร หรือคหกรรมให้จบๆ ก็วนกับไปที่ค่านิยมของครอบครัวนั่นแหละค่ะ แล้วก็ตัวเองที่ก็ยังไม่ได้ชัดเจนขนาดนั้นว่าจะทำอะไรเป็นอาชีพ จำได้ว่าเคยขอแม่ตอนสอบหมอฟันไม่ติดว่าอยากเป็นเชฟ เค้าก็ตั้งคำถามกลับมาว่า " ชอบทำอาหารเฉยๆ หรืออยากเป็นเชฟจริงๆ?" "งานหนักมากนะ เงินเดือนน้อยนะ ไหวหรอ".....ตอนนั้นมันเป็นคำถามที่เราไม่มีคำตอบให้ค่ะ เพราะไม่มั่นใจ ไม่แน่ใจ ก็เลยเลือกทางนี้ก่อน เพราะเป็นความเชื่อมั้งคะว่า เรียนสายวิทยาศาสตร์ มันมั่งคงกว่า ก็ตามนั้นจนจบ จนทำงานแรก แต่ไม่ตรงสายคับผม ซึ่งนี่แหละเป็นจุดพลิกผันเลย........ตอนนั้นทำงานเป็นกึ่งๆ Sale & Marketing บริษัท รับเหมา ทำFurniture และ interior คือเป็นมนุษย์officeเต็มตัว เงินเดือนดี ทำมาได้1ปี ก็ตอบตัวเองได้เลยว่านี่ไม่ใช่จริงๆ ไม่มีpassionเลย ไม่ Motivate อะไรทั้งนั้น ไม่รู้ทำไปทำไมนอกจากได้เงิน จนทนที่จะเป็นแบบน้ันไม่ไหว นี่เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่เราเริ่มออกมาตามฝันค่ะ
อย่างที่ทุกคนรู้ว่าการเริ่มต้นอะไรสักอย่างมันไม่ง่ายเลย ก็ไม่ง่ายจริงๆค่ะ ตอนนั้นก่อนจะตัดสินใจใช้เวลากับตัวเองก่อนลาออกประมาณ3-4เดือน ในการคิด การหาข้อมูล ที่ยากที่สุดคงเป็นการมั่นใจมากพอที่จะบอกที่บ้านว่าจะไปตามฝันแล้วนะ ก็อย่างที่บอกไปข้างบนค่ะ ว่าบ้านเราเป็นยังไง เค้ารักเรา เรารักเค้ามาก เค้าเลี้ยงเรามาอย่างดี อยากให้เรามั่นคง อยากให้เราสบาย แต่ทุกคนไม่มีไอเดียเกี่ยวกับการทำงานสายอาหารเลยเค้ามองไม่เห็นภาพว่ามันจะเป็นยังไง อีก5ปี 10ปีมันจะเป็นยังไง ซึ่งเพราะเราเข้าใจเราเลยกลัวและกังวลที่จะเริ่มมาตลอด ยากที่สุดคือตรงความกลัวของตัวเองด้วยนี่แหละค่ะ....ตอนนั้นก็เลยหาข้อมูลหนักมากๆ เพื่อตอบคำถามตัวเองทั้งหมด " อยากเป็นเชฟต้องทำยังไง" " อยากเป็นเชฟเรียนที่ไหน ค่าเรียนเท่าไหร่" "เชฟต้องทำอะไรบ้าง ฐานเงินเดือน การต่อยอดในอาชีพ" "เชฟมีตำแหน่งอะไรบ้าง" และ บลาๆๆจนมาจุดใหญ่สุดคือ
"จะหาคอนเนคชั่นในวงการนี้จากที่ไหน"
เราเริ่มจากการเรียนก่อน เพราะถึงจะสนใจทำอาหารแต่ไม่เคยทำแบบจริงๆจังๆเลย ในหัวคิดออกว่าอยากทำอะไร แต่ทำออกมาไม่ได้ เลยคิดว่าต้องเติมตรงนี้ก่อน มี 3-4 โรงเรียน ในใจตอนนั้น ที่เลือกมาจะเป็นหลักสูตรระยะไม่เกินปี เราจะลงดีเทลเป็นที่ๆไปนะคะ
1. OHAP โรงเรียนการโรงแรมแห่งโรงแรมโอเรียนเต็ล
ระยะเวลาเรียน: 48 สัปดาห์
ค่าเรียน: 116,000 บาท
