สถานที่แนะนำในจังหวัด "นารา" เมืองโบราณที่มีอะไรมากกว่าที่คิด 🦌 (1)

เพี้ยนสวัสดี
สวัสดีค่ะทุกคน กลับมาพบกันอีกเช่นเคยค่ะ

ตั้งแต่บทความนี้ไป เราจะนำข้อมูลเกี่ยวกับจังหวัดนาราของประเทศญี่ปุ่นมาฝาก!
โดยวันนี้จะเริ่มจาก “บริเวณสวนนารา” ค่ะ
 
เป็นบริเวณยอดนิยมที่รวมเอาความมีเสน่ห์ในแบบดั้งเดิมและแบบปัจจุบันของเมืองโบราณนาราเข้าไว้ด้วยกัน
ไม่ว่าจะเป็นย่านนารามาจิที่มีร้านรวงใหม่ๆ ซึ่งอาศัยอยู่ร่วมกับเมืองเก่า หรือจะเป็นสวนนาราที่มีเหล่ากวางป่าเดินเล่นอย่างอิสระ
และสถานที่เกือบทั้งหมดที่เรากำลังจะแนะนำนั้น สามารถเดินเท้าได้จากสถานี Kintetsu-Nara เรียกได้ว่าสะดวกมากๆ เลยค่ะ
 
ถ้าอย่างนั้นแล้ว เราไปดูกันค่ะว่าที่บริเวณรอบๆ สวนนารานั้นมีอะไรน่าสนใจบ้าง!

.
.

สวนนารา (Nara Park)
สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่รวมเอามรดกโลกไว้ด้วยกัน ได้แก่ วัดโทไดจิ วัดโคฟุคุจิ และศาลเจ้าคาสุกะ
มีทั้งทุ่งโทบิฮิโนะที่มีต้นหญ้าสวยงามและศาลาอุคิมิโดซึ่งตั้งอยู่กลางบ่อน้ำ
เพราะฉะนั้นจึงเป็นที่นิยมทั้งในหมู่ผู้อยู่อาศัยและนักท่องเที่ยวในฐานะของสถานที่พักผ่อนหย่อนใจค่ะ
 

โระคุเอ็น (Rokuen)
เป็นอนุสรณ์แห่งชาติทางธรรมชาติที่ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1929 เพื่อปกป้องและบำรุงกวางป่านารา
มีนิทรรศการที่สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับนิเวศวิทยาของกวางให้เข้าไปศึกษา
และในเดือนมิถุนายนก็จะมีการเปิดตัวของเจ้ากวางน้อยแรกเกิดแสนน่ารักด้วยล่ะค่ะ
 

ทุ่งโทบิฮิโนะ (Tobihino Hill)
เป็นทุ่งขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยหญ้าสีเขียวซึ่งแผ่บริเวณกว้างไปทางตอนใต้ของศาลเจ้าคาสุกะ
สีสันในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของที่นี่นั้นจะสวยงามมากเลยค่ะ
และที่เป็นจุดเด่นของทุ่งโทบิฮิโนะเลยก็คือ “ชิคะโยเสะ” (Shikayose) หรือการเรียกรวมกวาง
โดยอาศัยเสียงเป่าจากเครื่องฮอร์น และฝูงกวางก็จะมารวมตัวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาค่ะ เรียกว่าเป็นอะไรที่ต้องมาดูให้ได้เลยล่ะ!
 

พิพิธภัณฑ์แห่งชาตินารา (Nara National Museum)
เปิดเมื่อปีค.ศ. 1895 ประกอบไปด้วยอาคารหลักที่ถูกตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ตะวันตกของยุคเมจิซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูป
และอาคารใหม่ทางฝั่งตะวันออกและตะวันตก เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เต็มไปด้วยศิลปะทางพระพุทธศาสนามากที่สุดในประเทศ
ทั้งพระพุทธรูปของญี่ปุ่น จีน หรือคาบสมุทรเกาหลี สามารถชื่นชมกับสมบัติประจำชาติมากมายรวมถึงผลงานชิ้นเอกของทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญ

และใน “นิทรรศการโชโซอิน” (Shosoin Exhibition) ที่จัดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของทุกปีนั้น
จะมีการเผยถึงสมบัติของวัดโทไดจิ เป็นนิทรรศการที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่องเลยค่ะ


