"ปั่นเดี่ยวเที่ยวไปถึงหลวงพระบาง" กับทริปจักรยานทัวร์ริ่งปั่นไปตามใจฝัน ตอนที่ 3



อมยิ้ม33ความเดิมจากตอนที่แล้ว

ตอนที่ 1 https://ppantip.com/topic/39708430
ตอนที่ 2 https://ppantip.com/topic/39709600

วันที่ 3 วังเวียง – กาสี – บ้านน้ำอุ่น (ระยะทาง 82 กม.)

วันนี้ผมตื่นตอน 04.00 น. อากาศค่อนข้างเย็นไปจนถึงหนาว วัดอุณหภูมิได้ 17 องศา ผมเก็บสัมภาระทำกิจส่วนตัวเสร็จก็สว่างพอดี จึงรีบเดินทางออกจากที่พัก เหมือนวิหคที่ต้องหากินแต่เช้าตรู่  ผมปั่นผ่านบ้านเรือนในเขตเมืองวังเวียง เห็นชาวบ้านกำลังรอใส่บาตรพระ ช่างเป็นภาพวิถีชีวิตที่หาพบได้ทั่วไปในประเทศลาว 
ออกจากวังเวียง ก็ปั่นกินลมชมวิวไปเรื่อยๆ เห็นบอลลูนกำลังลงจากท้องฟ้า ดูเพลินดีเหมือนกัน
 

การปั่นวันนี้ดูแล้วน่าจะมีสีสันกว่าทุกวันที่ผ่านมา เนื่องจากวันนี้เป็นวันจันทร์เด็กนักเรียนไปโรงเรียนกัน ตามถนนหนทางที่ปั่นผ่าน จึงได้เห็นการทักทายจากบรรดาเหล่านักเรียน  ซึ่งเด็กๆ หลายคนนิยมปั่นรถถีบมาโรงเรียนกันครับ
ทิวทัศน์สองข้างทางขนาบด้วยภูเขา โดยเฉพาะเขาหินปูน ที่สูงทะมึน ดูสง่าสวยงามเป็นเอกลักษณ์ของเมืองวังเวียงเลยก็ว่าได้ 

ก่อนถึงบ้านผาตั้ง ผมแวะซื้อไก่ย่าง ข้าวเหนียวและเสบียง น้ำดื่มติดไปกินระหว่างทางด้วย .....
ที่บ้านผาตั้ง ตรงสะพานข้ามน้ำซอง ถือเป็นจุดชมวิวที่สวยงามของบนเส้นทางสายนี้เลยครับ
ออกจากบ้านผาตั้งก็ปั่นไปเรื่อยๆ ก่อนจะแวะข้างทาง พักกินอาหารเช้าที่ซื้อติดตัวเพื่อเติมพลังกันก่อน
ปั่นมาจนถึงบ้านผาฮ้อม จะมองเห็นแปลงปลูกกะหล่ำอยู่มากมายเรียงรายไปจนถึงเชิงเขา ที่นี่ชาวบ้านนิยมปลูกกะหล่ำเป็นอาชีพครับ
 ผ่านจากบ้านผาฮ้อมทางก็เริ่มขึ้นเขาอีกครั้ง ผมค่อยๆงัดเนินมาเรื่อยๆ เห็นร้านขายส้มริมทาง เลยจอดแวะซื้อติดมือไปด้วย รสชาติหวานอร่อยครับ 

ขึ้นเขามาได้พักใหญ่ๆก็เห็นป้ายริมถนน บอกเมืองกาสี  แปลว่าผมกำลังเข้าเขตเมืองกาสีแล้ว เส้นทางยังเป็นเขาที่ยังต้องปั่นแบบขึ้นลงตลอดเวลา แต่ส่วนใหญ่จะหนักไปทางขึ้นเขาเสียมากกว่า  

จนกระทั่งถึงช่วงที่ต้องลงเขายาวๆ ผมอัดลงเขาอย่างมันส์ ปั่นตามลมยาวๆ ไปเลย ผ่านหมู่บ้านหลายหมู่บ้าน 
แต่แล้วความมันส์ที่อัดมาจนเพลิน ก็ต้องหยุดชะงัก ลดสปีด ดีดความเร็วออกทันที เมื่อเจอเด็กๆนักเรียนตัวน้อยๆ สองริมข้างทาง ที่กำลังเลิกเรียนช่วงกลางวันพอดี ยกไม้ยกมือทักทาย  บางก็โบกมือบอก “สบายดี ๆ ” เด็กผู้ชายบางคนนี่พูด “ฮัลโล่ ๆ ” เลยทีเดียว ผมปั่นอย่างช้าๆ ทักทายเด็กๆ แทบทุกคนที่ปั่นผ่าน
 เด็กผู้ชายหลายคน ก็วิ่งตามรถจักรยานผมบ้าง “บอกอยากกินมะม่วงๆ” ผมก็ไม่รู้จะไปหามะม่วงจากที่ไหนมาให้ ได้แต่แจกลูกอมที่มีติดตัวไปคนละเม็ด2เม็ด จนหมดถุง บางคนก็ยกมือดักรอ เพื่อจะได้ตีมือกัน 5555++ บอกตรงๆว่าสนุกสนานกันเลยทีเดียว
  ผมปั่นจนพ้นเหล่าเด็กนักเลง เอ๊ย ..นักเรียนเจ้าถิ่นมาได้ซักพัก ก็มาถึงเมืองกาสี จอดแวะพักซื้อน้ำอ้อย แล้วก็ปั่นต่อไป 
จนไปเจอ นักปั่น 2 สามีภรรยาชาวฝรั่งเศสที่ปั่นมาจากทางเหนือของลาว เราแวะทักทายพูดคุยกัน พอได้ความว่า ทั้งคู่ปั่นมาจากเวียดนาม มาหลวง     พระบาง แล้วจะไปเวียงจันทร์ ต่อไปปากซัน ไปปากเซ แล้วเข้ากัมพูชา  ผมคิดในใจ เขาคงจะมาปั่นเที่ยวดินแดนที่เคยเป็นอาณานิคมของประเทศ      เขานั่นแหละ
 