หลักสูตร: เน้นปฏิบัติเป็นหลัก เหมือนได้ฝึกงานตลอดเวลา ในโรงแรมจริง อาหารเสิร์ฟลูกค้าจริง เหมาะกับคนมีเวลาระยะยาวเพื่อเรียน มีหลักสูตรให้เลือกเฉพาะทาง เช่น อาหารไทย, อาหารตะวันตก, ขนม
Link:
https://www.ohap.ac.th/
2. HAP หลักสูตรการประกอบอาหารตะวันตก-อาหารไทย วิทยาลัยดุสิตธานี
ระยะเวลาเรียน: 5เดือน (2เดือน เรียนทฤษฏีในวิทยาลัย 3เดือน ฝึกงานจริงในโรงแรม)
ค่าเรียน: 59,900 บาท (ชุดเชฟ 2 ชุด อุปกรณ์การทำครัว และเอกสารประกอบการสอน)
หลักสูตร: ครอบคลุม อาหาร ไทย ตะวันตก ขนม พื้นฐานการครัว และแกะสลัก มีทดลองงานจริงในโรงแรม ที่ดุสิตยังมีหลักสูตรแบบป.ตรี ด้วยใครสนใจหาข้อมูลเพิ่มเติมจากลิ้งได้
Link:
https://dtc.ac.th/event/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3/
3. Le Cordon Bleu หลักสูตรประกาศนียบัตรการประกอบอาหารคาว
ระยะเวลาเรียน: 9เดือน แบ่งเป็นสามขั้น ต้น กลาง ปลาย ขั้นละสามเดือน
ค่าเรียน: 697,500บาท
หลักสูตร: เฉพาะทางอาหารคาว หลักสูตรมาจากฝรั่งเศส เทคนิคจากฝรั่งเศส เป็นโรงเรียนสอนทำอาหารระดับโลก มาเปิดที่ไทย เน้นอาหารตะวันตกเป็นหลัก มีหลักสูตรอื่นๆอีกเฉพาะทาง เช่นอาหารไทย ขนมอบ และ หลักสูตร กร็องด์ ดิโปลม (Grand Diplôme) คือรวมอาหารคาว กับ ขนมอบด้วยกัน เรียน18เดือน ได้ใบประกาศ Diploma ค่าเรียนจะดุหน่อย ฿ 1,327,500.00
Link:
https://www.cordonbleu.edu/thailand/grand-diplome/th
4. RHS โรงเรียนการโรงแรมและท่องเที่ยวรีเจ้นท์ชะอำ
ระยะเวลาเรียน: 9 เดือน
ค่าเรียน: หลักสูตรประกอบอาหาร 162,500 บาท (รวม Uniform, แบบเรียน, ประกันอุบัติเหตุ, อาหาร 3 มื้อในวันที่เรียน, หอพัก โดย น้ำ ไฟ ชำระเอง)
หลักสูตร: พื้นฐานการทำอาหาร เทคนิคการทำ อาหาร ทั้ง ตะวันตก เบเกอรี่ อาหารไทย เรียนที่ชะอำ มีหอพักนักศึกษา มีทดลองงานในโรงแรมจริง
Link:
https://rhsschool.ac.th/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3-9-%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99-food-production-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-rhs-%E0%B9%80%E0%B8%9B/
