เที่ยว Peru แแบเห็น แก่ กิน (อยู่สบาย) part 7

วันที่เก้า Lima
 
วันนี้ไฮไลต์คือมื้อเย็น แล้วทําอะไรดี มีเวลา1วัน แบบไม่ได้วางแผนมาเพราะกะว่าจะชิล people watching แถวโรงแรม แต่เพื่อนร่วมเดินทางแกไม่ชิลด้วย ก็เลยให้แกแพลนวันนี้เอง สรุปแกจะไปในตัวเมือง เอ้าไปก็ไปแต่กินข้าวเช้าก่อน โพยบอกให้ไปร้านsandwich ใกล้กับโรงแรมชื่อ Lucha Sandwich Shop เป็น Chain นะสั่ง Chicharron หรือหมูกรอบมาทําแซนวิชกินกับ fries และนํ้าผลไม้ปั่น
 
ว่าแล้วก็เรียก Uber ตามเคย กว่าจะเรียกได้ยากเย็น เช้านี้ในที่สุดก็ได้รถเก่าเก่ามา 1 คัน จราจรแย่มาก รถไม่มีแอร์อีก ทั้ง pollution ก็เยอะ กว่าจะมาถึงในเมืองใช้เวลาไปชั่วโมงกว่า
 
เราเริ่ม city tour กันที่ Plaza De Armas เป็นจตุรัสกลางเมืองที่ล้อมรอบด้วยสถานที่ราชการ โบสถ์อารามและทําเนียบประธานาธิบดี Palacio de Gobeiro ที่ไม่เปิดให้คนนอกเข้าชมก็เลยต้องเข้าโบสน์ Cathedral basilica of Lima ก่อน ตั๋วCathedralกับ monasteryที่อยู่ติดกันซื้อเป็นแพคได้ถูกกว่านิดหน่อย แล้วยังแถม post card ด้วย โบสถ์นี้สร้างในปีค.ศ.1535 แล้วเสร็จในปีค.ศ.1649 เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิก สร้างโดย Francisco Pizarro Gonzales นักล่าอานานิคมชาวสเปนที่มายึดประเทศนี้จากชาวอินคา แล้วนําวัฒนธรรมสเปนเข้ามา Peru ภายในโบสถ์ใหญ่โตสวยทีเดียว มีห้องมากมายที่เปิดให้เข้าชม มี mummified ศพของนาย Pazarro ที่ถูกขุดพบในปี 1977 โดยบังเอิญ ห้องใต้ดินก็ขุดพบ mummies อีกเพียบ ตอนนี้เอาพื้นแก้วมาวางไว้ให้คนดู
 
จากนั้นเราไปเดิน monastery ข้างข้าง อันนี้เฉยเฉย เราอาศัยใช้ห้องนํ้าที่สะอาดมาก แล้วก็ออกมาเดินเล่นดูทหารสวนสนามหน้าทําเนียบ เดินไปเรื่อยเรื่อยเจอร้านขาย Churros ชื่อ San Francisco ที่มีคนต่อคิวเยอะ เลยต้องลองหน่อย ปรากฎว่าอร่อยกว่าที่เคยกินที่ Barcelona อีก มื้อกลางวันเลือกเป็นไก่ย่าง The Villa ใกล้กับ Plaza de Armas ร้านเป็นลานโล่งสวยดี ไก่ย่างเป็น charcoal to slow cook เนื้อเลยชุ่มฉ่ํามาก เสียดายไม่มีนํ้าจิ้มไก่ย่างมาด้วย
 
หลังมื้อเที่ยงเดินต่ออีกนิดหน่อยแล้ว Uber กลับโรงแรม ขากลับนี่รถติดกว่าขามาอีก เริ่มรู้สึกไม่สบายตั้งแต่ในรถแล้ว จากควันท่อไอเสีย ถึงโรงแรมหลับยาว ไม่น่าออกไปเลยไม่คุ้ม
 
ตื่นมา เตรียมตัวไปไฮไลต์ทริปนี้ Central Restaurant ของ Chef Virgilio Martinez Veliz ที่เริ่มโด่งดังในปี 2013 ที่ร้าน Central ติดโผ Top 50 restaurants in the world ลูกเล่นของแกคือใช้วัตถุดิบใน Peru ที่มีภูมิประเทศติดกับทะเลไล่ขึ้นไปจนระดับความสูง6,655เมตร (อีกทีดอยอินนนท์อยู่ที่ 2,565 เมตร) ทําให้มีวัตถุดิบมาทําอาหารได้มากมาย บวกกับลูกเล่น gastronomic ของแกที่เวลาเดินเข้าไปในร้าน Central จะเห็นห้องคล้ายคล้ายห้องแล็บให้แกทําการทดลอง อาหารที่ร้านเมนูจะไม่เหมือนกันทุกวัน ขึ้นกับวัตถุดิบและความคิดสร้างสรรค์ของแกและทีมงานในวันนั้น คล้ายคล้ายกับที่ Einstein บอกไว้ว่า Imagination is more important than knowledge เพิ่ง get วันนี้เอง อ้อ ก่อนลืมร้านนี้ต้องจองและจ่ายมัดจําคนละ $35 ล่วงหน้าทาง website ที่ https://www.centralrestaurante.com.pe/en/reservations.html โดยทางร้านจะเปิดให้จองเป็นช่วงเวลา period ละสี่เดือน โดยเปิดให้จองแค่หนึ่งเดือนเดินล่วงหน้าของ period ล่วงหน้าของ period ต่อไป ถ้างงอ่านนี่ https://www.centralrestaurante.com.pe/assets/downloads/CENTRAL-RESERVAS-english.pdf
ดังนั้นต้องจ้องกันตาไม่กระพริบในวันที่เปิดจอง
 
