Doodle วันนี้เป็นภาพผู้ชายหัวล้าน ไว้หนวดคนหนึ่ง ตอนแรกผมก็ไม่รู้ว่าคือใคร จนคลิกเข้าไปถึงรู้ว่าเขาคือหมอเซมเมลไวส์ ที่เป็นผู้ริเริ่มทฤษฎีการล้างมือ
โดยสมัยนั้นคนยังไม่รู้จักเชื้อโรค ยังไม่รู้ว่าการติดเชื้อทำให้เกิดโรคและตายได้ หมอสมัยโน้นเลยไม่มีการล้างมือแบบสะอาด ๆ เต็มที่ก็เช็ดเลือดเช็ดสารคัดหลั่งกับผ้าเฉย ๆ จากนั้นก็ไปทำคลอด ทำให้มีแม่หลายคนที่ป่วยและตายด้วยภาวะที่เรียกว่า ไข้หลังคลอด
ภาพจาก Wikipedia
คนก็สงสัยกันมากว่าสาเหตุของไข้หลังคลอดนี้คืออะไร จนวันหนึ่งหมอเซมเมลไวส์ลองผ่าศพของหมอที่เป็นเพื่อนและป่วยตายด้วยอาการเหมือนแม่ที่ตายด้วยโรคไข้หลังคลอดทั้งที่เป็นผู้ชาย ต่อมาก็ได้ความว่าก่อนจะป่วยและตาย หมอคนนั้นไปผ่าศพผู้หญิงที่ตายด้วยไข้หลังคลอดแล้วโดนมีดบาดนิ้ว
หมอเซมเมลไวส์เลยคิดว่าจะต้องมี "อะไร"สักอย่างจากศพของผู้หญิงที่ตายเพราะไข้หลังคลอดมาเข้าในตัวของเพื่อนหมอผ่านทางบาดแผล หมอเซมเมลไวส์เลยเริ่มออกกฎ เริ่มประกาศให้หมอและพยาบาลทุกคนในโรงพยาบาลนั้นต้องล้างมือก่อนและหลังจากสัมผัสเลือดหรือสารคัดหลั่งจากคนไข้ จากนั้น อัตราการตายของแม่ที่เกิดจากไข้หลังคลอดก็ลดลง
เพียงแต่ ณ ตอนนั้นหมอเซมเมลไวส์ไม่สามารถบอกได้ว่า "อะไร" ที่ทำให้ผู้หญิงตายจากไข้หลังคลอด แล้วล้างมือไปเพื่ออะไร ทำให้มีหมอบางกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับทฤษฎีนี้ บวกกับนิสัยและการโต้ตอบต่าง ๆ ของหมอเซมเมลไวส์ ทำให้สุดท้ายหมอเซมเมลไวส์ก็หายไปจากวงการ และต้องจบชีวิตอย่างน่าเศร้าในโรงพยาบาลโรคจิต
สรุปก็คือไข้หลังคลอดมันเป็นโรคติดเชื้อชนิดหนึ่ง แต่สมัยนั้นคนยังไม่รู้จักโรคติดเชื้อ เลยตีความถึงสาเหตุต่าง ๆ นานา แม้แต่สาเหตุจากเรื่องเหนือธรรมชาติ
กว่าคนจะพิสูจน์จนรู้ได้ว่าเชื้อโรคทำให้เกิดการเน่าของแผล หรือก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้ และต้องมีการฆ่าเชื้อ ล้างมืออย่างจริงจังก็หลังจากนั้นอีกหลายปี
เนื้อหาข้างบนผมย่อและสรุปจากหนังสือ "สงครามที่ไม่มีวันชนะ" ของ นพ.ชัชพล เกียรติขจรธาดา เป็นหนังสือที่ว่าด้วยเรื่องของโรคติดเชื้อ (แบคทีเรีย) และยาปฏิชีวนะ รวมไปถึงประวัติศาสตร์การแพทย์ด้วย เนื้อหาสนุก ค่อนข้างเข้าใจง่าย ทำให้เห็นภาพของโรคติดเชื้อมากขึ้น