จากตัวเลือกทั้งหมด เรามาจบที่ HAP หลักสูตรการประกอบอาหารตะวันตก-อาหารไทย วิทยาลัยดุสิตธานีค่ะ จากปัจจัยหลายๆอย่างหลักๆคือ ดูครอบคลุมภาพกว้างๆที่เราต้องการทั้งหมด ตัวเราชอบอาหารคาวเป็นหลัก แต่ก้อยากรู้พื้นฐานขนมและอื่นๆทั้งหมดด้วย ทั้งไทย และตะวันตก และอยากเรียนหลักสูตรที่มีฝึกงานในโรงแรมจริง HAPเลยเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์สุดในตอนนั้น เราใช้เงินเก็บของตัวเองที่มีเพื่อสมัครเรียน เพราะถือว่าแบบทุบหม้อข้าวค่ะ การตัดสินใจนี้เราต้องแบกรับทั้งหมด ในเมื่อจะแหกคอกก็ต้องไปให้สุด รับผิดชอบเอง ถ้าจะเจ็บก็ต้องเจ็บเอง มันคือค่าประสบการณ์ชีวิต พอได้ข้อมูลการสมัคร ค่าใช่จ่ายต่างๆ ก็เริ่มว่าง schedule ตัวเองจะได้กะเวลาลาออกจากงาน เตรียมบอกพ่อแม่....พอจัดการเรื่องโรงเรียนได้ ก็มาหาข้อมูลต่อคือ "คอนเนคชั่น" จะทำยังไงให้ตัวเองมีคอนเนคชั่น รู้จักคนในวงการอาหาร จากจุดเริ่มต้นคือ0 จริงๆ ก็ใช้Google ให้เป็นประโยชน์นี่แหละค่ะ ค้นไปเรื่อยๆจนเจอกับ Thailand Young Chef Camp By Chef Willment Leong ปัจจุบันเชฟ Willment เป็นเชฟjudgeจากรายการ Top chefนั่นเองค่า ก็ค้นต่อค่ะว่าเชฟเป็นใคร จนตามไปแอดเฟสเชฟค่ะ5555 แล้วตอนนั้นเชฟประกาศรับสมัคร Thailand Young Chef Camp พอดี เป็นแคมป์ระยะสั้นค่ะ ไม่เกินอาทิตย์ เราก็ดู Scheduleตัวเอง ลงตัวก็สมัครเลยค่ะ ซึ่งข้อมูลเพิ่มเติมตอนนั้นคือ เชฟจะสอนและส่งเสริมเชฟรุ่นใหม่ไปแข่งทำอาหารทั้งในและต่างประเทศค่ะ ในนามของ Thailand Culinary Academy ก็คือไฟลุกเลยแบบหาเจอแล้ว แหล่งข้อมูลของจริง คนจริง แค่ได้มีโอกาสพูดคุย สอบถามก็คุ้มแล้วจริงๆ ก็เป็นแคมป์ที่เราตั้งตารอมากค่ะ
ปล. ใครสนใจ ติดตามข่าวสาร ได้ในเฟสค่ะ
https://www.facebook.com/tcaycc/
https://www.facebook.com/tcacademy.net/
จากที่ได้ข้อมูลที่ต้องการครบแล้ว เราก็ตัดสินใจคุยกับที่บ้านค่ะ ก็อย่างที่คิดคือเค้าไม่มันใจ เค้ากังวล และกลัว เค้าถาม เราตอบ เราพยายามสื่อสารให้มากที่สุดเพื่อที่จะทำให้เค้ายอมรับ ก็ต้องยอมรับ การยอมรับมันไม่ได้เริ่มง่าย หรือเข้าใจกันได้ทันที เพราะเค้าก็มีความเชื่อ มีประสบการณ์ชีวิตในแบบของเค้า มันก็ยากในจุดนั้น ที่จะทำให้เค้าเชื่อใจว่าเราจะไปได้จริงๆกับอนาคตที่ภาพมันไม่ชัดเลย ตอนนั้นเราก็ต้องเข้มแข็งมากๆค่ะ จากใจลูกสาวคนเดียว ที่ใช้ชีวิตชิวๆ แต่ก็อยู่ในกรอบมาตลอด ไม่ง่ายเลยที่จะออกจาก Comfort zone สุดท้ายก็สู้จนเค้ายอมให้ทำ ถึงเค้าจะให้แบบไม่100%ก็ตาม แต่ก็ต้องขอบคุณที่วันนั้นเค้าอนุญาตค่ะ จากนั้นเราก็ยื่นเรื่องลาออกจากงานประจำ แล้วก็เตรียมตัวเรียน....
