เนื่องในโอกาสที่ ภาพยนตร์ 007 James Bond No Time To Die ซึ่งเป็นภาคสุดท้ายของพระเอก Daniel Craig พึ่งเข้าฉายขึ้นโรงกันไปหมาดๆ
หลังจากที่หนังเรื่องนี้ โดนโรคเลื่อนมานาน ในวันนี้ทางทีม Pantip Garage เราจึงอยากจะขอพาทุกท่านมารู้จักกับ Aston Martin ทั้ง 4 รุ่น ใน 007 No Time To Die ภาคนี้กันครับ
คันแรก Aston Martin Valhalla รถ Hypercar ขุมพลังไฮบริด
ด้วยดีไซน์สุดล้ำ และการถ่ายทอดจากสนามแข่ง F1
แถมยังโดดเด่นด้วย เครื่องยนต์ V8 4 ลิตร พ่วงมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลังสูงสุดถึง 950 แรงม้า
มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.5 วินาที และยังเคลมตัวเลขวิ่ง Lap Record ของ Nurburgring ได้ที่ 6:30 นาที
คันที่ 2 Aston Martin DBS Superleggera
ซุปเปอร์คาร์สมรรถนะสูง Falship Model ของแบรนด์ผู้ดีอังกฤษคันนี้
คุณสามารถจับต้องเป็นเจ้าของได้จริง ในงบ 27.4 ล้านบาท
มันมากับขุมพลังเครื่องยนต์ที่ทรงพลัง V12 5.2 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังถึง 715 แรงม้า
0-100 กม./ชม. ใน 3.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 340 กม./ชม.
คันที่ 3 Aston Martin DB5 สุดยอดสายคลาสสิคของ 007 James Bond
ปรากฎตัวครั้งแรกใน 1964 Goldfinger และยังมาโผล่ตัวในอีกหลายๆ ภาค ไม่ว่าจะเป็น Thunderball, GoldenEye, Tomorrow Never Dies, Casino Royale, Skyfall, Spectre และ No Time to Die นี้
นั่นจึงทำให้มีพระเอกหลายคนขับมันมาแล้ว ทั้ง Sean Connery, Pierce Brosnan และ Daniel Craig
ขุมพลังของมันเป็น 6สูบเรียง 4 ลิตร กำลัง 282 bhp
คันที่ 4 Aston Martin V8 Saloon อีกรุ่นสายเก๋า
ปรากฎตัวครั้งแรกในปี 1987 ภาค The Living Daylights นำแสดงโดย Timothy Dalton
ด้วยเครื่องบล็อก V8 5.3 ลิตร ให้กำลัง 432 bhp
เจ้า V8 Saloon ได้ชื่อว่าเป็นรถ fastest four-seat หรือ production car แบบ 4 ที่นั่งที่เร็วสุดในยุคนั้นอีกด้วย
รู้จักกับ Aston Martin ทั้ง 4 รุ่น ใน 007 No Time To Die
เนื่องในโอกาสที่ ภาพยนตร์ 007 James Bond No Time To Die ซึ่งเป็นภาคสุดท้ายของพระเอก Daniel Craig พึ่งเข้าฉายขึ้นโรงกันไปหมาดๆ
หลังจากที่หนังเรื่องนี้ โดนโรคเลื่อนมานาน ในวันนี้ทางทีม Pantip Garage เราจึงอยากจะขอพาทุกท่านมารู้จักกับ Aston Martin ทั้ง 4 รุ่น ใน 007 No Time To Die ภาคนี้กันครับ
คันแรก Aston Martin Valhalla รถ Hypercar ขุมพลังไฮบริด
ด้วยดีไซน์สุดล้ำ และการถ่ายทอดจากสนามแข่ง F1
แถมยังโดดเด่นด้วย เครื่องยนต์ V8 4 ลิตร พ่วงมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลังสูงสุดถึง 950 แรงม้า
มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.5 วินาที และยังเคลมตัวเลขวิ่ง Lap Record ของ Nurburgring ได้ที่ 6:30 นาที
คันที่ 2 Aston Martin DBS Superleggera
ซุปเปอร์คาร์สมรรถนะสูง Falship Model ของแบรนด์ผู้ดีอังกฤษคันนี้
คุณสามารถจับต้องเป็นเจ้าของได้จริง ในงบ 27.4 ล้านบาท
มันมากับขุมพลังเครื่องยนต์ที่ทรงพลัง V12 5.2 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังถึง 715 แรงม้า
0-100 กม./ชม. ใน 3.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 340 กม./ชม.
คันที่ 3 Aston Martin DB5 สุดยอดสายคลาสสิคของ 007 James Bond
ปรากฎตัวครั้งแรกใน 1964 Goldfinger และยังมาโผล่ตัวในอีกหลายๆ ภาค ไม่ว่าจะเป็น Thunderball, GoldenEye, Tomorrow Never Dies, Casino Royale, Skyfall, Spectre และ No Time to Die นี้
นั่นจึงทำให้มีพระเอกหลายคนขับมันมาแล้ว ทั้ง Sean Connery, Pierce Brosnan และ Daniel Craig
ขุมพลังของมันเป็น 6สูบเรียง 4 ลิตร กำลัง 282 bhp
คันที่ 4 Aston Martin V8 Saloon อีกรุ่นสายเก๋า
ปรากฎตัวครั้งแรกในปี 1987 ภาค The Living Daylights นำแสดงโดย Timothy Dalton
ด้วยเครื่องบล็อก V8 5.3 ลิตร ให้กำลัง 432 bhp
เจ้า V8 Saloon ได้ชื่อว่าเป็นรถ fastest four-seat หรือ production car แบบ 4 ที่นั่งที่เร็วสุดในยุคนั้นอีกด้วย