●● สะดุ้งกันเป็นแถบ...'กกต.'ฟันอาญา'เด็กพรรควันนอร์' รู้ว่าไม่มีสิทธิแต่กลับสมัครส.ส. ●●
5 มี.ค.63 - สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัยกรณีกกต.ได้รับรายงานกรณีมีเหตุ
อันควรสงสัย หรือความปรากฏต่อกกต.ว่า ...
นายวิโรจน์ วัฒนากลาง ผู้สมัครส.ส.เขต 6 นครราชสีมา พรรคประชาชาติ ผู้ถูกกล่าวหา ได้มีการกระทำอันเป็น
การฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา 151 กล่าวคือ...
ผู้ถูกกล่าวหารู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิ
สมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส. ได้สมัครรับเลือกตั้ง เมื่อวัน 24 มี.ค.2562
โดยกกต.พิจารณารายงานไต่สวนตลอดจนพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องแล้วเห็นว่า เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2562
ผู้ถูกกล่าวหาได้สมัครรับเลือกตั้งส.ส. เขต 6 นครราชสีมา โดยผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่เพียงพรรคการเมืองเดียวเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 90 วันนับถึงวันเลือกตั้งตามพ.ร.ป.ว่าด้วย
การเลือกตั้งส.ส. มาตรา 41 (3)
ซึ่งนายทะเบียนพรรคการเมืองได้ตรวจสอบความซ้ำซ้อนของสมาชิกพรรคการเมืองแล้วพบว่าผู้ถูกกล่าวหาได้ชำระ
ค่าบำรุงพรรคเพื่อไทย และเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 2 พ.ย.2561 และสิ้นสุดสมาชิกภาพเมื่อ
วันที่ 25 ธ.ค.2561 ผู้ถูกกล่าวหาได้ชำระค่าบำรุงพรรคพลังปวงชนไทยและเป็นสมาชิกพรรคพลังปวงชนไทย
เมื่อวันที่ 24 พ.ย.2561 และสิ้นสุดสมาชิกภาพเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2561
นอกจากนี้ผู้ถูกกล่าวหาได้ชำระค่าบำรุงพรรคเสรีรวมไทย และเป็นสมาชิกพรรคเสรีรวมไทยเมื่อวันที่ 19 พ.ย.2561
และสิ้นสุดสมาชิกภาพเมื่อวันที่ 2 ม.ค.2562 และผู้ถูกกล่าวหาได้ชำระค่าบำรุงพรรคประชาชาติ และเป็นสมาชิก
พรรคประชาชาติเมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2561 นายทะเบียนพรรคการเมืองจึงได้มีหนังสือแจ้งให้หัวหน้าพรรคประชาชาติ
ทราบและลบชื่อผู้ถูกกล่าวหาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาชาติ
เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาเป็นสมาชิกพรรคการเมืองในขณะเดียวกันเกินกว่าหนึ่งพรรค อันเป็นลักษณะต้องห้ามตาม
พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 9 (5) เป็นเหตุให้ต้องสิ้นสุดสมาชิกภาพทุกพรรคการเมืองที่ซ้ำซ้อนกันตามมาตรา 27 (2) ในพ.ร.ป.ฉบับเดียวกัน
จากการไต่สวนผู้ถูกกล่าวหาให้ถ้อยคำว่าได้ยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย พรรคพลังปวงชนไทย
และพรรคเสรีรวมไทยก่อนสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาชาติ
แต่จากการตรวจสอบสำเนาหนังสือลาออกทุกฉบับระบุวันที่ไว้ไม่ตรงกันกับสำเนาหนังสือลาออกที่พรรคเพื่อไทย
พรรคพลังปวงชนไทย และพรรคเสรีรวมไทยส่งมอบให้ประกอบการไต่สวน
โดยกรณีพรรคเพื่อไทย สำเนาหนังสือลาออกที่ผู้ถูกกล่าวหานำมาแสดงระบุวันที่ 23 พ.ย.2561
แต่สำเนาหนังสือลาออกที่พรรคเพื่อไทยส่งมาระบุวันที่ได้รับหนังสือวันที่ 25 ธ.ค.2561
กรณีพรรคพลังปวงชนไทย สำเนาหนังสือลาออกที่ผู้ถูกกล่าวหานำมาแสดงระบุวันที่ 25 พ.ย.2561
แต่สำเนาหนังสือลาออกที่พรรคพลังปวงชนไทยส่งมาระบุวันที่ 26 ธ.ค.2561
และกรณีพรรคเสรีรวมไทย สำเนาหนังสือลาออกที่ผู้ถูกกล่าวหานำมาแสดงระบุวันที่ 24 พ.ย.2561
แต่สำเนาหนังสือลาออกที่พรรคเสรีรวมไทยส่งมาระบุวันที่ได้รับหนังสือวันที่ 26 ธ.ค.2561
ทั้งนี้พยานหลักฐานจึงฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหารู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติ
หรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส. ได้สมัครรับเลือกตั้ง อันเป็นการฝ่าฝืน
พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา 151 จึงมีคำสั่งให้ดำเนินคดีอาญาแก่นายวิโรจน์.
Cr. :
https://www.thaipost.net/main/detail/58953
●● สะดุ้งกันเป็นแถบ...'กกต.'ฟันอาญา'เด็กพรรควันนอร์' รู้ว่าไม่มีสิทธิแต่กลับสมัครส.ส. ●●
5 มี.ค.63 - สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัยกรณีกกต.ได้รับรายงานกรณีมีเหตุ
อันควรสงสัย หรือความปรากฏต่อกกต.ว่า ...
นายวิโรจน์ วัฒนากลาง ผู้สมัครส.ส.เขต 6 นครราชสีมา พรรคประชาชาติ ผู้ถูกกล่าวหา ได้มีการกระทำอันเป็น
การฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา 151 กล่าวคือ...
ผู้ถูกกล่าวหารู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิ
สมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส. ได้สมัครรับเลือกตั้ง เมื่อวัน 24 มี.ค.2562
โดยกกต.พิจารณารายงานไต่สวนตลอดจนพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องแล้วเห็นว่า เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2562
ผู้ถูกกล่าวหาได้สมัครรับเลือกตั้งส.ส. เขต 6 นครราชสีมา โดยผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่เพียงพรรคการเมืองเดียวเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 90 วันนับถึงวันเลือกตั้งตามพ.ร.ป.ว่าด้วย
การเลือกตั้งส.ส. มาตรา 41 (3)
ซึ่งนายทะเบียนพรรคการเมืองได้ตรวจสอบความซ้ำซ้อนของสมาชิกพรรคการเมืองแล้วพบว่าผู้ถูกกล่าวหาได้ชำระ
ค่าบำรุงพรรคเพื่อไทย และเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 2 พ.ย.2561 และสิ้นสุดสมาชิกภาพเมื่อ
วันที่ 25 ธ.ค.2561 ผู้ถูกกล่าวหาได้ชำระค่าบำรุงพรรคพลังปวงชนไทยและเป็นสมาชิกพรรคพลังปวงชนไทย
เมื่อวันที่ 24 พ.ย.2561 และสิ้นสุดสมาชิกภาพเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2561
นอกจากนี้ผู้ถูกกล่าวหาได้ชำระค่าบำรุงพรรคเสรีรวมไทย และเป็นสมาชิกพรรคเสรีรวมไทยเมื่อวันที่ 19 พ.ย.2561
และสิ้นสุดสมาชิกภาพเมื่อวันที่ 2 ม.ค.2562 และผู้ถูกกล่าวหาได้ชำระค่าบำรุงพรรคประชาชาติ และเป็นสมาชิก
พรรคประชาชาติเมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2561 นายทะเบียนพรรคการเมืองจึงได้มีหนังสือแจ้งให้หัวหน้าพรรคประชาชาติ
ทราบและลบชื่อผู้ถูกกล่าวหาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาชาติ
เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาเป็นสมาชิกพรรคการเมืองในขณะเดียวกันเกินกว่าหนึ่งพรรค อันเป็นลักษณะต้องห้ามตาม
พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 9 (5) เป็นเหตุให้ต้องสิ้นสุดสมาชิกภาพทุกพรรคการเมืองที่ซ้ำซ้อนกันตามมาตรา 27 (2) ในพ.ร.ป.ฉบับเดียวกัน
จากการไต่สวนผู้ถูกกล่าวหาให้ถ้อยคำว่าได้ยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย พรรคพลังปวงชนไทย
และพรรคเสรีรวมไทยก่อนสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาชาติ
แต่จากการตรวจสอบสำเนาหนังสือลาออกทุกฉบับระบุวันที่ไว้ไม่ตรงกันกับสำเนาหนังสือลาออกที่พรรคเพื่อไทย
พรรคพลังปวงชนไทย และพรรคเสรีรวมไทยส่งมอบให้ประกอบการไต่สวน
โดยกรณีพรรคเพื่อไทย สำเนาหนังสือลาออกที่ผู้ถูกกล่าวหานำมาแสดงระบุวันที่ 23 พ.ย.2561
แต่สำเนาหนังสือลาออกที่พรรคเพื่อไทยส่งมาระบุวันที่ได้รับหนังสือวันที่ 25 ธ.ค.2561
กรณีพรรคพลังปวงชนไทย สำเนาหนังสือลาออกที่ผู้ถูกกล่าวหานำมาแสดงระบุวันที่ 25 พ.ย.2561
แต่สำเนาหนังสือลาออกที่พรรคพลังปวงชนไทยส่งมาระบุวันที่ 26 ธ.ค.2561
และกรณีพรรคเสรีรวมไทย สำเนาหนังสือลาออกที่ผู้ถูกกล่าวหานำมาแสดงระบุวันที่ 24 พ.ย.2561
แต่สำเนาหนังสือลาออกที่พรรคเสรีรวมไทยส่งมาระบุวันที่ได้รับหนังสือวันที่ 26 ธ.ค.2561
ทั้งนี้พยานหลักฐานจึงฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหารู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติ
หรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส. ได้สมัครรับเลือกตั้ง อันเป็นการฝ่าฝืน
พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา 151 จึงมีคำสั่งให้ดำเนินคดีอาญาแก่นายวิโรจน์.
Cr. : https://www.thaipost.net/main/detail/58953