ล้างมือบ่อย เป็นเรื่องจำเป็นมากๆในตอนนี้
จากการระบาดของ COVID-19 ซึ่งป้องกันได้ด้วยการล้างมือบ่อยๆ
ตอนนี้เกือบทุกคนน่าจะล้างมือกันเกินวันละ 10 ครั้ง
จึงเกิดปัญหาผิวตามมาแน่ๆ นั่นคือ มือแห้ง ไปจนถึงเกิดปัญหาผิวอักเสบ (Hand eczema) ตามมา
แม้แต่การล้างมือด้วยน้ำเปล่าบ่อยๆ เช่น เกิน 10 ครั้งต่อวัน
ก็ทำให้เกิดปัญหาได้แล้ว
แต่ตอนนี้ใครๆก็กลัวไวรัส #ยิ่งต้องล้างมือให้สะอาดมากขึ้น
ทำให้มีคนมือแห้งกันมากขึ้นตามไปด้วย
ซึ่งจริงๆส่วนใหญ่การล้างมือบ่อยๆ จะทำให้เกิดผิวอักเสบจากการระคายเคือง(Irritant contact dermatitis) มากกว่า ที่เกิดจากการแพ้จริง (Allergic contact dermatitis แพ้ส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์นั้นๆ)
เพื่อให้เข้าใจง่าย หมอขอแบ่งอาการออกเป็น 3 ขั้น
ขั้นแรก อาการเริ่มต้น ➡️ มือแห้ง คัน
ขั้นที่ 2 ➡️ มือลอก ผิวเป็นขุย หรือมีผื่น
ขั้นที่ 3 ➡️ ผิวจะแห้งมาก หนังแตกเป็นร่อง มีเลือดซิบๆ หรือน้ำเหลืองซึม เจ็บแสบ
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าปล่อยให้อาการเป็นมาก โดยไม่รักษา 😰
1. เสี่ยงติดเชื้อซ้ำเติม เพราะผิวหนังเราเป็นตัวกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าร่างกาย
ถ้าผิวแตกก็เหมือนกำแพงกั้นเชื้อโรคพังทลาย จึงติดเชื้อที่อยู่บนผิวได้นั่นเองค่ะ
2. เสี่ยงต่อการแพ้สารต่างๆได้ง่ายขึ้น เพราะสารต่างๆซึมเข้าผิวได้มากขึ้น
ผิวมีภูมิต้านทานลดลง โอกาสจะแพ้จึงเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
3. ผิวยิ่งแห้งแตกมากขึ้น เพราะน้ำระเหยจากผิวได้มาก
4. เสียความมั่นใจ เช่น เพราะมือเป็นส่วนที่คนอื่นมองเห็นได้ง่าย
สาวๆถ้ามีเดทอยู่ คงไม่อยากให้คู่เดทหรือแฟนต้องจูงมือสากๆใช่มั้ยคะ
5. เป็นสาเหตุของการลางานในอาชีพที่ต้องทำงานใช้มือ เช่น แม่บ้านทำความสะอาด,
พนักงานนวดแผนไทยหรือนวดสปา
ใครบ้างที่เป็นกลุ่มเสี่ยง 🚨
1. ผู้หญิง เพราะ ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะล้างมือบ่อยกว่า ทำงานบ้านมากกว่า
2. คนที่ผิวแห้งอยู่แล้ว เช่น กลุ่มคนที่เป็นภูมิแพ้ผิวหนังชนิด atopic dermatitis,
คนที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรม เกี่ยวกับยีน filaggrin
3. คนที่ล้างมือบ่อยแต่ไม่ได้ทาครีมบำรุงหลังจากล้างมือ
4. คนที่ล้างมือด้วยสบู่ก้อน สบู่ผสมสารฆ่าเชื้อ ล้างด้วยแอลกอฮอล์ล้างแผล
ล้างด้วยสารที่ใช้ฆ่าเชื้ออื่นๆ
5. คนที่สูบบุหรี่ พบว่าการสูบบุหรี่มีความเกี่ยวข้องกับการเกิดผื่นผิวหนังอักเสบที่มือ
6. ความเครียด ทำให้ผื่นแย่ลงได้
7. คนที่แพ้นิกเกิ้ล (พบในโลหะปลอม หรือ ราคาถูก)
พบว่ามีความเกี่ยวข้องกันผื่นผิวหนังอักเสบเช่นกัน
ทำอย่างไรดีเมื่อมือแห้ง 💛
1. ล้างมือแล้วต้องรีบเช็ดให้แห้ง ตอนนี้แนะนำเช็ดด้วยทิชชู่
(ไม่ใช้ผ้าเช็ดมือรวม เพราะเป็นแหล่งรวมเชื้อโรค)
2. ทาครีมบำรุงทุกครั้งหลังจากล้างมือ ถ้ามีสารที่เคลือบผิว