มหากาพย์ชีวิต ตามหาฝัน กว่าจะเป็นเชฟ ไปทำงานเมืองนอก ต้องทำยังไง ที่นี่มีคำตอบ
กลุ่ม: เพราะอาหารคืองานของเรา
LINK:
https://www.facebook.com/groups/1119509213151498/?ref=share&mibextid=NSMWBT
สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่เราตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อแชร์ประสบการณ์ของตัวเอง เผื่อมันจะเป็นประโยชน์ให้กับใครที่สนใจ มีฝันหรือเป้าหมายคล้ายๆกัน ตั้งชื่อกระทู้ว่ามหากาพย์ เพราะคงยาวแน่ๆ ผมเตือนคุณแล้วนะ55555 เราไม่เคยโพสพันทิพ ไม่เคยเขียน blog ถ้าผิดพลาดอะไรก็ซอรี่ไว้ตรงนี้ก่อนเลยนะคะ....ย้อนไปสัก 4-5ปีก่อน ตอนนั้นเป็นช่วงที่เราสับสนชีวิตมากๆ เป็นเหมือนจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิต คิดว่าหลายๆคนเป็น ที่ไม่แน่ใจว่าชอบอะไร อะไรคืองานในฝัน ชีวิตมันจะยังไงต่อดี สับสนๆ นั่นแหละค่ะจุดเริ่มต้นของเรา จึงเริ่มหาข้อมูล วางแผน เตรียมตัวด้วยตัวเอง สมัยนั้นข้อมูลเรื่องเชฟในเน็ตไม่ค่อยมีเท่าไหร่ ยากพอควรกว่าจะหาดีเทลต่างๆให้ครบ เราเลยตั้งใจไว้ตั้งแต่ตอนนั้นว่า ถ้าวันนึงชีวิตเราในทางนี้มันเริ่มชัดเจน เราจะมาเขียนประสบการณ์ ข้อมูลต่างๆในนี้ เพื่อคนอื่นดูบ้าง
ย้อนต่อไปสัก10-15ปีก่อน เราเกิดในครอบครัวราชการ ที่พ่อกับแม่มีค่านิยมอยากให้ลูกรับราชการมีงานมั่นคง เราก็ไม่ติดค่ะ ใช้ชีวิตแบบตามน้ำมาตลอด เรียนได้ไม่มีปัญหาอะไร ก็เข้าวิทย์ คณิต ตามระเบียบ เพราะมันทำให้โอกาสในการเลือกคณะ เลือกอาชีพ กว้างกว่าสายศิลป์ในตอนนั้น เป้าตอนนั้นคือ หมอฟันค่ะ....ก็สรุปคือสอบไม่ติดค่ะ5555 ก็มาคิดว่ายังไงต่อดี อะไรที่ชอบ มีอย่างเดียวคืออาหาร ชอบกินมากกกก อยากทำอาหารเป็นมากแต่ไม่มีโอกาสได้ทำเลย แล้วอะไร ที่มันยังวิทย์ คณิต แล้ว เกี่ยวกับอาหารด้วย ก็เลยมาจบที่ คณะอุตสาหกรรมเกษตร ภาควิชาพัฒนาผลิตภัณฑ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ก็จบมาได้แบบต้องกราบเพื่อน พี่ ที่ช่วยกันจนรอดมาได้ และตัวเองที่อดทนฝ่าฟัน เคมี ชีวะ STAT บลาๆ มาได้ แต่ก้ได้ถามตัวเองในใจว่าไหนวะ ไหนการทำอาหารรรรรรรร ต้องมาขยายก่อนว่าความจริง Food science เนี่ยไม่ใช่คหกรรม ไม่ใช้ cookeryนะ เป็นสโคปการเรียนแบบห้องแลป วิทยาศาสตร์ เน้นทำอาหารเพื่อป้อนโรงงาน งานmass ต่างกับการเรียนทำอาหารโดยสิ้นเชิง จะเน้นการยืดอายุ การคงคุณภาพ การรักษาคุณภาพเป็นหลัก สมัยนั้นก่อนสมัครเรียนเราก็หาข้อมูล คุยกับรุ่นพี่ที่เรียนอยู่ตอนนั้น แต่อาจจะยังเด็ก