ศาลเจ้าคาสุกะ (Kasuga Grand Shrine)
แต่เดิมนั้นเป็นศาลเจ้าที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อปกป้องเมืองเฮโจเคียวในยุคสมัยนารา  มีบริเวณกว้างขวางซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยป่าไม้
ในส่วนของสำนักงานที่มีทางเดินนั้น มีศาลเจ้าที่ทาสีแดงสวยงามพร้อมกับเรียงรายไปด้วยโคมไฟหินและโคมไฟที่ห้อยระย้า
ในเดือนกุมภาพันธ์และเดือนสิงหาคม โคมไฟมากมายจะสว่างสไวขึ้นในยามกลางคืน
ทำให้บริเวณพื้นที่โดยรอบนั้นถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศที่น่าอัศจรรย์ใจ

เทศกาลอันงดงามต่างๆ ที่ชวนให้นึกถึงวันเก่าของราชวงศ์ จะถูกจัดขึ้นถึงปีละ 2,200 ครั้งเลยที่เดียวค่ะ 
เช่น เทศกาลคาสุกะ (Kasuga Matsuri) ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ หรือจะเป็นเทศกาลคาสุกะ วาคามิยะ (Kasuga Wakamiya Onmatsuri) ในช่วงฤดูหนาว

หอสมบัติแห่งชาติที่มีสมบัติรวมกันมากกว่า 1,000 ชิ้น และสวนพฤกษศาสตร์มันโยที่มีพืชพรรณราว 300 ชนิดก็ถือเป็นจุดเด่นของที่นี่เช่นกันค่ะ


 
(รูปภาพจาก Nara Visitors Bureau)

เทศกาลวาคาคุสะยามะยากิ (Wakakusa Yamayaki Festival)
เป็นประเพณีที่จะบอกถึงการมาของฤดูใบไม้ผลิในนารา ซึ่งจะถูกจัดขึ้นทุกปีในวันเสาร์ที่ 4 ของเดือนมกราคม
โดยเริ่มต้นด้วยการปล่อยดอกไม้ไฟนับร้อยขึ้นบนฟ้า หลังจากนั้นภูเขาวาคาคุสะทั้งลูกก็จะไฟลุกโชนขึ้นในคราวเดียว
มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับพิธีกรรมนี้มากมาย แต่โดยดั้งเดิมแล้วเป็นการจัดพิธีเพื่อสงบดวงวิญญาณที่ถูกฝังไว้ในหลุมฝังศพทางด้านบนของภูเขาวาคาคุสะลูกนี้


(รูปภาพจาก Nara Visitors Bureau)

วัดโทไดจิ (Todaiji Temple)
 
วิหารไดบุทสึเดน (Daibutsuden Great Buddha Hall) เป็นอาคารไม้ที่มีขนาดใหญ่ระดับโลก
และเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปองค์ใหญ่ “ไดบุทสึ” (Rushanabutsu) ของจังหวัดนารา ซึ่งเป็นพระพุทธรูปองค์หลักของวัดโทไดจิ
ตั้งแต่ถูกสร้างขึ้นในยุคสมัยนารา วิหารแห่งนี้ถูกไฟเผาไหม้ไปด้วยกัน 2 ครั้ง ส่วนสถานที่ที่ยังคงอยู่ในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1709
มีความสูงประมาณ 48 เมตร ซึ่งเทียบเท่าตึก 15-16 ชั้นเลยล่ะค่ะ
พระพุทธรูปองค์นี้ถูกหล่อขึ้นเพื่อให้สิ่งมีชีวิตทุกสิ่งสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข
ด้วยความปรารถนาของจักรพรรดิโชมุ โดยรวมกำลังของชาวบ้านราว 2 ล้าน 6 แสนคนในการสร้าง

ในการประดับโคม (Mantokuyoe) ที่จะจัดขึ้นในวันปีใหม่และวันที่ 15 สิงหาคม
ประตูที่ด้านหน้าขององค์พระพุทธรูปจะถูกเปิด จึงสามารถบูชาที่บริเวณพระพักตร์ได้
 

(รูปภาพจาก Nara Visitors Bureau ถ่ายโดย Akihiko Kimura)