เช่น shielding lotion ยิ่งดี ถ้าหาไม่ได้แนะนำครีมหรือโลชั่นทั่วไปที่มีอยู่ที่บ้านก็ใช้ได้นะคะ
3. อย่าจับสิ่งของถ้าไม่จำเป็น เพื่อลดการล้างมือให้น้อยลง เช่น
กดปุ่ม ลิฟท์ กด ATM กดเปิดประตู อาจจะลองใช้สิ่งอื่นแทน
เช่น เศษกระดาษเล็กๆจากใบเสร็จ, กระดาษทิชชู่ อย่าลืมพกถุงเล็กๆติดตัวไว้ทิ้งขยะด้วยนะคะ
4. ประตูแบบผลัก ใช้การหันข้างเอาตัวดัน แทนการใช้มือผลัก
5. เลือกใช้สบู่เหลวสูตรอ่อนโยน แทนสบู่ก้อน
6. ไม่ควรล้างมือหรือเช็ดมือด้วยสารฆ่าเชื้อที่ใช้สำหรับสิ่งของ เพราะจะกัดมือมากกว่า
เป็นอันตรายต่อผิวหนังด้วยนะคะ
7. ถ้าคัน อย่าเกา เพราะนอกจากจะยิ่งคันแล้วจะทำให้มีแผล หรือ ผื่นมากกว่าเดิม
ให้กินยาแก้แพ้ แก้คัน กลุ่ม antihistamine (กลุ่มเดียวกับยาแก้ภูมิแพ้ หรือยาลดน้ำมูก)
8. ถ้าผิวแตกเป็นร่องมีเลือดซิบๆ ทาครีมเฉยๆจะไม่พอ
ให้ทาวาสลีน (petrolatum) ปิดทับรอยแตกไว้ เพื่อกักความชื้นไม่ให้ออกจากผิว
9. ห้ามแกะฉีกหนังที่แตกลอก อย่าเอากรรไกรตัดเล็บแซะหนัง เพราะเพิ่มโอกาสติดเชื้อ
10. ถ้าต้องการเช็คทำความสะอาดสิ่งของด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อควรสวมถุงมือยาง
สรุป 💧การทาครีมบำรุงผิวหลังจากล้างมือทุกครั้งมีประโยชน์ต่อผิวของเรามากค่ะ
เมื่อผิวแข็งแรง เชื้อโรคก็เข้ามาไม่ได้ง่ายๆ โอกาสเกิดการแพ้สารต่างๆก็ลดลง
ตอนนี้ล้างมือกันวันละกี่รอบคะ แล้วผิวเริ่มแห้งกันบ้างมั้ย
อย่าปล่อยให้มือแห้ง ❌ เสี่ยงติดเชื้อเพิ่มและแพ้ง่ายขึ้น 😢
ล้างมือบ่อย เป็นเรื่องจำเป็นมากๆในตอนนี้
จากการระบาดของ COVID-19 ซึ่งป้องกันได้ด้วยการล้างมือบ่อยๆ
ตอนนี้เกือบทุกคนน่าจะล้างมือกันเกินวันละ 10 ครั้ง
จึงเกิดปัญหาผิวตามมาแน่ๆ นั่นคือ มือแห้ง ไปจนถึงเกิดปัญหาผิวอักเสบ (Hand eczema) ตามมา
แม้แต่การล้างมือด้วยน้ำเปล่าบ่อยๆ เช่น เกิน 10 ครั้งต่อวัน ก็ทำให้เกิดปัญหาได้แล้ว
แต่ตอนนี้ใครๆก็กลัวไวรัส #ยิ่งต้องล้างมือให้สะอาดมากขึ้น
ทำให้มีคนมือแห้งกันมากขึ้นตามไปด้วย
ซึ่งจริงๆส่วนใหญ่การล้างมือบ่อยๆ จะทำให้เกิดผิวอักเสบจากการระคายเคือง(Irritant contact dermatitis) มากกว่า ที่เกิดจากการแพ้จริง (Allergic contact dermatitis แพ้ส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์นั้นๆ)
เพื่อให้เข้าใจง่าย หมอขอแบ่งอาการออกเป็น 3 ขั้น
ขั้นแรก อาการเริ่มต้น ➡️ มือแห้ง คัน
ขั้นที่ 2 ➡️ มือลอก ผิวเป็นขุย หรือมีผื่น
ขั้นที่ 3 ➡️ ผิวจะแห้งมาก หนังแตกเป็นร่อง มีเลือดซิบๆ หรือน้ำเหลืองซึม เจ็บแสบ
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าปล่อยให้อาการเป็นมาก โดยไม่รักษา 😰
1. เสี่ยงติดเชื้อซ้ำเติม เพราะผิวหนังเราเป็นตัวกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าร่างกาย
ถ้าผิวแตกก็เหมือนกำแพงกั้นเชื้อโรคพังทลาย จึงติดเชื้อที่อยู่บนผิวได้นั่นเองค่ะ
2. เสี่ยงต่อการแพ้สารต่างๆได้ง่ายขึ้น เพราะสารต่างๆซึมเข้าผิวได้มากขึ้น