อากู๋ยังไม่บูม ที่จะได้ข้อมูลอะไรมากมาย รู้แหละว่าเป็นแนววิทยาศาสตร์ แต่ลึกๆในใจมันก็เชื่อว่ามีทำอาหารด้วยนั่นแหละ ก็มีนะ แต่มันไม่ได้เป็นแบบที่เราคิด อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงสงสัยว่าแล้วทำไมไม่เรียนทำอาหาร หรือคหกรรมให้จบๆ ก็วนกับไปที่ค่านิยมของครอบครัวนั่นแหละค่ะ แล้วก็ตัวเองที่ก็ยังไม่ได้ชัดเจนขนาดนั้นว่าจะทำอะไรเป็นอาชีพ จำได้ว่าเคยขอแม่ตอนสอบหมอฟันไม่ติดว่าอยากเป็นเชฟ เค้าก็ตั้งคำถามกลับมาว่า " ชอบทำอาหารเฉยๆ หรืออยากเป็นเชฟจริงๆ?" "งานหนักมากนะ เงินเดือนน้อยนะ ไหวหรอ".....ตอนนั้นมันเป็นคำถามที่เราไม่มีคำตอบให้ค่ะ เพราะไม่มั่นใจ ไม่แน่ใจ ก็เลยเลือกทางนี้ก่อน เพราะเป็นความเชื่อมั้งคะว่า เรียนสายวิทยาศาสตร์ มันมั่งคงกว่า ก็ตามนั้นจนจบ จนทำงานแรก แต่ไม่ตรงสายคับผม ซึ่งนี่แหละเป็นจุดพลิกผันเลย........ตอนนั้นทำงานเป็นกึ่งๆ Sale & Marketing บริษัท รับเหมา ทำFurniture และ interior คือเป็นมนุษย์officeเต็มตัว เงินเดือนดี ทำมาได้1ปี ก็ตอบตัวเองได้เลยว่านี่ไม่ใช่จริงๆ ไม่มีpassionเลย ไม่ Motivate อะไรทั้งนั้น ไม่รู้ทำไปทำไมนอกจากได้เงิน จนทนที่จะเป็นแบบน้ันไม่ไหว นี่เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่เราเริ่มออกมาตามฝันค่ะ
อย่างที่ทุกคนรู้ว่าการเริ่มต้นอะไรสักอย่างมันไม่ง่ายเลย ก็ไม่ง่ายจริงๆค่ะ ตอนนั้นก่อนจะตัดสินใจใช้เวลากับตัวเองก่อนลาออกประมาณ3-4เดือน ในการคิด การหาข้อมูล ที่ยากที่สุดคงเป็นการมั่นใจมากพอที่จะบอกที่บ้านว่าจะไปตามฝันแล้วนะ ก็อย่างที่บอกไปข้างบนค่ะ ว่าบ้านเราเป็นยังไง เค้ารักเรา เรารักเค้ามาก เค้าเลี้ยงเรามาอย่างดี อยากให้เรามั่นคง อยากให้เราสบาย แต่ทุกคนไม่มีไอเดียเกี่ยวกับการทำงานสายอาหารเลยเค้ามองไม่เห็นภาพว่ามันจะเป็นยังไง อีก5ปี 10ปีมันจะเป็นยังไง ซึ่งเพราะเราเข้าใจเราเลยกลัวและกังวลที่จะเริ่มมาตลอด ยากที่สุดคือตรงความกลัวของตัวเองด้วยนี่แหละค่ะ....ตอนนั้นก็เลยหาข้อมูลหนักมากๆ เพื่อตอบคำถามตัวเองทั้งหมด " อยากเป็นเชฟต้องทำยังไง" " อยากเป็นเชฟเรียนที่ไหน ค่าเรียนเท่าไหร่" "เชฟต้องทำอะไรบ้าง ฐานเงินเดือน การต่อยอดในอาชีพ" "เชฟมีตำแหน่งอะไรบ้าง" และ บลาๆๆจนมาจุดใหญ่สุดคือ
"จะหาคอนเนคชั่นในวงการนี้จากที่ไหน"
เราเริ่มจากการเรียนก่อน เพราะถึงจะสนใจทำอาหารแต่ไม่เคยทำแบบจริงๆจังๆเลย ในหัวคิดออกว่าอยากทำอะไร แต่ทำออกมาไม่ได้ เลยคิดว่าต้องเติมตรงนี้ก่อน มี 3-4 โรงเรียน ในใจตอนนั้น ที่เลือกมาจะเป็นหลักสูตรระยะไม่เกินปี เราจะลงดีเทลเป็นที่ๆไปนะคะ