หลังจากทักทาย 2 สามีภรรยานักปั่นชาวฝรั่งเศสแล้ว ผมก็ปั่นต่อ มองเห็นภูเขายอดแหลมๆ สูงสวยงาม ดูทะมึนอยู่เบื้องหน้า ...ใช่เลย มันรอเราอยู่ “      รอที่จะเชือดเราอยู่ไง”

พ้นบ้านหัวเมือง ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ทางก็ขึ้นเขาทันที ลดเกียร์สับสปีดลง ใช้รอบข้าเข้าช่วย ค่อยๆงัดเนินเผชิญความร้อน  เหงื่อนี่ผุดไปทั่วตัวเลยครับ ผมจอดพักเป็นระยะเมื่อเจอทิวทัศน์ที่สวยงาม เป็นการพักเหนื่อยไปในตัว ส้มที่ซื้อมาถูกแกะมากินเพื่อเติมพลัง  

ไม่นานก็ปั่นมาถึงบ้านผาจ้าว เห็นสองสามีภรรยาชาวอังกฤษปั่นจักรยานทัวร์ริ่งกันมา เลยจอดทักทายพูดคุย ทราบว่าปั่นมาจากลอนดอนประเทศอังกฤษ เข้ายุโรปตะวันออก ผ่านเอเชียกลาง เข้าจีน แล้วเข้าลาว เพื่อทะลุไปไทย มาเลย์ และสิงคโปร์  ปั่นแบบ Around The World กันเลยทีเดียว เห็นแล้วอิจฉาจัง 5555 
ที่บ้านผาจ้าวจัดว่ามีทิวทัศน์ที่สวยงามมากครับ จะเห็นทิวเขาสูงทะมึนทอดยาวดุจกำแพงสีครามขนานไปกับถนน ถือเป็นLANDMARK ของที่นี่เลยครับ

 ผมจอดรถเสพบรรยากาศตรงแปลงปลูกผักชาวบ้าน แล้วล้างหน้าล้างตาจากน้ำประปาภูเขาเพื่อเติมความสดชื่น บ่ายแก่ๆอย่างนี้ อากาศไม่ร้อนแล้วครับ มองเห็นชาวฝรั่งกำลังลงจากรถตู้ที่เหมามาเที่ยวชมวิวที่นี่ แสดงให้เห็นว่าที่นี่ทิวทัศน์เขาสวยจริง
 
ผมปั่นต่อไปเรื่อยๆ จนถึงทางลงเขา ก็ไหลยาวมาเรื่อย ระหว่างทางเห็นไฟป่ากำลังไหม้อยู่ริมทาง ต้องรีบอัดลงเขาเพื่อหนีควันไฟ  

ไม่นานนักก็ปั่นมาถึงที่พักของวันนี้  “บ่อน้ำอุ่น รีสอร์ท ” ในเวลา 15.00 น. ที่พักตั้งอยู่บนเนินเขา มองเห็นวิวทิวเขาเบื้องหน้าสวยงามยิ่งนัก   ราคาอยู่ที่ 100,000 กีบครับ
หลังจากเข้าที่พักทำธุระส่วนตัวแล้ว ตกเย็นผมก็ลงไปแช่น้ำอุ่นที่อยู่ด้านล่างของรีสอร์ท 

ก่อนจะเดินไปกินข้าวที่ร้านอาหารที่ฝั่งตรงข้ามของรีสอร์ท ก่อนซื้อเบียร์ลาวติดกลับมาที่พัก 2 ขวด แล้วก็นั่งหวดเบียร์ชมวิวพระอาทิตย์ตกเบื้องหน้า บรรยากาศช่างพาอารมณ์สุนทรีย์ยิ่งนัก นั่งชมวิวเพลินๆ ท่ามกลางอากาศเย็นๆ จนพลบค่ำ เบียร์หมด ก็เขานอน เพื่อเตรียมพเนจรต่อไป
วันนี้ก็ขอจบทริปไว้แต่เพียงเท่านี้นะครับ  พรุ่งนี้จะรีวิวการเดินทางวันที่ 4 ให้ติดตามกันต่อไปครับ

อมยิ้ม33ติดตามตอนที่ 4 ครับ  https://ppantip.com/topic/39716835
 ************************************************
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่