ร้าน Central ร้านใหม่ที่ย้ายมาจาก mall ตรงข้ามโรงแรมเรา ตั้งอยู่เขต Barranco หายากพอควร เพราะลักษณะเป็นเหมือนบ้านมีป้ายเล็กเล็กติดอยู่ที่รั้ว มีไฟสลัวสลัวส่อง ถ้าไงสังเกตุ Security guards ข้างหน้ากับรั้วไฟฟ้าที่แน่นหนาอาจจะช่วยได้
 
เราไปถึงก่อนเวลา มี host มาพาไปนั่ง drink เรียกนํ้าย่อยก่อน พอถึงเวลาจะมี host มาตามพาเดินดูสถานที่อธิบายที่มาที่ไปก่อนนำเราไปนั่งที่โต๊ะ มีพนักงานมาถามว่าจะรับ 12 หรือ 16 courses เราเลือก 16 ไหนไหนมาแล้ว จากนั้นก็ต้องเลือกว่าจะเอา wine pairing ไหม จริงจริงแล้วพี่ชายแนะว่าต้อง wine pairing โดยเฉพาะขี้เมาอย่างเรา แต่วันนั้นยังรู้สึกผอืดผอมจากการนั่งรถตอนกลางวันเลยไม่เอากลัวกินไม่จบ Course
 
เมนูเป็นแผ่นกลมกลม ต้องหมุนคออ่าน อย่างที่บอก chef แกเล่นระดับความสูงเริ่มจาก Razor clam (-10เมตร) ก่อนตามด้วยSeaweed แล้วก็คละความสูงไปเรื่อยเรื่อย เมนูประมาณนี้ https://www.centralrestaurante.com.pe/assets/menu-eng.pdf สรุปส่วนใหญ่แปลกและอร่อยมีบางเมนูที่เราเข้าไม่ถึง ส่วนเรื่องถูกปากหรือไม่มันไม่ใช่ประเด็นของเรา เพราะ taste buds แต่ละคนไม่เหมือนกัน ปรุงก๋วยเตี๋ยวยังไม่เหมือนกัน ดังนั้นเวลามากินร้านแบบนี้ เราตัดคําว่าถูกปากไปเลย จะได้ไม่ผิดหวัง มื้อนี้ค่าเข้าชมคนละ $200 นับว่าไม่เลวทีเดียวสำหรับร้านอาหารอันดับ 6 ของโลก ระหว่างนั่งทานอยู่ Chef Virgilio ออกมาถ่ายรูปกับลูกค้า คนที่มาด้วยก็ได้ชักภาพด้วย 1 ภาพ
 
กลับโรงแรมรีบกินยาแล้วนอน ยังรู้สึกไม่สบายจากเมื่อกลางวัน
 
วันสุดท้ายของการเดินทาง
อยากกลับบ้านแล้วเพราะคิดถึงลูกสาวที่มาไกลและลูกชายสี่ขา วันนี้เริ่มไอและไม่มีเสียง เราตื่นเช้า pack ของดีดีเพราะเราจะเดินทางยาวกลับบ้านเลย โดยไปต่อเครื่องที่ Los Angeles และ Hong Kong เกิดมาไม่เคยบินยาวขนาดนี้เลย เตรียมชุดไปเปลี่ยนระหว่างทางload หนัง Netflix กับหนังสือผ่าน Kindle ไปหลายเล่ม
 
เราใช้บริการ Uber ไปสนามบินอย่างเคย รถไม่ติดเลยวันนี้ ไปถึงสนามบินก่อนเวลาเยอะ วันนี้สนามบินคนแน่น เดินหาจุดเช็คอินbusiness class ของ Latam อยู่นาน เค้ามีจุดเช็คอินพิเศษคล้ายกับของการบินไทยที่บ้านเรา ต่างกันตรงแถวมีผู้โดยสารจริงๆ ไม่ใช่เต็มไปด้วยคนขอ upgrade เหมือนบางประเทศ Lounge Latam มีสองชั้น แต่คนแน่นมาก เราไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ เครื่องบินออกตรงเวลาเป๊ะ ใช้เครื่อง Dreamliner เหมือนขามา อาหารอร่อยครับ ไฟล์ทนี้มีเนื้อกับกุ้ง นานนานจะเจอเนื้ออร่อยบนเครื่อง ส่วนใหญ่จะแห้งหมด น่าจะเป็นข้อจํากัดของวิธี reheat อาหารบนเครื่องบินเราเลยไม่ค่อยสั่งเมนูเนื้อเวลาขึ้นเครื่อง
 