1. OHAP โรงเรียนการโรงแรมแห่งโรงแรมโอเรียนเต็ล
ระยะเวลาเรียน: 48 สัปดาห์
ค่าเรียน: 116,000 บาท
หลักสูตร: เน้นปฏิบัติเป็นหลัก เหมือนได้ฝึกงานตลอดเวลา ในโรงแรมจริง อาหารเสิร์ฟลูกค้าจริง เหมาะกับคนมีเวลาระยะยาวเพื่อเรียน มีหลักสูตรให้เลือกเฉพาะทาง เช่น อาหารไทย, อาหารตะวันตก, ขนม
Link: https://www.ohap.ac.th/
2. HAP หลักสูตรการประกอบอาหารตะวันตก-อาหารไทย วิทยาลัยดุสิตธานี
ระยะเวลาเรียน: 5เดือน (2เดือน เรียนทฤษฏีในวิทยาลัย 3เดือน ฝึกงานจริงในโรงแรม)
ค่าเรียน: 59,900 บาท (ชุดเชฟ 2 ชุด อุปกรณ์การทำครัว และเอกสารประกอบการสอน)
หลักสูตร: ครอบคลุม อาหาร ไทย ตะวันตก ขนม พื้นฐานการครัว และแกะสลัก มีทดลองงานจริงในโรงแรม ที่ดุสิตยังมีหลักสูตรแบบป.ตรี ด้วยใครสนใจหาข้อมูลเพิ่มเติมจากลิ้งได้
Link: https://dtc.ac.th/event/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3/
3. Le Cordon Bleu หลักสูตรประกาศนียบัตรการประกอบอาหารคาว
ระยะเวลาเรียน: 9เดือน แบ่งเป็นสามขั้น ต้น กลาง ปลาย ขั้นละสามเดือน
ค่าเรียน: 697,500บาท
หลักสูตร: เฉพาะทางอาหารคาว หลักสูตรมาจากฝรั่งเศส เทคนิคจากฝรั่งเศส เป็นโรงเรียนสอนทำอาหารระดับโลก มาเปิดที่ไทย เน้นอาหารตะวันตกเป็นหลัก มีหลักสูตรอื่นๆอีกเฉพาะทาง เช่นอาหารไทย ขนมอบ และ หลักสูตร กร็องด์ ดิโปลม (Grand Diplôme) คือรวมอาหารคาว กับ ขนมอบด้วยกัน เรียน18เดือน ได้ใบประกาศ Diploma ค่าเรียนจะดุหน่อย ฿ 1,327,500.00
Link: https://www.cordonbleu.edu/thailand/grand-diplome/th
4. RHS โรงเรียนการโรงแรมและท่องเที่ยวรีเจ้นท์ชะอำ
ระยะเวลาเรียน: 9 เดือน
ค่าเรียน: หลักสูตรประกอบอาหาร 162,500 บาท (รวม Uniform, แบบเรียน, ประกันอุบัติเหตุ, อาหาร 3 มื้อในวันที่เรียน, หอพัก โดย น้ำ ไฟ ชำระเอง)
หลักสูตร: พื้นฐานการทำอาหาร เทคนิคการทำ อาหาร ทั้ง ตะวันตก เบเกอรี่ อาหารไทย เรียนที่ชะอำ มีหอพักนักศึกษา มีทดลองงานในโรงแรมจริง
Link:
https://rhsschool.ac.th/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3-9-%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99-food-production-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-rhs-%E0%B9%80%E0%B8%9B/