พิธีชูนิเอะ (Shunie Ceremony)
พิธีชูนิเอะซึ่งจัดขึ้นที่หอนิกัทสึโดของวัดโทไดจินั้น เป็นที่รู้จักในชื่อ “เทศกาลโอมิซุโทริ” (Omizutori Festival)
เป็นพิธีที่พระสงฆ์จะเรียกเหล่าผู้ฝึกหัดมาสารภาพบาปในแต่ละวันต่อเจ้าแม่กวนอิม
โดยพระสงฆ์จะสารภาพบาปแทนคนที่สร้างมันขึ้นและจะสวดขอพรให้ผู้คนมีความสุขไปพร้อมกัน
ยามที่พระสงฆ์ขึ้นไปบนหอนิกัทสึโด คบเพลิงจะถูกจุดเพื่อทำหน้าที่เป็นแสงสว่างตามทางเดิน
และหลังจากนั้นตอนที่มีการแกว่งคบเพลิง ว่ากันว่าถ้าได้อาบประกายไฟที่ออกมา จะทำให้ปีนั้นทั้งปีสามารถใช้ชีวิตโดยปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ
พิธีนี้จะถูกจัดขึ้นในวันที่ 1-14 มีนาคมของทุกปี
 

วัดโคฟุคุจิ (Kofukuji Temple)
สร้างขึ้นในปีค.ศ. 710 โดยฟูจิวาระ โนะ ฟุฮิโตะ หลังจากนั้น ในฐานะวัดของครอบครัวจึงกลายเป็นวัดที่โอ้อวดอำนาจของฟูจิวาระ 
เป็นเจ้าของสัญลักษณ์ของนาราอย่างเจดีย์ห้าชั้น และสมบัติแห่งชาติมากมาย เช่น รูปปั้นศักดิ์สิทธิ์อาชูร่าที่เป็นที่นิยม
 

ห้องโถงกลางจูคนโด (Chukondo Central Golden Hall)
จูคนโดนั้นเป็นห้องโถงกลางที่ซึ่งมีความสำคัญมากที่สุดสำหรับวัดโคฟุคุจิ หลังจากที่ถูกไฟเผาไหม้ไปถึง 7 ครั้ง
ในปี 2018 ก็ได้มีการบูรณะขึ้นในรอบ 300 ปี
เสาสีแดงขนาดยักษ์ราว 10 เมตรนั้น ถูกสร้างขึ้นด้วยเครื่องมือในแบบเดียวกับยุคสมัยนารา ความเป็นเอกลักษณ์นั้นจึงสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น
มีพระพุทธรูปที่แปะทองคำเปลวลงใหม่ รูปปั้นยะคุโจโบซัทสึ (สมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญ) และรูปปั้นชิเทนโน (สมบัติประจำชาติ) อยู่ด้วยค่ะ
และยังมีหนึ่งเสาที่เป็น “เสาฮอสโซ” เสาที่นักบวชของนิกายฮอสโซเป็นผู้วาด


งานเทศกาล
 
  
“เทศกาลโคมไฟ นาราโทคาเอะ” (Nara Tokae Lantern Festival)
 
เป็นไฮไลท์ตอนกลางคืนของช่วงฤดูร้อนที่จะสว่างสไวไปด้วยเทียนราว 2 หมื่นแท่ง
จะจัดขึ้นในช่วงต้นเดือนสิงหาคมเป็นเวลา 10 วันตามสถานที่ต่างๆ เช่น วัดโคฟุคุจิ วัดโทไดจิ ศาลเจ้าคาสุกะ สวนอุคิกุโมะ สวนอาซาจิกาฮาระ
และศาลาอุคิมิโด เป็นต้น (วันที่และสถานที่สำหรับปีนี้ยังไม่มีกำหนด) 
 
และไม่ต้องสงสัยเลยค่ะ เหมาะกับการถ่ายรูปลงโซเชียลแน่นอน!
 
 
ที่พัก
 
 
โรงแรม Nara Manyo Wakakusa No Yado Mikasa 
ใช้ช่วงเวลาอันแสนผ่อนคลายในที่พักที่สามารถมองเห็นมรดกโลกของเมืองเก่านารา
 
“โรงแรม Nara Manyo Wakakusa No Yado Mikasa” นั้นตั้งอยู่บนเนินเขาของภูเขาวาคาคุสะ ข้างๆ กับมรดกโลกอย่าง “ป่าโบราณคาสึกะยามะ”
สามารถมองเห็นบ้านเมืองนาราได้จากล็อบบี้และในห้องพัก และสามารถสัมผัสได้ถึงความเขียวชอุ่มของเมืองโบราณได้อย่างเต็มที่
 
☆ เว็บไซต์ของโรงแรม (ภาษาอังกฤษ) : http://www.naramikasa.com/lg_en/

.
.

ในบทความถัดไป จะแนะนำเกี่ยวกับย่านนารามาจิ รวมถึงของฝากจากนารา ร้านคาเฟ่เก๋ๆ และร้านค้าที่กำลังอินเทรนด์ค่ะ!

แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่