รู้จักกับหมอเซมเมลไวส์ ผู้ริเริ่มการล้างมือเพื่อป้องกันโรค
โดยสมัยนั้นคนยังไม่รู้จักเชื้อโรค ยังไม่รู้ว่าการติดเชื้อทำให้เกิดโรคและตายได้ หมอสมัยโน้นเลยไม่มีการล้างมือแบบสะอาด ๆ เต็มที่ก็เช็ดเลือดเช็ดสารคัดหลั่งกับผ้าเฉย ๆ จากนั้นก็ไปทำคลอด ทำให้มีแม่หลายคนที่ป่วยและตายด้วยภาวะที่เรียกว่า ไข้หลังคลอด
ภาพจาก Wikipedia
คนก็สงสัยกันมากว่าสาเหตุของไข้หลังคลอดนี้คืออะไร จนวันหนึ่งหมอเซมเมลไวส์ลองผ่าศพของหมอที่เป็นเพื่อนและป่วยตายด้วยอาการเหมือนแม่ที่ตายด้วยโรคไข้หลังคลอดทั้งที่เป็นผู้ชาย ต่อมาก็ได้ความว่าก่อนจะป่วยและตาย หมอคนนั้นไปผ่าศพผู้หญิงที่ตายด้วยไข้หลังคลอดแล้วโดนมีดบาดนิ้ว
หมอเซมเมลไวส์เลยคิดว่าจะต้องมี "อะไร"สักอย่างจากศพของผู้หญิงที่ตายเพราะไข้หลังคลอดมาเข้าในตัวของเพื่อนหมอผ่านทางบาดแผล หมอเซมเมลไวส์เลยเริ่มออกกฎ เริ่มประกาศให้หมอและพยาบาลทุกคนในโรงพยาบาลนั้นต้องล้างมือก่อนและหลังจากสัมผัสเลือดหรือสารคัดหลั่งจากคนไข้ จากนั้น อัตราการตายของแม่ที่เกิดจากไข้หลังคลอดก็ลดลง
เพียงแต่ ณ ตอนนั้นหมอเซมเมลไวส์ไม่สามารถบอกได้ว่า "อะไร" ที่ทำให้ผู้หญิงตายจากไข้หลังคลอด แล้วล้างมือไปเพื่ออะไร ทำให้มีหมอบางกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับทฤษฎีนี้ บวกกับนิสัยและการโต้ตอบต่าง ๆ ของหมอเซมเมลไวส์ ทำให้สุดท้ายหมอเซมเมลไวส์ก็หายไปจากวงการ และต้องจบชีวิตอย่างน่าเศร้าในโรงพยาบาลโรคจิต
สรุปก็คือไข้หลังคลอดมันเป็นโรคติดเชื้อชนิดหนึ่ง แต่สมัยนั้นคนยังไม่รู้จักโรคติดเชื้อ เลยตีความถึงสาเหตุต่าง ๆ นานา แม้แต่สาเหตุจากเรื่องเหนือธรรมชาติ
กว่าคนจะพิสูจน์จนรู้ได้ว่าเชื้อโรคทำให้เกิดการเน่าของแผล หรือก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้ และต้องมีการฆ่าเชื้อ ล้างมืออย่างจริงจังก็หลังจากนั้นอีกหลายปี
เนื้อหาข้างบนผมย่อและสรุปจากหนังสือ "สงครามที่ไม่มีวันชนะ" ของ นพ.ชัชพล เกียรติขจรธาดา เป็นหนังสือที่ว่าด้วยเรื่องของโรคติดเชื้อ (แบคทีเรีย) และยาปฏิชีวนะ รวมไปถึงประวัติศาสตร์การแพทย์ด้วย เนื้อหาสนุก ค่อนข้างเข้าใจง่าย ทำให้เห็นภาพของโรคติดเชื้อมากขึ้น