ผิวมีภูมิต้านทานลดลง โอกาสจะแพ้จึงเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
3. ผิวยิ่งแห้งแตกมากขึ้น เพราะน้ำระเหยจากผิวได้มาก
4. เสียความมั่นใจ เช่น เพราะมือเป็นส่วนที่คนอื่นมองเห็นได้ง่าย
สาวๆถ้ามีเดทอยู่ คงไม่อยากให้คู่เดทหรือแฟนต้องจูงมือสากๆใช่มั้ยคะ
5. เป็นสาเหตุของการลางานในอาชีพที่ต้องทำงานใช้มือ เช่น แม่บ้านทำความสะอาด,
พนักงานนวดแผนไทยหรือนวดสปา
ใครบ้างที่เป็นกลุ่มเสี่ยง 🚨
1. ผู้หญิง เพราะ ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะล้างมือบ่อยกว่า ทำงานบ้านมากกว่า
2. คนที่ผิวแห้งอยู่แล้ว เช่น กลุ่มคนที่เป็นภูมิแพ้ผิวหนังชนิด atopic dermatitis,
คนที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรม เกี่ยวกับยีน filaggrin
3. คนที่ล้างมือบ่อยแต่ไม่ได้ทาครีมบำรุงหลังจากล้างมือ
4. คนที่ล้างมือด้วยสบู่ก้อน สบู่ผสมสารฆ่าเชื้อ ล้างด้วยแอลกอฮอล์ล้างแผล
ล้างด้วยสารที่ใช้ฆ่าเชื้ออื่นๆ
5. คนที่สูบบุหรี่ พบว่าการสูบบุหรี่มีความเกี่ยวข้องกับการเกิดผื่นผิวหนังอักเสบที่มือ
6. ความเครียด ทำให้ผื่นแย่ลงได้
7. คนที่แพ้นิกเกิ้ล (พบในโลหะปลอม หรือ ราคาถูก)
พบว่ามีความเกี่ยวข้องกันผื่นผิวหนังอักเสบเช่นกัน
ทำอย่างไรดีเมื่อมือแห้ง 💛
1. ล้างมือแล้วต้องรีบเช็ดให้แห้ง ตอนนี้แนะนำเช็ดด้วยทิชชู่
(ไม่ใช้ผ้าเช็ดมือรวม เพราะเป็นแหล่งรวมเชื้อโรค)
2. ทาครีมบำรุงทุกครั้งหลังจากล้างมือ ถ้ามีสารที่เคลือบผิว
เช่น shielding lotion ยิ่งดี ถ้าหาไม่ได้แนะนำครีมหรือโลชั่นทั่วไปที่มีอยู่ที่บ้านก็ใช้ได้นะคะ
3. อย่าจับสิ่งของถ้าไม่จำเป็น เพื่อลดการล้างมือให้น้อยลง เช่น
กดปุ่ม ลิฟท์ กด ATM กดเปิดประตู อาจจะลองใช้สิ่งอื่นแทน
เช่น เศษกระดาษเล็กๆจากใบเสร็จ, กระดาษทิชชู่ อย่าลืมพกถุงเล็กๆติดตัวไว้ทิ้งขยะด้วยนะคะ
4. ประตูแบบผลัก ใช้การหันข้างเอาตัวดัน แทนการใช้มือผลัก
5. เลือกใช้สบู่เหลวสูตรอ่อนโยน แทนสบู่ก้อน
6. ไม่ควรล้างมือหรือเช็ดมือด้วยสารฆ่าเชื้อที่ใช้สำหรับสิ่งของ เพราะจะกัดมือมากกว่า
เป็นอันตรายต่อผิวหนังด้วยนะคะ
7. ถ้าคัน อย่าเกา เพราะนอกจากจะยิ่งคันแล้วจะทำให้มีแผล หรือ ผื่นมากกว่าเดิม
ให้กินยาแก้แพ้ แก้คัน กลุ่ม antihistamine (กลุ่มเดียวกับยาแก้ภูมิแพ้ หรือยาลดน้ำมูก)
8. ถ้าผิวแตกเป็นร่องมีเลือดซิบๆ ทาครีมเฉยๆจะไม่พอ
ให้ทาวาสลีน (petrolatum) ปิดทับรอยแตกไว้ เพื่อกักความชื้นไม่ให้ออกจากผิว
9. ห้ามแกะฉีกหนังที่แตกลอก อย่าเอากรรไกรตัดเล็บแซะหนัง เพราะเพิ่มโอกาสติดเชื้อ
10. ถ้าต้องการเช็คทำความสะอาดสิ่งของด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อควรสวมถุงมือยาง
สรุป 💧การทาครีมบำรุงผิวหลังจากล้างมือทุกครั้งมีประโยชน์ต่อผิวของเรามากค่ะ
เมื่อผิวแข็งแรง เชื้อโรคก็เข้ามาไม่ได้ง่ายๆ โอกาสเกิดการแพ้สารต่างๆก็ลดลง
ตอนนี้ล้างมือกันวันละกี่รอบคะ แล้วผิวเริ่มแห้งกันบ้างมั้ย