ใช้เวลา 8 ช.ม.ก็ถึง Los Angeles ที่ถ้าเลือกได้จะเลี่ยง ตั้งแต่สมัยทํางานแล้ว เพราะความยุ่งเหยิงวุ่นวาย บวกกับประสบการณ์เลวร้ายที่เคยมาต่อคิว business class ของสายการบินหนึ่ง ที่เลิกบินมาอเมริกาแล้วอยู่หนึ่งชั่วโมง เพราะทุกคนที่อยู่ข้างหน้านั่ง economy แต่เจรจาขอ upgrade ทุกคน เลยเลิกบินสายการบินนั้น (ที่ไกล้เจ๊ง) พานไปถึงเลิกบินมา Los Angeles ด้วย
 
เราต้องผ่าน immigration กับ customs อีกครั้ง อเมริกาบังคับให้ผู้โดยสารที่มาต่อเครื่องต้องมี US Visa และต้องผ่าน Immigration กับ customs โดยไม่สนว่าจะเหยียบเข้าประเทศหรือไม่ ดังนั้นถ้าไม่จำเป็น อย่ามา transit ที่อเมริกา เพราะจะเพิ่มเวลากับความเครียดที่จะตกเครื่องอีกหลายเท่าตัว TSA ที่ Los Angeles นี่ก็เพิ่มความดันให้อีกระดับ เรามาอเมริกาปีละหลายรอบ ไม่เคยเจออะไรแบบนี้ที่รัฐอื่น ว่าแล้วก็สูดหายใจลึกลึก แล้วนึกถึงอาหารใน Lounge One World ที่เรอเราอยู่ดีกว่า เราเลือกไฟลท์คาเธย์ไป Hong Kongที่เผื่อเวลาให้เรามากพอควร จะได้ไม่ต้องรีบ เลยได้อาบนํ้าแล้วนั่งทานอาหารเป็นเรื่องเป็นราว Lounge นี้ดีตามที่พี่ชายบอกว่าเป็นone of the best ของ One World จริงๆ อาหารดีใหม่ มีให้เลือกเยอะ bar เป็นแบบ full bar ที่มี bartenders ประจําอยู่ 3 คน พอดีไม่ค่อยสบายเลยอดดื่ม
 
เครื่องออกตรงตาม style Cathay เราหลับยาวและดูหนังยาวและ enjoy dimsum กับอาหารเอเชียบนเครื่อง เราถึง Hong Kong เช้ามืดของอีกวันเพื่อที่จะต่อเครื่องกลับบ้าน เรามาถึงกรุงเทพตอน 10 โมงของวันที่ 20 เป็นอันจบการเดินทางอันยาวไกลที่สนุกสนานและที่สำคัญอร่อยเพราะเราไปกิน กินดีอยู่ดีครับ
 
Epilogue 
เรากลับดอยอีกแค่หนึ่งวันหลังกลับจาก Peru โดยมีลูกสาว พี่สาว พี่ชายและพี่เขย เดินทางไปด้วย เราใช้เวลานอนอยู่บนเตีอย่างเดียวสามวันเพราะไม่สบาย หลังจากนั้นรักษาอาการไออย่างรุนแรงอีกสามหมอ หมดเงินไปเป็นหมื่น นํ้าหนักลดไป 3 กิโลเพราะกินอะไรไม่ได้ จนในที่สุดอาการก็หายขาด แล้วกลับมา enjoy การกินอีกที
 
สายการบินโปรดของเรา Cathay Pacific ได้รับผลพวงจากการประท้วงที่ Hong Kong จน CEO ต้องลาออก มีข่าวลือว่าทางจีนอาจจะเข้ามาถือหุ้นใหญ่ เราใช้บริการครั้งสุดท้ายเพียง 2 เดือนหลังเดินทางกลับจาก Peru เพื่อไปอเมริกาอีกครั้ง แต่มันไม่เหมือนเดิมแล้วครับ ไฟลท์ถูกยกเลิกแบบไม่รู้จะได้ออกเมื่อไหร่ ตอนขากลับจากบอสตันมาบ้าน เพราะนักบินพนักงานประจำเครื่องและภาคพื้นดินไม่สามารถเดินทางมาปฏิบัติหน้าที่ ที่ไหนได้เนื่องจากรถไฟปิด ผมเองต้องจองสายการบินอื่นแทน ดังนั้นใครจะไป Peru ตามเราขอแนะนําให้ไปสายอื่นแทน จนกว่า Hong Kong จะจัดการภายในกันเสร็จเพราะการเดินทางยาวขนาดนี้ การที่ไฟลท์ออกช้าหรือยกเลิกจะมีผลตามมา จากโปรแกรมการกินการเที่ยวมากมายหลายหลายแห่งที่เราจองต้องใช้เวลาจองล่วงหน้าเป็นเดือน
 
จบแล้ว Peru จนกว่าจะพบกันใหม่ถ้าลูกเข้าหมอได้...ต้องไปเดินแก้บนขึ้น Machu Pichu
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่