หลายคนที่ศึกษา ประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสจะรู้ดีว่า คดีสร้อยพระศอของพระนางมารีอังตัวเนต
คืออะไร มันคือคดีต้มตุ๋นทางประวัติศาสตร์ที่ มีคนไปหลอกช่างทำเครื่องเพชร ให้สร้าง
เครื่องเพชร โดยอ้างชื่อพระนางมารีอังตัวเนต พอรับของไปแล้วก็ไม่จ่ายตังค์ และเชิด
สร้อยเพชร์ไป ซึ่งพอช่างทำเครื่องเพชรไปร้องเรียน พระนางมารีอังตัวเนตก็ปฎิเสธไม่ได้
รู้เห็น สุดท้ายคดีนี้ ถูกนำมาโยนความผิดให้พระนาง ทั้งๆที่พระนางบริสุทธ์ และไม่ได้
มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ชาวบ้านก็เชื่อว่าพระนางผิดและคดีนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ภาพลักษณ์
ของพระนางเสียหายจนนำไปสู่การปฎิวัติฝรั่งเศสและการล่มสลายของราชวงศ์บูร์บง
คดีหน้ากากของธรรมนัสก็เหมือนกัน คือความที่แดงออกมามันก็คือ เรื่องต้มตุ๋น
ซึ่ง แทบไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับธรรมนัสเลย แต่ภาพลักษณ์ธรรมนัสก็เหมือน
พระนางมารีอังตัวเนตคือคนเกลียดอยู่เยอะอยู่แล้ว
แล้วปัญหาของหน้ากากอนามัย ก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธรรมนัสที่เป็นเกษตร
แต่เป็นเรื่องของ พานิชย์ + อุตสาหกรรม ที่ต้องทำงานร่วมกันเพื่อแก้ปํญหา
แต่รมต พานิชย์กลับลอยตัวปัญหา อุตสาหกรรมก็ไม่ได้พยายามแก้ไข หรือ
เพิ่มกำลังการผลิต มีแค่รมตสาธารณสุขที่พยายามแก้ปัญหา หน้ากากขาดตลาด
เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการคุม Covid19 ที่ตัวเองดูแล
สุดท้าย แล้วปัญหา หน้ากาก ขาดตลาด ใครเป็นไอ้โม่งที่เม้มหน้ากากไป
ภายใต้รัฐบาลผสมที่ ต้องพึ่งพิงกันทุกฝ่ายแบบนี้ก็คงเป็นความลับต่อไป
จริงๆทางแก้ที่ถูกต้องคือลากไอ้โม่ง ตัวจริงออกมา ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ในทาง
ปฎิบัติ พร้อมกับเป็นการนับเวลาถอยหลังรัฐบาล ที่ไปโกงเรื่องที่ระดับประชาชน
สนับสนุนยังรับไม่ได้
ส่วนฝ่ายต่อต้านรํฐบาล ก็ได้ ไพ่ที่ไปเล่น บนโต๊ะเพิ่ม เพราะความจริงไม่สำคัญ
เท่ากับสิ่งที่คนเชื่อ ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็เชื่อไปแล้ว เอาละ จะทำอะไรต่อก็ช่างเถอะ
อย่าทำเรื่องโง่ๆ แบบไป ยึดโรงงานหรือทำเรื่องที่แย่อยู่แล้วให้แย่ขึ้นไปอีกก็พอ
ผมว่าเลือกตั้งรอบหน้า ถ้าภูมิใจไทย เดินเกมดีๆ อาจได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
ระวังคดีหน้ากากของธรรมนัส จะเป็น คดีสร้อยพระศอของพระนางมารีอังตัวเนต
คืออะไร มันคือคดีต้มตุ๋นทางประวัติศาสตร์ที่ มีคนไปหลอกช่างทำเครื่องเพชร ให้สร้าง
เครื่องเพชร โดยอ้างชื่อพระนางมารีอังตัวเนต พอรับของไปแล้วก็ไม่จ่ายตังค์ และเชิด
สร้อยเพชร์ไป ซึ่งพอช่างทำเครื่องเพชรไปร้องเรียน พระนางมารีอังตัวเนตก็ปฎิเสธไม่ได้
รู้เห็น สุดท้ายคดีนี้ ถูกนำมาโยนความผิดให้พระนาง ทั้งๆที่พระนางบริสุทธ์ และไม่ได้
มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ชาวบ้านก็เชื่อว่าพระนางผิดและคดีนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ภาพลักษณ์
ของพระนางเสียหายจนนำไปสู่การปฎิวัติฝรั่งเศสและการล่มสลายของราชวงศ์บูร์บง
คดีหน้ากากของธรรมนัสก็เหมือนกัน คือความที่แดงออกมามันก็คือ เรื่องต้มตุ๋น
ซึ่ง แทบไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับธรรมนัสเลย แต่ภาพลักษณ์ธรรมนัสก็เหมือน
พระนางมารีอังตัวเนตคือคนเกลียดอยู่เยอะอยู่แล้ว
แล้วปัญหาของหน้ากากอนามัย ก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธรรมนัสที่เป็นเกษตร
แต่เป็นเรื่องของ พานิชย์ + อุตสาหกรรม ที่ต้องทำงานร่วมกันเพื่อแก้ปํญหา
แต่รมต พานิชย์กลับลอยตัวปัญหา อุตสาหกรรมก็ไม่ได้พยายามแก้ไข หรือ
เพิ่มกำลังการผลิต มีแค่รมตสาธารณสุขที่พยายามแก้ปัญหา หน้ากากขาดตลาด
เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการคุม Covid19 ที่ตัวเองดูแล
สุดท้าย แล้วปัญหา หน้ากาก ขาดตลาด ใครเป็นไอ้โม่งที่เม้มหน้ากากไป
ภายใต้รัฐบาลผสมที่ ต้องพึ่งพิงกันทุกฝ่ายแบบนี้ก็คงเป็นความลับต่อไป
จริงๆทางแก้ที่ถูกต้องคือลากไอ้โม่ง ตัวจริงออกมา ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ในทาง
ปฎิบัติ พร้อมกับเป็นการนับเวลาถอยหลังรัฐบาล ที่ไปโกงเรื่องที่ระดับประชาชน
สนับสนุนยังรับไม่ได้
ส่วนฝ่ายต่อต้านรํฐบาล ก็ได้ ไพ่ที่ไปเล่น บนโต๊ะเพิ่ม เพราะความจริงไม่สำคัญ
เท่ากับสิ่งที่คนเชื่อ ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็เชื่อไปแล้ว เอาละ จะทำอะไรต่อก็ช่างเถอะ
อย่าทำเรื่องโง่ๆ แบบไป ยึดโรงงานหรือทำเรื่องที่แย่อยู่แล้วให้แย่ขึ้นไปอีกก็พอ
ผมว่าเลือกตั้งรอบหน้า ถ้าภูมิใจไทย เดินเกมดีๆ อาจได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล