No Time to Die เลื่อนฉายยาวไป 25 พฤศจิกายน

หลังจาก COVID-19 พ่นพิษระบาดไปทั่วโลกซึ่งแม้ในอเมริกาเหนือเองดูเหมือนว่าจะยังไม่กระทบกับอุตสาหกรรมภาพยนตร์แต่อย่างใด จากผลงานการทำเงินในบ้านเกินความคาดหมายของ Sonic the Hedgehog, The Call of the Wild และ The Invisible Man ต่อเนื่องกันมา 3 สัปดาห์ติดๆ แต่สำหรับ James Bond ซึ่งอู่ข้าวอู่น้ำสำคัญอยู่ในตลาดยุโรป จีน และเอเชียแปซิฟิคหวั่นเกรงจากผลกระทบดังกล่าวเป็นอย่างมาก นอกจากโรงหนังในประเทศจีนกว่า 7 หมื่นแห่งยังปิดตายอยู่แล้ว ไวรัส COVID-19 ก็กำลังแพร่ขยายการระบาดอย่างรวดเร็วในยุโรปทั้งอิตาลี เยอรมัน ฝรั่งเศส สเปน ทำให้ทาง MGM/Universalตัดสินใจเลื่อนการฉาย James Bond ภาคล่าสุด No Time to Die จากต้นเดือนเมษายนไปเป็นเดือนพฤศจิกายนแทน โดยมีกำหนดการฉายใน UK วันที่ 12 พฤศจิกายนและอเมริกาเหนือวันที่ 25 พฤศจิกายน (กลายเป็นหนังวันขอบคุณพระเจ้าไปเลย)

https://deadline.com/2020/03/no-time-to-die-release-date-moved-coronavirus-mgm-1202873876/

ซึ่งก่อนหน้านี้ทาง MGM/Universal ได้ประกาศยกเลิกการฉายรอบพรีเมียร์รวมทั้งทัวร์เดินสายโปรโมต No Time to Die ในประเทศจีนไปแล้ว และเมื่อวิกฤติไวรัสลุกลามต่อไปยังยุโรปตลาดใหญ่ที่สุดของ Bond จึงจำเป็นต้องประกาศเลื่อนฉายออกไปก่อนเพื่อรอให้สถานการณ์ทั้งดีขึ้น

James Bond 2 ภาคล่าสุดคือ Skyfall ทำเงินทั่วโลก 1,108.5 ล้าน (72.5% มาจากตลาดนอกอเมริกาเหนือ) และ Spectre 880.6 ล้าน (77.3% มาจากตลาดนอกอเมริกาเหนือ)

ในขณะเดียวกันหลังจาก No Time to Die เลื่อนออกไปปุ๊บก็มีหนังรีบเข้ามาจับจองพื้นที่ 10 เมษายนแทนที่ทันทีคือ Trolls World Tour ที่ขยับขึ้นมาจาก 17 เมษายนและ Saint Maud ที่เลื่อนไปจาก 3 เมษายนเนื่องจากต้องการจองพื้นที่สุดสัปดาห์ Easter ให้เชื่อมโยงกับตัวหนังที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับศาสนา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่