จากตัวเลือกทั้งหมด เรามาจบที่ HAP หลักสูตรการประกอบอาหารตะวันตก-อาหารไทย วิทยาลัยดุสิตธานีค่ะ จากปัจจัยหลายๆอย่างหลักๆคือ ดูครอบคลุมภาพกว้างๆที่เราต้องการทั้งหมด ตัวเราชอบอาหารคาวเป็นหลัก แต่ก้อยากรู้พื้นฐานขนมและอื่นๆทั้งหมดด้วย ทั้งไทย และตะวันตก และอยากเรียนหลักสูตรที่มีฝึกงานในโรงแรมจริง HAPเลยเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์สุดในตอนนั้น เราใช้เงินเก็บของตัวเองที่มีเพื่อสมัครเรียน เพราะถือว่าแบบทุบหม้อข้าวค่ะ การตัดสินใจนี้เราต้องแบกรับทั้งหมด ในเมื่อจะแหกคอกก็ต้องไปให้สุด รับผิดชอบเอง ถ้าจะเจ็บก็ต้องเจ็บเอง มันคือค่าประสบการณ์ชีวิต พอได้ข้อมูลการสมัคร ค่าใช่จ่ายต่างๆ ก็เริ่มว่าง schedule ตัวเองจะได้กะเวลาลาออกจากงาน เตรียมบอกพ่อแม่....พอจัดการเรื่องโรงเรียนได้ ก็มาหาข้อมูลต่อคือ "คอนเนคชั่น" จะทำยังไงให้ตัวเองมีคอนเนคชั่น รู้จักคนในวงการอาหาร จากจุดเริ่มต้นคือ0 จริงๆ ก็ใช้Google ให้เป็นประโยชน์นี่แหละค่ะ ค้นไปเรื่อยๆจนเจอกับ Thailand Young Chef Camp By Chef Willment Leong ปัจจุบันเชฟ Willment เป็นเชฟjudgeจากรายการ Top chefนั่นเองค่า ก็ค้นต่อค่ะว่าเชฟเป็นใคร จนตามไปแอดเฟสเชฟค่ะ5555 แล้วตอนนั้นเชฟประกาศรับสมัคร Thailand Young Chef Camp พอดี เป็นแคมป์ระยะสั้นค่ะ ไม่เกินอาทิตย์ เราก็ดู Scheduleตัวเอง ลงตัวก็สมัครเลยค่ะ ซึ่งข้อมูลเพิ่มเติมตอนนั้นคือ เชฟจะสอนและส่งเสริมเชฟรุ่นใหม่ไปแข่งทำอาหารทั้งในและต่างประเทศค่ะ ในนามของ Thailand Culinary Academy ก็คือไฟลุกเลยแบบหาเจอแล้ว แหล่งข้อมูลของจริง คนจริง แค่ได้มีโอกาสพูดคุย สอบถามก็คุ้มแล้วจริงๆ ก็เป็นแคมป์ที่เราตั้งตารอมากค่ะ
ปล. ใครสนใจ ติดตามข่าวสาร ได้ในเฟสค่ะ
https://www.facebook.com/tcaycc/
https://www.facebook.com/tcacademy.net/
จากที่ได้ข้อมูลที่ต้องการครบแล้ว เราก็ตัดสินใจคุยกับที่บ้านค่ะ ก็อย่างที่คิดคือเค้าไม่มันใจ เค้ากังวล และกลัว เค้าถาม เราตอบ เราพยายามสื่อสารให้มากที่สุดเพื่อที่จะทำให้เค้ายอมรับ ก็ต้องยอมรับ การยอมรับมันไม่ได้เริ่มง่าย หรือเข้าใจกันได้ทันที เพราะเค้าก็มีความเชื่อ มีประสบการณ์ชีวิตในแบบของเค้า มันก็ยากในจุดนั้น ที่จะทำให้เค้าเชื่อใจว่าเราจะไปได้จริงๆกับอนาคตที่ภาพมันไม่ชัดเลย ตอนนั้นเราก็ต้องเข้มแข็งมากๆค่ะ จากใจลูกสาวคนเดียว ที่ใช้ชีวิตชิวๆ แต่ก็อยู่ในกรอบมาตลอด ไม่ง่ายเลยที่จะออกจาก Comfort zone สุดท้ายก็สู้จนเค้ายอมให้ทำ ถึงเค้าจะให้แบบไม่100%ก็ตาม แต่ก็ต้องขอบคุณที่วันนั้นเค้าอนุญาตค่ะ จากนั้นเราก็ยื่นเรื่องลาออกจากงานประจำ แล้วก็เตรียมตัวเรียน....